หนึ่งวันของแมวหลง
Group Blog
 
All blogs
 

+ + ใครอยากสอบผู้ประกาศ โปรดระวัง "ติ๊งต่อง" + +

ในที่สุดหลังจากเตรียมตัวมา 2 เดือนเต็มๆ วันนี้ก็ได้ฤกษ์ไปสอบผู้ประกาศวิทยุ ที่กรมประชาสัมพันธ์แล้วล่ะ

เนื่องจากทุกวันนี้เป็นดี.เจ.เถื่อน+โก๊ะ ไม่ค่อยได้คุณภาพเท่าไหร่ เลยอยากไปสอบจะได้ถูกกฎหมาย พอได้เชิดหน้าชูตากะเค้าหน่อย

แต่ไม่รู้คิดผิดคิดถูกอ่ะนะ...^^"

ออกจากบ้านนั่งรถทัวร์ไปแต่ไก่โห่ ถึงก่อนเวลานัดนานโข นัดลงทะเบียนเที่ยง เราไป 10โมง นึกว่าถึงคนแรกแล้ว ยังมีคนมาก่อนเรา

เพราะงั้นเลยได้สอบเป็นลำดับที่ 2 จากทั้งหมดในรอบนั้น 36 คน T__T เศร้าสุดๆ

ไปนั่งๆ ในห้องรอ บรรยากาศก็ขรึมขลัง อึมทึมเหลือใจ ตัดสินใจไม่กินข้าวกลัวท้องอืดท้องเฟ้อส่งผลต่อคอและเสียง แต่แล้วก็นั่งหิว พุงครวญครางตลอด ( >___< " เศร้ากำลัง 2)
ยังดี พอได้เห็นข้อสอบก็ใจชื้นขึ้น

ขอบอกว่าข้อสอบผู้ประกาศง่ายมากๆ ค่ะ มีให้อ่าน 2 ส่วน คือ ข่าวกับบทความ
ข่าวก็มีข่าวในพระราชสำนักกับข่าวในประเทศ ได้อ่านข่าวพระองค์โสมฯ ดีใจสุดตีบ เพราะที่เราคร่ำเคร่งฝึกมาชื่อพระองค์ท่านอ่านง่ายที่สุดแล้วในบบรดาราชวงศ์ สำหรับเราน่ะนะ
และก็มีบทความง่ายๆ สั้นๆ เกี่ยวกับการแต่งบ้าน พ่วงท้ายด้วยพระราชดำรัสของในหลวง

แค่นี้เอง 3 ย่อหน้า สั้นๆ

มันน่าจะง่ายเนอะ ไม่มีอะไรเลย...

ขอบอกว่าเห็นข้อสอบแล้วยิ้มเลย แต่พอถึงเวลาสอบ มานั่งรอจ่อคิวหน้าห้องเชือดเท่านั้นแหละ
จากที่เฉยๆ ก็ตื่นเต้นสุดชีวิต พยายามชวนคนข้างๆ คุยสัพเพเหระจะได้ลืมๆ
แต่พอถึงตาเรา โอ๊ย ใจงี้แทบออกมาเต้นแร็พอยู่หน้าห้อง

ได้ฟังกรรมการคุมสอบบอกว่าพอถึงคิวเรา ให้เข้าไปนั่งในห้อง จะมีข้อสอบเตรียมไว้ให้กับไมค์ 1 ตัว ห้ามปรับห้ามขีดเขียนใดๆ ทั้งสิ้น
ก่อนสอบจะมีสัญญาณจากกรรมการว่า เฮ้ย ถึงตาเราแล้วนะ ก็ให้เราบอกลำดับ แนะนำตัว แล้วโซโล่ได้เลย

ฟังเหมือนง่ายอีกแล้ว แต่เรามีปัญหาอ่ะ

ก็ที่เตรียมใจมาไม่ได้เตรียมเผื่อสัญญาณอ๊ะ
แล้วแบบว่าคนไม่เคยสอบง่ะ ที่ต้องตั้งสมาธิ ระวังอ่านผิดก็ต้องมากลัวสัญญาณต่อ

มันจะมาเมื่อไหร่ จากไหน เสียงเป็นอย่างไร ดังแล้วทำไง

กลายเป็นก่อนเข้าห้องเชือดมัวแต่พะวงถึงมันซะงั้น ^^"

แล้วพอถึงคิว เราก็พยายามนิ่ง สงบใจสุดชีวิต เข้าไป
ในห้องว่าเล็กแล้ว ยังแบ่งเป็นห้องเล็กๆ ไว้อีกชั้น บรรจุโต๊ะกับไมค์และกระดาษข้อสอบตามที่ว่า หน้าตาคล้ายห้องส่งเลย
เสียแต่มันมาคุกว่า และน่ากลัวมากๆๆๆๆๆๆ (>__<)oO
อารมณ์ตอนนั้นเหมือนหลุดมาอยู่ในห้องทรมาณ ไอ้ที่รอสัญญาณเริ่มสอบ ก็เหมือนรอว่าเค้าจะเปิดช่องปล่อยควันพิษมารมเราเมื่อไหร่ ตางี้มองไปรอบ ระแวงไปหมด

แล้วมันก็ดังขึ้น โดยที่เราไม่ทันตั้งตัวว่า "ติ๊งต่อง" เสียงน่ารักมากฮ่ะ แต่เจตนามันไม่น่ารักเลย แล้วยังทำเราสติแตกด้วย
ไอ้ที่ปั้นมาอย่างดีก่อนเข้าห้อง สลายหมดจด ใจงี้ระรัว หายใจไม่ได้เลยอ่ะ ตาก็ลาย
ได้รู้ว่าคนตื่นเต้นมากๆ เป็นยังไงก็วันนี้แหละ
ก็พยายามคุมสติเท่าที่ทำได้ รู้ตัวตลอดว่าอ่านผิดเยอะมาก แต่ช่วยไม่ได้แล้ว งานนี้แพ้ตัวเอง ควบคุมการหายใจไม่ได้เลย บังคับให้อ่านจนจบได้แบบสะบักสะบอมเต็มที ออกจากห้องได้รู้ชะตาตัวเองเลย

ว่าไม่ผ่านแหงๆ งื้ด T_____T


...แล้วก็ไม่ผ่านจริงๆ จาก 100 คะแนน เค้าเอาแค่ 50 แต่เราได้ 42 ขาดอีกแค่ 8 คะแนนเอง
สุดยอดแล้ว

พอรู้ก็เสียดายมากๆ ถ้าคุมสติได้ดีกว่านี้ก็ผ่านแล้ว
วันนั้นไม่รู้มีคนผ่านกี่คน แต่ 5 คนแรกรอบไล่ๆ กะเราไม่ผ่านเลย

ส่วนเราพอรู้ผลก็ดิ่งกลับบ้าน กลับจันท์ทันที ไม่มีกะใจอะไรแล้ว มันช็อก เจ็บใจตัวเอง
แต่ก็ดีใจที่ได้ลอง แล้วทำได้คะแนนสูงด้วย ระดับ 40 กว่าในการสอบครั้งแรกก็ถือว่าดีเชียวล่ะ เฮ้อ...

จากนี้ไปอีก 1 เดือนก็สู้ๆ กลับมาซ้อมให้มากกว่าเดิม
เตรียมตัวสอบใหม่ คราวหน้า

และต้องหาทางให้คุ้นกะเสียง "ติ๊งต่อง" ด้วยล่ะ



+ + + + + +


ป.ล. แถมท้าย

สำหรับคนที่ต้องการสอบผู้ประกาศ สามารถไปสมัครได้ด้วยตัวเอง
โดยที่อาจมีสังกัดสถานีวิทยุหรือโทรทัศน์หรือไม่มีก็ได้ เราก็ดุ่ยๆ ไปสมัครเองเลย
ที่...
กองงาน กกช. ชั้น8 กรมประชาสัมพันธ์ ซ.อารีย์สัมพันธ์
โทร. 0-2618-2323 ต่อ 1816,1820

หรือถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็ติดต่อสมัครกับสำนักประชาสัมพันธ์เขตที่ตัวเองอยู่นะจ้ะ

เอกสารที่ใช้
- เอกสารนำส่งสมัครจากต้นสังกัด (ถ้าไม่มีก็ไม่ใช้)
- สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ
- สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ใบ
- รูปถ่ายหน้าตรง 1 นิ้ว 3 ใบ
- ไปรษณียบัตร จ่าหน้าถึงตัวเอง 1 ใบ (ไว้ให้เค้าแจ้งวัน เวลาสอบ)
- ใบสมัคร (ไปกรอกเอาที่นู่น)

วันสอบมักจะเป็นวันอังคารหรือพฤหัสฯ อาจเป็นวันพุธ(อย่างเรา) อันนี้เป็นกรณีพิเศษ
หนึ่งคนมีสิทธิ์สอบได้ 5 ครั้ง ถ้าตั้ง 5 ครั้งแล้วยังไม่ผ่านก็หมดสิทธิ์ หรืออาจมีอะลุ่มอล่วยกันบ้าง แล้วแต่กรุณา
พี่ที่ดูแลสถานีที่เราไปจัดรายการบอกว่า ดี.เจ.บางคนที่จัดรายการมาเป็น 10 -20ปี ยังต้องสอบเกือบ 10 ครั้งกว่าจะผ่าน

ขอบอกว่ายากมากๆ
ควรมีเวลาเตรียมตัวก่อนสอบอย่างน้อย 2 เดือน
หัดอ่านทุกวัน อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า ถ้าอัดเสียงไว้ฟังได้ยิ่งดี จะได้รู้ข้อผิดพลาดของเรา

ที่สำคัญต้องมีสติ! มีสมาธิก็กำชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

สู้ๆ โชคดีทุกคนค่ะ

(รวมทั้งเราด้วยนะ สอบคราวหน้า ต้องผ่านให้ได้ สู้โว้ย!!!)



...





 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2549 23:38:01 น.
Counter : 1887 Pageviews.  

เรื่องโก๊ะของ ดี.เจ. หนึ่งชั่วโมง



จันทบุรีเป็นเมืองที่แปลก
ไม่ใช่เมืองเกิด ไม่ใช่เมืองโต ญาติก็ไม่มีอยู่ที่นี่ แต่เรากลับต้องมาอยู่ มาทำงาน...คิดอยากกลับบ้านเสมอ แต่ก็ยังยื้อ ๆ อยู่มาเรื่อยจนจะสองปีแล้ว

เจ้านายเราบอกว่า คนที่ได้มาอยู่จันท์เนี่ย ชาติก่อนเคยเป็นทหารร่วมรบกับพระเจ้าตากมาก่อน
ไอ้เราฟังก็คิดฟุ้ง ๆ ไปว่าชาติก่อนเราคงเป็นประมาณ อีเยื้อน สังกัดหน่วยหุงต้ม ที่บังเอิญต้องคว้าอีโต้มาไล่ฟันพม่า กอบกู้อิสรภาพ ประมาณนั้น ^^” (เหาจะกินกบาลเอา)

หรือถ้าจะพูดให้โรแมนติกก็คงเพราะบุญพาวาสนาส่งให้ได้มาพบ มาอยู่ (ว่าเข้านั่น)

และเราก็พบว่าเมืองจันท์เป็นเมืองเล็กที่อะไร ๆ ก็ทำได้ง่ายไปซะหมด
การที่แมวโก๊ะ ๆ อย่างเรา ได้มาเป็นดี.เจ.ก็เกิดจากความง่ายอย่างแปลก ๆ ที่ว่ามา

ต้องบอกก่อนว่าสถานีวิทยุที่จันทบุรีไม่เหมือนที่กรุงเทพฯ
ขานั้นจะออกแนวคลื่นใครคลื่นมัน จะเปิดเพลงสากล หรือเพลงเก่า ๆ
ก็คงรูปแบบเดียวกันไปตลอดช่วงเวลาออกอากาศ

แต่ที่นี่ไม่ใช่ ในคลื่นหนึ่งแต่ละรายการแทบจะเรียกได้ว่าไม่เหมือนกันเลย
มีทั้งรายการเพลงลูกทุ่ง เพลงสากล เพลงเพื่อชีวิต เพลงไทยสากล ถามตอบปัญหาสุขภาพ ไปจนถึงโฆษณาไดเร็คเซลล์ เรียงต่อกัน เรียกว่าฟังแล้วได้อรรถรสสุด ๆ เข้าถึงบุคคลทุกชนชั้นและกลุ่มอายุ

และดูเหมือนจะเป็นเทรนด์ว่าในรายการจะต้องโฆษณาขายของให้สปอนเซอร์กันแบบจะ ๆ ถึงพริกถึงขิง ถึงเนื้อถึงตัว ไม่ใช่แอบยิงสปอตโฆษณาแพลม ๆ หรือโผล่มาประกอบฉากเป็นสโลแกนสั้น ๆ
แถมสปอนเซอร์รายไหนใจป้ำพอ อาจเหมาเวลาจ้างดีเจมาจัด และนั่งโฆษณาแต่ร้านตัวเองก็ย่อมได้

ด้วยสายสนกลในแบบนั้น ชีวิตดีเจของเราก็เลยเริ่มมาจากเทรนด์ประการหลังนี่แล...
วันหนึ่งพี่ชายที่เรามาทำงานด้วยก็คิดอยากมีรายการวิทยุเป็นของตัวเอง แล้วก็ดำเนินการซื้อเวลา จ้างดีเจซึ่งก็เป็นน้องที่รู้จักกันนั่นแหละมาจัดเสร็จสรรพ ภายหลังจับเอาเรามาสลับฉาก ด้วยเหตุใดไม่แน่ชัด คงเพราะมองไปไม่เห็นใคร ปะหน้าเรา อ่ะ ไอ้นี่ใช้งานง่ายดี เราก็ไม่ว่าอะไร เออออห่อหมก พยักหน้างึก ๆ ยิ้มเรี่ยร่ายว่าเออ น่าหนุกดีพี่ แล้วก็มาทำ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้ร่ำเรียนมา ซ้ำยังแทบไม่เคยได้ฟังวิทยุเอาซะเลย

และชีวิตดีเจหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มขึ้น ง่าย ๆ อย่างนั้น

อารมณ์ตอนนั้นมันอยากรู้อยากเห็นอ่ะนะ คิดเอาว่าคงไม่ยากมั้ง วันแรกไปอย่างดี๊ด๊าเต็มที่ พอถึงสถานีก็ผิดหวังระคนแปลกใจนิดหน่อยเพราะตึกสถานีเล็กกว่าที่คิด สถานีขึ้นกับกองทัพอากาศ เป็นอาคารชั้นเดียว เล็ก ๆ จริง ๆ เข้าไปมีห้องอยู่สามห้อง ซ้ายเป็นห้องสำหรับจัดรายการวิทยุ FM ขวาเป็นห้องของ AM และอีกห้องก็ของเจ้าหน้าที่ พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ที่นี่มีอยู่ห้าหกคนได้ แต่จะเวียนกันมาดูแลตามกะ คนละสี่ชั่วโมงต่อวัน ทำทุกวันแทบไม่มีวันหยุด มารู้ทีหลังว่าพี่ ๆ เค้าจัดรายการเอง แถมบางครั้งก็จัดแทนดีเจที่ติดธุระด้วย (ว๊าว!)

ส่วนห้องจัดรายการเป็นห้องกระจกกั้นเสียง เป็นห้องเล็ก ๆ อีกน่ะแหละ แต่ก็มีอุปกรณ์ครบเต็มสูตร ตั้งแต่อุปกรณ์ควบคุมเสียง ไมค์โครโฟน หูฟัง คอมพิวเตอร์ วิทยุ เครื่องเล่นซีดี เครื่องเล่นแผ่นเสียง ด้านในห้องด้านหลังมีแผ่นเสียงเก่า ๆ เรียงเป็นตับ เข้าไปนี่รู้สึกว่ามัน ขรึม ขลัง แบบว่านี่ล่ะของจริง คงเพราะความที่มันเก่าด้วยมั้ง ตั้งมาก็สี่สิบปีได้ล่ะ
ถึงตอนนั้นความซ่าที่มีมามันลดฮวบจนต่ำเตี้ยติดดิน

วันแรก ๆ น่ะ แน่นอนว่าเด็กไร้ประสบการณ์อย่างเราก็ต้องไต่เต้าจากเด็กรับโทรศัพท์ซะก่อน หน้าที่หลักคือรับสายที่คนทางบ้านโทรมาขอเพลง กับช่วยพี่หนุ่ย ดีเจตัวจริง เขาเปิดเพลง

ขอขยายความอีกทีว่าการจัดรายการของสถานีวิทยุต่างจังหวัดนั้น ดีเจต้องท่องคาถา อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ดีเจคนเดียวทำทุกอย่างทั้งหาข้อมูล ทำสคริปรายการ หาเพลง เปิดเพลง ไปจนรับโทรศัพท์ กระทั่งอาจจะติดต่อหาสปอนเซอร์เองเสร็จสรรพ ฉะนั้นหากเล่นเกมส์แล้วดีเจคนใดพูดว่ารอหลังไมค์ หลังไมค์ที่ว่าย่อมไม่มีใครอื่น แต่เป็นตัวดีเจเองนั่นแล ดีเจแต่ละคนก็มีสไตล์ของตัวเอง บางคนใช้เทปคาสเซ็ตต์ล้วน ๆ บ้างก็เปิดจากซีดี ส่วนของพี่หนุ่ยใช้วิธีเปิดจากไฟล์ในเครื่องคอมฯ สลับกับซีดี

ปัญหามันคงไม่เกิด ถ้าคนเปิดเพลงเป็นคนอื่น แต่บังเอิญเป็นยัยแมวตัวนี้ที่มันเชยสะบัด ไม่รู้จักดารานักร้องเอาซะเลย

เข้าไปถึงพอออนแอร์ปุ๊บก็ได้แต่นั่งเกร็งทำอะไรไม่ถูก จะหายใจยังไม่กล้าเลย กลัวเสียงดังทะลุไมค์ ออกอากาศไป คนเขาจะตกใจนึกว่ามีก็อตซิล่ามานั่งพ่นไฟฟืดฟาด ๆ อยู่ในห้องส่ง ในใจก็ร้องเป็นเสียงรถพยาบาลว่า ตายแน่ ตายแน่

เชื่อไหมว่าเสียงโทรศัพท์ที่เคยฟังธรรมดา แต่ในวินาทีนั้นมันหลอนจิตซะไม่มี กริ๊งกร๊างมาทีก็รีบเอามือสั่น ๆ ไปคว้าไว้แทบไม่ทัน บางทีรนซะจนทำโทรศัพท์หล่นพื้นซะโครมใหญ่ ที่แย่กว่าก็คือเสียงมันดันเล็ดรอดออกอากาศไปด้วยอ่ะดิ งื้ด!

ปัญหาต่อมา...รับได้แล้วน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่หากทางบ้านเขาขอเพลงที่ไม่รู้จัก ...นั่นล่ะ..เป็นเรื่อง


สถานการณ์ 1 :
น้อง : ขอเพลงหน่อยค่ะ เอาเพลงซากอ้อยนะคะ
เรา : ส-ซาก?...อ่า เพลงอะไรนะจ้ะ (คิดในใจ เพลงอะไรว้า ฟังไม่ถนัด ไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน มี๊!) เอ่อ...น้องจ๋า เพลงของใครเอ่ย
น้อง : ตื้ด...ตื้ด...ตื้ด... (มันตัดสายไปแล้วอย่างปัจจุบันทันด่วน!!)
เรา : …. (อึ้ง พูดไม่ออก ได้แต่คลุ้มคลั่งในใจ ตูจะเปิดให้ได้มั้ยเนี่ย!!!)

วิธีรับมือ : หันมายิ้มเรี่ย ๆ กับพี่หนุ่ย ประมาณ ..พี่ มีคนขอเพลง แต่เพลงอะไรไม่รู้ ฟังไม่ออก ^^” ถ้าโชคดีพี่เขารู้จักก็โอเคไป แต่จะให้เวิร์คสุดก็มักจะพึ่ง Search ด้วย keyword หาเอาจากในคอมฯ นี่ล่ะ (เพิ่งนึกขอบคุณเทคโนโลยี Search Engine ก็คราวนี้)

มาคิดดูก็แปลกดีที่รายการวิทยุเกือบทุกรายการต้องมีโปรโมชั่นขอเพลงเปิดฟังฟรีทุกที่เสมอมา (เรารู้สึกว่าบางทีมันก็เป็นมุกสิ้นคิดอย่างไรอยู่) บางคนก็โทรมาขอปกติ แต่เคยเจอพวกโทรมาลองภูมิ ดีเจ จัง ๆ ครั้งนึง อันนี้เด็ดมาก จำฝังใจเลยเชียว

ขอขยายความอีกที รายการที่เราจัดเปิดเพลงไทยสากล อาจมีเพลงสากล เจป๊อบ เคป๊อบบ้าง ตามโอกาส
วันนั้น เหตุการณ์ปรกติ ผู้ชายคนนึงโทรมาขอเพลง เราฟังเสียง + ดูเบอร์ ก็จำได้ว่าเป็นขาประจำ ก็เลยนิ่งนอนใจ ไม่รู้จักก็จัดการเสิร์ชหาจนเจอ จัดคิวเปิดออกอากาศปั๊บ...

เพลงที่เขาขอมาคือ “คาถาขอใจ” ของอาจาริยา แค่ขึ้นอินโทร ร้องคำแรกมา “ฉิเหมะโจได๋” เสียงระรวยครวญครางได้ที่ พี่หนุ่ยกับเรางี้ตัวแข็ง รีบเฉไฉเปลี่ยนเป็นเพลงอื่นแทบไม่ทัน แล้วก็มานั่งหัวเราะขำกันลั่นห้อง จนพี่ที่ดูแลสถานีเค้ายังขำไปด้วยเลย

มาคิดดูอีกที คนขอเขาคงไม่มีเจตนาจะแกล้งหรอก แต่มันก็นะ ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือจะขำดี และตั้งแต่นั้นพอได้ยินเพลงนี้ลอยมาทีไรก็ฮาแตกทุกที

...นั่นเป็นครั้งแรกที่ระบบ Search Engine ในน้องคอมฯ คลายความน่าเชื่อถือลงอักโข ยิ่งมาเจอครั้งต่อมานี่สิ เล่นเอาหวาดผวาไปนานเชียว

เรื่องมีอยู่ว่าช่วงแรก ๆ นั้น ข้าน้อยก็เพลิดเพลินกับการค้นหาเพลงในเครื่องมาเปิดไปวัน ๆ อย่างนิ่งนอนใจว่าเรามีหีบสมบัติให้เก็บโกยไว้ใช้เท่าใดก็ได้

โดยไม่รู้เลยว่าสมบัติมันก็มีวันหมด

วันนึง เราก็ประจำหน้าที่ตามปกติ แต่ไหงไม่รู้หาเพลงอะไรก็ไม่เจอ แถมคอมฯ ยังรวนอ่านข้อมูลจาก Handy Drive ไม่ได้อีกตะหาก ยังดีที่ตั้งสติได้ งัดเอาแผ่นซีดีที่ติดมาเปิดไปก่อน แล้วรีบแจ้นมาฟ้องพี่ผู้ดูแล พี่แกก็ดีใจหาย บอกว่าวันก่อนคอมฯ โดนไวรัสลง เลยต้อง Format ใหม่ ผลคือข้อมูลหายเกลี้ยง รวมถึงขุมทรัพย์ไฟล์เพลงของเราด้วย นั่นเองมันถึงหาอะไรไม่เจอ (...ขอบคุณมากค่ะพี่ที่ไม่บอกหนูเลย ฮึ่มม)

เอาล่ะ...หลังจากรับโทรศัพท์ เปิดเพลงมาได้สักระยะ ก็ขยับขึ้นมาพูดคุยแจมเป็นช่วง ๆ และขยับมาเป็นจัดรายการคู่ (เหมือนจะพัฒนาดีแฮะ ^^) และแล้ววันที่ยัยแมวได้ฉายเดี่ยวก็มาถึง เมื่อพี่หนุ่ยติดธุระเราจึงต้องจัดแทน

ขอบอกว่าฟิตสุด ๆ ซุ่มไปหาข้อมูลเต็มที่ว่าจะคุยเรื่องนี้นะ เปิดเพลงนี้นะ เล่นเกมส์ถามคำถามอย่างนั้นอย่างนี้
ไปถึงสถานีบอกพี่ที่ดูแล มั่นเต็มที่ วันนี้หนูจัดคนเดียวค่ะ พี่เค้าก็เป็นห่วง คงกลัวยัยนี่จะทำรายการพังเลยเข้ามาแนะนำการใช้เครื่องมือ แล้วก็ยืนดูอยู่ในห้องด้วย (ขอบคุณมากค่ะพี่ ^^=) ถึงเวลาเราก็เข้ารายการ ทุกอย่างก็ผ่านไปดูเหมือนจะราบรื่นดี แต่ก็มีอุปสรรคจนได้สิน่ะ -_-“

ด่านที่ 1 :

เรา : เอาล่ะ ช่วงนี้ก็มีเพลงที่ขอมาอีกเพลง ใครรู้ตัวว่าขออะไรไว้ เตรียมตัวไว้นะ ไปฟังกันเลย...
(พูดจบ ปิดไมค์ เปิดสวิตซ์เครื่องเล่นซีดี (- - หันมาใช้เพราะเข็ดคอมฯ ยังขวัญบินไม่หาย) แต่แล้ว.. เงียบฉี่......)

งานนี้อึ้งค่ะ ปล่อยเงียบอยู่สามวิ รีบหันขวับมาคลิกคอมฯ เปิดเพลงอื่นไปก่อน แล้วก็หันมองหน้าพี่ ยิ้มเหี่ยว ๆ (อีกแล้ว) พี่เขาก็ชี้ให้ดูความโก๊ะของเราเอง คือ...แบบว่าปกติเครื่องที่บ้านมันใส่แผ่นก็เล่นเลย แต่เครื่องนี้มันต้องมาตั้งค่าให้มัน Standby ก่อน ทีนี้เราลืมตั้ง มันเลยไม่เล่นแผ่นให้ โหย...อายซะไม่มี (เพิ่งเรียนไปหมาด ๆ นะนั่น)

ด่านที่ 2 :

ถึงช่วงเวลาเล่นเกมส์ ให้คนโทรมาตอบคำถาม สายแรกดังปั๊บ ลากโทรศัพท์มาใกล้ไมค์ จะเปิด Speakphone แต่แล้วกดเท่าไหร่เสียงก็ไม่ดังออกลำโพง คิดในใจ ซวยแล้วตู มี๊! รีบบอกสงสัยระบบโทรศัพท์ขัดข้อง งั้นฟังเพลงไปก่อน เดี๋ยวกลับมาเล่นเกมส์อีกที เปิดเพลงได้ รีบถาไปหาพี่ผู้ดูแล (อีกแล้ว) บอกพี่ ๆ โทรศัพท์เสีย พอพี่เขามาดูก็ถึงบางอ้อ

ไอ้ปุ่มที่เรากดน่ะ มันหาใช่ Speakphone ไม่ แต่เป็นปุ่ม Hold เอาไว้รอสายตะหาก กร๊ากกกกกก!!! อันนี้หน้าแตกยับเยิน บ้าซะยิ่งกว่าบ้าอีก O๐ >_< ๐O

ลงท้ายกว่าจะจบรายการได้แทบคลั่ง เวลาหนึ่งชั่วโมงในวันนั้นช่างยาวนานราวกัปกัลป์ เฮ้อ เหนื่อย -___-“



อ่านมาถึงตรงนี้คงคิดล่ะสิว่าไอ้นี่มันเป็นดีเจอยู่ได้ไง แต่ก็นะ คนเราย่อมผิดพลาดได้ (แหะ ๆ) หลังจากนั้นก็ได้ชิมลางจัดรายการแทนอีกสี่ครั้งจนในที่สุด แจมไปแจมมา ไหงลงท้ายเหลือเราจัดอยู่คนเดียวได้ก็ไม่รู้

พอได้เวลา 1 ชั่วโมง มาเป็นของตัวเองให้ทำอะไรก็ได้ ความรู้สึกแรกมัน ...ถ้าเป็นคนอื่นน่าจะดีใจนะ แต่เรากลับช็อกอ่ะ
เหมือนถูกดีดไปอยู่ขั้วโลก
งง
มึน
ก๊อง
ทำอะไรไม่ถูก
และก็ถูไถอาศัยอาการ 3 ประการข้างต้นจัดรายการต่อ ๆ มา อย่างไม่เคยสมประกอบสวยงามอย่างชาวบ้านเขาจนบัดนี้
(แถมรู้สึกว่าคุณสมบัติดังกล่าวจะกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเราไปซะแล้ว -_-“)

เป็นอย่างไรน่ะหรือ เรียกได้ว่าทุกครั้ง ยัยแมวจะต้องมีเอ๋อ ทิ้งหายเงียบไปนาน ๆ หลายวิ เพราะหมดเรื่องพูดหรือหาเพลงไม่เจอบ้างล่ะ ไอ้เรื่องหาเพลงที่เขาขอมาไม่เจอ ต้องไถลไปเปิดเพลงอื่นก่อน พลางออดอ้อนเอาหน้าไมค์ก็ทำซะเป็นประจำ
เคยโก๊ะคุย ๆ อยู่ทำโทรศัพท์หล่นพื้นดังโครมใหญ่ก็มีบ่อย คนที่ฟังคงคิดว่าดีเจคนนี้มันติงต๊องน่าดู

ไอ้เราก็นะ… แบบว่าหนูทำได้แค่นี้ฮ่ะ รู้สึกเหมือนกันว่าเอาเปรียบคนฟังอย่างไรไม่รุ มาถึงเปิดเพลง ๆๆๆ หกเจ็ดเพลง ขอเพลงมาก็เปิดให้ได้บ้างไม่ได้บ้าง เวลาว่างก็ขุดเอาอะไรไม่รุมาฝอยฟุ้งเป็นคุ้งเป็นแคว ซึ่งรวม ๆ ก็ไร้สาระจนเกินขีดอยู่ -___-“

ทำมาได้เจ็ดเดือน สิริรวมออกอากาศ 28 ครั้ง ยังรู้สึกไม่ลงตัว ยอมรับว่าการพูดคนเดียวหน้าไมค์นี่มันไม่ใช่ของง่ายเลย ซ้ำไม่ถนัดและสนิทใจด้วย
ทุกวันนี้เหนื่อยๆ กึ่งอยากเลิก กึ่งอยากทำต่อ ยังอาลัยอาวรณ์อยู่นิดๆ
ท้อหนักก็คิดว่าโอกาสที่จะได้มาทำตรงนี้มันไม่ใช่ของง่ายอย่างที่คิดหรอก หากหลุดจากจุดนี้ไป ก็คิดว่าคงไม่ได้มาจับงานตรงนี้อีกแล้ว

และหลังจากนั้นก็จะรู้สึกว่า...เสียดายจัง

...
......
เอาเถิด

คงจะทำต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะไล่ล่ะมั้ง
ถึงจะบ่น ถึงจะท้อ แต่รวม ๆ ก็ติดใจซะแล้วนี่นะ

สู้ ๆ สู้ตาย มี๊!

^w^=


(ถ้าอยากรู้ว่าเราจัดรายการโก๊ะแค่ไหน วันเสาร์บ่ายสามลองหมุนหน้าปัดมาที่ FM93.25MHz แต่ฟังได้แค่ภาคตะวันออกนะ ...แอบโฆษณาอีก หุหุ)





 

Create Date : 23 มีนาคม 2549    
Last Update : 23 มีนาคม 2549 1:27:18 น.
Counter : 410 Pageviews.  

เหนื่อยนัก...ก็นับหนึ่ง

เหนื่อยนัก...ก็นับหนึ่ง



ช่วงนี้กระแสการเมืองกำลังแรง
มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนโต้เถียงกัน แบ่งเป็นสองฝ่าย
ไล่ หรือ สนับสนุนทักษิณ

ถ้าอยู่ในหมู่เพื่อน หรือที่บ้าน หยิบยกเรื่องนี้มาคุย ถ้าต่างคนต่างความเห็น อยู่กันคนล่ะฝ่าย งานนี้เป็นต้องถกกันรุนแรงกระทั่งขัดแย้งกันวงแตกได้

รู้ว่าไม่ควรเพิกเฉย แต่ไม่อยากเห็นคนไทยทะเลาะกัน แค่ภาคใต้ก็จะแย่อยู่แล้ว
ทุกฝ่ายต่างมีเหตุผล ไม่มีขาว ไม่มีดำ มีแต่เทา กับเทา ยากจะตัดสิน ยากจะชี้ขาด

ยุบสภา เลือกตั้งใหม่อีกทีก็ดี จะได้เริ่มต้นใหม่ นับหนึ่งใหม่


หันกลับมามองตัวเอง...
ชีวิตที่ผ่านมาก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ตลอด
ถึงจะได้จับอะไรหลายอย่างแต่ก็ยังหาทางไปไม่เจอ

ครั้งหนึ่งเพื่อนเคยเอาปัญหาทายใจมาทายเล่นกัน
เรื่องมีอยู่ว่า...ให้เราจินตนาการว่าเข้าไปในห้องครัว และคิดว่าในห้องนั้นมีมีดกี่เล่ม
เราตอบทันทีเลยว่ามีอยู่เจ็ดเล่ม

ความนัยของปัญหานี้ถือให้มีดเป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งที่ใช้ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรค
ยิ่งจินตนาการว่ามีมากเท่าไรก็เท่ากับว่าเรามีกำลังใจและแรงสู้กับอุปสรรคได้มากน้อยเท่านั้น
เราที่ตอบว่าเจ็ดนั้นนับว่ามากทีเดียว ทั้งยังมากจนน่าแปลกใจ
ตอนนั้นเพียงแต่คิดว่าในครัวก็น่าจะมีมีดทุกประเภทให้ใช้งานทุกอย่างก็เลยตอบไปก่อนว่าเจ็ด
(อ้างอิงจากจำนวนมีดในครัวที่บ้านด้วยแหละ)
พอได้ยินคำเฉลยก็ใจพองโต และจดจำเอาความคิดนี้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวอุ้มชูใจอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่ท้อแท้...
เราจะพยายามลุกขึ้นสู้ คิดในใจว่าจะกลัวอะไรในเมื่อเรามีมีดตั้งเจ็ดเล่ม

แต่...ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามีดในใจมันคงจะทื่อไปสี่ห้าเล่มเรียบร้อยแล้ว คงเหลือเพียงสองเล่มที่ยังเปะปะเคว้งคว้างอยู่ แต่อย่างน้อยมันก็ยังมีอยู่ล่ะน่า

โชคดี พอรู้สึกว่ากำลังใจมันใกล้มอดก็ได้อ่านหนังสือเล่มนี้

It’s Never too late : เหนื่อยนัก ก็นับหนึ่ง





“ชีวิตต้องเติมกำลังใจตลอด เพราะเส้นทางชีวิตมีบทพิสูจน์ บททดสอบมากมาย” ต้นกล้า นัยนา (ผู้เขียน) เขาว่าอย่างนั้น

เป็นความตั้งใจของคนเขียนที่เริ่มต้นทุกบทว่า “ยังไม่สายเกินไปที่จะ...”
และจบลงด้วย “แม้จะเหนื่อยนัก ก็อย่ากลัวที่จะนับหนึ่งอีกที”
และก็เป็นความไม่ตั้งใจของเราที่มาสะดุดกับพล็อตแบบนี้ จนประทับฝังใจ

ที่ผ่านมาเรามีความคิดฝังหัวว่าการทำอะไรซักอย่าง เมื่อเริ่มแล้วก็ควรดำเนินต่อไปจนถึงที่สุด ไม่ควรเพิกเฉย หรือละทิ้งกลางคัน
แต่ถ้อยคำในหนังสือเล่มนี้เหมือนเป็นน้ำเย็นที่สาดเข้าใส่เรา ให้เห็นมุมมองอีกอย่าง อ่านแล้วฉ่ำใจ เหมือนได้น้ำมาเติมใส่แก้วในใจที่มันเหือด ๆ ไป ถึงจะไม่เต็ม แต่แค่พอหล่อเลี้ยงก็พอไปต่อไหว

บทที่ติดใจ :

“ยังไม่สายเกินไปที่จะทำสิ่งที่ค้างอยู่ให้เสร็จ
จวบจนวันนี้ เมื่อนึกย้อนกลับไป เรายังมีเรื่องที่ทำไม่เสร็จหลากหลายเรื่อง
ยังไม่สายเกินไปหรอกที่จะเรียนรู้เรื่องที่ทำไปแล้ว และเรื่องที่ยังไม่ทำ
...
หนึ่งชีวิตเพียงแค่นี้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมีเรื่องที่จะต้องทำมากมายเสียเหลือเกิน
อย่ามัวยืนงง... ลงมือทำวันละเรื่อง แล้วเรื่องที่ค้างอยู่ในหัวใจก็จะลดลงทุกวัน
...และแม้จะเหนื่อยนัก อย่ากลัวที่จะนับหนึ่งอีกสักที”



ชีวิตก็แค่ช่วงระหว่างตื่นนอนกับเข้านอน
วันนี้เจอเรื่องแย่ เบื่อหน่าย ท้อใจ เช้ามาก็มีเรื่องใหม่ ปัญหาใหม่ให้เราแก้อีก
แต่บางครั้งเราก็ลืมไปว่าระหว่างปัญหาก็มีหนทางแก้ปัญหาปะปนกัน
อยู่ที่เราว่าจะมองเห็นหรือเปล่า

จำไว้เสมอว่า “กำลังใจ” จากใครก็ไม่สำคัญเท่า “กำลังใจ” ที่เราสร้างขึ้นมาเอง

ถ้าเหนื่อยนัก ก็นับหนึ่ง เริ่มต้นใหม่อีกที

จะยากอะไร...







 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2549 9:06:39 น.
Counter : 302 Pageviews.  

ขอต้อนรับตัวเองสู่โลกของ 'blog' (มือใหม่หัดแตะอย่าถือสา)

๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ (หวังว่าพิมพ์เสร็จคงไม่เลื่อนเป็นวันที่ ๒๒ ไปเสียก่อนนะ)

จันทบุรี / ห้องซึ่งอับราจนได้ที่

เวลาเริ่มพิมพ์ - ๒๓.๔๐ น.
เวลาพิมพ์เสร็จ - (ตอนนี้ยังไม่รู้ พิมพ์เสร็จแล้วจะบอก)




แปลกใจในความจับจดของตัวเอง เห็นอะไรดี น่าสนุก แลถูกจริตก็พุ่งเข้าใส่
ทำมันหมดทั้งวาดรูป ตั้งแต่จับพู่กันป้ายบนกระดาษไปจนถึงลากเมาส์เปะปะบนหน้าจอ
ออกแบบ+ดูแลเว็บ แต่งเรื่องสั้น เขียนนิยาย สะกิดเกาข้อเขียนเล็ก ๆ กระทั่งหนังสือเล่มก็แตะมาแล้ว
ไม่เคยฟังเพลงก็ต้องฟังมากจนจับพลัดจับพลูได้ไปสวมบทดีเจ (หรือที่ถูกควรเรียก พีเจ)
และสารพัดจะแตะ ๆ เรี่ย ๆ ไปเรื่อย ๆ อีกมากมาย
( จะแจกแจงทำไมหวา... ^^" )

ลงเอยล่าสุดก็ขอเห่อทำ blog กะเขามั่ง


ย้อนไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเรามีโอกาสได้กลับบ้านที่เมืองนนท์ หลังจากไม่ได้ไปเหยียบซะนานจนฝุ่นจับกลอนประตูหนาคึ่ก
นึกสนุกไปคุ้ยสมบัติบ้าที่สะสมไว้ตั้งแต่สมัยเรียนออกมากอง พลันก็เจอสมุดเน่าแล้วหลายเล่ม ภายในบรรจุเรื่องราวหลายอย่าง
ส่วนมากเป็นข้อความระบายอารมณ์บ้าในวันนั้น ๆ ประกอบภาพการ์ตูนที่วาดเล่นไม่เป็นเรื่องเป็นราวเท่าที่ควร
พลิกอ่านดูก็เออตลกดี เหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปดูว่าเราเคยคิดเคยรู้สึกอะไรไปบ้าง
แม้บางอย่างจะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยในปัจจุบันก็ตาม แต่ก็รู้สึกดี
เหมือนได้คุยกับตัวเอง

กลับมาบ้านคราวล่าสุดนี้เลยถือวิสาสะหอบหิ้วเอาสมุดเน่าแล้วสองสามเล่มดังกล่าวกลับมาหมักต่อที่หอนี่ด้วย
นั่งเล่น นอนกลิ้งไปมาพักหนึ่งก็คิดเล่น ๆ ว่าอยากจะเขียนหรือบันทึกอะไรแบบนั้นต่อ
แล้วก็เลยคิดถึง blog ขึ้นมา พื้นที่บนเน็ตมีพออยู่พอตัว แถมฟรี และไม่เน่า น่าจะเหมาะกว่าเขียนเปล่า ๆ

ออกตัวก่อนว่าไม่เคยเล่น blog มาก่อนเลย นอกจากแอบเมียง ๆ มอง ๆ ไปหลายที่
และไม่เคยเขียนไดอารี่ ทั้งออนไลน์และไม่ออนไลน์มาก่อนอีกตะหาก
(คิดว่าไอ้ที่ป้าย ๆ ไว้ในสมุดเน่าแล้วสองสามเล่มนั้นไม่น่าจัดในจำพวกไดอารี่ได้)
...แต่ก็ยังดันทุรังอยากจะลอง (แล้วผลก็ออกมาเป็น blog แมวเขียวอี๋อย่างที่เห็น...-_-")


ถ้าจะตั้งแนวของ blog นี้ว่า 'เรื่องฟุ้ง ๆ ของยัยแมว' ก็คงไม่แปลก (สำหรับเรา)
เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าจะให้มันเป็น blog เกี่ยวกับเรื่องอะไรเป็นพิเศษ
มาลงเอยก็เรื่องใกล้ตัว ที่เห็น และประสบมาตามประสา
ไม่ใช่คนเจนโลก แต่ก็ได้เห็น และได้ไป 'แตะ' งานหลายอย่างที่คิดว่าแปลกไม่เข้ากันอยู่
อาจไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเราในอีกหลายปีข้างหน้าก็เป็นช่วงเวลาที่น่าหันกลับมามองอยู่
(ถ้าในอีก ๓ปีข้างหน้า blog นี้จะยังอยู่ล่ะก็นะ)
...และคิดในใจว่า 'อีนี่มันใช้ชีวิตอ้อมค้อมเข้ารกเข้าพงซะไม่มี'


ใครหลงมาอยู่คุยกันก่อนได้ อยากคุยด้วย

...รับรองไม่กัดจ้า


+ + +


ป.ล. จั่วหัวไว้ว่าพิมพ์เสร็จจะบอก บอกเลยละกัน
เสร็จ ๒๔.๑๙ น. ข้ามมาวันที่ ๒๒ จนได้เสียดายจัง








 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2549 0:20:58 น.
Counter : 346 Pageviews.  


แมวใบตอง
Location :
จันทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add แมวใบตอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.