|
เงาแห่งความทรงจำ
เงาแห่งความทรงจำ
-ปัจจุบัน- โขดหินสะท้อนเสียงคลื่นทะเลกระทบ ฉันยืนไม่ห่างพอให้ละอองสาดผ่านปะทะใบหน้า เมื่อวานฉันอยู่ที่ใด แล้วเพราะเหตุใด ชั่วขณะนี้ เวลานี้ ฉันถึงยืนอยู่ตรงนี้ เพียงลำพัง
-วันวาน - ทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ทอดสายตาไปยาวพอให้เห็นระลอกของสายลมที่พัดพริ้วยอดหญ้าจนปลิวไหว ฉันหนาวขนาดต้องเปิดตาตื่น แน่นอนเป็นที่สุดว่าภาพวิวทิวทัศน์ที่เห็นเคยปรากฏผ่านดวงตา แต่ครั้นจะให้นึก ความคิดก็ต้องทดถอย ไม่อาจจำว่าเคยรู้จักผ่านสิ่งใด ไม่แน่ใจว่าสัมผัสการมาเยือนเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ตรงกันข้าม อาจจะอุปมา คิดนึกไปเอง
ฉันคุ้นในความรู้สึกของสถานที่ เพียงแต่ติด....................ติด....................ติด....................ติด
เฮ้อ! ฉันยอมแพ้ นั่นสิ ! ฉันคิด กี่ครั้งแล้วที่พ้นพูดคำว่ายอมแพ้ออกมาง่าย ๆ เพียงไม่ทันจะฝืนทำให้ถึงเท่าที่จะสุดความสามารถอันพึงมี ฉันมักจะล้มเลิกยอมแพ้ เหมือนครั้งนี้เสมอ แต่เวลายามนี้ คงไม่ถูกเหมาะ ที่จะพร่ำเพ้อต่อความมักง่ายของตนเองมากนัก ฉันหลุดหลงมาอยู่ ณ ที่แห่งหนใด ทำไมถึงคุ้นชินนักแต่ในทางกลับกันเสมือนไม่เคยแม้แต่จะย่างกายผ่าน
ฝัน แน่นอนไม่มีคำตอบอื่นใด เป็นความฝันเสมอ ฉากเช่นนี้ เหตุการณ์เช่นนี้ พบเจอบ่อยในนิยายที่ไร้ทางออก ตีบตัน บทละครที่ผูกเรื่องกันพันละวัน ความฝันมักเป็นทางออก ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลรองรับ ความฝันมักคลี่คลายเรื่องราวทุกอย่าง แม้ไม่ค่อยจะลงตัวก็ตามที
ฉันหยิก เช่นกัน จำมาจากบทนิยายบางตอน ผู้ที่หลงลืมไม่รู้ตัวเพียงใช้กระดูกอ่อนตรงปลายนิ้วจิกแตะ จิตสำนึกจะตักเตือน หากไม่ฝันก็เจ็บนิดหน่อยเท่านั้นเอง
เพียงแต่ ฉันไม่รู้สึกในการหยิกเนื้อของตัวเอง
-ปัจจุบัน- ฟ้าแทบจะกลืนเป็นสีเดียวกับพื้นครามของทะเล หากไม่มีเส้นขอบมาแบ่งกั้น ฉันยืนต่อไปไม่ไหว เกิดเหตุใดขึ้นกับฉันเล่า สองวันแล้ว สองวันมาแล้วสินะ ที่ฉันหลุดพลัดมาอยู่ต่างที่ต่างเวลาเช่นนี้ ไม่มีใคร ไม่มีใครเลย สักหนึ่งคน
ทะเล หิน ทราย ใช่ แตกต่าง ฉันพยายามรำลึก ที่แห่งนี้ฉันเคยมีความผูกพัน ย้ำชัดไม่มีสิ่งใดยืนยัน แต่ฉันมั่นใจว่าฉันเคยข้องแวะ แม้ไม่ถลำลึกจนตกหลุมพราง ให้มีความทรงจำสุดท้ายมาพันผูก แต่การมาเยือนในคราสองคราไม่น่าจะส่งผลหรืออิทธิพลมากมายให้ฉันต้องมาติดหนึบหนับในที่แห่งนี้เวลานี้
จะมีใครสักคนเล่นตลก ฉันคงไม่ตลกแม้จะเย้ยเยาะให้ความเขลาของตัวเอง
ใช่ จริงแท้ สิ่งเดียวที่นึกออกและน่าจะเกี่ยวโยง เธอ อืม เธอ เธอคือตัวแปรของคำตอบ
-วันวาน- ผิดแปลก ต่อให้พระเจ้าสร้างความหฤหรรษ์ เพียงใด ทุ่งหญ้าก็มิสมควรมีสีโทนหม่น ไม่ทั้งหมดไม่เฉพาะเจาะจง ฟ้าก็หม่น ภูเขาไกลริบก็หม่น ต่างกัน ตัวฉันยังเปรอะเปื้อน เสื้อเชิ้ตสีชมพู กางเกงยังเป็นสีครีม รองเท้าสี สี สี?
เฮ้ย! เท้าฉัน คำอุทานไร้สิ้นเสียง
ว่างเปล่า เท่าที่พอจะจำความได้ สองเท้าไม่เคยแยกห่างไปไกลจากกาย ฉันไม่เคยยืนอยู่ที่ใดโดยไร้ซึ่งเท้าทั้งสองแต่บัดนี้ เดี่ยวนี้ ณ นาทีนี้ ยังยืนอยู่โดยไร้เท้า ว่าแต่ ฉันยังจะเรียกว่ายืนได้อยู่หรือ?
ก่อนทำใจจะยอมรับ ตัดทิ้งเรื่องเท้าทั้งสองไปเสีย เพียงเรื่องที่ปรากฏก็สับสนเกินพอ ละเรื่องเท้าไว้ทีหลัง ในเมื่อตัวฉันก็ยังยืนได้อยู่โดยปราศจากสองเท้า
กลับมาที่ฉากอันหม่นหู่ คราวนี้ไม่ต้องจำแนกเป็นละเอียดปลีกย่อย ทุกอย่างถูกฉาบเป็นซีเปีย เว้นเพียงแต่ตัวฉันที่ครบครันด้วยเฉดสี แต่ไร้ซึ่งเท้าทั้งสอง
อย่างไรก็ดี ความคุ้นชินไต่ไล่ขึ้นเป็นลำดับ ถึงยังไม่รู้ว่าอยู่ ณ แห่งหนใด แต่ก็อุ่นใจด้วยความรู้สึก ย้ำชัดอีกครั้ง ว่าเคยผ่านพบ ที่พอจะทำได้คือ รอ
รอให้ความทรงจำเรียกกลับคืนมา
-ปัจจุบัน- เธอ คำตอบไม่เป็นอื่นใด ทะเล หาด ทราย และโขดหินก้อนนั้น ใช้ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเธอ สาวน้อยที่นิยมมัดผมเป็นหางม้า ห่างหาย นานเท่าไร? ความเป็นจริงตลอดหลายปีผ่าน ฉันลืมเธอไปแล้ว เราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันมากนัก หลับนอนกันบ้างตามโอกาสและอารมณ์
วันหนึ่งเมื่อเปิดตาตื่นพร้อมรับรู้ว่าเธอจมหายไปในทะเล
ผู้พบเห็นเล่าว่าเธอยืนอยู่บนโขดหิน เนิ่นนาน ไม่มีใครรู้ว่าเธอก้าวเดินลงสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทร จนเมื่อตะวันขึ้นสู่วันใหม่ ร่างเธอปรากฏไม่ไกลโขดหิน แน่นอน ภาพเธอไม่ค่อยจะน่าดู
ครั้งเธอว่า เป็นไปได้ยากที่จะมีการรวมตัวกันของคำบางคำ แต่เธอก็จะพยายาม ฉันไม่ใส่ใจนัก แปรปรวน เป็นคำคิดที่ผุดขึ้นจากสมอง เธอมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ แทบไม่ปริปาก นิ่งเฉย แม้กระทั่งยามเรามีเซ็กซ์ แต่บดจะพร่ำพูด ก็พ้นคำที่แทบต้องสดับพินิจฟัง
การรวมตัวของคำบางคำที่เธอว่า คงไม่ต่างจากทางเลือกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทะเล
ฉันยืนอยู่บนโขดหิน จุดสุดท้ายที่เท้าเธอสัมผัสแตะตั้งตรงเป็นมุมเก้าสิบองศา กี่ปีนะที่จากไป ฉันคิด ความทรงจำเกี่ยวกับเธอทะลักทยอยไหลเชี่ยวมาไม่ขาด ฉันไม่น่าจะจดจำเธอได้มากมายถึงเพียงนี้ เพลงที่เธอฟัง หนังสือที่เธออ่าน ทุกอย่างไม่แตกต่าง เธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันฉันโดยไม่รู้ตัว
น้ำตาพรากไหล อย่างน้อยในรอบสองวัน น้ำตาก็เป็นเครื่องยืนยันว่าฉันยังมีความรู้สึก รับรู้ หาไม่ใช่ว่างเปล่า
-วันวาน- ยากจะจับต้อง ฉันไม่รับรู้ถึงสัมผัส การปราศจากเท้าทั้งสองทำให้สภาวะความรู้สึกเปลี่ยนแปลง ฉันไม่คิดว่าตัวเองลอยไปมาหรือไหวตามแรงลม เพียงแต่ทุกย่างก้าวไร้ซึ่งสัมผัส หม่นหู่ คราวนี้เกิดขึ้นภายใน ฉากซีเปียยังดำรงอยูคงเดิม ทุ่งหญ้ายังพริ้วเป็นระลอกคลื่น ฉันต้องอยู่อีกนานเท่าไร ไกลสุดตาจะเป็นทางออก ฤา
ไม่ ไม่มีเหตุจำเป็นที่ฉันต้องพยายาม เมื่อมาได้ก็กลับไปได้ เหตุใดต้องถ่อเดินไปไร้ซึ้งจุดหมาย
สุดท้ายฉันก็เดินไปตามทางไกลสุดตา โดยปราศจากเท้าทั้งสอง
-ปัจจุบัน- ครั้งล่าสุดที่พร้อยตาหลับจากเมื่อวาน ไม่ระบุชัดในระยะเวลา เมื่อเปิดตาจึงพบโขดหิดกับผิวทะเล ทุ่งหญ้าซีเปียขาดหาย เท้าทั้งสองกลับมา สมควรเป็นเช่นนั้น ฉันคิด
รูปภาพประดับแผ่นเดียวในห้องเธอ ไม่ต่างจากฉากเมื่อวันวาน ฉันเชื่อเช่นนั้น
ความทรงจำย้อนกลับ ฉันสิ้นสติ ล้มพับ ไม่มีสาเหตุอื่นใด ผู้คนหลากหลายมารุมล้อม ไร้เสียง ไร้ความรู้สึก ไม่แน่ชัดถึงเหตุการณ์ต่อไป ฉันเปิดตามาก็ปะทะกับสายลมและพบเจอตัวเองอยู่ในภาพประดับ โมเนต์? โกแกง? ไม่ ฉันไม่มีความรู้พอ อาจจะเป็นภาพวาดดื่นดาษทั่วไป เธอนิยมพิเศษกับสองศิลปิน แต่ไม่ถึงขั้นจำเป็นต้องยกภาพลอกเลียนราคาถูกมาแปะประดับ
แต่ฉันก็ติดอยู่ในภาพนั้นมาแล้ว จริงแท้เป็นที่สุด
โขดหินสะท้อนเสียงคลื่นทะเลกระทบ ฉันยืนไม่ห่างพอให้ละอองสาดผ่านปะทะใบหน้า เพียงลำพัง พรุ่งนี้ละ..... ฉันประมวล ต้องเดินทางไปแห่งหนใด
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2549 18:17:43 น. |
|
1 comments
|
Counter : 318 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แม่มดยุคกลาง IP: 203.113.38.13 วันที่: 29 มีนาคม 2550 เวลา:18:46:30 น. |
|
|
|
| |
|
|
ขออนุญาตแนะว่า ให้ลองดูหนังเรื่อง What dreams may come
หนังเก่าที่ให้อารมณ์ประมาณเดียวกับงานเขียนชิ้นนี้เลย
...