รากหญ้าภูมิปัญญาไทย ฉบับของคนรากหญ้า ที่ถ่ายทอดให้สังคมได้รับรู้ความเป็นไป

คู่มือศึกษาม็อบต้านเผด็จการ ฉบับเปลว คนรากหญ้า



ท่านที่ติดตามสถานการณ์การเมืองมาอย่างต่อเนื่อง อาจบอกกับตัวเองได้ว่าเนื้อเรื่องกำลังดำเนินเข้าสู่บทที่ตื่นเต้นเร้าใจ นั่นคือ “มหกรรมม็อบขับไล่เผด็จการ” เนื้อหาสาระของม็อบขับไล่เผด็จการปี ๒๕๕๐ ไม่อาจจะนำไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์พฤษภา ๒๕๓๕ หรือ ตุลา ๒๕๑๖ เพราะว่า ต่างสถานการณ์ ต่างเงื่อนไข ต่างอุดมการณ์ ต่างกาลเวลา และธรรมชาติของม็อบก็ต่างกัน อีกทั้งคนที่เคยเป็นกรรมการกลางก็กลับกลายมาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังคมช. นอกจากนี้ยังมีปัจจัยของพันธมิตรฯเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีก ยิ่งทำให้สถานการณ์มีความยุ่งเหยิงมากขึ้น งั้นลองมาสรุปสถานการณ์และความเป็นไปได้แยกออกเป็นข้อๆดังต่อไปนี้

๑) เนื้อแท้ของม็อบ – เงื่อนไขของการยึดอำนาจเมื่อกันยายน ๒๕๔๙ คือยึดอำนาจจากอธิปไตยของประชาชนที่มอบหมายให้กับกลุ่มทุนใหม่เป็นผู้ดำเนินการบริหารประเทศ (ประชาชนในที่นี้หมายถึงกลุ่มชนชั้นล่างในเมือง ชนรากหญ้าในชนบท และชนชั้นกลางบางส่วน ที่ตื่นตัวทางการเมืองและรักหวงแหนประชาธิปไตยอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน) ทั้งนี้เพื่อคงสถานะของชนชั้นสูงและชนชั้นศักดินาเอาไว้ โดยจัดวางยุทธศาสตร์ปักธงเหลืองบังคับให้ผู้คนในเมืองหลวงเลือกข้าง จึงมีปัญญาชนและนักวิชาการจำนวนมากไปเข้าด้วยกับฝ่ายเผด็จการ ดังนั้นเนื้อแท้ของม็อบที่มาต้านคมช.จึงไม่ใช่ปัญญาชนกับนักศึกษาอย่างที่เคยเป็นมา ม็อบในเมืองหลวงจึงเป็นชนชั้นล่างในเมืองและชนชั้นกลางบางส่วนที่นำโดยปัญญาชนที่อยู่ตรงข้ามกับคมช.และพันธมิตรฯ ขณะที่ม็อบตามหัวเมืองใหญ่ๆต่างจังหวัดเป็นชาวรากหญ้าที่เป็นฐานเสียงของทรท. ดังนั้นเนื้อเเท้ของม็อบคราวนี้จึงแตกต่างไปจากครั้งอดีต และมีความเป็นไปได้เช่นกันว่าแกนนำทรท.บางส่วนคงเทหน้าตักลงมาเล่นเกมม็อบไล่เผด็จการคราวนี้ด้วย ถึงจะมีม็อบกลุ่มต่างๆหลากหลายองคาพยพ แต่ถือว่าเป็นฟากฝ่ายประชาธิปไตยเดียวกัน ที่ต้องการขับไล่เผด็จการออกไป แล้วจะสถาปนาอำนาจอธิปไตยของประชาชนคืนมาโดยผ่านเส้นทางการรื้อฟื้นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ๒๕๔๐

๒) ยุทธศาสตร์ของม็อบ – ม็อบที่เมืองหลวงจะเป็นเพียงหัวเชื้อเท่านั้น ม็อบของจริงที่มีพลังขับเคลื่อนจะเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน นั่นคือการเกิดขึ้นของม็อบที่ต่างจังหวัดหลายๆจุดพร้อมกันทั้งเหนือและอีสาน ห้วงเวลาที่ผ่านมานั้นแกนนำม็อบของจริงยังไม่ได้ออกมาเดินเกม ถ้าคนพวกนี้ออกมาเมื่อไร (คาดว่าต้นเดือนเมษายนนี่แหละ) เราจะได้เห็นพลังขับเคลื่อนของม็อบอย่างมหาศาล คนพวกนี้ไม่เคยกลัวทหาร มีกลไกการจัดการม็อบและควบคุมสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงได้อย่างเยี่ยมยุทธ์ สามารถพลิกแพลงสถานการณ์จากรับกลายเป็นรุกได้เพียงเสี้ยวนาที หากมีการประกาศพรก.ฉุกเฉินขึ้นมาเมื่อไร ก็จะเข้าทางม็อบต้านคมช.ทันที ผมเชื่อว่าแกนนำม็อบตัวจริงต่างภาวนาให้คมช.เร่งประกาศพรก.ฉุกเฉินด้วยซ้ำไป ยิ่งเกิดเหตุการณ์แทรกซ้อนจนนำไปสู่สภาวะมิคสัญญีขึ้นที่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆ จะยิ่งทำให้การจัดการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำไปสู่เป้าหมาย ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะถ้ามีการปราบปรามปรามม็อบจะถูกนำมาขยายผลให้เป็นการปราบปรามประชาชน อันส่งผลให้เงื่อนไขสุกงอมพอดี



๓) ยุทธศาสตร์ฝ่ายคมช.- การออกมาให้ข่าวของหัวหน้าคมช.ว่า ขั้วอำนาจเก่าอยู่เบื้องหลังสถานการณ์ที่สามจังหวัดภาคใต้ หัวหน้าคมช.ออกมาพูดทำไมตอนนี้ ถ้ารู้ตัวก็ออกหมายจับไปเลย นี่เป็นเกมตื้นๆที่อ่านกันไม่ยากเลย นั่นคือ หากว่ามีการก่อม็อบไล่คมช.จนมีเหตุการณ์แทรกซ้อนเลยเถิดไปจนถึงการเกิดความไม่สงบในเมืองหลวง หรือตามจังหวัดต่างๆ คมช.ก็จะโยนข้อหาไปที่ขั้วอำนาจเก่า ทรท.นั่นเอง ยุทธศาสตร์หลักในการต้านม็อบของฝ่ายคมช.จึงเป็นการบังคับใช้กลไกของฝ่ายปกครอง ตำรวจ และสุดท้ายกองกำลังทหาร (กองกำลังทหารมีไว้ในลักษณะป้องปราม ควบคุมประชาชนในพื้นที่ชุมชนต่างๆ และควบคุมเส้นทางสำคัญๆไม่ให้ม็อบสัญจรได้สะดวก ม็อบมืออาชีพจะไม่เดินบนถนนเส้นหลักหรอกครับ เดินข้างถนน หรือแม้กระทั่งดำดิน ก็ทำได้) นอกจากนี้คาดว่าฝ่ายคมช.จะมีการเตรียมการนำคนของตัวเองจำนวนหนึ่งแฝงเข้าไปในกลุ่มม็อบต้านคมช. และพร้อมที่จะออกคำลั่งในคนพวกนี้ก่อกวนสร้างความวุ่นวายสับสนขึ้นในหมู่ของม็อบ เพื่อโน้มนำให้เกิดสถานการณ์ที่เข้าทางคมช.เพื่อจะได้นำมาเป็นข้ออ้างในการจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งกับม็อบเช่นกัน เดิมพันมันสูงมาก ถ้าคมช.เสียท่าก็ไม่มีวันได้อยู่ในประเทศไทยได้อีกต่อไป ความสำเร็จของคมช.ในการต้านม็อบอยู่ที่การควบคุมกลไลข้าราชการฝ่ายปกครองและตำรวจให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งแกนนำม็อบตัวจริงก็รู้ช่องทางนี้เช่นกัน พวกเขาจะหาทางทำให้ข้าราชการเพิกเฉยต่อคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมของคมช. โปรดฟังอีกครั้งหนึ่งว่า แกนนำม็อบตัวจริงต้องการเผชิญหน้ากับกองกำลังทหาร ถ้าทหารเคลื่อนพลออกมาเมื่อไร นั่นเท่ากับว่า คมช.กำลังจะพ่ายแพ้ และถ้าหากทหารเคลื่อนพลเข้าปราบปรามหรือลั่นกระสุนปืนเข้าใส่ม็อบเมื่อไร คมช.เตรียมเเพ็คกระเป๋าบินไปเมืองนอกได้เลย

๔) ก๊กที่สามที่จะทำให้เรื่องมันยุ่งขิง - ถ้าหากจะมีการแตกหักกันเพียงสองฝ่ายคือ ม็อบต้านคมช. กับฝ่ายคมช. สถานการณ์คงจะไม่ยุ่งยากนัก สามารถมองเกมเพียงสองมิติก็จะอ่านสถานการณ์ได้ไม่ยาก แต่นี่ดันมีฝ่ายที่สามคือพันธมิตรฯที่หนุนหลังคมช.บางคนอย่างเปิดเผยเข้ามาร่วมด้วย พันธมิตรฯก็แตกคอกันเอง ไม่ได้ร่วมรักสามัคคีกันดังแต่ก่อน ถ้ากล่าวถึงพันธมิตรฯในตอนนี้ ให้หมายถึงหัวหน้าของพวกเขา(ไม่อยากออกชื่อ)และสาวกผจก. ตอนนี้หัวหน้าพันธมิตรฯก็แทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมไทย ดิ้นพราดๆตลอดเวลา และกำลังแปรพักตร์ไปจากสายป๋า เป็นไปได้อย่างสูงว่าเมื่อสถานการณ์กำลังมั่วซั่วสับสน พันธมิตรฯจะอาศัยความได้เปรียบจากความชำนาญเกมการเมืองก่อการอะไรบางอย่าง และหนุนหลังใครบางคนให้ยึดอำนาจ เพื่อที่จะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเสียที เช่นเดียวกันกับแกนนำม็อบตัวจริงที่ไม่กลัวทหาร แกนนำม็อบพันธมิตรก็ไม่กลัวทหารเช่นกัน และรู้จุดอ่อนของทหารเป็นอย่างดี การมีมีก๊กที่สามเข้ามาเกี่ยวด้วยนี่ ทำให้สถานการณ์มันยุ่งยากและอ่านเกมได้ยากลำบาก กลายเป็นเกมสามมิติไปเลย

๕) การก่อตัวของฝ่ายที่สี่ - เมื่อสถานการณ์งวดเข้ามาทุกที เราจะได้เห็นการรวมกลุ่มกันของนายทหารที่ไม่ใช่สายป๋า ที่รวบรวมกำลังทหาร ตำรวจและข้าราชการจำนวนมาก เพื่อกอบกู้สถานการณ์ของบ้านเมือง เพราะถ้าหากม็อบต้านคมช.เป็นฝ่ายชนะ กองทัพจะไม่มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป หรือถ้าหากฝ่ายพันธมิตรสามารถช่วงชิงความได้เปรียบสนัยสนุนให้ใครบางคนยึดครองอำนาจไว้ได้ ประเทศของเราก็จะเป็นเผด็จการอย่างเต็มรูปแบบไปทันที หรือถ้าฝ่ายคมช.ยังเหนียวแน่น ยึดครองอำนาจได้ต่อไป บ้านเมืองก็มีแต่ถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ ส่งผลผู้คนยากเเค้นลำเค็ญกันทั้งประเทศ ขณะที่ชนชั้นสูงเพียงหยิบมือเดียวที่ควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศและเสวยสุขกัน ดังนั้นฝ่ายที่สี่จึงน่าจะมีบทบาทหลังจากที่ฝุ่นควันทางการเมืองเริ่มจางเพื่อควบคุมสถานการณ์ของประเทศชาติและมีแนวโน้มสูงเป็นอย่างยิ่งว่า ฝ่ายที่สี่นี้จะจับมือกับฝ่ายม็อบต้านคมช.



๖) อำนาจที่มองไม่เห็น – ในที่นี้ขอกล่าวถึงอำนาจที่มองไม่เห็นจากต่างประเทศเท่านั้น อเมริกา นั่นเอง คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้กันหรอกว่า การอยู่รอดปลอดภัยของเผด็จการทหารตัวเอ้ๆในประเทศไทยไล่กันมาตั้งแต่ จอมพลป. เผ่า สฤษดิ์ ถนอม ประภาส ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐–๒๕๑๖ (แม้แต่ยุครัฐบาลเปรมด้วย) ล้วนแต่เป็นการหนุนหลังของอเมริกาทั้งสิ้นทั้งปวง เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการต้านลัทธิคอมมิวนิสต์และฐานทัพของอเมริกัน โดยที่อเมริกาไม่สนใจหรอกว่าเผด็จการเหล่านั้นจะกดขี่ รีดนาทาเร้น หรือโขกสับประชาชนอย่างไร อเมริกาไม่สนใจว่าเผด็จการมันจะโกงกินกันอย่างมโหฬารอย่างไร นี่คือเรื่องจริง แม้เเต่ตอนนี้ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ที่ความรุนแรงกระพือโหมลุกไหม้อย่างไม่ยอมเลิกลานั้น เชื่อกันว่าเป็นการเเทรกแซงของซีไอเอจากอเมริกาเช่นกัน ถ้าอเมริกาถือหางฝ่ายใด ฝ่ายนั้นก็สามารถพลิกเป็นฝ่ายชนะได้โดยง่าย นี่คือปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม เป็นไปได้อย่างสูงว่าอเมริกาไม่ค่อยพึงพอใจต่อคมช.สักเท่าไรนัก

๗) ดำน้ำพยากรณ์ - ความอึมครึมสับสนจะสะเด็ดน้ำภายในเดือนพฤษภาคมนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการใส่ฟืนเข้าไปในกองไฟที่ก่อติดเรียบร้อยเเล้ว ถ้ามีการใส่จำนวนฟืนที่มากพอเข้าไปในกองไฟ อย่างถูกที่ ถูกจังหวะเวลา ถูกสถานการณ์ ก็เป็นไปได้เช่นกันว่าอาจจะเเตกหักกันเร็วๆนี้ แต่ก็เป็นไปได้สูงเช่นกันว่าม็อบรอบนี้เป็นเพียงการโหมโรง เพื่อที่จะก่อการยืดเยื้อไปจนถึงเดือนตุลาคม ซึ่งจะแตกหักกันตอนนั้น เนื่องจากปัจจัยเร่งทางเศรษฐกิจที่ล้มเหลว วิกฤติรัฐธรรมนูญ วิกฤติความชอบธรรมของผู้ปกครองประเทศ และวิกฤติปัญหาภาคใต้ จะเป็นฝีกลัดหนองที่รอวันแตกในเดือนตุลาคมพอดี แต่ยิ่งยืดเยื้อยาวนานไปเท่าไร ประเทศชาติก็ยิ่งบรรลัยหนักเท่านั้น อยากจะให้สัประยุทธ์กันให้รู้ผลไปเลย ประเทศจะได้ตั้งต้นใหม่กันเสียที



๘) บทส่งท้าย – จุดจบแบบ รสช.นั้นมันดีเกินไปสำหรับพวกคมช. เพราะรสช.ยังเชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคมไทยได้ แถมยังได้รับบำเหน็จบำนาญอีกด้วย คมช.และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มันต้องจบแบบไม่มีแผ่นดินอยู่ เพราะก้อนดินที่แผ่นดินสยามมีค่าสูงเกินกว่าที่จะนำไปกลบหน้าของคนพวกนี้ - พวกโจรโฉดใช้กำลังเข้ามาล้มล้างรัฐธรรมนูญของประชาชน ยึดกุมอำนาจปกครองประเทศแล้วยังไม่พอ ยังกลับใช้กลไกของรัฐ สร้างวาทกรรมผ่านสื่อของรัฐและเอกชน เนรมิตให้พวกมันกลายเป็นวีรบุรุษกู้ชาติ เป็นพวกมีคุณธรรม มีจริยธรรม เพื่อสร้างความชอบธรรมในการปกครองบ้านเมืองต่อไป – พวกที่สนับสนุนให้โจรโฉดเข้ามาใช้กำลังล้มล้างรัฐธรรมนูญแล้วยังไม่สาแก่ใจ คนพวกนี้ยังดูหมิ่นดูแคลนสติปัญญาของประชาชนและสร้างความแตกแยกให้กับสังคม เนรมิตตัวเองให้กลายเป็นคนที่สร้างภูมิปัญญาให้กับคนไทย ล้างสมองลูกหลานคนไทยกันทั้งโครตพันธุ์ เหตุใดบ้านเมืองของเราจึงได้วิปริตกันได้ถึงเพียงนี้

หยุดความวิปริตในประเทศชาติของเราเสียแต่วันนี้ หยุดพวกโจรโฉดปล้นประชาธิปไตย หยุดพวกสนับสนุนโจรโฉดปล้นประชาธิปไตย หยุดคมช. หยุดพันธมิตรฯ ต้องลากตัวพวกทรราชย์ของเเท้ที่ร่วมกันปล้นประชาธิปไตยไปขึ้นศาลประชาชน ต้องปฎิรูประบบราชการและกองทัพให้เป็นข้าราชการและกองทัพของประชาชน ต้องมีความเสมอภาคของประชาชนในการศึกษา การทำมาหากิน เสรีภาพ ฯลฯ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน


Create Date : 30 มีนาคม 2550
Last Update : 30 มีนาคม 2550 10:01:22 น. 1 comments
Counter : 602 Pageviews.  

 
หนับหนุน ๆ

แวะมาทักทาย


โดย: โอม..มะลึกกึกกื๊ย..เพี้ยง (ผมรัก_ประชาธิปไตย ) วันที่: 1 เมษายน 2550 เวลา:19:27:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

parivatana
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กระท่อมน้อยชายทุ่ง รากหญ้าภูมิปัญญาไทย ปรีดี พนมยงค์ และศิลปวัฒนธรรม ฉบับของคนรากหญ้า ที่ถ่ายทอดให้สังคมได้รับรู้ความเป็นไป
[Add parivatana's blog to your web]