Group Blog
 
All blogs
 
ใบไม้เปลี่ยนสี @ จิ่วไจ้โกว 1

แรกเริ่มเดิมทีเราตั้งใจไว้อย่างมากๆ ว่าตุลานี้ เกาหลีเท่านั้นที่เราจะไป แต่จากข้อมูลถ้าอยากเห็นใบไม้เปลี่ยนสีแบบสวยสุดๆ ต้องเป็นประมาณปลายๆ เดือนตุลาเลย ซึ่งเวลานั้นเราไม่สามารถ เพราะมันติดกินเจ สรุปคือว่า ไปใหนก็ได้แต่ต้องกลับมาทันก่อนกินเจ…ทำเอาเส้า & เซ็งไปเลย…ฝากไว้ก่อนนะ “เกาหลี” ที่รัก ^o^

ทีนี้หลังจากกินแห้วเกาหลีแล้ว เราก็เลยมองๆ หาข้อมูลดูซิว่ามีที่ใหนอีกหว่าที่สวยๆ ประมาณว่า ตุลานี้ถ้าตรูไม่ได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี ตรูต้องตายแน่ๆ 555 … ว่าแล้วมันก็คงเป็นเหมือนชะตาลิขิต เพราะตอนเปิดๆ ดูโฆษณาทัวร์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ สายตามันก็มองไปเห็นโฆษณาของบริษัทนึง เค้าใช้รูปต้นเมเปิ้ลเป็นแบคกราวด์ ตาอีชั้นก็โตหนะสิ… ที่ใหนวะ มีใบเมเปิ้ลด้วย สนใจ สนใจ… ลองอ่านดู อ่อ…เขาเรียกที่นั่นว่า “จิ่วไจ้โกว” แล้วพอดูๆ ไปเรื่อยๆ … เอ๊า…ทัวร์ใหนๆ ในหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ก็ไปกันแต่จิ่วไจ้โกว…อะไรกันเนี่ยะ แถมบอกอีกว่าช่วงตุลาคือช่วงที่สวยที่สุดอีกต่างหาก

เลยเริ่มลองเสิร์ชหาข้อมูลดู ปรากฎว่า…กรี๊ด…สวรรค์…สวยจริงๆ อะ รูปในกี่กระทู้ กี่กระทู้ ก็สวยไปหมด ไม่ว่าฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือฤดูหนาว ก็สวย สวยกันคนละแบบ มีทั้งใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขา ทะเลสาบ และหิมะ ในห้องนักเล่นกล้อง บางคนถึงกับบอกว่า ที่จิ่วฯ หนะ กดๆ ไปเถอะ ถ่ายยังไงก็สวย ซึ่งเราเห็นด้วยอย่างแรง ตกลงใจหลังจากนั้นเลยว่า เอาละวะที่นี่หละที่อิชั้นต้องการ

จากนั้นก็เริ่มมองหาข้อมูลว่าไปช่วงวันใหนดี ไปกับทัวร์ใหนดี จากข้อมูลที่หาได้ในเวลาจำกัด ก็ได้ความว่าวิธีไปจิ่วฯ มีหลายวิธี แต่ส่วนใหญ่ในช่วงเดือนตุลาจะมีทัวร์ 2 เส้นทาง และมีวิธีเดินทางไปประมาณ 2-3 วิธี คือ

เส้นทางแรก ไป เฉิงตู – จิ่วไจ้โกว – หวงหลง – ง้อไบ้ – เล่อซาน
เส้นทางสอง ไป เฉิงตู – จิ่วไจ้โกว – หวงหลง – ภูเขา 4 ดรุณี


โดยแต่ละเส้นทาง วิธีไปคือ บินการบินไทยตอนกลางวัน ไปแล้วพัก 1 คืนก่อนลุยเข้าจิ่วฯ หรือ บินสายการบินจีนตอนดึกๆ หลังเที่ยงคืน ไปถึงก็ลุยเข้าจิ่วฯ เลย ซึ่งการนั่งรถเข้าจิ่วนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 10-12 ชั่วโมง (รวมเวลาแวะพักตามจุดต่างๆ) นอกจากนี้ ถ้าใครไม่อยากนั่งรถนานๆ ก็มีทัวร์แบบบินจากเฉิงตูเข้าจิ่วฯ ด้วย ซึ่งสอบถามจากไกด์จีนทีหลัง เค้าบอกว่าถ้าบินเข้าจิ่วฯ แล้ว นั่งรถอีกแค่ 2 ชม. ก็ถึงเขตอุทยานจิ่วไจ้โกวแล้ว แต่หลายคนบอกว่าต้องเสี่ยงกับสภาพภูมิอากาศด้วย ถ้าอากาศปิดก็บินลงไม่ได้ ซึ่งอันนี้ตอนที่จองทัวร์ใครๆ ก็คงไม่อยากเสี่ยง แล้วทัวร์ที่เค้าไม่ได้ขายแบบนี้เค้าก็คงไม่แนะนำ ในทางกลับกันทัวร์ที่ขายแบบนี้ก็คงบอกว่าไม่ค่อยมีปัญหา แต่เราถามไกด์จีนตอนหลัง เค้าบอกว่ามันขึ้นกับแต่ฤดูกาลที่เราไป ถ้าช่วงฤดูหนาวก็ความเสี่ยงสูงหน่อยที่อากาศจะปิด แต่ถ้าช่วง กันยา-ตุลา ก็ความเสี่ยงน้อยหน่อย เราให้เค้าประมาณ เค้าก็บอกว่า ความเสี่ยงน่าจะอยู่ที่ประมาณ 30% … อืมมม…ถือว่าสูงใช้ได้ ถ้าไปแล้วไม่ได้ลง คงเสียอารมณ์น่าดู เราถามว่าแล้วถ้าไม่ได้ลงหละ ทำไง เค้าก็บอกว่าแล้วแต่ตกลงกับกรุ๊ปทัวร์ จะรอบินไปใหม่ หรือ เปลี่ยนแปลงโปรแกรม (แต่ถ้าถามว่า ณ ตอนที่กลับมาแล้ว ถ้าจะให้ไปใหม่ เราก็ว่ามันน่าเสี่ยง เพราะประหยัดเวลาไปได้มากอยู่ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ)… ส่วนทางด้านการนั่งรถ หลายๆ คนก็คอนเฟิร์มว่านั่งรถดีกว่า วิวสวยมากๆ ซึ่งเราดูจากรูปแล้ว มันก็น่าจะจริง ไอ้คนใฝ่หาธรรมชาติอย่างเรามีรึจะยอมพลาด… เอาวะ นั่งรถก็นั่งรถ เป็นไงเป็นกัน

เส้นทางที่เราสนใจคืออันที่มีภูเขา 4 ดรุณี เพราะดูๆ แล้ว ที่ง้อไบ้+เล่อซาน ไม่ค่อยน่าสนใจ เราอยากไปที่เป็นวิวธรรมชาติมากกว่า แล้วดูจากรูป ที่ภูเขา 4 ดรุณ เป็นเส้นทางภูเขา มีหิมะด้วย… สวย!

ส่วนเรื่องช่วงเวลาที่ไป จากข้อมูลเราประมวลว่าที่จิ่วไจ้โกว ประมาณหลังวันที่ 20 ตุลา น่าจะสวยที่สุด แต่ยังไงเราก็ไปช่วงนั้นไม่ได้อยู่แล้ว เลยต้องเลือกทัวร์ที่ไปประมาณ 10 กว่าๆ เพื่อให้กลับมาทันกินเจ แล้วก็คิดว่าถึงไม่สวยที่สุด แต่มันก็พอมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ดูบ้างละหน่า ยังไงก็ต้องสวยกว่าไปเกาหลีในช่วงเดียวกันอยู่แล้ว หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็คือถ้าไม่เปลี่ยนสีเลย จิ่วฯ ก็ยังคงสวยแบบจิ่วฯ นั่นเอง น่าจะรับได้

เล็งไปเล็งมาก็ได้มา 4 ทัวร์ ที่มีเวลาดีสำหรับเรา มีทั้งแบบไปสายการบินจีนและการบินไทย ตอนแรกๆ เลย เราชวนป๋าไปด้วย แต่ป๋าบอกว่าไม่ไป เราเลยกะว่าไปการบินจีนละกัน ออกช้ากว่าทัวร์ที่ไปบินไทย แต่กลับมาถึงพอๆ กัน ที่สำคัญ ถูกกว่าบินไทย ฮี่ๆ… เราลองเลือกติดต่อบริษัทที่พอจะคุ้นๆ ชื่ออยู่บ้างก่อนละกัน แต่พอติดต่อไปทางเมล์ เหอๆๆ ไม่ยักมีใครตอบกลับมาแฮะ รออยู่หลายวันก็ไม่มีวี่แวว คอนเซ็ปต์เรา ถ้าไม่ติดต่อกลับ แสดงว่าคุณขายคนอื่นได้ ฉะนั้นเราไปกับคนอื่นก็ด้าย ไม่ง้อ…

ตอนหลังลองให้อาอี๋ถามๆ ให้ อาอี๋ติดต่อกลับมาบอกว่าเต็มหมดแล้วววว ป่านนี้เค้าทำวีซ่ากันแล้ว (คือเราติดต่อไปค่อนข้างช้าแล้ว) เราก็แบบว่า…แป่ว…อดไปเลยตรู แต่ก็ไม่ได้เสียดายอะไรมาก เพราะไม่ได้เป็นที่ๆ ต้องการไปตั้งแต่แรก

แต่มันเหมือนความเคยชิน ขนาดทำใจว่าจะไม่ไป ก้อยังไม่พ้นแวะๆ ดูรูปตามกระทู้ชาวบ้านไปเรื่อยๆ ว่ามันสวยยังไง แล้วก็พูดๆ กรอกหูป๋าทุกวันว่ามันสวยจริงๆ นะ น่าเสียดายที่ไม่ได้ไป

สุดท้ายจริงๆ อดรนทนไม่ได้ คนมันอยากเที่ยว ก็นึกๆ ว่า แหม…มันต้องมีซักที่ละหน่าที่ยังไม่เต็ม มีทัวร์ขายกันออกเยอะแยะ เต็มหน้าหนังสือพิมพ์ไปหมด ลองหาเองก็ได้วะ…ก็มาเจอบริษัทนึง วันเวลาโอเคเลย บินการบินไทยด้วยสบายดี น่าจะชวนป๋าไปได้ (ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ…แหม ไปตั้ง 10 กว่าวัน ลูกกตัญญูอย่างเราจะทิ้งป๊ะป๋าให้เฝ้าบ้านคนเดียวได้ไง…ไม่ด้ายยย ต้องเอาไปด้วยกันนี่แหละ) ราคาก็สี่หมื่นกว่า คิดอยู่ในใจ แพงๆ แบบนี้ คงยังไม่เต็มหรอกหน่า (ความจริงแพงกว่านี้ก็เจอ 5 หมื่นกว่าแหนะ แถมเต็มไปแล้วด้วย…ที่คิดหนะคือปลอบใจตัวเอง แหะๆ…) ก็เลยลองติดต่อดู ทีนี้ไม่พึ่งอีเมล์แล้ว ชักช้าไม่ทันใจ โทรไปดีกว่า แล้วบริษัทนี้ก็น่ารักมาก ส่งรายละเอียดมาให้อย่างรวดเร็ว จริงๆ เค้าคงส่งทันทีแหละ แต่เรานึกว่าคงเหมือนทัวร์ที่เคยติดต่อ รอไปอีกซักชาติค่อยเช็คเมล์ก้อได้ … แต่ผิดคาดแฮะ เย็นวันนั้นเปิดเมล์ก็ได้รับข้อมูลเลย … ได้คะแนนเต็ม 10 ในเบื้องต้นเจ้าค่ะ… แต่…คุณพนักงานดันส่งทริปที่เป็นง้อไบ้มาให้ (เหมือนเป็นลางบางอย่าง … เว้นไว้เล่าตอนหลัง) เราเลยโทรไปบอกว่าเราจะเอาอันที่ไป 4 ดรุณีนะ เค้าถึงส่งมาให้ใหม่ สอบถามแล้วเค้าบอกว่ายังว่างอีก 10 กว่าที่ … โชคดีจัง จะได้เสียเงินแล้ว 555 (บอกแล้ว…แพงๆ แบบนี้ ยังไม่เต็มหร๊อกกก)

แล้วคืนวันนั้นก็เอารายการมาอ่านๆ ดู ตอนกินข้าวก้อเปรยๆ ถามป๋าว่า ไม่ไปจริงเหรอ ไปการบินไทยนะ มีแวะพัก 1 คืนก่อนไปจิ่วฯ ด้วย ไม่เหนื่อยหรอก…นึกไม่ถึงว่าพ่ออิชั้นจะสวนกลับมาทันที … เท่าไหร่? … โอ๊ะ…นึกในใจ แบบนี้แปลว่าสน อิอิ (สงสัยเป็นผลงานจากการกรอกหูทุกวี่วัน^^) … แม่เราเรยรีบสวนกลับว่า ไม่ต้องห่วง งบมีอยู่แล้ว รอแค่คนไปเท่านั้นเอง เป็นอันว่าคืนนั้น 3 คน พ่อ แม่ ลูก ก็ได้ข้อสรุปว่า หมู่เฮาจะไปจิ่วไจ้โกว โฮะๆๆ (มีความสุข 555)

หลังจากติดต่อขอรายละเอียดไปมา ท่านเจ้าของบริษัทฯ ก็โทรมาคุย คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าเป็นคนบ้านเกิดเดียวกันนี่เอง แล้วที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ ท่านเจ้าของบริษัทฯ เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับอาอี๋(อีกคน)ของเราด้วย โอ้ว…ตอนคุยโทรฯ อิชั้นก็ พี่..พี่..พี่ ตลอด 555 เอาวะ ใหนๆ ก็ใหนๆ แล้ว ขออนุญาติ “พี่” ต่อไปละกัน พี่ท่านก็น่ารักดีแท้ เพราะตอนแรกที่คุย แกก็แบบว่านึกๆ ไม่ค่อยออกว่ารู้จักพ่อ-แม่ หรือญาติๆ เรารึปล่าว เราก็บอกๆ ไปว่าแม่เราอยู่แถวนั้นแถวนี้ พี่น้องกี่คน สงสัยแกเอากลับไปนอนคิดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นแกโทรมาแต่วัน ไม่ได้โทรมาเรื่องทัวร์เลย แต่โทรมาบอกว่า นึกออกแล้ว ใช่คนนี้ คนนี้ คนนี้มั๊ย อธิบายใหญ่เลย เราก็บอกว่าน่าจะใช่มั้ง 555 นึกๆ แล้วก็ขำดี สงสัยคืนนั้นถ้าคิดไม่ออกคงนอนไม่หลับ และด้วยความเป็นคนบ้านเกิดเดียวกันนี่เอง ทำให้การตัดสินใจเลือกทัวร์ของเราง่ายขึ้น เพราะคุณพี่แกคุยกะอาอี๋เราว่า คนบ้านเดียวกัน ไม่มีมั่วอยู่แล้ว เราก็เลยเชื่อ (ใจง่ายดีจิงๆ)

เล่ามาซะตั้งยาว ได้ข้อสรุปแค่ว่า เราเลือกโปรแกรม เฉิงตู-จิ่วไจ้โกว-หวงหลง-ภูเขา 4 ดรุณี วันที่ 13-20 ตุลาคม 2006 ราคา 42,900 บาท ไปกัน 3 คน หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนการสอบถามรายละเอียด และชำระเงิน (ซึ่งยกหน้าที่ให้อาอี๋ไป รวมทั้งแลกเงินหยวนด้วย เราแลกได้ในอัตรา 4.8 บาท ต่อ 1 หยวน) เป็นอันเสร็จพิธี ที่เหลือคือการรอคอย วันเริ่มต้นเดินทาง … ^^ ก่อนเดินทาง ตรวจสอบกับบริษัทฯ ก็รู้ว่าคณะที่ไปกันนี้มีทั้งหมด 22 ชีวิต รวมไกด์ไทยจีน ก็เป็น 24 … 2 โหลพอดี

เรามีแผนว่าจะไปกทม. ก่อนไปเที่ยว 3-4 วัน ก่อนเดินทางไปกทม. 1 วัน นังหมาตัวเล็กดั้นมาป่วย อยู่ดีๆ ก็ซึมเชียว ขบเคี้ยวก็ไม่ยอมกิน อาการแปลกๆ จับไปจับมาก็เจอว่าคองี้บวมเชียว สงสัยว่าก้างติดคอหรือยังไง … เอาแล้ว…ปีทั้งไป ไม่เห็นเคยเป็นอะไรกะเค้า พอเราจะไปเที่ยวม้านนนนดันไม่สบายซะ กลุ้มเลยชั้น…เพราะนึกไปถึงสแปงค์อะ คราวก่อนจะไปสิงค์โปร์ ก่อนไปสแปงค์ก็ไม่สบาย แล้วหลังจากเรากลับมาไม่กี่วันมันก็ตาย…แง้…นังตัวเล็กนะ นังตัวเล็ก อย่าทำงี้ดิ

บ่ายนั้นเลยเอามันไปหาหมอ หมอก็แบบว่า ไม่แตะ ไม่จับ เดาๆ เอาว่า ไม่ก้างติดคอ ก็ทอนซิลอักเสบ…เวรรรรร หมามีทอนซิลอักเสบด้วยเหรอ หมอก็ให้ยามากิน เราก็กลุ้มแล้วสิ ถ้ามันไม่หายจะทำไงดีวะ หรือจะเลื่อนไปกรุงเทพดี…เฮ้อ ไม่ทันแล้วอะ ก็กะว่าไว้ดูอาการตอนเช้าอีกทีละกัน พอดีตอนเย็นๆ มันพอจะกินข้าวได้ละ ค่อยเบาใจไป…

คืนนั้นนอนนึกๆ ว่าทำไงดีหว่า ไปกันหมดบ้าน ไม่รู้คนเฝ้าบ้านจะดูแลมันดีเหมือนเรารึปล่าว ยาก็ไม่รู้จะป้อนเป็นป่าว นึกไปนึกมา นึกได้ว่ามีเหรียญหลวงปู่ทวดอยู่ในลิ้นชัก เกิดปิ๊งไอเดีย…เอาวะ ตรูพึ่งหลวงปู่ละกัน...แหะๆ…เช้านั้นเลยเอาเหรียญหลวงปู่มาคล้องคอตัวเล็ก ก่อนออกจากบ้านมา…ใครเห็นเข้าคงหาว่าชั้นบ้าแน่ๆ 555 ไม่รู้หละ หมดที่พึ่งแล้วนี่หว่า ตอนหลังก่อนไปจีนโทรกลับมาเช็ค มันก็สบายดี หายแล้ว…โย่!! ขอบพระคุณหลวงปู่เจ้าค่ะ ^-^



Create Date : 25 ตุลาคม 2549
Last Update : 26 ตุลาคม 2550 23:25:19 น. 2 comments
Counter : 516 Pageviews.

 
เข้ามาอ่านแบบดีเลย์ๆค่ะ พอดีวันที่ 17 นี้เรากำลังจำเดินทางไปจิ่วฯเหมือนกัน ก็เลยแวะมาหาข้อมูลก่อน

แค่วันแรกก็เขียนได้สนุกแล้ว เราเงี้ยแอบขำไปหลายตอน ที่จริงเราก็จะไปตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วค่ะ แต่เพราะจองช้า ตั๋วไม่มีเลยอด ต้องเลื่อนมาเป็นปีนี้แหล่ะ

แต่เราไม่ได้ไปสี่ดรุณีนะคะ (ทั้งๆที่อยากไปมาก) เพราะมีแค่ไม่กี่ทัวร์เองที่จัดไป แล้วพี่ที่เคยไปมาเค้าบอกว่าปีนี้ทำทาง ถนนไม่ดีอย่าเสี่ยงไปเลย เราก็เลยไม่เอาดีกว่า เอาปลอดภัยไว้ก่อน

ว่าแล้วก็ตามไปอ่านตอนต่อไปค่า


โดย: ลิปดา-พิลิปดา (ไม่ได้ล็อคอิน) IP: 161.200.255.162 วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:21:48:55 น.  

 
เย้ .. ดีใจมีคนมาอ่าน 555

เขียนไว้นานมากแล้วค่ะ ปีนี้อยากไปอีก แต่มะมีทรัพย์ รอปีหน้าค่ะ

4 ดรุณี สวยมากค่ะ เราดูจากรูปอาอี้ที่ไปหลังเราไม่กี่วัน เสียดายมากๆ .. จะหาโอกาสไปล้างแค้นค่ะ

เห็นคุณคอมเมนท์ไว้ทุกอัน เด๋วตามไปตอบต่อค่ะ .. ตามไปอ่านด้วยนะ 555


โดย: ขอโทษนะคร้าบ ขอแจมด้วยคน วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:21:11:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอโทษนะคร้าบ ขอแจมด้วยคน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




www.flickr.com
This is a Flickr badge showing public photos and videos from koo-story. Make your own badge here.

Counter Stats
optometry
optometry Counter


Free shoutbox @ ShoutMix
Friends' blogs
[Add ขอโทษนะคร้าบ ขอแจมด้วยคน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.