Walking with me ... Walking with Kornnapa
Group Blog
 
All Blogs
 
Walked @ Hanoi_2009

Walked @ Hanoi_2009

ได้ตั๋ว โปร 0 บาท มาอีกละ ไปกลับคนละพันแปดเองมั้ง ...

-------- วันศุกร์ -----------

มุ่งหน้าสู่ ฮานอย ... เย้ เย้ เย้ ....



เดินทางเช้า ไปถึงที่พักก็ประมาณบ่ายๆ ฝนตกซะงั้น พอฝนซาๆ ก็ไปเดินเล่นกัน วุ่นวายน่าดู ... มอเตอร์ไซค์เอย จักรยานเอย สามล้อเอย ... ไม่สามารถข้ามถนนได้เอง ต้องอาศัยพี่หมาดำเดินจูงตลอดเลย วุ่นวายมากมาย

ปัจจัยในการเดินทาง ที่พักเป็นโรงแรมสองดาว ก็โอนะ พอได้อยู่ สำหรับเราที่เคยพัก Hostel แบบหอรวมก็รับได้ สบายมากมาย



วันเสาร์ จองทริปทัวร์ไปฮาลองเบย์ ออกเดินทางแต่เช้า เห็นเค้าบอกนั่งรถนานเลย แค่คิดก็เมื่อยแล้วอ่ะ ... ออกไปเดินสำรวจตลาดกัน แต่ไปได้ไม่นานก็กลับ ฝนตกอีกละ ... วันนี้ก็เข้านอนกันละกันนะ

แล้วเจอกัน ฮาลองเบย์ ...

---- วันเสาร์ ----------

ตื่นแต่เช้า ทำไมอากาศมันครึ้มๆ อย่างนี้น้อออ ...
บรรยากาศตอนเช้า ไม่วุ่นวายมากนัก รถยังไม่เยอะเลย
ถ่ายจากบนรถมินิบัส เลยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่




นั่งกินแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เราก็ไปนั่งยองมาแล้ว ได้บรรยากาศไปอีกแบบ



บนรถก็มีเพื่อนร่วมทางเยอะเลย มีคนไทยทั้งหมด(รวม หมาดำ กับ หมูขาว) ศิริรวมแล้ว เจ็ดคน ... มีคู่แต่งงานหนึ่งคู่ น่ารักดี แล้วก็มีสาวสามคน พูดม๊ากมาก คำว่าพูดมากกับช่างพูดนี่มันต่างกันจริงๆนะ เรานั่งข้างๆสาว ญี่ปุ่นคนนึง เป็นนักเปียโน ชื่อ ยูริ น่ารักแต่ขี้อายไปนิด

เนื่องจากกฏหมายบ้านเค้า ขับรถได้ไม่เกิน 80 หรือ 90 km/hr ก็เลยทำให้การเดินทางช้ามากมาย ... แวะที่จุดพักรถ ก็มีรานค้าขายของที่ระลึก เราก็ไปเดินดูบรรยากาศโดยรอบ สวยดีนะ มันแบบว่าสดชื่นๆ เจอสองสาวปั่นจักรยาน ไม่รู้ไปไหนกัน



บรรยากาศหลังฝนตก สดชื่นสุดๆเลย



มาถึงท่าเรือแล้ว เรือจอดเต็มไปหมด นักท่องเที่ยวก็เยอะจริงๆ เรือที่จะพาเราไปสู่ อ่าวฮาลอง .. ฟ้าครึ้มเชียว อากาศเย็นด้วย



ล่องเรือแล้วก็มีอาหารกลางวันให้ทานด้วย เรานั่งทานกับคู่แต่งงานคนไทย คุยกันถูกคอเชียว คู่นั้นเค้าก็ชอบเที่ยวเหมือนกัน น่ารักดี
ล่องเรือไปสักพัก ก็แวะเที่ยวถ้ำ ถ้ำไรไม่รู้แต่ดูเหมือนไม่เป็นธรรมชาติเลย มีเปิดไฟ สีๆ ภายในถ้ำด้วยอ่ะ ยูริกะน้องสาวตื่นเต้น อุทาน สุโค่ย ๆ กันใหญ่




ออกเดินทางกันต่อ ลมแรงแถมฟ้าครึ้มอีกต่างหาก



บรรยากาศบนดาดฟ้าเรือ สวยและสดชื่น อากาศดีมากๆ



จอดเรือให้ชมความงามกัน





สวยดีแต่รู้สึกเฉยๆ เพราะเดินทางไกลไปหน่อย แล้วก็นั่งเรือเฉยๆ มันไม่มีอะไรทำ ล่องเรือเสร็จก็นั่งรถกลับ เหนื่อยมากๆเลย ... กลับมาอาบน้ำ แล้วก็ออกไปหาอะไรกินกัน มื้อนี้ขอตามใจน้องหมูขาว เฝอแบบนั่งยอง ... อร่อยดี ได้บรรยากาศสุดๆ ... สงสัยหน้าตาเราจะเหมือนคนเวียดนามจริงๆ เพราะไปไหนก็มีแต่คนพูดภาษาเวียดนามด้วย กลมกลืนจริงๆ

เฝออออ สุดอร่อย



เสร็จแล้วก็ไปเดินซื้อกาแฟกัน หอมดีแต่พอดีเราไม่กินกาแฟ พี่มูดำก็เลยซื้อคนเดียวเลย กลับโรงแรม นอนหลับฝันดี


------ วันอาทิตย์ -----------

ตื่นแต่เช้า กะว่าจะไปรอคิวที่สุสานลุงโฮฯ เพราะเค้าบอกว่าคนจะเยอะ เมื่อคืนตอนกลับโรงแรม แวะคุยกับน้องเจ้าของโรงแรม เค้าสอนภาษาเวียดนามให้ด้วย ส่วนเราก็สอนภาษาไทยให้เค้า จดให้กันแบบ คาราโอเกะ เลยล่ะ ส่วนมากเราก็ให้เค้าสอนเรื่องตัวเลขกับการต่อรองราให้ น้องเค้ายังชมด้วยนะ ว่าเราออกเสียงเหมือนเจ้าของภาษาเลย

แต่ก็ไปสายจนได้ เพราะมัวแต่เดินหาตู้ ATM กดเงินแล้วก็เดินหา Taxi ไปที่สุสานลุงโฮฯ ไปถึงจนได้ แถวยาวมากๆเลย กว่าจะเข้ามาได้ ส่วนที่เป็นอาคารสี่เหลี่ยมก็คือสุสานของลุงโฮฯ ซึ่งจะต้องฝากกล้องไว้ ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด พอเข้าไปด้านใน รู้สึกขนลุกเลย มองไปเห็นร่างของลุงโฮฯนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงแก้วเปิดโล่ง รู้สึกเหมือนว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่นอนหลับพักผ่อนเท่านั้นเอง โดยรอบโลงศพมีทหารยืนคุ้มกันรอบด้าน ทำให้รู้ว่า ชาวเวียดนาม รักและบูชาลุงมากแค่ไหน ...

ออกมาจากสุสานก็มารับกล้องที่ฝากไว้ แล้วก็ถ่ายรูปได้แล้ว



เดินเขาไปก็จะเป็นบ้านแบบนี้ น่าจะเป็นตึกทำงานของท่านนะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน



บ้านที่ลุงอาศัย สมถะ และเป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ คนเยอะเลยไม่ได้ต่อคิว



เสร็จแล้วก็เดินกลับกัน เราจะไปวัดกัน คู่แต่งงานคนไทยแนะนำมา ว่าต้องไปให้ได้ .......



ถึงวัดแล้ว ต้องซื้อบัตรเพื่อเข้าชม เจอสาวเวียดนามคนนึงหน้าตาดี แต่งตัวไฮโซมาก ๆ แต่ไม่ยอมเข้าแถวซื้อบัตร มายืนแทรกแถวอยู่ได้ เราเลยบอกหล่อนว่า ขโทษคิวอยู่ด้านหลัง หล่อนก็ thank you แต่ยังยืนแทรกอยู่ จนเจ้าหน้าที่มาด่า เธอถึงยอมไป อะไรก็ไม่รู้เนาะ

บรรยากาศภายในวัด วันนี้เหมือนเด็กๆเค้าจะเรียนจบ แล้วมีพิธีรับใบประกาศฯแนวๆนั้น .. จะว่าไปให้เราไปใส่ชุดแบบนี้ก็คงกลมกลืนเหมือนกันเนาะ



เหมือนป่าว



ที่จ้องๆเนี่ย อ่านไม่ออกหรอกนะ



เสร็จแล้วก็เดินเล่นและหาข้าวกลางวันกินกัน ตอนเย็นก็ไปดูหุ่นกระบอกน้ำกัน น่ารักดีเหมือนกันนะ แต่ละประเทศก็มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ถ้าเราเปิดใจเราก็จะเห็นสเน่ห์ของประเทศนั้นๆ

นั่นเป็นเหตุผล ที่เราดิ้นรน เพื่อจะมีทริปไปต่างประเทศ ยังงัยล่ะ



จบจากดูหุ่นกระบอกน้ำ ก็มาแวะซื้อของฝาก ร้านนี้เจ้าของร้านน่ารักดี พูดไทยได้ด้วยนะ ...



ส่งท้ายด้วยรูปนี้
แทบจะแยกไม่ออกว่าคนไหนสาวไทย คนไหนสาวเวียดนาม




ใครมีโอกาสไปฮานอย ก็อย่าลืมไปอุดหนุนพี่สาวคนนี้ด้วยนะคะ


จบทริปแล้วจ้า


Create Date : 21 ตุลาคม 2553
Last Update : 23 ตุลาคม 2553 22:32:28 น. 0 comments
Counter : 782 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kornnapas
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบเที่ยวเป็นอันดับหนึ่ง ... เรารักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ เหมือนเป็นการค้นหาตัวเองและได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ เพราะหน้าที่ การทำงาน และความรับผิดชอบ ทำให้มีข้อจำกัดในการเดินทางท่องเที่ยว แต่เราก็ยังมีความฝันและจะเดินทางต่ไป

อ่านหนังสือเป็นอันดับสอง ... ชอบหนังสือแนวๆบันทึกการเดินทาง เพราะเป็นแรงบันดาลใจในการเดินทาง

อันดับสาม ... K POP และ Series Korea เป็นการคลายเครียดส่วนตัว ^_^
Friends' blogs
[Add kornnapas's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.