(´¨*♥*´¨):-: SimpliFy Your Life : Just Be Your Self :-:(´¨*♥*´¨)

:: ครั้งหนึ่ง / MeMorY LaNe (ตอนที่ 1) ::



ในช่วงชีวิตของแต่ละคนต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความทรงจำที่ประทับใจ แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านพ้นไปเนิ่นนานเท่าใด เรายังคงเก็บไว้ในที่ของมัน เหมือนกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งของเราเช่นกัน

เมื่อตอนที่จบม.ต้นแล้วได้ไปสอบเข้ามัธยมปลายที่โรงเรียนประจำจังหวัดซึ่งเป็นโรงเรียนสหศึกษาที่มีนักเรียนชาย-หญิงเรียนด้วยกัน

ในเวลานั้นจำได้ว่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ต้องจากเพื่อนเก่าที่มีแต่ผู้หญิงล้วนซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดเช่นเดียวกัน
แต่อีกทางหนึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโก้เก๋เหลือเกินที่มีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนชื่อดัง ที่มีนักเรียนสอบโควต้าภาคเหนือเข้าม.ช.ได้เป็นที่หนึ่งของภาค

ดัวยเหตุนี้กระมังที่ทำให้เราทั้งสองคนได้เจอกัน ไม่เช่นนั้นก้คงไม่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นตามมาได้เลย


นานแล้วไม่ได้เจอได้ข่าวว่าเธอสบายดี
รู้ข่าวจากคนโน้นคนนี้
ไม่เจอกันสักทีเนิ่นนาน
พอรู้ว่าเป็นอย่างนั้นก็สบายใจ
ไม่ได้พบกันเสียนาน
เกือบยี่สิปปีนานเหมือนกันนะนี่
ไม่มีการสื่อสาร
นึกถึงเมื่อครั้งวันวาน
ตอนที่รู้จักกันนั่นไง


ฉันเป็นฝ่ายแอบมองเธอก่อน
จนเพื่อนๆแอบเอามาล้อเล่นจนได้
จำได้ว่าเคยสบตาครั้งใหญ่
ต่างคนต่างไม่กล้ามอง
เป็นความรุ้สึกที่แปลกดี
ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใคร
ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหว
ที่ต้องสบตากับใครจริงๆ


ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั่น
ไม่คิดว่าไกลเกินการที่จะต่อเนื่องได้
เพราะการโดนล้อนั่นไง
เลยต้องเหนียมอายเรื่อยมา

ก็รู็สึกว่าแปลกดี
รู้ว่าข้างๆนั้นมีคนมามาทางฉัน
มองมาทางข้างๆกัน
มาทำให้หวั่นในใจ
บางครั้งรู้สึกประหม่า
ไม่ค่อยกล้าให้สายตาประสานตากัน


 ต่างรู้ว่ามีภาระเรื่องการเรียนหนักมากกว่าไม่ค่อยกล้าแสดงตัว
ทั้งที่ในใจสับสน หรือเป็นเราะวัยเริ่มต้น ต่างก็สับสนกันไป เธอยังเป็นคนขี้อาย หรือจะเป็นเพราะวัยของเรา ไม่ใช่หรอกนะเราต่างกันเพียงปีเดียวเท่านั้นเอง


คงเป็นเพราะเธอเป็นรุ่นน้องต่างหากล่ะ ความกล้าที่มีจึงน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น หรืออาจเป็นเพราะตัวเธอเองเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ใช่ทุกกรณี
เป็นเพราะฉันเองที่เป็นคนกล้ามากไปต่างหากเล่า


จำได่ว่าเราเคยสบตากันอย่างจังโครมใหญ่ที่โรงอาหาร ต่างคนต่างก็ตกใจ และต่างอายเช่นกัน คราวนี้หล่ะเริ่มเป็นเรื่องขึ้นมาแล้ว เพราะบรรดาเพื่อนๆในห้องของฉันเริ่มล้อฉันอย่างจริงจังมากขึ้น



ชีวิตยังคงดำเนินต่อไปเพราะมีภาระที่หนักอึ้งอยู่บนบ่า การสอบโควต้าภาคเหนือ กาลเวลาไม่ได้ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น ต่างก็รู้ว่ามองไปที่ไหนก็มีสายตาของเราจับจ้องกันอยู่ ไม่อย่างนั้นเราจะได้สบตากันหรือ ณ เวลานั้นชีวิตไม่ควรจะทำอะไรมากไปกว่าการเรียน เราต่างก็มีจุดหมายที่ไม่ต่างกัน


ในช่วงเวลานั้นเคยเจอกันบ้าง ก็เราเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันนี่แต่ก็ไม่เคยคุยกันเพราะเธอเริ่มรู้ตัวว่ามีสายตาคู่อื่นมองอยู่ แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ในใจเธอรู้ดีมีว่าฉันมองอยู่ ในที่ต่างเราก็รู้กัน เธออยู่ในที่สว่างกว่าฉันเพราะเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล บังเอิญเราอยู่สีเดียวกัน เพราะหน้าตาของเธอทำให่มีสายตาหลายคู่ต่างจ้องมองมาที่เธอ ไม่แปลกที่นักกีฬาจะมีสาวๆเข้ามาในชีวิต อย่างเธอก็เช่นกัน สำหรับฉันไม่ได้รู้สึกอะไร ชีวิตของใครก็ของใคร รู้ว่าใจตอนนั้นได้แอบมองเธออยู่เงียบๆ


เนิ่นนานวันถึงแม้ผู้คนในห้องของฉันเริ่มรู้กันมากขึ้น ไม่แปลกเลยคนหน้าตาดีอย่างนี้ ใครๆก็ชอบ แล้ววันหนึ่งก้มีเรื่องให้ชีวิตฉันมีเรื่องราวมากขึ้น กว่าที่เคยเป็น ในเวลานั้นฉันอยู่ชมรมถ่ายภาพ และที่ชมรมมีงานให้ถ่ายรูปกีฬาสีไปส่ง เลยสบโอกาสถ่ายรูปเธอได้มากมาย หลายรูปเป็นธรรมชาติ  ส่วนใหญ่เป็นรูปที่กำลังเล่นกีฬา

ในช่วงเทอมต้นที่โรงเรียนของเรามีกีฬาสี ด้วยเหตุนี้เอง สายตาฉันได้มีโอกาสจับจ้องเธอได้มากกว่าใคร ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป กล้องส่องทางไกล เห็นไหมฉันมีวิธีจ้องมองเธอได้อย่างมากมาย โดยที่ใครๆไม่มีทางรู้เลย ไม่เห็นน่ากลัวเลยฉันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนใช่ไหม แล้วจะเกรงกลัวอะไร เธอยังไม่เดือดร้อนเลย


เขียนโดย

KoP@i




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2552    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2567 16:24:35 น.
Counter : 634 Pageviews.  

:: เ ห มื อ น เ ดิ ม/ Never Changing ::


ทุกวันผ่านเลยไป
ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว..เหมือนเคย
ทุกสิ่งยังคงนิ่งเฉย
เหมือนดั่งไม่เคยมีอะไร


ทำไมต้องเป็นฝ่ายเริ่ม
ให้เธอเหิมเกริมอย่างนี้ใช่ใหม
เพื่อเรียกร้องให้เธอสนใจ
ไม่ว่าจะทำอะไรลงไป
.
.
เหมือนคุณค่าลดลงไปทุกที



คงเพียงพอแล้วกับความคิดถึง
ที่อีกคนไม่เคยคำนึง
มันจึงยังคงอยู่กับที่
เพราะส่งไปให้กับคนที่ไม่ใยดี
.
.
คุณค่าที่เคยมีเริ่มถดถอยลง


อยากรู้อยู่เหมือนกัน
ว่าคุณนั้นคิดกับฉันอย่างไร
เคยคิดถึงกันบ้างไหม
ไม่ต้องทุกวันก็ได้
.
.
คิดถึงมากเกินไปก็ไม่ค่อยจะดี


เพียงแค่คิดว่าขาดความอบอุ่นใจ
ในวันที่ขาดคนไกลเหมือนที่เคยมี
ไม่จำเป็นต้องมาใยดี
.
.
เพราะรู้ดีว่าต่างฝ่ายมีหน้าที่และงานต้องทำ



KorP@i




 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 1 มีนาคม 2554 17:46:25 น.
Counter : 315 Pageviews.  

:: The Bus Number 11 :: ( ตอนที่ 1 )





โชคชะตาหรือว่าบังเอิญ


ทุกครั้งที่เห็นรถเมล์วิ่งผ่านยังอดนึกขำถึงเรื่องราวเก่าๆไม่ได้ จะว่าไปเมื่อปี 2539 ดูเหมือนเพิ่งจะผ่านพ้นจากชีวิตมาไม่นานเท่าไหร่ ตรงกันข้ามเรื่องราวบนรถเมล์ต่างหากล่ะ ที่ยังน่าจดจำอยู่ไม่น้อยเลย นานๆทีที่จะได้ทักทายคนที่โดยสารบนรถเมล์โดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้ตั้งใจจะมีสักกี่ครั้งในชีวิตล่ะที่ทำให้คนเราได้รู้รู้จักคนแปลกหน้าเพิ่มขึ้น



ถ้าไม่ใช่ความบังเอิญ มาทักทายกับโชคชะตา ได้ถูกที่ถูกเวลา หรือว่าผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความบังเอิญที่เกิดขึ้นกับฉันเริ่มจากเย็นวันหนึ่งมีงานสังสรรค์ของคลื่น F.M Smooth 105 ที่ตอนนั้นเป็นขาประจำฟังเพลงสากลแบบสบายๆจากหน้าปัดวิทยุ


ทุกเดือนที่คลื่นนี้จะมีการนัดสังสรรค์พบปะกันระหว่างดีเจ กับผู้ฟังทางบ้าน ทางคลื่นปาร์ตี้จัดอยู่เดือนละครั้ง ด้วยความชอบโดยส่วนตัวของฉันเอง เมื่อเพื่อนๆไม่ชอบเพลงสากล เลยต้องไปเองคนเดียวไม่มีเพื่อนๆไปด้วยเพราะไม่มีใครเค้ามาฮิตฟังคลื่นภาษาอังกฤษเหมือนฉันเลยซักคน ไม่เป็นไรสำหรับฉันแล้วเพื่อนหาเอาข้างหน้าได้เสมอ


มาคราวนี้จัดที่แถวๆสุขุมวิท 22 ที่โรงแรมอิมพิเรียลควีนส์ปาร์ค พอใกล้งานเลิกฉันรีบเดินออกจากโรงแรมอิมพิเรียลควีนส์ปาร์ค ออกมาก่อนที่ฝูงชนจะออกมาพร้อมๆกัน เลยเลี่ยงออกมาก่อนเป็นการหลบหลีกฝูงชนทุกครั้งที่ไปงานมักจะออกมาก่อนเวลา หรือไม่ก็รอให้คนอื่นๆออกมาก่อน การไปเที่ยวคนเดียวแบบนี้ควรออกมาก่อนเวลาจะดีกว่า และไปจัดที่ไกลบ้านด้วย ต้องบวกระยะเวลากลับบ้านไม่ให้มืดค่ำเกินไปนัก


แม้คิดว่าออกมาจากงานก่อนใคร ยังอดเหลือบเห็นคนอื่นวิ่งมาที่ป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดก่อนอีก ตอนที่อยู่ในงานไม่รู้เลยว่ามีฝนตกอยู่ข้างนอก พอออกมาข้างนอกถึงรู้ว่ามีฝนตก ฝนเริ่มซาเม็ดลงเรื่อยๆ ยังดีนะที่โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์เท่าไหร่


ไม่นานนัก รถเมล์สายหลักจากป้ายนี้ มาพอดี ฉันลิงโลดยิ่งนักเมื่อเห็นรถปรับอากาศสาย ปอ.11 ปากน้ำ-ปิ่นเกล้ามาพอดี ก่อนรถจอดรับผู้โยสารที่ป้าย ยังแอบนึกอยู่ในใจว่า ขอให้มีที่นั่งเถอะนะ ไม่อยากยืนเลย เพราะต้องนั่งยาวเลยกว่าจะถึงที่หมาย วิ่งขึ้นไปลุ้นๆอยู่เหมือนกันว่าจะมีที่นั่งหรือเปล่ากว่าจะไปถึงบ้านที่ปิ่นเกล้า ถ้าต้องยืนโหนบนรถเมล์ความไกลของระยะทางจากสุขุมวิทกว่าจะถึงปิ่นเกล้าก็โหดพอดู


พอก้าวเท้าขึ้นไปบนรถมองไปด้านหลังเห็นเบาะว่างอยู่ที่หนึ่ง ทางฝั่งขวามือด้านหลัง เมื่อขึ้นรถแล้วเลี้ยวขวา เหลือบมองไปด้านหลังเห็นที่นั่งด้านหลังรถถัดขึ้นมาสองเบาะยังว่างอยู่ ฉันเดินปรี่เข้าไปทันที โชคดีที่มีคนขึ้นมาจากป้ายคือฉันเพียงคนเดียว กวาดตามองหาที่นั่งด้วยมุมมองกว้างๆ ว้าว..ท่าทางจะมีที่นั่งทางด้านหลังรถ เห็นที่ว่างข้างหน้าต่างรถ ข้างๆกันมีชายหนุ่มใส่แวนตานั่งข้างๆอยู่ พอดูท่าว่าฉันจะเข้าไปนั่ง เขาก็กระเถิบไปนั่งฝั่งหน้าต่าง เพื่อให้ฉันได้นั่งได้สะดวกขึ้น


“ขอบคุณค่ะ” เป็นคำแรกที่ออกจากปากของฉัน ต่อคนที่มีน้ำใจแบ่งที่ให้นั่ง ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมผงกให้หัวเล็กน้อยก่อนหย่อนนั่งลงข้างๆกัน พอนั่งรถไปได้สักพัก ฝนข้างนอกเริ่มขาดเม็ดแล้ว ไม่นานนักเห็นคนนั่งข้างๆขยุกขยิกตัวหาหลบน้ำที่หยดลงมาจากช่องแอร์ข้างบน คราวนี้ถึงบางอ้อแล้วว่าทำไมในตอนแรก เขาผู้นั่งข้างฉันในตอนนั้นไม่นั่งริมหน้าต่างระหว่างที่ไม่มีใครมานั่งข้างๆ เพราะช่องแอร์ฝั่งที่ติดหน้าต่างรั่วนี่เอง
อดนึกขอบคุณคนข้างๆไม่ได้ เมื่อเห็นอีกคนเสียสละให้ที่อย่างนั้น พอเห็นเขาหลบน้ำจากช่องแอร์ ฉันค้นกระดาษทิชชูในกระเป๋าของตัวบ้างพร้อมยื่นกระดาทิชชูให้เขาเช็ดน้ำที่หยดมาเปียกกระเป๋าเอกสารสีน้ำตาลบนตัก“ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยพร้อมรับกระดาษชำระจากมือฉันพร้อมๆกับรอยยิ้มเค้าเริ่มชวนคุยก่อน


หลังจากที่นั่งดูเชิงกันพักหนึ่ง“ทำงานแถวนี้เหรอครับ ”ว้าว..พ่อหนุ่มหน้าตี๋ใส่แว่นตาคนนั่งข้างๆ ทักฉันก่อน คราวนี้ฉันหันไปสบตาพร้อมบอกว่า“เปล่าคะ..พอดีนัดเพื่อนไว้แถวนี้ค่ะ ” ไม่รู้ตัวเองว่ามุสาไปซะตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ใครจะไปบอกกันตรงๆว่ามาปาร์ตี้ของคลื่นวิทยุ ในฐานะแฟนคลับน่ะ ไม่ได้หรอกนะเสียหายหมด


พอรถวิ่งไปซักพักเลยรู้ว่า เริ่มเข้าแยกราชประสงค์ เลี้ยวไปทาง World trade Center ในขณะนั้น เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาเป็น CTW Central World แล้ว ระหว่างที่รถเริ่มเลี้ยวเข้ามาจอดที่ป้าย หน้าห้างฝั่ง Zen เราเริ่มคุยกันมากขึ้น เลยรู้ว่าเขาทำงานอยู่ที่ บริษัท National and Panasonic เป็นของคนญี่ปุ่น สำนักงานใหญ่อยู่แถวๆบางนา



หลังจากที่คุยกันเลยได้รู้รายละเอียดว่าทำไมศกร์นี้ เขากลับบ้านค่ำกว่าทุกศุกร์ พอดีวันนี้ไปทานข้าวกับผู้ใหญ่ที่เป็นหัวหน้างานที่บริษัท เลยเลิกเย็นกว่าปกติ เสาร์-อาทิตย์จะกลับบ้านที่ปิ่นเกล้าครั้งหนึ่งเพราะที่บ้านมีพี่สาวและแม่พักอยู่ที่นั่น เพราะที่ทำงานไกลบ้านเดินทางไปไกลมากลำบาก เลยต่องอยู่หอพักใกล้ๆ ที่ทำงาน“ผมเป็นเด็กทุนมอนบุนโชครับ”




เขียนโดย



KorP@i




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2552    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2567 12:57:13 น.
Counter : 383 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

chabori
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




(*♥*´¨) :-: SimpliFy Your Life : Just Be Yourself :-: (*♥´¨)




Everyday is means to me:-)
..................o°o
.................O....°
............o°°O.....o
...........O..........O
............° o o o O
......................★
...................★
...............★
...........★
........★
....★
.★
*♥´¨)
¸.-´¸.-♥´¨) ¸.-♥¨)
(¸.-´ (¸.-` ♥♥´¨) ♥.-´¯`-.- ♥
«-(¯`v´¯)-» KorPai «-(¯`v´¯)-»


***************************

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Share |
Total คน
(online)
"ทรายทุกเม็ดมีค่า ทุกครั้งที่มันร่วงลงมา เปรียบเสมือน กาลเวลา ที่ล่วงเลย
(¯`v´¯)-» Welcome To KorP@I Blog«-(¯`v´¯)-
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chabori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.