Review: Mod’s Hair แบรนด์ดูแลเส้นผมสุดฮิตจากญี่ปุ่น บินมาถึงไทยแล้วจ้า แฟชั่นทรงผม สีผมต่างๆที่เราได้รับแรงบันดาลใจมาส่วนมากก็มาจากฝั่งญี่ปุ่นค่ะ ตอนที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นเนี่ย สนุกสนานกับการทำสี การแต่งทรงมากๆ เพราะช่วงนั้นได้โอกาสเป็น Hair Model ของซาลอนที่โน่นด้วย ก็เลยได้สิทธิ์ทำผมฟรีอยู่บ่อยๆ ผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังทั้งในซาลอนและตามร้านค้าต่างๆก็มีไม่กี่แบรนด์ค่ะ และแน่นอนว่า 1 ในแบรนด์ดังในด้านการดูแลและจัดแต่งทรงผม ของญี่ปุ่นนั่นก็คือ Mod’s Hair และในวันนี้ก็อยากหยิบมาให้เพื่อนๆได้รู้จักกัน ครั้งแรกที่เราได้รู้จักกับ Mod’s Hair ก็เมื่อ 5 ปีที่แล้วค่ะ ดูเหมือนจะนานใช่มั้ยคะ แต่จริงๆแล้วเนี่ย Mod’s Hair เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1968 ที่ปารีส และก็มาโด่งดังในญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1978 ก่อนเราเกิดตั้งเกือบสิบปีแน่ะ ประวัติยาวนานจริงๆ Mod’s Hair เนี่ยนอกจากที่เป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ก็ยังมีซาลอนเป็นของตัวเองด้วย เราเคยเข้าไปใช้บริการอยู่ครั้งนึง ทุกอย่างโปรมาก และในครั้งนั้นก็ได้ลองใช้ผลิตภัฑ์ต่างๆ ทั้ง Hair care และ Hair styling ซึ่งเราชอบนะ ไม่แพงมาก แต่ใช้ดีเกินราคา ด้าน Hair styling เนี่ย เราชอบมาก และชอบฝากเพื่อนญี่ปุ่นซื้อมาบ่อยๆ เพราะไม่แพง และเพื่อนก็พอจะหิ้วมาให้ได้ แต่พวกแชมพูกับครีมนวดต่างๆ ก็คงต้องหาร้านที่รับหิ้ว เพราะมันหนักจริงๆ แต่ช่วงปลายปีนี้ mod’s hair มีการปรับโฉมครั้งใหญ่ค่ะ เรียกได้ว่าเปลี่ยนลุคไปเลย จากเดิมที่เรารู้จัก mod’s ก็จะเป็นแนวโปรๆ ดูเรียบง่าย แต่ตอนนี้กลายเป็นแบรนด์สุดชิค เปรี้ยวจี๊ดไปซะแล้ว เพื่อนที่ซื้อมาฝากเราบ่อยๆก็ยังบอก ตอนแรกก็เดินหาของอยู่หาไม่เจอ แหม...เปลี่ยนลุคนี่เอง จากเดิมแพคเกจขาวๆ กลายมาเป็นสีจี๊ดๆหมดเลยค่า นอกจากแพคเกจที่เปลี่ยนใหม่หมด สีสันโดนใจวัยรุ่นญี่ปุ่น รวมทั้งสาวไทยอย่างเราด้วย ตอนนี้พรีเซนเตอร์คนใหม่ก็เปิดตัวไปเรียบร้อย เป็นนางแบบสาวที่เราชอบอยู่ด้วยล่ะ Mitsuki น่ารักมากกกก วี๊ดดดบึ้ม! และเมื่อสัปดาห์ก่อน เราได้รับข้อมูลมาว่า Mod’s Hair เริ่มมีจำหน่ายที่ไทยแล้วค่ะ มีจำหน่ายที่วัตสันเท่านั้น (ตอนนี้เริ่มใกล้เป็นร้านขายยาที่ญี่ปุ่นขนาดย่อมๆแล้ว ดีจัง...) Mod’s Hair ทุกชิ้น Made in Japan หมดเลยค่ะ เยี่ยมมาก! ราคาไทยๆ คุณภาพระดับ Original ค่ะ ไม่ต้องหิ้วแพงๆอีกต่อไป... ในก้าวแรกของ Mod’s Hair ในไทยเปิดตัวด้วย Hair care ค่ะ หยิบเอารุ่นฮิต รุ่นดังที่ญี่ปุ่นตอนนี้มาวางจำหน่ายเลยล่ะ “Hot Care” ผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่โดนความร้อนอยู่เสมอ (สีชมพู) “Aqua Clear” ผลิตณฑ์ชำระสิ่งสกปรกตกค้างจากการแต่งทรงผม (สีฟ้า) ในครั้งนี้ขอหยิบมารีวิวในรุ่น Hot Care ค่ะ เพราะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราช่วงนี้ นอกจากเหมาะกับเราแล้ว จุดน่าสนใจคือ Mod’s Hair รุ่น Hot care คว้า 3 รางวัลใหญ่ จาก @Cosme เวบจัดอันดับเครื่องสำอางอันดับ 1 ของญี่ปุ่นมาด้วยล่ะ แปลให้ฟัง... ซ้ายสุด...Hot care treatment คว้่ารางวัลอันดับที่ 3 ในหมวด Shampoo & Conditioner (รุ่นนี้ไม่ได้นำเข้าไทยค่ะ) กลาง.. Hot care Shampoo & Conditioner คว้่ารางวัลอันดับที่ 2 ในหมวด Shampoo & Conditioner ขวาสุด...Hot care Essence คว้่ารางวัลอันดับที่ 2 ในหมวด Hair Care มาดูของจริงในมือกันบ้างค่ะ ในรุ่นนี้มี 4 ชิ้นค่ะ คือ แชมพู ครีมนวด ครีมหมักผม และ เอสเซนส์ครีม เริ่มด้วย แชมพูและครีมนวดค่ะ แชมพูกับครีมนวดรุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่การมุ่งเน้นบำรุงผมที่เสียที่เกิดจากการโดนความร้อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแกนร้อนม้วนผม ที่หนีบผม หรือแม้แต่ไดร์เป่าผมต่างๆ ส่วนผสมที่เป็นจุดเด่นคือมีส่วนผสมของออยล์บำรุงผม ช่วยพื้นฟูผมให้แห้งกลับมาสวย เราได้ใช้แล้วรู้สึกชอบนะคะ ผมไม่ชี้ฟู ไม่ทิ้งตัวจนลีบแบนเกินไป ทำให้ไดร์หรือม้วนได้ง่าย กลิ่นจะหอมอ่อนๆค่ะ สระง่ายล้างออกง่ายดี ด้านครีมนวดก็มีส่วนผสมของออยล์ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้เส้นผมค่ะ เนื้อครีมนวดไม่หนักมาก สามารถนวดได้ทุกวัน ผมไม่ลีบแบนและยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆช่วยให้ผ่อนคลายตอนนวดเส้นผมอีกด้วย และอีก 2 ชิ้นที่เราก็ชอบนั่นคือ Hot care Intensive repair essence เป็นเอสเซนส์ในรูปแบบครีมบำรุงผมชนิดไม่ต้องล้างออก กลิ่นหอมบางๆ ช่วยบำรุงผมที่แห้งเสียมากๆ เราจะกดมาใส่มือแล้วก็ลูบๆเน้นบริเวณปลายผมค่ะ เพราะเป็นส่วนที่โดนแกนร้อนเยอะที่สุด เอสเซนส์ตัวนี้สามารถใช้ได้ทุกวันเลยค่ะ ไม่ทำให้ผมเหนียวเหนอะเลยล่ะ ใช้แล้วผมจะนุ่มลื่นไม่ค่อยพันกัน และช่วยบำรุงให้เส้นผม ดูเงางามอีกด้วยค่ะ และอีกหนึ่งชิ้นในรุ่นนี้ก็คือ Hot care Intensive aesthetic mask มาส์กผมสูตรเข้มข้นหลังจากที่ผมเราโดนความร้อนค่ะ จะช่วยฟื้นฟูและบำรุงให้ผมกลับมานุ่มสวย ชิ้นนี้เราจะใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งค่ะ และนวดเน้นๆบริเวณปลายผม อย่านวดบริเวณโคนผมนะคะ เพราะมาส์กตัวนี้ ค่อนข้างเข้มข้นสูง หากนวดบริเวณโคนผมด้วยจะทำให้ผมหนัก และลีบแบนได้ แนะนำให้นวดโดยเว้นจากโคนผม 2-3 นิ้วค่ะ สรุปแล้ว ใครที่รักการทำผม และสัมผัสความร้อนอยู่บ่อยๆ ผลิตภัณฑ์รุ่น Hot care น่าจะเหมาะมากๆ ด้วยการบำรุงที่ตรงจุดกับปัญหาเส้นผม และยังมีรางวัลมาการันตีอีก ทำให้ Mod’s Hair Hot care series เป็นอีกหนึ่งไอเท็มสุดฮิตที่ญี่ปุ่น และอีกไม่นานก็ต้องฮิตสุดๆในไทยแน่นอน ตอนนี้ก็มีวางขายแค่ที่ watsons เท่านั้นค่ะ เห็นราคาแล้ว ขอบอกได้เลยว่า คุ้มมากๆ ไม่ต้องหิ้ว ไม่ต้องแบกหนักมาจากญี่ปุ่นอีกต่อไป ใครอยากติดตามกิจกรรมหรือข่าวสารต่างๆจากทาง mod’s hair ก็เข้าไปคลิก Like กันได้ที่นี่เลยค่ะ เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน คิดว่าคงจะมีกิจกรรมเก๋ๆ ออกมาเอาใจแฟนๆคนรักแฟชั่นผมแน่นอนค่า ♡ facebook.com/MODsHairThailand ♡ Information: Shampoo 500 ml 345 บาท Conditioner 500 ml 345 บาท Intensive repair essence 100 ml 395 บาท Intensive aesthetic mask 150 g 395 บาท จำหน่ายที่วัตสันค่ะ Disclaimer: Sponsored by mod's hair   Create Date : 22 ธันวาคม 2554     Last Update : 22 ธันวาคม 2554 23:54:42 น. Counter : 5197 Pageviews.   7 comment Share Tweet

Kirari's new Hairdo : Lovely Curl ดัดปลาย ดัดผมม้า ได้ลุคซ้อฟท์สุดๆ เมื่อเดือนก่อนได้โอกาสไปทำผมใหม่มาค่ะ รีบไปทำก่อนที่น้ำจะท่วม เพราะคิดว่าน้ำท่วมบ้านแล้วคงต้องใช้เงินเยอะแน่ๆในการซ่อมบ้าน เลยรีบชิงไปทำซะก่อน แล้วก็เป็นตามคาดค่ะ น้ำท่วมบ้านเกือบ 2 เมตรแล้ว T T คงงดฟุ่มเฟือยไปอีกระยะ มาพูดถึงทรงผมใหม่กันก่อน เราไปทำที่ร้านประจำร้านเดิมค่ะ "ZAN Haircraft" หากใครที่เคยติดตามแป้งมาก็จะทราบว่า ริวซังดูแลผมแป้งมาตลอด 3 ปีแล้วล่ะ เคยลองไปทำร้านอื่นก็ยังไม่ถูกใจเท่าร้านนี้แม้ว่าราคาจะปาดเหงื่อก็ตาม ก่อนที่เราจะไปทำ ย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนก่อน เราได้ทำสี "Sakura" เป็นสีโทนน้ำตาลชมพูค่ะ แต่เกิด accident เล็กน้อย ไฟล์รูปที่ถ่ายไว้หายเกือบหมด เลยไม่ได้ลงอัพเดท สีโทนชมพูนี้ น่ารัก และสวยมากๆ แต่ก็หลุดลอกง่ายกว่าโทนสีอื่นๆค่ะ เฉลี่ยแล้วอยู่ได้ประมาณเดือนเดียวค่ะ ผ่านไป 3 เดือน ก็หลุดไปหมดแล้ว เหลือเป็นสีผมเก่าๆ แถมออกเหลืองอีก ไปถึงร้าน ริวก็จับๆผมแล้วก็ถามว่า แอบไปทำสีเองมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมผมแห้งจัง เราปล่าวนะ...เลิกทำสีผมเองแล้ว กลัวสารเคมีสะสม แล้วก็เรื่องผมแห้ง เว้นแต่ว่าอยากลองจริงๆ จะแอบทำนานๆที 555 ว่าแล้ว..ริวก็อัดทรีทเม้นท์ใส่ผมเราก่อนลงเคมีใดๆ หลังจากทรีทเม้นท์ ก็จะเป็นการ Clear color นั่นหมายถึงว่า จะย้อมสีผมดำที่งอกมาใหม่ให้เป็นสีอ่อน การทิ้งระยะเวลายิ่งมากสียิ่งอ่อน ดังนั้นช่วงนี้อาศัยความชำนาญของช่างล้วนๆเลย หลังจากได้สีผมที่ทั่วกันทั้งหัวแล้วก็ลงสีค่ะ เราอยากได้สีที่เข้มขึ้นเล็กน้อย ไม่เอาโทนเหลือง ริวจึงเลือกโทนสี Natural Brown มาให้ เข้มกว่าเดิมนิดดดเดียว ระหว่างการทำสี ริวจะผสมทรีทเม้นท์เข้าไปด้วย และสีที่ใช้ก็เป็นแบบอ่อนโยนสำหรับผมเสียมาก หลังจากทำผมเลยไม่เสียไปกว่าเก่าเลยล่ะ หลังจากทำสีแล้วริวพยามเชียร์ให้เราดัดปลาย บอกว่าดูสวีทมากๆเลยนะ ดัดสิๆๆๆๆ เราก็เอาสิ ดัดเลย... แต่ในวันนั้นร้านกำลังจะปิด ริวเลยบอกให้นัดอีกวันนึง แป่ว... แต่ก่อนกลับ ริวม้วนปลายให้ เรียกว่า demonstration ก่อนทำจริง ฮา... วันถัดมาเลยรีบไปแต่เช้าเลย... ดัดๆๆๆ ก่อนดัด แน่นอนว่า ใส่ทรีทเม้นท์ก่อนลงเคมี เพื่อไม่ให้ผมเสีย ริวแนะนำว่าให้ดัดผมม้าเล็กน้อย ให้ปลายเฉียงออก เพราะผมม้าเราตรงมาก จะทำม้าเป๋ทีนึง ต้องม้วนและใส่แว๊กซ์ เสี่ยงสิวขึ้น ริวเลยดัดให้ซะเลย หลังจากดัด ก็ใส่ทรีทเม้นท์อีกครั้ง แล้วก็ไดร์และเซ็ทค่า หลังจากผ่านไปหลายวัน ผมก็เข้าที่เข้าทาง ลอนคลายเล็กๆ ทำให้ดูธรรมชาติมากขึ้น เซ็ทง่ายๆแค่ใส่แว๊กซ์ค่ะ แว๊กซ์ที่เราใช้ยี่ห้อ SPICE ค่ะ สีส้ม หาซื้อได้ตามร้านทำผมญี่ปุ่นเท่านั้น ที่ร้านริวก็มีขายค่ะ ซื้อมาแล้วชอบสุด ต้องสีส้มเลย สำหรับผมจัดทรง หรือจะเซ็ทผมแบบญี่ปุ่น ที่เน้นปลายผมฟูๆ ดู dolly เล็กน้อย หรือจะดัดปลายเพิ่มด้วยแกนร้อน ลอนก็จะอยู่ได้นานหลายวันเลยค่ะ ตอนนี้ริวเค้าออก Original Product แบรนด์ "apsara" ภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า เทพแห่งน้ำ มีทั้งแชมพูและทรีทเม้นท์ออกมาด้วย เราซื้อมาลองเรียบร้อยค่ะ ทรีทเม้นท์เริ่ดมาก ผมนิ่ม ไม่ฟู ไม่มันง่ายดีค่ะ ที่สำคัญ ริวบอกว่ามันอ่อนโยนมากๆ เพราะส่วนผสม มาจากธรรมชาติ ใครสนใจสอบถามที่ร้านค่ะ ราคาค่อนข้างสูงทีเดียว ตอนนี้เราใช้อยู่ทุกวัน คือกลิ่นและความรู้สึกเหมือนไปร้านริวทุกวัน 555 Information: ในครั้งนี้เราทำสีทั้งหมด 2 ครั้ง Clear Color+ Color 2,200 บาท Cut + Perm 2,500 บาท และ Treatment 1,000 บาท รวมทั้งหมด 5,700 บาท ZAN Haircraft มี 2 สาขา คือ สุขุมวิท 31 และสาขา อโศก สุขุมวิท 14 เราไปที่สาขาอโศกนะคะ เดินทางง่าย ต้องโทรจองล่วงหน้าค่ะ ช่างเป็นชาวญี่ปุ่น พูดไทยได้ ช่างประจำเรา ชื่อ ริว จะประจำทั้ง 2 สาขา ต้องโทรถามค่ะ พิกัดร้าน สาขา อโศก สุขุมวิท 14 โทร 022613422 Disclaimer: Non-sponsor review.   Create Date : 06 พฤศจิกายน 2554     Last Update : 6 พฤศจิกายน 2554 22:23:42 น. Counter : 15999 Pageviews.   25 comment Share Tweet

Review: Keratinology ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับพรีเมี่ยม เมื่อ 2 เดือนก่อน เราได้รับเชิญให้ไปทดลองประสบการณ์ผมสวยกับผลิตภัณฑ์ Keratinology ผลิตภัณฑ์ดูแลผมระดับพรีเมี่ยมใหม่ล่าสุด เพื่อช่วยคงผมสวยจากซาลอนให้แลดูสวยนานยิ่งขึ้นได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ที่เริ่ดกว่านั้น คือเค้าสร้างซาลอนเฉพาะกิจที่เซ็นทรัล เวิลด์ เปิดให้ใช้บริการฟรี และได้เสียงตอบรับจากผู้ใช้เป็นอย่างมาก แต่เราก็พลาดไม่ได้ไปใช้บริการซักที และเมื่อเดือนก่อน ก็มีพัสดุส่งมาถึงที่บ้าน แกะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ Keratinology ทั้งแชมพู ครีมนวดผม และทรีทเม้นท์ สูตรสำหรับผมทำสี เลยยิ้มแก้มปริ ได้ลองกับเค้าบ้างแล้ว... จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยสารบำรุงเส้นผมหน่วยอนุภาคเล็กขนาดพิโค (ไมโคร > นาโน > พิโค) พิโคมีอนุภาคเล็กกว่านาโนถึง 1,000 เท่า และประกอบด้วยเคราติน ทำให้บำรุงเส้นผมให้สวยยาวนานขึ้น ลักษณะเส้นผมปัจจุบัน ผมทำสีมาตลอดหลายปี ช่วงปลายผมมีลักษณะแห้ง หนังศีรษะมันง่าย ปกติเราสระผมวันเว้นวัน หรือหากวันไหนเหงื่อออกเยอะ หรือใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมก็จะสระทุกวันค่ะ ระยะเวลาทดลองใช้ ใช้โดยเฉลี่ย สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เป็นเวลา 1 เดือน แพคเกจดูดี และน่าหยิบใช้ มีการดีไซน์แพคเกจให้เหมาะกับการใช้งาน ขวดแชมพูก็จะเปิดปิดด้วยนิ้วเดียว ด้วยการกดค่ะ ส่วนครีมนวด จะเป็นแพคเกจกลับหัว ทำให้บีบครีมนวดที่มีความเข้มข้นได้ง่าย ด้านข้างขวดก็มีกันลื่นด้วยค่ะ เนื้อผลิตภัณฑ์ ในส่วนของแชมพู มีลักษณะเหลวปานกลาง กลิ่นหอมมากกก... มีปริมาณฟองเยอะพอสมควร ส่วนครีมนวดมีความเข้มข้นสูง กลิ่นหอม และล้างออกง่าย บำรุงผมให้นุ่มลื่นทันที ความรู้สึกหลังใช้ ระหว่างสระ เราชอบกลิ่นของรุ่นนี้มากเลยค่ะ กลิ่นหอมจริงๆ และจากคุณสมบัติของแชมพูและครีมนวดสำหรับผมทำสี คือจะช่วยคงสีสัน ให้สีผมสวยนานยิ่งขึ้น ในส่วนนี้ เราเห็นผลไม่ชัดเจน เพราะทำสีผมมาพักใหญ่แล้ว แต่อย่างหนึ่งที่สังเกตได้คือ หลังสระผมหอม และนิ่ม กลิ่นหอมค่อนข้างติดทนทีเดียวเลยล่ะ ผมมีความเงางามมากขึ้นด้วย ที่ชอบที่สุดคือผมไม่ค่อยพันกันค่ะ สำหรับ Keratinology มีให้เลือก 3 สูตร คือ สูตรฟื้นบำรุงโครงสร้างผมแห้งเสียอย่างล้ำลึก สูตรบำรุงลอนผมให้คงรูป สปริงตัวสวย สูตรดูแลผมทำสีเพื่อสีผมเปล่งประกายเงางาม มีจำหน่ายที่ร้านบู้ทส์ วัตสัน ท็อปส์มาร์เก็ตและเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ทุกสาขาค่ะ ราคาไม่แพง เราจำราคาแน่นอนไม่ได้ อยู่ราวๆ 100 กว่าบาท แค่นี้ก็มีผมสวยเหมือนเพิ่งออกจากซาลอนได้ทุกวันแล้วหล่ะ Disclaimer: I received these products as a gift.   Create Date : 23 กันยายน 2554     Last Update : 23 กันยายน 2554 23:31:14 น. Counter : 5879 Pageviews.   8 comment Share Tweet

Review: L’OREAL Paris Hair Expertise สูตร EverPure สีผมติดทนสวยแม้ผ่านการสระมากว่า 32 ครั้ง หลายๆคนที่อ่านบล๊อกแป้งคงทราบดีว่า แป้งเป็นคนที่ทำสีผมตลอดระยะเวลาหลายปีต่อเนื่อง การทำสีผมแน่นอนว่าเป็นการทำเคมี ดังนั้นการดูแลรักษาสุขภาพเส้นผมเป็นสิ่งสำคัญมากๆ หากใส่ใจในรายละเอียดอีกนิด สีผมที่ทำมาก็จะสีสวยยาวนานกว่าเดิมหลายเท่า ปัจจัยที่ทำให้สีผมหลุดหรือเพี้ยนก็มีหลากหลายค่ะ หลักๆก็จะมีแสงแดด เคมีที่ใช้กับผมต่างๆ ความร้อน หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผมก็เป็นอีกตัวแปร ที่ทำให้สีผมหลุดลอกได้ง่ายเช่นกัน หากเพื่อนๆที่รักการทำสีผม เราขอแนะนำให้ ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ สีผมที่ทำมาจะได้คงสีเดิม และหลุดลอกได้น้อยกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วไป ผลิตภัณฑ์ดูแลผมสำหรับผมทำสีเราเคยใช้มาหลายยี่ห้อค่ะ ต้องยอมรับเลยว่า หลังการทำสี เมื่อมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลด้านนี้โดยตรง สีผมที่ทำมา ติดทนและ สวยได้นานกว่าจริงๆ และในวันนี้เรามีอีก 1 ผลิตภัณฑ์ดูแลผมสำหรับผมทำสีมาแนะนำให้รู้จักกันค่ะ L’OREAL Paris Hair Expertise สูตร EverPure SULFATE – FREE color care system จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ดูแลผมสำหรับผมทำสีแบบครบวงจร ทั้งแชมพู ครีมนวด และทรีทเม้นท์ ที่หน้าแพคเกตเขียนตัวเบ้อเริ่มว่า.. SULFATE – FREE เอ๊ะ...แล้ว SULFATE – FREE มันดียังไงล่ะ??? ก่อนอื่นคงต้องมารู้จักกับสาร SULFATE หรือ Sodium Laureth Sulfates หรือเรียกกันสั้นๆว่า SLES เป็นสารชะล้างในผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันนี่แหละ ในแชมพูทั่วๆไปก็มักจะผสมสารนี้อยู่ เนื่องจากมีคุณสมบัติทำให้เกิดฟองค่ะ แต่สารนี้เมื่อใช้ไปนานๆ จะก่อให้เกิดความกระด้างแก่เส้นผม เปราะหักง่าย เนื่องจากความชุ่มชื้นได้ถูกทำลายไปค่ะ ในบางรายก็มีอาการแพ้สารซัลเฟตเช่นกัน อาการก็เป็นผื่นบ้าง เป็นสิวบ้าง ความรุนแรงของอาการแพ้ก็แต่งต่างกันไปตามบุคคลค่ะ นอกจาก Sulfate – free แล้ว ก็ยังปราศจาก Paraben หรือสารกันเสียอีกด้วย นอกเหนือจากนี้แล้ว จุดเด่นที่สุดของรุ่น EverPure นั่นคือการรักษาสีผมให้คงสีเดิม สวย เปล่งประกายแม้ผ่านการสระมากว่า 32 ครั้ง ด้วยส่วนผสม Anti-fade complex โดยปกติแล้ว ถ้าเราใช้แชมพูทั่วไป สีผมจะเริ่มเพี้ยน หรือหลุดลอกเมื่อสระประมาณ 3 -4 ครั้งค่ะ และถ้ายิ่งเป็นแชมพูที่ขจัดรังแคต่างๆเนี่ย สังเกตได้ว่าสีผมจะยิ่งหลุดลอกได้ง่ายกว่าปกติซะอีก ทำสีมาสวยแล้ว ใส่ใจต่อกันอีกนิด สีผมจะได้อยู่กับเรานานๆนะคะ Review ผลิตภัณฑ์ Moisture Shampoo นานๆทีจะเห็นแพคเกจแชมพูในรูปแบบหลอด เราชอบแพคเกจนะ ดูทันสมัย น่าใช้ ดูมีราคาดีค่ะ การใช้ก็ง่าย ไม่ต้องคอยคว่ำขวดเวลาแชมพูใกล้หมด เนื้อแชมพูมีลักษณะเหลว กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุนค่ะ สิ่งที่น่าตกใจสำหรับเราอย่างนึงคือ...ฟองเยอะมาก ตกใจเพราะแชมพูที่เป็น Sulfate – free ที่เราเคยใช้มา ส่วนมากฟองน้อยจนสระยาก และเมื่อสระแล้วผมมักพันกันเพราะมันไม่ค่อยลื่น ด้วยความไม่รู้ครั้งแรกที่ใช้จึงบีบออกมาซะเยอะ ฟองเต็มหัวเลยล่ะ สระง่ายมากค่ะ ฟองล้างออกง่าย หลังจากล้างฟองแล้วผมไม่ได้ลื่นมาก แต่ก็ไม่พันกันค่ะ Moisture Conditioner เนื้อครีมเข้มข้น รูปแบบหลอดใช้ง่ายมาก กลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ กลิ่นค่อนข้างติดผมพอสมควร เราใช้หลังสระทุกครั้ง โดยการนวดทั่วศีรษะ เว้นโคนผมประมาณ 2 นิ้ว และเน้นย้ำช่วงปลายผมเป็นพิเศษ หลังจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำอุ่นๆ ผมที่ได้จะนิ่มและเรียบลื่นค่ะ Moisture Deep Restorative Rinse-Off Masque ทรีทเม้นท์สูตรเข้มข้น บำรุงผมที่ผ่านเคมีจากการทำสีผม ช่วยทำให้ผมดูสุขภาพดีขึ้นไม่แห้งฟูค่ะ กลิ่นตัวนี้ไม่ค่อยหอมมากนักเมื่อเทียบกับแชมพูและครีมนวด ในสูตรเดียวกัน (ในความรู้สึกเรานะ) แต่ช่วยบำรุงให้ผมนุ่มลื่นทันทีหลังใช้ เนื้อครีมเข้มข้น ใช้เพียงนิดเดียวค่ะ ค่อยๆนวดเน้นปลายผม หมักทิ้งไว้ 5 นาที แล้วก็ล้างออก ควรหมักเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ความรู้สึกหลังใช้ ในระหว่างที่สระผม เราคิดว่าฟองเยอะดีแม้ว่าจะไม่มีซัลเฟต ให้ความรู้สึกที่สระง่าย กลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูและครีมนวดทำให้รู้สึกดีตอนสระค่ะ สภาพเส้นผมเรา เดิมแห้งและชี้ฟูอยู่แล้ว เมื่อลองใช้ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้ รู้สึกว่าไม่ได้ช่วยลดการชี้ฟูเท่าไหร่นัก แต่อย่างหนึ่งที่สังเกตได้ชัดคือ สีผมมีประกาย ผมดูเงามากขึ้น หากเพิ่งทำสีมาใหม่ๆ แล้วได้ใช้ผลิตภัณฑ์นี้สีผมคงสวยน่าดู แต่เราทำสีมาพักใหญ่แล้วค่ะ สีลอกหลุดไปเยอะแล้วล่ะ ผลิตภัณฑ์นี้เราได้รับมาจากแบรนด์เพื่อมาทดลองใช้ ตอนนี้เรายังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการจำหน่ายหรือราคาของแต่ละชิ้นนะคะ หากมีอัพเดทอย่างไรจะรีบแจ้งให้ทราบอีกทีค่ะ (ใครอยากได้ก็ลองทิ้งเมลไว้ได้ค่ะ เผื่อทางแบรนด์แจ้งโปรโมชั่นส่วนลดมาจะได้เมลไปแจ้งให้ด้วย) ปัจจุบันผลิตภัณฑ์รุ่นนี้วางขายอยู่ต่างประเทศค่ะ ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ญี่ปุ่น หรือสิงคโปร์ เป็นต้น และอีกไม่นานเกินรอเราคงได้เริ่มใช้กัน สาวรักการทำสีผม ห้ามพลาดนะคะ... แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ บาย... ปิ๊งป่องๆๆๆ อัพเดทจ้า ชะแว้บไปเห็นว่าเริ่มวางขายแล้วน้า shampoo 269 conditioner 269 Treatment 319 จ้า   Create Date : 13 กรกฎาคม 2554     Last Update : 20 กรกฎาคม 2554 13:36:40 น. Counter : 11259 Pageviews.   27 comment Share Tweet

[Hair Care] Review : Essential Damage care รุ่นใหม่ล่าสุด Essential Damage care ผลิตภัณฑ์ดูแลผมจาก KAO ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกสูตรปรับปรุงใหม่มาแล้วค่า โดยเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยให้ผมสวย อยู่ทรงตลอดวัน ก่อนอื่นเนี่ย เราต้องบอกก่อนว่าเราใช้แบรนด์นี้เป็นประจำค่ะ ใช้มาตั้งแต่ตอนเรียนที่ญี่ปุ่นแล้วล่ะ ด้วยความที่หาซื้อง่าย ไม่แพง และกลิ่นหอมติดทนสุดๆ ก็เลยเป็นหนึ่งแบรนด์ที่เราใช้ประจำ เมื่อหลายวันก่อนเราได้รับผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาค่ะ ซึ่งเป็นสูตรใหม่ทั้งหมดเลย ดูจากแพคเกจก็ไม่ต่างจากของเดิม แต่ถ้าสังเกตดีดี ก็จะมีส่วนผสมที่เพิ่มมาใหม่ด้วยล่ะ มาดูกันทีละสีเลย... Essential Damage Care Nuance Airy (สีชมพู) สำหรับผมลีบแบน ปลายผมทื่อ ช่วยปรับให้ปลายผมพริ้ว มีชีวิตชีวา จัดทรงง่าย ปกติเราใช้สูตรนี้ค่ะ ด้วยความที่กลิ่นหอมโดนใจ และใช้แล้วผมไม่ลีบแบน ดูพริ้วๆ แต่จัดทรงได้ดี แพคเกจไม่ต่างจากรุ่นเดิมค่ะ ส่วนกลิ่น เราคิดว่ากลิ่นมันอ่อนลงนิดหน่อยนะคะ แต่ก็หอมติดทนตลอดวันเหมือนเดิม ใครชอบกลิ่นแนวฟรุตตี้หอมหวาน เราว่าชอบตัวนี้แน่ๆ หอมติดทนจริงๆค่ะ มาดูอีกสูตรนึง... Essential Damage Care Rich Premier (สีส้ม) สำหรับผมชี้ฟู ปลายไร้ทิศทาง ปรับให้ปลายผมมีน้ำหนัก จัดทรงได้ง่าย สูตรนี้ก็เคยใช้ค่ะ มีความรู้สึกว่าเหมาะกับคนผมลอน เพราะปลายผมจะทิ้งตัว ลอนน่าจะเป็นคลื่นสวยมากกว่ารุ่นสีชมพู กลิ่นหอมคล้ายๆกัน แต่ไม่เหมือนกันค่ะ ต้องไปลองดมดู หอมทั้งวัน มาดูเนื้อผลิตภัณฑ์กันค่ะ... แชมพูมีเนื้อเหลว กลิ่นหอมมาก ให้ฟองเยอะค่ะ ใช้แค่นิดเดียวก็ฟองนุ่มเต็มศีรษะแล้ว ล้างออกง่าย ไม่ทำให้ผมพันกัน สำหรับครีมนวดมีเนื้อที่ไม่ข้นมาก กลิ่นหอมเช่นกันค่ะ ใช้แล้วผมลื่นมีน้ำหนัก ล้างออกง่าย ไม่เหนียว ไม่ทำให้หนังศีรษะมันค่ะ ส่วนครีมหมักผมมีเนื้อข้นมาก ใช้หมักแค่ปลายผม ก็มีน้ำหนักพร้ิวสวยแล้วค่ะ สำหรับวันนี้เราก็หยิบรุ่นสีชมพู (Nuance Airy) มาทดลองใช้และรีวิวให้เพื่อนๆได้ชมกันนะคะ ความต่างจากรุ่นเดิม... ส่วนผสมที่เพิ่มเข้ามา...เชีย บัตเตอร์และเนเชอรัล ฮันนี่ ช่วยฟื้นบำรุงผมเสียรุนแรง พร้อมล็อคความชุ่มชื้นไว้ภายในจากโคนจรดปลาย เชีย บัตเตอร์ สกัดมาจากเมล็ดของต้นเชีย ถือเป็นมอยส์เจอร์ไรซิ่ง จากธรรมชาติ 100% ให้ความชุ่มชื้นสูง เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น ที่ใช้มากในแอฟริกาที่มีอากาศแห้งมาก นอกจากเชียบัตเตอร์จะใช้ในสกินแคร์แล้ว ตอนนี้มาในรูปของแฮร์แคร์ด้วยค่ะ สภาพเส้นผมก่อนใช้... ผมทำสี ค่อนข้างแห้งเสีย โดยเฉพาะปลายผม ค่อนข้างแข็งและชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก ความรู้สึกหลังใช้... หลังใช้ทั้งแชมพูและครีมนวดผมก็เงาดีค่ะ ทิ้งตัวได้ดี ไม่ลีบแบน จัดทรงได้ง่าย ยิ่งเราชอบทำสีผมบ่อยๆ ปลายผมจะแห้งชี้ฟู แต่เมื่อบำรุงบ่อยๆด้วยการหมักผมก็ดีขึ้นค่ะ และเมื่อจัดแต่งทรงด้วยแว๊กซ์หรือสเปรย์ ผมก็อยู่ทรงได้ดี ไม่ทำให้ผมหนักเกินไป และหลังจากที่เราได้ทดลองใช้เทียบกับรุ่นเก่าที่เราใช้อยู่ ก็พบว่ามีความต่างเล็กน้อยเรื่องความชุ่มชื้นเส้นผม จากรุ่นเดิมที่ผมจะรู้สึกชุ่มชื่นหลังสระ แต่พอวันรุ่งขึ้นจะเริ่มแห้งกระด้าง รุ่นใหม่นี้เราว่ามันโอเคกว่าเดิมค่ะ คือหลังสระไปแล้ววันนึง ผมก็ยังดีอยู่ ไม่ชี้ฟูมาก สำหรับ Intensive Mask กลิ่นออกไปทางเชียบัตเตอร์ชัดเจนเลย แฮร์มาส์กเราว่าดีเกินคาดนะคะ ผมทิ้งตัวสวยดีเหมือนกัน ไม่แพ้ยี่ห้อแพงๆเลยล่ะ ตามสโลแกนของแบรนด์นี้ ที่ย้ำเรื่องปลายผม 15 cm เราก็หมักโดยการเว้นโคน และนวดปลายผมเบาๆ แล้วก็หมักทิ้งเอาไว้ 10 -15 นาที แล้วก็ล้างออก แค่นี้ปลายผมก็เด้งแล้วล่ะ มีน้ำหนักขึ้นมาเลย ใน CM เห็นเค้าเหวี่ยงผมกัน เอามั่ง... “เหวี่ยงสุดๆ...ก็กลับคืนทรงสุดเหวี่ยง” หลังจากออกไปลัลล้าข้างนอกทั้งวัน กลับมาผมก็ยังโอเคอยู่ จุดที่ชอบสุดๆนั่นคือ กลิ่นหอมติดทนทั้งวัน และผมมีน้ำหนักไม่ลีบแบน แต่จุดด้อยของแบรนด์นี้ก็มีนั่นคือแพคเกจของครีมนวด บีบยากเหมือนเคย ต้องใช้กำลังภายในพอสมควร แต่ให้อภัยเพราะมันหอม... ใครที่ชอบผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์ที่มีกลิ่นหอม บำรุงผมได้ดี จัดทรงง่าย ราคาไม่แพง ลองดูเป็นอีกตัวเลือกนะคะ สำหรับเราใช้อยู่ประจำอยู่แล้วก็คงใช้ต่อไป สุดท้ายนี้ขอบคุณ KAO สำหรับผลิตภัณฑ์ Tester รุ่นใหม่ค่ะ Tips: ในการใช้ Hair care product เราจะสลับยี่ห้อวนๆกัน 2-3 ยี่ห้อค่ะ เนื่องจากแต่ละยี่ห้อ หรือแต่ละสูตรจะมีปริมาณโปรตีนบำรุงผมไม่เท่ากัน การใช้ในปริมาณเดิมๆต่อเนื่องนานๆ จะทำให้ผมกระด้าง ดังนั้น เราใช้หมดขวดใหญ่ขวดหนึ่งก็จะเปลี่ยนสูตร หรือเปลี่ยนยี่ห้อค่ะ ใครที่รู้สึกว่าผมกระด้าง ลองปรับเปลี่ยนการใช้ผลิตภัณฑ์ซ้ำๆดูนะคะ   Create Date : 24 พฤษภาคม 2554     Last Update : 24 พฤษภาคม 2554 20:17:45 น. Counter : 6235 Pageviews.   15 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com