@ Kira Look @ = Hotnew
Group Blog
 
All blogs
 

โลก แห่ง ความเหงา จาก เค

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง มันเกิดขึ้นกับตัวของผมเอง

ผมมี ชื่อว่า เค ผมเกิดในกรุงเทพที่ โรงบาลคริสเตียน หลังเกิดได้ไม่นาน ผมก็ถูกเลี้ยงดูตาม ภาษาเด็กทั่วไป ตอนนี้ผมอายุ 17 แล้ว มันเป็นความหดหู่ + ความรดทด และ น้อยใจที่มีในชีวิต คั้งแต่เกิดมา ผมมีเสื้ออยู่บ้านและไปเที่ยว รวมกันไม่เกิน 20 ตัว
ตอนนี้ที่เหลือและ พอใส่ได้มีอยู่อีก 5 ตัว กางเกงมี 7 ตัว เสื้อผ้าพวกนี้เป็นเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ได้มา ผมถูกส่งให้เรียนโรงเรียน รัฐบาล ตั้งแต่ อนุบาล ยัน ประถม 6 พอจบ พ่อ กับ แม่ก็ไม่ได้ใส่ใจในตัวผมแกเลย ให้หา ร.ร เอง ทำไรเองหมด ตอนนี้ผมก็เรียน พานิชบางนา เงินที่ได้ไปเรียนก็ พอดีตัว ผมไม่เคยมี เงินค่าขนม บางครั้งอยากได้อะไรก็ต้องอดค่าข้าว หลายๆมื้อมารวมกัน ถึงจะได้ ผมอยู่บ้านก็ ห้ามเล่นเกม ห้ามดูหนัง ห้ามออกไปเล่นกับใคร เพื่อนก็ไม่มี ผมก็ได้แต่ทำใจ มีเพียง 2 อย่างที่ทำได้ คือ โลกบนอินเตอร์เน็ต กับ โลกแห่งจินตนาการ ตอนนี้ผมคงใกล้บ้าเต็มที่แล้ว วันๆได้แต่จินตนาการอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เช่น 1. ได้ของขวัญวันเกิดชิ้นแรกจากพ่อ แม่ เพราะ ตั้งแต่เกิด ยังไม่เคยได้อะไรจากท่านเลย สงสัยท่านคงไม่อยากให้ผมเกิดมามั้งเลยไม่เห็นผมในสายตา 2.ผมอยากให้ท่านคอยดูแลผมบ้าง เพราะ ตลอดมาท่านสนใจแต่น้องผม ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ทุกวัน ท่านก็จะมีของใหม่ๆมาให้น้องทุกวัน คอยดูแลอย่างดี ไม่ว่าเวลา กิน หรือ นอน ซึ่ง ต่างจากผมมาก ผมไม่เคยรู้จักตัวตนของ พวกท่านเลย นอกจากคำด่า และ คำสั่งใช้งาน ผมว่าถ้าท่านไม่ได้ด่าผมซักวันท่านคงจะนอนไม่หลับแน่ ครอบครัวผมเป็นอย่างนี้ทุกวัน ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ผมมันคงเป้นแค่อากาศ ทำให้ผู้อื่นรู้สึกเย็นได้ แต่ไม่มีใครรู้ใครเห็นเพราะเรามันไม่มีตัวตน ผมรู้ว่ามีคนลำบากกว่าผมมาก แต่ถึงจะพูดงั้นก็เหอะ แต่ความรู้สึกแบบนี้อ่ะมันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดเลย ขนาดครอบครัวยังไม่สนใจ แล้ว ใครจะสนใจเรา ผมว่าน่ะ ถ้าผมตายไปอาจทำให้ท่านดีใจมากขึ้นก็ได้

โลก แห่ง ความเหงา จาก เค




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2550    
Last Update : 12 ธันวาคม 2550 22:38:21 น.
Counter : 423 Pageviews.  

นิทานใบไม้

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ดอกไม้และใบ้ไม้ยังไม่ได้รวมอยู่
บนต้นเดียวกันอย่างเช่นทุกวันนี้ มันต่างก็แยกกันอยู่ อีกทั้ง
เหล่าใบไม้ก็ไม่ได้มีแต่สีเขียวหากแต่มีหลากหลายสีสัน งด
งามนัก แต่ดอกไม้กลับมีเพียงสีขาวเท่านั้น ใบไม้รวมอยู่กับ
หมู่ใบไม้ด้วยกัน มีแต่ความร่าเริง มีนิสัยรักสนุก ต่างจาก
ดอกไม้ที่อยู่อย่างเงียบเหงา เดียวดาย แม้จะอยู่รวกันคุย
กันกับหมู่ดอกไม้ด้วยกันแต่ดอกไม้แต่ละดอกต่างมีความ
คิด และวาดฝันเป็นของตัวเอง เธอเฝ้ารอบางสิ่งบางอย่าง
ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร บ่อยครั้งที่เธอมองไปที่ใบไม้
แล้วนึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของสีสันสวยงามนั้นบ้าง แต่ดอก
ไม้ดอกเล็กและเสียงเบาเกินกว่าที่จะเรียกใบไม้ให้หันมา

กระทั่งวันหนึ่ง...ใบไม้เกิดรู้สึกเบื่อสีสันของตัวเองขึ้นมา
อย่างไม่มีเหตุผล พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นดอกไม้น้อย
สีขาวบริสุทธิ์ดอกหนึ่งเข้า ใบไม้ไม่รู้จักสีขาวมาก่อน เขา
ไม่รู้ว่าสีขาวเป็นอย่างไร เพราะใบไม้ต่างก็มีสีสันกันทุกใบ
ใบไม้เกิดหลงใหลในความอ่อนหวานละมุนละไม ของดอก
ไม้น้อยในทันที แต่ในความอ่อนหวานนั้นดูเหมือนจะมี
ความเหงาแฝงอยู่ด้วย ใบไม้จึงเข้าไปถามดอกไม้ว่า
"ดอกไม้ เธอช่างมีสีขาวสวยเหลือเกิน แต่ทำไมเธอจึงดู
เงียบเหงาอย่างนี้เล่า" ดอกไม้น้อยแหงนมองใบไม้กิ่งใหญ่
แข็งแรงก่อนจะตอบกลับไปว่า "สีขาวซีดอย่างนี้หรือสวย
ฉันอยากจะมีสีสันอย่างเธอบ้างจัง มันคงจะทำให้ฉันมีชีวิต
ชีวาขึ้นมาก" ใบไม้ได้ฟังแค่นั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็น
หน้าที่ของเขาที่จะต้องช่วยเหลือ ดูแล และปกป้อง ดอกไม้
น้อยดอกนี้ เขาจึงบอกเธอไปว่า "มาซิดอกไม้ ฉันช่วยเธอ
ได้นะ ถ้าเพียงเธอมาอยู่กับฉันฉันจะทำให้เธอมีชีวิตชีวาขึ้น
เอง" ดอกไม้น้อยไม่รอช้ารีบตอบตกลงในทันที

เมื่อดอกไม้ไปอยู่กับใบไม้แล้ว ใบไม้ก็ให้การดูแลเธอ
อย่างดี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเพื่อเธอ ถ่ายทอดออกมา
เป็นสีสันสวยงามให้กับดอกไม้ แล้ววันหนึ่งเมื่อดอกไม้น้อย
มองลงไปในลำธาร เธอก็เห็นเงาตัวเองเปลี่ยนเป็นดอกไม้
สีสวยที่มีชีวิตชีวา แต่เมื่อหันไปมองที่ใบไม้ เขากลับกลาย
เป็นสีเขียวที่ดูอบอุ่นนัก ดอกไม้น้อยถามใบไม้ว่า "ใบไม้
นี่ฉันแย่งสีสันในชีวิตเธอมารึเปล่านะ" ใบไม้ยิ้มแล้วตอบ
กลับไปว่า "ไม่หรอก ทุกวันนี้เธอคือสีสันในชีวิตฉัน ฉันไม่
ต้องการสีสันอะไรอีกแล้ว ฉันมีเพียงความสบายใจที่ได้
เธอมีความสุข" จากนั้นมา ดอกไม้กับใบไม้ก็อยู่ร่วมกันเป็น
ต้นไม้ที่อบอุ่น บนรากของความรัก ที่หยั่งลึกลงไปในผืน
ดินของหัวใจ

ด้วยเหตุนี้ ใบไม้จึงมีสีเขียว สีเขียวที่มองแล้วให้ความรู้สึก
สบายตา เพราะเมื่อเรามองดูสีเขียวเมื่อไรเราจะรับรู้ได้ถึง
ความสบายใจของใบไม้ที่เห็นดอกไม้น้อยของเขามีความ
สุข ส่วนดอกไม้ขาวที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ อ่อนหวาน
ละมุนละไมนั้น ดอกไม้คงไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้หาย
ไป จึงยังคงมีดอกไม้สีขาวให้เราเห็นมาจนทุกวันนี้ด้วยเช่น กัน.




 

Create Date : 23 เมษายน 2550    
Last Update : 23 เมษายน 2550 2:27:33 น.
Counter : 368 Pageviews.  

นิทาน จอ จาน

เจ้าจ๊อด
เป็นเด็กที่เกิดวันจันทร์เดือนเจ็ดปีจอ เขาจึงมีนิสัยช่างเจ๊าะแจ๊ะ คือชอบพูดจุ๊กจิ๊กกับคนโน้นคนนี้ เจ้าจ๊อดเคยเจื้อยแจ้วเสียจนลิงจ๋อถึงกับร้องเจี๊ยก แล้วได้แต่นั่งกอดเข่าเจ่าจุกด้วยอาการซึมจ๋อย...ซึมจ๋อย

วันหนึ่ง ฝนตกจั้กจั้ก เจ้าจ๊อดหิวจนท้องร้องจ๊อกจ๊อก เขาจึงไปกินจิ้มจุ่มที่ร้านเจ๊จูในสวนจตุจักร เมื่อเจ้าจ๊อดเจอเจ๊จู เจ้าจ๊อดก็เริ่มพูดเรื่อยเจื้อย จนเจ๊จูต้องบอกเจ้าจ๊อดว่า ''เจี๊ยะเจี๊ยะ" คือให้รีบๆกินจะได้หยุดจ้อ

ในขณะนั้นเอง มีโจรโจ๋บุกเข้ามาจี้เจ๊จูในร้านจิ้มจุ่มอย่างโจ่งแจ้ง เจ้าจ๊อดตกใจ อยากจะร้อง "จ๊าก!!!" แต่พอเจ้าจ๊อดเห็นโจรโวยวายเอามีดจี้เจ๊จู แล้วขู่เจ๊จูว่า "จุ๊ จุ๊ อย่าส่งเสียงร้อง เจี๊ยวจ๊าวนะ ไม่งั้นเจ๊จะโดนเจี๋ยน" เจ้าจ๊อดได้ฟังจนจำใจต้องนั่งเจี๋ยวเจี้ยม แล้วปล่อยให้โจร จิ๊กของในร้านจิ้มจุ่มของเจ๊จูจนโล่งโจ้ง

เมื่อเจ้าโจรลาจาก เจ๊จูก็ร้องลั่นว่า "จ้วยล่วย จ้วยล่วย" (แปลเป็นไทยว่าช่วยด้วยๆ) เจ้าจ๊อดเห็นว่าเจ๊จูปลอดภัยแล้ว เจ้าจ๊อดจึงรีบโทร. แจ้งจ่าจ่อย ตำรวจผู้ใฝ่ฝันอยากจะเป็ยแบบมือปราบจั่นเจา ในหนังจีนเรื่องเปาบุ้นจิ้น

จ่าจ่อยดีใจได้อวดฝีมือสุดเจ๋ง เขากระโจนขึ้นขี่จิงโจ้ แล้วให้จิงโจ้ตรามจับเจ้าโจรจนถึงเขตบางจาก เมื่อจ่าจ่อยประจันหน้ากับเจ้าโจร เจ้าโจรก็ใช้มีดจ้วงที่พุงของจ่าจ่อย จ่าจ่อยหลบคมมีดได้อย่างจวนเจียน จากนั้นจ่าจ่อยก็ให้จิงโจ้ใช้หมัดจิ้มสะดือ จุ่นจุ่นของเจ้าโจรเสียจนจุก เจ้าโจรเจ็บแต่ไม่อยากถูกจับ โจรจึงบอกจ่าจ่อยว่า "จ่าอย่ามาพูดจาจาบจ้วงนะจ๊ะ ฉันไม่ใช่โจรที่เจ๊จูในร้านจิ้มจุ่มสักหน่อย"

จ่าจ่อยไม่สนใจในคำพูดของเจ้าโจร เรพาะจ่าจ่อยรู้ดีว่า ทั้งเจ๊จูและเจ้าจ๊อดต่างก็เห็นหน้าของเจ้าโจรอย่างจะจะ ดังนั้นจ่าจ่อยจึงรีบจับโจรวัยโจ๋อายุยี่สิบเจ็ด เข้าไปขังในห้องจองจำ แล้วเชิธเจ๊จูกับเจ้าจ๊อดมาช่วยกันจดจดจ้องจ้อง ว่านี่คือโจรที่จี้เจ๊จูจริงจริงใช่หรือไม่?

เมื่อเจ๊จูกับเจ้าจ๊อดเห็นหน้าโจรทั้งคู่ก็มั่นใจว่านี่คือโจรที่จี้เจ๊จูจริงจริง เพราะโจรตัวจริงจะเป็น โจรหน้าจืด ไว้จอนแถมยังใส่เสื้อลายจุดซึ่งง่ายต่อการจดจำ

อย่างไรก็ตาม เจ้าโจรก็ยังไม่รับสารภาพดังนั้นจ่าจ่อยจึงขอร้องให้เจ้าจ๊อดจอมเจ๊าะแจ๊ะช่วยเจรจากับเจ้าโจร

เจ้าจ๊อดจอมจ้อคุยกับเจ้าโจร จ๋อย...จ๋อย...จ๋อย...ไม่ยอมจบจานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนโจรฟังเจ้าจ๊อดเจื้อยแจ้วเสียจนหูเจ็บ ในที่สุดเจ้าโจรก็บอกให้จ่าจ่อยจับเขาเข้าเรือนจำ เรพาะดีกว่าต้องฟังเจ้าจ๊อดพูดเรื่อยเจื้อยไม่รู้จบอย่างนี้

เจ๊จูเลี้ยงจิ้มจุ่มเพื่อขอบใจจ่าจ่อยกับเจ้าจ๊อดที่ช่วยกันจับโจร จ่าจ่อยกับเจ้าจ๊อดแย่งกันกินจิ้มจุ่มเสียงดัง จ๊วบจ๊าบจ๊วบจ๊าบ จิ้มจุ่มฝีมือเจ๊จูมีรสชาติแจ่มแจ๋ว จ่าจ่อยกับเจ้าจ๊อดกินจิ้มจุ่มเสียจนแทบจุก

พอรุ่งเช้า นกร้องจิ๊บจิ๊บ ทั้งจ่าจ่อยและเจ้าจ๊อดกลับเกิดอาการปวดท้องจิ๊ดจิ๊ดด้วยฤทธิ์ของจิ้มจุ่มรสเจ็บฝีมือเจ๊จู จ่าจ่อยกับเจ้าจ๊อดพร้อมใจกันท้องเสียจู๊ดจู๊ด จนเจ๊จูต้องพาจ่าจ่อยกับเจ้าจ๊อดไปให้หมอใช้เข็มจิ้มจึ๊กจึ๊ก...เจ็บเสียจนหน้าเจื่อนด้วยกันทั้งคู่

และนี่คือนิทาน จ.จานอ่านสนุก อ่านจบแล้วขอให้เด็ก(ผู้ใหญ่, ผู้สูงอายุ, คนชรา, เด็กเหลือน้อย) ที่มีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ช่วยกันนับว่าในนิทานเรื่องนี้มี จ.จานทั้งหมดกี่ตัวนะจ๊ะ
จบแล้วจ้ะ

ป.ล อิอิไปอ่านเจอมาจากนิตยาสารเล่มนึง เลยเอามาลงให้เมื่อยมือเล่น หุหุ
เอ้อมีบางอย่างที่เติมไปเองด้วย อิอิ




 

Create Date : 23 เมษายน 2550    
Last Update : 23 เมษายน 2550 2:07:50 น.
Counter : 305 Pageviews.  

ริบบิ้นสีฟ้า

ครูคนหนึ่งที่นิวยอร์คตกลงใจจะแสดงความชื่นชมนักเรียนไฮสคูล

ชั้นปีสุดท้ายที่เธอสอน


ด้วยการบอกเขาเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าพิเศษต่างจากคนอื่นอย่างไรบ้าง

เธอเรียกนักเรียนทุกคนไปหน้าชั้นทีละคน

แรกสุดเธอบอกแต่ละคนว่า...พวกเขามีคุณค่าเพียงใด
ทั้งต่อตัวครูและต่อเพื่อนร่วมห้อง


จากนั้นเธอก็มอบริบบิ้นสีฟ้าพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีทองเป็นของขวัญ

ในข้อความบนริบบิ้นมีว่า...
"ฉันเป็นคนมีคุณค่า"

จากนั้นครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มของชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดูว่าการแสดงความชื่นชมยกย่องผู้อื่น

ส่งผลอย่างไรต่อคนในชุมชน

เธอมอบริบบิ้นแก่นักเรียนคนละสามเส้น


ให้นักเรียนเผยแพร่การรับรู้และชื่นชมคุณค่าผู้อื่นในวงกว้างออกไป

จากนั้นนักเรียนจะต้องติดตามผลและ ดูว่าใครยกย่องใครบ้าง

แล้วนำกลับมารายงานในห้องภายในหนึ่งสัปดาห์


นักเรียนชายคนหนึ่งเข้าพบผู้บริหารระดับรองที่ทำงานในบริษัทใกล้ๆ

เพื่อยกย่องที่ชายผู้นี้เคยช่วยเขาวางแผนอาชีพในอนาคต

แล้วมอบริบบิ้น
ติดให้บนเสื้อเชิ้ต

จากนั้นก็มอบริบบิ้นอีกสองเส้นที่เหลือพร้อมกับกล่าวว่า....

"เรากำลังทำงานกลุ่มของชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดงความยกย่องชื่นชมผู้อื่นครับ

ผมอยากขอให้คุณช่วยหาใครสักคนที่คุณต้องการยกย่อง

แล้วให้ริบบิ้นเขา

ส่วนอีกเส้นก็ให้เขาไว้สำหรับมอบให้คนต่อไป

เพื่อเผยแพร่การยกย่องชื่นชมนี้ให้กระจายต่อไป

แล้วช่วยกลับมาบอกผมด้วยครับว่าผลเป็นยังไงบ้าง"

ต่อมาในวันเดียวกัน

ผู้บริหารท่านนี้เข้าพบเจ้านายเขา

ซึ่งเป็นคนที่ใครๆ รู้กันดีว่าเกรี้ยวกราด อารมณ์ร้าย

เขานั่งลงคุยกับเจ้านายบอกเจ้านายว่า... ลึกๆ
เขายกย่องชื่นชมเจ้านาย

ว่าเป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ

ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่ง

เขาถามเจ้านายว่าจะยินดีรับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม

และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่

เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่าได้

เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอก บริเวณเหนือหัวใจ

เมื่อเขามอบริบบิ้นเส้นสุดท้ายแก่เจ้านาย เขาบอกเจ้านายว่า...

ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ

ผมอยากให้เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้นเส้นสุดท้ายนี้

ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคน

พ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรก

กำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่
เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไป
แล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆยังไงบ้าง

ค่ำวันนั้น

ชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่นอายุสิบสี่

เขาเรียกลูกชายให้นั่งลง แล้วกล่าวว่า

วันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อ

ตอนอยู่ห้องทำงาน

ลูกน้องคนหนึ่ง เข้ามาบอกว่าเขาชื่นชมพ่อ

แล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจฉริยะ

เรื่องความมีหัวคิดสร้างสรรค์

ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ

แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่าฉันเป็นคนมีคุณค่า

ติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้น

ให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อ...

ระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้าน

ก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดี

แล้วพ่อก็นึกถึงแก

พ่ออยากชื่นชมแกนะ วันๆ พ่อทำงานยุ่งเหยิงมาก

พอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร บางทียังอาละวาดอีก

เรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดี เรื่องทำห้องนอนรก

แต่ยังไงไม่รู้สิ วันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแก

อยากบอกว่าแกมีค่ากับพ่อมากแค่ไหน นอกจากแม่แกแล้ว

ก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ

แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละ
แล้วพ่อก็รักแกนะ...
เด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึงเริ่มสะอื้น... แล้วก็สะอื้น...

เขาไม่อาจหยุดร้องไห้ ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว

เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา

พ่อครับ เมื่อตอนเย็น ผมอยู่บนห้อง

นั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่

เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตาย

แล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับ

ผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย

จดหมายอยู่บนห้องครับ

แต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ"

พ่อของเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้องพบจดหมายข้อความสะเทือนใจ

บรรยายถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน

จดหมายฉบับนั้นจ่าหน้าถึงพ่อกับแม่

ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

เขาเลิกเป็นคนขี้โมโหแต่จะพยายามทำทุกวิถีทาง

เพื่อให้พนักงานใต้บังคับบัญชารู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้าง

ส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรอง

ก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆ

ต่อมาอีกหลายคน

เรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคต

แล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขา

อย่างไรบ้าง หนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายเขา
ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมชั้นก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือ

เราต่างเป็นคนที่มีคุณค่า...ด้วยกันทั้งนั้น

คุณไม่จำเป็นต้องส่งเมล์ฉบับนี้ต่อให้ใครแม้แต่คนเดียว..

อย่าว่าแต่สองคนหรือสองร้อยคนเลย

สำหรับฉัน(ผู้เขียนเรื่องนี้)

คุณอาจจะลบเมล์ฉบับนี้ทิ้งแล้วไปเปิดดูเมล์ฉบับต่อไป

แต่ถ้าคุณมีใครสักคนที่มีความหมายกับคุณมาก

ฉันขอสนับสนุนให้คุณส่งข้อความนี้

ไปให้เขาหรือเธอผู้นั้น

เพื่อให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคุณ

คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า...

การให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ มีคุณค่าแค่ไหนกับคนสักคน

ส่งเรื่องนี้ไปยังคนทุกคนที่คุณเห็นว่ามีความหมายต่อคุณมีความสำคัญต่อคุณ

หรืออาจส่งไปให้คนหนึ่ง..สอง..หรือสามคนที่มีความหมายต่อคุณมากที่สุด

หรือคุณอาจจะแค่ยิ้มที่ได้รู้ว่ามีใครบางคนคิดว่าคุณเป็นคนสำคัญ

ไม่งั้น
คุณก็คงไม่ได้รับเมล์ฉบับนี้แต่แรก จำไว้นะ

ฉันให้ริบบิ้นสีฟ้าแก่คุณแล้ว....




 

Create Date : 01 กันยายน 2549    
Last Update : 1 กันยายน 2549 20:32:00 น.
Counter : 272 Pageviews.  

"รักครั้งแรกใช่จะผิดหวังเสมอไป


มีคนเคยบอกว่า ความรักมีอยู่ 3 แบบ
1. รักเพราะหลง
2. รักเพราะอ่อนไหว
3. รักเพราะเข้าใจ

และยังมีคนบอกอีกว่า
รักครั้งแรกส่วนมากจะเป็นรักเพราะหลงและมักจะไม่สมหวัง
แต่สำหรับผมแล้วรักครั้งแรกเป็นรักที่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของผม

ผมชื่อ แทน เรียนปี 3 อยู่มหาลัยแห่งหนึ่ง
ผมต้องทำงานไปเรียนไป
เพราะพ่อแม่ผมเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน
ตอนนี้ผมจึงเหมือนอยู่ตัวคนเดียว
ตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย
ผมก็เงียบมาตลอดไม่ค่อยคุยกับเพื่อนคนไหนเลย

ส่วนเธอ
เธอชื่อ ซี ......... ซีเป็นลูกคนรวย เรียนปี 3
เหมือนผม และคณะเดียวกับผม
โดยความคิดของผมแล้วนั้นลูกคนรวยส่วนมากจะชอบทำตัวเว่อร์แต่สำหรับซี
แล้วเธอไม่ใช่ซีเป็นคนเรียบร้อย ร่าเริง เรียนเก่ง
แล้วยังเป็นที่รักของเพื่อน ด้วย ซึ่งต่างกับผมราวฟ้ากับดิน
ผมแอบมองซีมาตลอดตั้งแต่เข้ามาเรียนปี 1
แต่ตอนนี้ผมคงไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นแล้ว

ตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย
ผมก้อไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเพื่อนเลย
ดังนั้นเลิกฝันถึงซีไปได้เลยครับ
เช้าวันนึง เข้าเรียนคาบแรก
อาจารย์ให้ทุกคนนำงานที่สั่งมาส่ง
ผมไม่รู้เรื่องเลยว่าอาจารย์ ส่งงานตอนไหน
สงสัยสั่งตอนที่ผมแอบหลับในห้องเรียนมั้ง
ผมทำอะไรไม่ถูก

แทน? เสียงผู้หญิงเรียกชื่อผม
ผมหันไปมอง
ซีเป็นคนเรียก
ซีพูดต่อว่า
?ซีทำรายงานมาให้ ซีรู้ว่าแทนไม่ได้ทำมา
เพราะเมื่อวานแทนหลับในห้องเรียนตอนอาจารย์ สั่งงานพอดี?

พอพูดเสร็จซีก้อวางรายงานไว้บนโต๊ะ
แล้วก้อเดินกลับไป หลังเลิกเรียน
ผมเดินเข้าไปบอก ขอบคุณซี แต่ซีพูดกลับมาว่า ?
เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นข้าวมื้อเที่ยงได้มั้ยค่ะ ?

ผมดีใจไม่คิดเลยว่าผมจะมีโอกาสได้นั่งกินข้าวกับซี
ผมเลยตอบกลับไปว่า ได้ครับ?
หลังจากนั้นเราก้อเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารของมหาลัย
เธอดูเรียบร้อยมากเวลาทานข้าว


พอทานเสร็จ ซีก้อพูดขึ้นมาว่า ?ซีรู้นะ
ว่าแทนไม่ค่อยรู้เรื่อง
ไม่ค่อยมีเวลาทบทวนเรื่องที่เรียนไป
เอาเป็นว่าเวลาแทนว่าง
ซีจะติวให้แทนดีมั้ย?

ความหวังดีจากหญิงคนนึงที่ผมเคยแอบมองมาตลอดนั้นมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
หลังจากวันนั้นผมกับซี
ก็จะมานั่งติวหนังสือกันทุกวัน จนเรียนจบมหาลัย
ผมก็มีบริษัทมารับเข้าทำงาน 2 บริษัท
บริษัทแรกทำงานในกรุงเทพ
ส่วนอีกบริษัททำงานที่ระยอง
ผมปรึกษากับซีว่าจะเลือกบริษัทไหนดี ซีบอกว่า

ตามใจแทนเถอะ ชีวิตเป็นของแทนนะ?
ผมได้ยินดังนั้นผมก้อไม่ลังเลที่จะเลือกทำบริษัทที่ 2
ถึงผมจะต้องไปทำที่ระยอง
แต่มันเป็นอนาคตที่ดีสำหรับผม
ผมไปทำงานอยู่ที่ระยอง
1 อาทิตย์ผมจะโทรหาซี 2 -3 ครั้ง
1 เดือนผมจะเข้ากรุงเทพ 1 - 2 ครั้ง
เวลาผ่านไป 4 ปี
ผมได้ย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพ
เพื่อมารับงานในตำแหน่งผู้จัดการบัญชี
พอผมมาถึงกรุงเทพ


ทางบริษัทให้ผมลาพักร้อนได้ 1 อาทิตย์
ผมจึงตัดสินใจชวนซีไปเที่ยวเป็นครั้งแรก
ผมโทรเข้ามือถือซี
ผมชวนเธอไปที่สวนสามพราน

เพราะซีชอบดอกไม้
ซีตอบกลับมาว่า
?จริงหรือแทน

ซีไม่เคยไปไหนกับใครนอกจากพ่อและแม่เลย
แทนจะพาซีไปวันไหนค่ะ?
ผมบอกกลับไปว่า ? พรุ่งนี้โอเคมั้ย
พาไปเที่ยวเสร็จแล้วซีไปดูคอนโดเป็นเพื่อนแทนหน่อยนะ
แทนจะซื้อคอนโดใกล้บ้านซี?
ซีตอบมาว่า ?ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะค่ะ?
เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปรับเธอที่บ้าน

หลังจากนั้นผมก้อนั่งรถแท็กซี่ไปสวนสามพราน
ระหว่างที่ดูดอกไม้นั้นซีดูมีความสุขมาก
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสมือซี
หลังจากที่คุยกันมานานถึง 6 ปี
พอบ่ายผมก้อไปดูคอนโดที่อยู่ใกล้บ้านซีที่สุด
แล้วก้อเซ็นสัญญาซื้อผ่อนทันที


ตกเย็นซีชวนผมไปบ้านของเธอ
ซีบอกว่า

คุณพ่อของซีอยากเจอแทนค่ะ
เลยให้ซีชวนแทนมาทานข้าวที่บ้าน?
ผมไม่ปฎิเสธครับพอไปถึงบ้านนั่งลงที่โต๊ะ
คุณพ่อของซีดูเป็นผู้ใหญ่มาก

ท่านพูดขึ้นมาว่า
?เธอเองหรือชื่อแทน

แล้วซีเล่าให้พ่อฟังอยู่บ่อยๆ
ซีบอกกับพ่อว่า
เธอเป็นคนขยัน

ว่าไงสนใจมาทำงานกับพ่อมั้ย
มาทำที่บริษัทพ่อ?
ผมอึ้งไม่คิดเลยว่าท่านจะพูดกับผมแบบนี้

ผมรู้สึกดีใจตอนนี้ผมรู้สึกเป็นส่วนนึงในชีวิตของซียังไงไม่รู้ครับ
ผมตอบตกลงทันที
หลังจากวันที่ผมไปบ้านซี 2 วัน
ผมก้อเริ่มงานในบริษัทของพ่อซี
ตำแหน่งที่ผมได้เข้ารับคือตำแหน่ง
ผู้จัดการฝ่ายบัญชี


งานส่วนใหญ่จะใช้สมองซะมากกว่า
หลังจากนั้นก้อว่าง
วันนึงพ่อของซีก้อเดินมาที่โต๊ะทำงานผมแล้วก้อบอกว่า

แทนถ้าว่าง
ก้อพาซีไปเที่ยวก้อได้นะ
พ่อฝากดูแลซีด้วย?

ผมตอบตกลงไป
ผมและซีในเวลานี้มีความสุขที่สุด
ผมมีเวลาให้ซีมากขึ้น
แต่พอผมว่างมากขึ้น

ผมก้อพูดกับซีว่า ? ซี....
แทนเบื่อแล้ว
แทนอยากทำงาน
แต่ไม่ได้หมายความว่าแทนเบื่อซีนะ
แทนจะรับงานตรวจสอบบัญชีจากบริษัทอื่นมาทำด้วยนะ
ซีเห็นด้วยมั้ย?
ซีตอบกลับมาว่า
?ถ้ามันเป็นความต้องการของแทน
ซีก้อเห็นด้วย?

ผมก้อรับงานจากบริษัทอื่นเข้ามาทำ
เวลาว่างที่ผมเคยมีให้ซีก้อค่อยๆ หมดลงไป
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมจะต้องพยายามทำงานให้มากเพื่อที่จะเทียบเท่าหรือใกล้เคียงซีมากขึ้น
ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะบอกว่ารักเธอ
แต่ในใจแล้วผมรู้สึกได้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้วว่าซีคือคนที่ผมอยากอยู่ด้วย
วันนี้เป็นวันเกิดของซี

ผมทำงานจนลืมไปเลยว่าวันนี้วันเกิดของเธอ
วันรุ่งขึ้นซีโทรมาหาผมแล้วพูดว่า
แทนไม่เคยลืมเลยนะ แต่ปีนี้แทนลืม
เมื่อวานเป็นวันเกิดของซีนะ?
แล้วเธอก้อร้องไห้
ในเวลานั้นผมเครียดเรื่องงานมาก

ผมเลยพูดออกไปอย่างไม่คิดว่า ?ไร้สาระน่ะซี
แทนต้องทำงานนะ
แทนไม่ว่างเหมือนซีนะ?
เธอเงียบไปสักพักแล้วซีก้อพูด ?ขอโทษนะแทน
ซีไม่อยากทะเลาะกับแทนซีอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขโดยมีแทนอยู่เคียงข้างนะ?

ผมโกรธที่เธอพูดแบบนี้มาก
แต่เงียบไม่ต่อว่าอะไรเธอไป ซีพูดต่ออีกว่า

อีก2วันซีจะไปอเมริกากับแม่ ซีอยากให้แทนไปด้วย
ซีขออนุญาตคุณพ่อแล้วนะ
คุณพ่อบอกว่าให้แทนไปด้วยได้
แทนจะไปกับซีมั้ย?
ผมตอบกลับไปว่า ?ช่วงนี้งานยุ่ง
ซีไปกับแม่ให้สนุกเถอะ?

แล้วซีก้อวางหู
ซีเดินทางไปอเมริกากับแม่ 1 เดือน
ในเวลาระหว่าง 1 เดือนนี้
ผมไม่ได้ติดต่อกับซีเลย
พอซีกลับมากรุงเทพ
ผมก้อไม่ได้ไปรับ
หลังจากกลับมาจากอเมริกา
ผมกับซีก้อห่างเหินกันไม่ค่อยได้เจอกันเลย 1 เดือนจะได้เจอหน้ากันสัก 2 - 3
ครั้ง
ไม่ได้โทรคุยกันเลยเพราะผมงานยุ่งมาก
ผมทำงานที่บริษัทพ่อซีมา 3 ปีแล้ว
ตอนนี้ผมคิดว่าผมพร้อมทุกอย่างแล้ว
มีเงินพอที่จะซื้อบ้าน ซื้อรถ
และทุกสิ่งทุกอย่างที่ซื้อได้ด้วยเงิน

วันที่14 กุมภาพันธ์ ผมจึงตัดสินใจที่จะขอซีแต่งงาน
แล้วคืนก่อนวันที่14
ซีก้อโทรมาหาผมที่บ้าน

แทนซีถามอะไรแทนหน่อยได้มั้ย?
ผมตอบว่า ?ได้สิ?
ซีถามต่อ ?แทนทำไมถึงขยันทำงานขนาดนี้
แทนขยันเพื่อใคร เพื่ออะไร?


ผมไม่ตอบกับคำถามของซี
แต่พูดกลับไปว่า
พรุ่งนี้แทนจะบอก
แทนจะตอบทุกคำถามขอซี
พรุ่งนี้ซีไปสวนสามพรานกับแทนนะ? ซีตอบมาว่า ?ได้

เช้าวันที่14 กุมภาพันธ์ ผมรีบไปที่เต้นท์ โชว์รูมฮอนด้า
ทำสัญญาออกรถป้ายแดง
ออกมาแล้วก้อขับไปรับซีที่บ้าน
ผมนึกว่าซีจะตกใจที่ผมขับรถไปรับเธอ
แต่ไม่เลยเธอดูอ่อนเพลียเหมือนคนไม่สบายหน้าซีด

ผมจึงบอกซีว่า
ไว้วันหลังก้อได้นะซี? ซีตอบกลับมาว่า ?วันนี้แหละ
ซีอยากไปวันนี้
ก่อนขับรถออกจากบ้านซีผมเห็นแม่ซีดูเหมือนจะร้องไห้แต่ก้อไม่ได้คิดอะไร
พอมาถึงสวนสามพราน
ผมเดินจูงมือซีดูดอกไม้
เดินได้สักพักผมก้อพาซีมานั่งที่ม้านั่งริมสระน้ำ
ซีซบไหล่ผมแล้วพูดกลับผมว่า

แทน ซีรู้นะว่าแทนรักซี
แต่ซีอยากให้แทนบอกซีเองจะได้มั้ย
แทนบอกซีด้วยว่า
แทนทำไมถึงขยันทำงานขนาดนี้แทนขยันเพื่อใคร
เพื่ออะไร?


แล้วคราวนี้ผมก้อบอกเธอทุกอย่างว่า

ซี.........แทนรักซีนะ
ทุกอย่างที่แทนขยัน
แทนทำเพื่อซี
แทนไม่อยากให้ซีโดนใครดูถูกว่ามาคบกับแทน
แล้ววันนี้แทนมีพร้อมทุกอย่างแล้ว
วันนี้แทนคิดว่าแทนใกล้เคียงพอที่จะขอซีแต่งงานแล้ว
ซีแต่งงานกับแทนนะ"

แล้วผมก้อหยิบแหวนแต่งงานที่แอบซื้อไว้หมายจะสวมเข้าที่นิ้วของซี
ผมจับมือของซีขึ้น
เธอไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่ผมทำ
ผมจับตัวเธอเขย่า
เธอไม่รู้สึกอะไรเลย

ผมจึงอุ้มร่างซีขับรถไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
แล้วแล้วระหว่างนั้นผมก้อโทรบอกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับซี
มาถึงโรงพยาบาล หมอรีบพาซีเข้าห้อง ไอซียู

ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยถามหมอว่าซีเป็นอะไรหมอก้อไม่ยอมบอก
ไม่นานพ่อกับแม่ซีก้อมาถึงโรงพยาบาล
ผมถามแม่ซีว่าซีเป็นอะไร
แม่ซีบอกกับผมว่า

ซีเป็นโรคหัวใจ เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว?


ผมอึ้งทำไมผมมันโง่อย่างนี้ผมไม่เคยรู้อะไรเลย
ไม่เคยรู้ว่าซีเป็นโรคหัวใจ

ผมนั่งภาวนาอยู่หน้าห้องไอซียูว่าขออย่าให้ซีเป็นอะไรเลย
ถ้าซีหายผมจะแต่งงานกับเธอ
จะไม่ทิ้งให้เธอเดียวดายอีกต่อไป
ซีอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 5 ชั่วโมง
หมอก้อเดินออกมาจากห้อง
ผมรีบวิ่งเข้าไปเขย่าตัวหมอแล้วถามว่า

ซีไม่เป็นไรใช่ไหมหมอ?
หมอเงียบสักพักแล้วตอบว่า ?ผมเสียใจด้วยนะครับ?

ผมได้ยินคำนี้ถึงกับทรุดตัวลง
แล้วก้อนั่งร้องไห้ออกมา
หลังจากนั้นงานศพของซีของถูกจัดขึ้นท่ามกลางแขกหลายคน
รวมทั้งเพื่อนของซีด้วย

วันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันเผาศพ
แม่ซีแทนเข้ามาหาผมแล้วก้อยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผม
แล้วพูดว่า

ของที่อยู่ข้างในเป็นของที่ซีเขียนจดหมายไว้ให้แม่
บอกให้แม่มอบให้แทน?

ผมค่อยๆแกะซองนั้นออกข้างในมีสมุดเล่มเล็กๆ
กับม้วนวีดีโออยู่

หลังจากพีธีเผาศพเสร็จผมนั่งอยุ่ด้านหน้าจนแขกในงานกลับไปกันหมด
พ่อซีเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดกลับผมว่า
ซีรักแทนมากนะ? แล้วพ่อก้อเดินกลับไป

ผมขับรถกลับมาคอนโด ด้วยรอยคล้ำใต้ตา
ผมเดินไปหยิบม้วนวีดีโอเทปแล้วนำมันไปเปิด
ผมเห็นซีในชุดสีขาวเหมือนชุดในโรงพยาบาลไม่มีผิด

ซีพูดว่า ?แทน .......
ถ้าแทนได้ดูม้วนวีดีโอนี้แล้วแสดงว่าซีไม่ได้อยู่แล้วนะ
ตอนนี้ซีอยู่ที่โรงพยาบาลในอเมริกา
แม่ซีพาซีมาหาหมอเพื่อที่จะผ่าตัดครั้งสุดท้าย
ถ้าผ่าตัดครั้งนี้ไม่สำเร็จ

หมอบอกว่าซีจะอยู่ได้อีกไม่ถึง 2 ปี
แต่ซียอมเสี่ยงเพื่อที่จะได้อยู่กับแทนตลอดชีวิต
ซีไม่โกรธแทนนะที่แทนไม่มาอเมริกากับซี
แต่แทนอย่าโกรธซีนะที่ซีไม่ได้บอกว่าซีเป็นโรคหัวใจ
ซีแค่ไม่อยากให้แทนกลุ้มใจ
ซีเห็นแทนพยายามในสิ่งที่แทนต้องการ
แค่นี้ซีก้อมีความสุขแล้ว
ซีรู้นะว่าแทนพยายามทำเพื่อใคร
แทนทำเพื่อซีใช่มั้ย
ถ้าคิดไปเองก้อขอโทษนะ
ซีอยากให้แทนรู้นะว่าซีรักแทนมาก
มากที่สุดด้วย?

สัญญาณภาพก้อหายไป
น้ำตาขอผมออกมาชำระความโง่เขลาของตัวเอง
ทำไมผมไม่เอะใจกับคำพูดของเธอที่ว่า ?ขอโทษนะแทน
ซีไม่อยากทะเลาะกับแทนซีอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขโดยมีแทนอยู่เคียงข้างนะ?

..ผมน่าจะรู้ว่าเธอไม่สบาย

..ผมน่าจะไปอเมริกากับเธอ

ผมนั่งคิดสักพักแล้วก้อหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

ในนั้นเขียนว่า
ถึงแทนที่ซีรัก
อย่าโทษตัวเองนะที่ไม่มีเวลาให้ซี
อย่าโทษตัวเองนะว่าผิด
เรื่องนี้ไม่มีใครผิด
และก้อไม่มีใครถูก
ซีรักแทน
แทนก้อรักซี ถึงเรา 2
คนจะไม่พูดแต่ซีก้อรู้สึกนะ
ถึงซีจะไม่อยู่แล้ว
แต่ซีก้อยังคงอยู่ในใจแทนนะ
ซีรักแทนมาก
มากเกินกว่าที่จะเขียนลงไปได้
ซีอยากจะบอกกับแทนว่ารักจากปากของซีเอง
แต่มันคงไม่มีเวลาแล้ว
หลังจากที่ซีไปผ่าตัดแล้วผลออกมาล้มเหลว
ซีก้อป่วยมาตลอด ซีไม่ได้โกรธแทนนะ
แต่ซีไปหาแทนไม่ไหว
ซีไม่อยากจะบอกให้แทนรู้

เพราะแทนกำลังตั้งใจกับงานที่ทำอยู่
สุดท้ายนี้ซีอยากจะบอกกับแทนว่า
ซีขอโทษซีอยู่กับแทนได้แค่นี้ระยะเวลา 9 ปีที่ซีอยู่กับแทนถึงมันจะน้อยแต่ซีรู้สึกมีความสุขมากนะ

ลาก่อนแทนที่ซีรัก?

ผมอ่านจดหมายเสร็จ
ผมก้อนั่งร้องไห้และคิดอยู่ตลอดเวลาว่า
ตอนนี้ผมมีทุกอย่าง
มีทุกสิ่งที่จะซื้อได้ด้วยเงิน
แต่ผมกลับซื้อเวลาที่จะอยู่กับซีไม่ได้
แต่ถ้าผมซื้อเวลาคืนมาได้

1 นาที ผมจะบอกว่าให้ซีรู้ว่า ผมรักเธอมากแค่ไหน
1 ชั่วโมง ผมจะรีบขับรถไปหาเธอแล้วบอกเธอว่าขอโทษที่จำวันเกิดไม่ได้นะที่รัก
1 วัน ผมจะอยู่กับเธอในวันเกิดที่ผมลืม
1 เดือน ผมจะไปดูแลเธอที่อเมริกา
และ 1 ปี ผมจะขอเธอแต่งงานและอยู่กับเธอ
ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ 1 ปีก้อตาม ในชีวิตของคนๆนึง
จะมีสักครั้งมั้ยที่จะได้พบรักแท้ในรักครั้งแรก
ชีวิตเราเกิดมาเพื่อใคร และเกิดมาทำไม
อย่างน้อยชีวิตของผมที่เกิดมา

ก้อได้รู้ว่าเกิดมาเพื่อใครและพยายามเพื่อใคร
สำหรับรักครั้งแรกของผมนั้นผมคิดว่าจะเป็นรักครั้งเดียวในชีวิตของผมที่ดีที่สุด
ถึงแม้ผมจะไม่ได้บอกกับซีว่า ผมรักซี
แต่ตอนนี้ผมจะบอกผ่านโพส.ไปถึงซีว่า
ผมรักซีมาก รักตั้งแต่วันแรกที่เจอ
ซีคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีได้ในวันนี้
เพราะฉะนั้นผมจะไม่รักใครอีกนอกจากเธอ?

ซีจากผมไป 1 ปี กับ อีก 4 วัน
แต่เมื่อวานซีก้อยังทำให้ผมร้องไห้อีกจนได้ครับ

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวานตอนเย็น
ผมกลับมาที่คอนโด
เพื่อเปลี่ยนชุดไปงานเลี้ยงของบริษัทที่ผมทำงานอยู่( หรือบริษัทของพ่อซี )
ผมเลือกเสื้อสูทที่จะใส่ไปงาน

ในขณะที่ผมเลือกอยู่ผมก้อเหลือบไปเห็นเสื้อสูทสีม่วงผ้ากำมะหยี่
ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าเสื้อตัวนี้

ซีเป็นคนซื้อให้ผมก่อนที่เธอจะไปรักษาตัวที่อเมริกา
แต่ผมไม่เคยใส่มันเลย
เพราะเคยลองใส่ดูแล้วมันดูเหมือนนักสนุ๊กเกอร์ อย่างไรไม่รู้
ผมเลยไม่ชอบ

แต่วันนี้ผมคิดถึงซีมาก
ผมเลยหยิบสูทตัวนี้ขึ้นมาใส้

พอใส่เสร็จผมมีความรู้สึกว่ามีของอยู่ในกระเป๋า
ผมจึงล้วงลงไปหยิบและเอามันขึ้นมาจึงรู้ว่ามันเป็นเทปคาสเซ็ทม้วนหนึ่ง
ด้วยความอยากรู้ว่ามันเป็นเพลงอะไรผมจึงตรงไปที่เครื่องเสียงแล้วเปิดมัน
เสียงแรกที่ผมได้ยินเป็นเสียงของ ซี
เธออัดเสียงของเธอลงในเทป
ต่อไปนี้จะเป็นคำพูดที่เธอพูดในเทปนะครับ

"สวัสดีค่ะ แทน
นั่นแนะ
แทนได้ฟังเทปแล้วแสดงว่าแทนแพ้พนันซีแล้วนะ
เพราะแทนบอกว่าจะไม่มีวันใส่สูทตัวนี้(เธอหัวเราะเบาๆ)
ในที่สุดแทนก้อใส่สูทตัวนี้จนได้เฮ้อ (เธอถอนหายใจ )
ตอนนี้เราจากกันนานหรือยังนะ
ขอโทษที่ซีพูดอย่างนี้นะ
เพราะซีคิดว่าแทนคงได้ฟังเทปนี้ตอนที่ซีไม่ได้อยู่กับแทนแล้ว
แทนคิดถึงซีมั้ย
คงคิดถึงล่ะสิ แทนอยากรู้มั้ยว่าตอนนี้ซีอยู่ที่ไหน
ถ้าอยากรู้ทำตามที่ซีบอกนะ
แทนเปลี่ยนเทปไปฟังที่ต้นหน้า B นะค่ะ "

แล้วเสียงซีก้อเงียบลง
ผมจึงรีบกรอไปที่ต้นหน้า B
แล้วเปิดฟัง

" แทนค่ะ แทนทำตามที่ซีบอกนะค่ะ แทนหลับตาลงนะ"

แล้วผมก้อได้ยินเสียงคลื่น
แล้วก้อมีเสียงเธอพูดขึ้นว่า

"แทน ซีว่าเปลือกหอยอันนี้สวยจังเลยนะค่ะ "

แล้วเธอก้อพูดขึ้นมาว่า

"รู้มั้ยว่าตอนนี้เราอยู่กันที่ไหน"

ผมตอบกับตัวเองว่าทำไมจะจำไม่ได้
เพราะเสียงที่ผมได้ยินนั้นมันมาจากม้วนวีดีโอ
ที่เราไปถ่ายตอนไปเที่ยวที่พัทยา
แล้วเทปที่มีเสียงของซีก้อยังคงเล่นต่อไป
ซีเปิดวีดีโอ
มีเสียงที่อยู่ตามสถานที่ต่าง ๆที่
ผมกับเธอไปเที่ยวกัน
เสียงของเธอในเทปก้อพูดขึ้นมาว่า

"ตอนนี้แทนรู้ยังค่ะว่าซีอยู่ที่ไหน
ซีอยู่ในใจแทนนะ
เวลาที่แทนคิดถึงซี
แทนก้อเปิดวีดีโอ หรือ
รูปถ่ายของเราดูก้อได้นะ
และวันนี้ซีก้อจะรักษาสัญญากับแทนอีกเรื่องหนึ่งนะค่ะ
แทนจำได้มั้ย
แทนเคยร้องเพลงให้ซีฟัง ซียังจำได้นะ
แต่จำชื่อไม่ได้ว่าเพลงอะไร
แต่จำเนื้อร้องได้ท่อนนึงนะ
ท่อนที่ว่า"

เส้นทางชีวิตของฉัน

ถึงแม้ว่ามันไม่โรยด้วยกลีบดอกไม้

แต่มันเป็นทางที่ฉันเลือกเดินด้วยหัวใจ
เส้นทางชีวิตสายนี้จะขอพิสูจด้วยแรงและกำลังใจ

และอะไรต่อจำไม่ได้แล้วค่ะ

ร้องได้แค่นี้ค่ะ พอแทนร้องเสร็จ
แทนก้อบอกให้ซีร้องให้ฟังบ้างแต่ซีไม่ได้ร้อง
แทนเลยโกรธ แต่วันนี้ซีจะร้องให้ฟังนะ
แทนฟังให้ดีนะ

ซีอาจจะร้องไม่เพราะเท่าไรนะค่ะ
ซีจะฝากบทเพลงนี้ไว้แทนใจนะ
เมื่อไรที่แทนเหงาแทนจงฟัง
เพราะมันจะเป็นบทเพลงสุดท้ายไว้แทนใจ
เพราะตอนนี้เราคงต้องห่างไกลกันนะ
ซีร้องแล้วนะ (แล้วเธอก้อร้องเพลง )

" วันคืนที่เนิ่นนาน
อาจผ่านชีวิตคน
อาจเปลี่ยนใจคนให้เวียนหมุนไป
ทำเราจากกันนาน
ไม่เคยโทษใคร
มันเป็นเงื่อนไขของกาลเวลา
วันวานของเรา
แม้มันไม่คืนกลับมา
แต่อยากจะบอกให้เธอรู้ว่า
ฉันยังห่วงใย
ใจก้อยังคิดถึงเธอ
เหมือนแต่ก่อนเป็นมาเสมอ
แม้ว่าเธอจากฉันไป
ฉันยังเฝ้าดู
และอยากจะรู้ความเป็นไป
เพราะว่าฉันรักเธอดั่งเดิม เดิม
ถึงจะนาน
นานเท่าไร
ฉันขอพอใจขอเป็นอย่างเดิม
ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอต้องเหนื่อย
ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอลำบาก
ได้แต่คอยเอาใจช่วยเธอทุกอย่าง
อยากให้เธอมีโลกที่สวยงาม
รักเธอเสมอ
ยังไงซีก้อรักแทนนะค่ะ"

สุดท้ายยย (
เสียงของเธอผมรู้สึกได้เลยครับว่าเธอกำลังร้องไห้
เพราะเสียงของเธอสะอื้น )

ซีอยากจะบอกแทนว่า
แทนอย่าปิดกั้นตัวเองเพราะซีนะค่ะ

ซีอยากให้แทนเจอคนดีดี

อย่าจบชีวิตตัวเองโดยไม่ใคร แทนเป็นคนดี
แทนต้องได้เจอคนดีดี
ซีเชื่อว่าต้องเป็นเช่นนั้น
ซีจะไม่โกรธถ้าแทนจะมีใครสักคน
แต่ซีจะโกรธถ้าแทน ปิดกั้นชีวิตเพราะซี
แทนค่ะ
แทนอย่าทำให้ซีต้องเป็นห่วงนะค่ะ
แทนสัญญากับซีนะค่ะ
ว่าจะไม่ปิดกั้นตัวเอง
ถึงซีจะไม่ได้ยิน
ซีจะเงียบให้แทนพูดนะค่ะ .......

ไม่มีเสียงจากเทปครับ
ผมก้อเลยพูดออกไปตามอารมณ์
แทนสัญญา
ผมก้อนึกว่าเทปคงหมดหน้าแล้วจึงเอื้อมไปปิด
ผมถึงกลับสะดุ้งและขนลุกทันที
ที่ได้ยินเสียงของซีออกมาจากเทปแล้วพูดว่า

" ขอบคุณนะค่ะ
ถึงซีจะไม่ได้ยินแต่ซีเชื่อว่าแทนคงจะรักษาสัญญากับซีนะค่ะ
ว้าเทปหมดแล้วนะค่ะ
ซีรักแทนนะค่ะ................."

ช่วงเวลาที่ผมได้ยินคำขอบคุณจากเธอ
ผมยังรู้สึกว่าเธอยังอยู่ข้าง ๆผมเลย
ผมคิดถึงเธอมาก
ผมนั่งคิดว่าทำไมซีถึงเข้มแข็งได้ขนาดนี้
ผมนั่งร้องไห้ไปตั้งแต่ได้ยินเสียงคลื่นจากทะเลของวีดีโอแล้ว
แต่เสียงเพิ่งมาร้องไห้ตอนร้องเพลงให้ผมฟัง
ทำไมเธอถึงพูดได้ขนาดนี้ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองจะต้องตาย
ทำไมเธอไม่เคยบ่นว่าทรมานให้ผมฟัง
แล้วทำไมเธอยังเป็นห่วงชีวิตผมอีก
แล้วอย่างนี้ผมจะลืมเธอได้มั้ย
ผมจะเจอคนที่เป็นห่วงและรักผมได้อย่างนี้อีกมั้ย
แต่อย่างน้อยผมก้อยังรู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้จากผมไปไหนไกล
แต่เธอยังอยู่กับผมใกล้ในใจผมเสมอ

และแล้วผมก้อไปไม่ทันกล่าวพิธีเปิดงานเลี้ยงจนได้
พ่อของซีโกรธใหญ่เลย อิอิ
ท่านถามผมว่าไปทำอะไรมา

ผมแอบอมยิ้มแล้วตอบกับท่านว่า
"ผมนั่งฟังคนที่ผมรักพูดอยู่ครับ "

พ่อซีได้ยินเท่านั้นแหละทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกไปเลยครับ
อิอิอิอิ



สายลมพัดไปแล้วไม่หวนมา
เหมือนกับชีวิตคนตายไปแล้วก้อไม่ฟื้นขึ้นมา

ขึ้นอยู่กับว่าโลกสำหรับคนที่ตายนั้นมันเป็นอีกโลกนึง
แต่โลกสำหรับคนที่อยู่นั้นมันเป็นโลกแห่งความจริง
อย่ายึดติดกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน
และอย่าปิดกั้นในสิ่งที่เรียกว่ารักแท้
แต่จงยึดมั่นและเก็บความรู้สึกที่ดีไว้ให้กับรักแท้จะดีกว่า


มีพบก้อมีจากมันเป็นธรรมดา

C love Tan never die and forever but Tan
forget me not .
Because C will alive in your heart.


นั่นคือจดหมายฉบับสุดท้ายที่ซีเขียนให้ผมและแนบไว้ในกล่องใส่เทปคลาสเซ็ท




 

Create Date : 01 กันยายน 2549    
Last Update : 1 กันยายน 2549 20:28:39 น.
Counter : 318 Pageviews.  

1  2  

killhack
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add killhack's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.