Group Blog
 
All blogs
 

โรงเกรีียน และ ไมเคิล

โอเคร เช้าวันใหม่ที่น่าจะสนุก (แอบหวัง) ได้มาถึงแล้ว ด้วยความที่ผิดถิ่นหรือว่า jet lag หรืออะไรก็แล้วแต่ มันได้ถีบร่างผมออกมาจากเตียงค่อนข้างเช้าไปนิซนึง เอาเถอะแต่งตัวแปรงฟัน (แน่นอนน้ำมะอาบตามวิสัย) ขึ้นรถเมล์สาย 254 ไป โรงเรียน (แก่ตะตายห้าแล้วยังไปโรงเรียน) ใช้เวลาร่วมๆ40นาที ก็มาถึงตรงที่หมาย ผมเช็คเวลา โอ้วเพิ่ง8.10น. เอง เหลือเวลาอีกตั้งยี่สิบนาที โรงเรียนก็ห่างจากป้ายแค่สองบล็อกเอง (เดิน5นาทีก็ถึง) อื้อ!มันต้องเป็นวันที่สดใสของผมแน่ๆ ว่าแล้วก็เดินไปเรื่อยๆอย่างสบายใจ แต่เอ๊ะ ทำไมไม่ถึงซักทีหว่า? ใช่ครับเพื่อนๆ ผมหลงครับ = = เออเยี่ยมจริงๆไปที่ไหนก็หลงเว้ยกรู เอาวะถือว่าซ้อมใช้ภาษาก่อนเข้าเรียนเลยละกัน ในมือมีแผนที่เมืองซิดนีย์ที่น่าจะมีประโยชน์ในยามคับขันเช่นนี้แต่ผมใช้วิธีเดินถามเอามองหาเหยื่อที่หน้าตาพอจะมีจิตเมตตา นั่นแน่!เจอแล้วคุณลุงคนนั้นต้องช่วยผมได้แน่เลย ผมเดินรี่เข้าไปถามแบบไม่ลังเล ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากคุณลุงใจดีก็สวนออกมา Get off F***!!

I

หลงทาง หลงทิศ


]


สีแดงคือทางที่หลงไป



เอ่อ..หลอนครับทั่น ผมก็ชิ่งแล้วมายืมหลบตรงมุมอับค่อยๆบรรจงดูแผนที่ ที่แค่เห็นผมก็อยากขว้างทิ้งแล้วเพราะ มิติสัมพันธ์ผมเข้าขั้นโคม่า โชคยังดีที่มีคนแถวนั้นบอกทางผม สุดท้ายผมก็ไปถึงโรงเรียนเวลา 9.00 น. ตรง…ชิบหอยแระมาสายไปครึ่งชม.เต็มๆ ผมรีบวิ่งไปที่ รีเซปชั่น แล้วขอข้อสอบจากเขา พอเราเข้าห้องไปปุ๊บ พวกเพื่อนๆก็สอบกันเสร็จหมดแล้ว อาจารย์คุมสอบก็บอกว่าไม่เป็นไร คุณจะได้เวลาเท่ากับเพื่อนๆ ค่อยๆทำไปนะ ผมรีบลงมือทำข้อสอบ ปรากฏว่า หมูมากจนน่าตกใจ บางทีอาจเป็นเพราะว่ากว่าผมจะได้วิซ่ามาที่นี่ ผมต้องผ่านขั้นตอนที่ยากมากมายหลายอย่าง รวมไปถึงสอบ IELTS ด้วย แต่ไม่รุ้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพิ่งผ่านไปแค่สิบนาที อยู่ๆอาจารย์คุมสอบก็เข้ามาบอกผมว่า เอาละไม่ต้องทำแล้วเด๋วเข้ามาสัมภาษณ์เลย อาจารย์ก็ถามคำถามปามานว่า ทำไมยูถึงมาสายล่ะ ผมก็ตอบไปแบบเขินๆนั่นละ เพราะว่าทางมันใกล้มากจนไม่น่าหลงผมก็ยังอุส่าทำไปด้ายยย จนกระทั่งคำถามนางงามก็มาถึง (คำถามที่ผมทำการบ้านมา) เอ่อคุณช่วยเล่าเรื่อง “วันแรก”ของคุณให้ครุฟังที ผมนี่เล่าได้เกือบทุกรายละเอียดแบบในบลอก
ตอนแรกของผมเลย แล้วด้วยความที่ผมโมโหในเรื่องความเข้าใจผิดเรื่องที่ผมสมควรจะมีคนมารับแต่ดันไม่มี ผมเลยถามอาจารย์ว่า อาจารย์คือ Susie Randall* รึเปล่าครับ (*อยุ่ในตอนที่หนึ่งนะครับ) ออกรีบออกตัวเลยว่าไม่ใช่ๆ ครุมะเกี่ยวววว เหอๆๆ ครับแล้วกิจกรรมช่วงเช้าของผมก็จบลงด้วยดี


ในระหว่างที่นั่งรอฟังผลการวัดระดับผมก็เริ่มเล็งสาวๆ เอ้ย! เพื่อนๆคุย ซึ่งผมค่อนข้างแปลกใจในห้องนั้น นร.รอฟังผลอยู่เกือบๆ 40คน แต่ผมเจอคนไทยแค่คนเดียวทั้งๆที่พอจะรุ้มาว่าคนไทยมาเรียนภาษาที่นี่เยอะมาก เกือบทั้งหมดเป็นคนเอเชีย และคนเอเชียเกินครึ่งเป็นสาวๆเกาหลี (ซี้ดดด) เห็นแล้วจะละลาย แต่ ดำ จัง กู อย่างผมพวกเค้าคงมะสนหรอก เอาเถอะนี่เรามาเรียนใช่มั้ย!? และแล้วผลการวัดระดับก็มาถึง ผมยังงงๆว่าทำไมผมหลุดเข้าไปอยู่ในระดับ5 (มี6ระดับ) ทั้งๆที่ข้อสอบผมก็ยังทำมะเสร็จเลย สงสัยอาจารย์แกต้องกลัวผมเผาตึกแน่เลย เลยจับไปเรียนยากๆซะงั้น ผมถึงกะเซ็งทันทีที่เข้าไปเห็นเพื่อนๆร่วมห้อง น้องๆเกาหลี แอ๊บแบ๊วทั้งหลายที่ผมเห็น ได้อันตรธานกันไปอยู่ห้อง ระดับ1หมด ซึ่งเรียนกันคนละตึก เซ็งมาาาาาก!! แต่เอาเถอะแค่เดือนเดียวเราก็จะลุยสู่โลกแห่งความจริงแล้ว

หน้าโรงเรียน





เอาละอุส่านั่งอ่านกันมาถึงย่อหน้านี้ผมขอย้ำอีกทีว่า ผมมาที่ออสเตรเลียนี่ไม่ใช่เพื่อมาเรียนภาษานะครับ ผมมาผจญภัยคนเดียวด้วยวิซ่าที่ค่อนข้างใหม่ มากๆสำครับคนไทย (Working Holiday Visa) แต่ที่ต้องมาเรียนนี่ก็เพราะว่าอยากหิ้วสาวเกาหลี เอ้ย ผมต้องการเวลาในการปรับตัวเล็กน้อยและหาเพื่อนไปผจญภัยด้วยกัน และอีกอย่าง นึงสำเนียงของคนออสเตรเลียนี่ ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่า “นี่กรุเรียนภาษาอังกฤษมาอ๊ะเปล่าว้าา” ฟังยาากกมากกครับ ซึ่งพวกเราเองก็คงคุ้นเคยกับสำเนียงอเมริกันจากหนังโรงต่างๆ ยังดีนะที่อาจารย์ที่โรงเรียนสื่อสารกันเข้าใจดีมาก เอาละและแล้ววันแรกที่โรงเรียนก็หมดไป เลิกเรียนปุ๊บกลับบ้านเลยครับ หลอนนนน!! พอกลับถึงบ้านผมจ๊ะเอ๋กะนายไมเคิล เขาก็ถามว่าวันแรกเป็นยังไงบ้าง ผมก็บอกไปว่าก็ไม่เลวนัก แกก็บอกว่าหลังมื้อเย็นเราจะมีกิจกรรมสนทนากันทุกคืน ผมก็ตอบตกลงไปแบบไม่มีทางเลือก หน้าตาแกเอาจริงมากคงทำเป็นเนียนหนีไปนอนคิดถึงบ้านมะได้แน่นอน 555+ และแล้วการสนทนารอบหัวค่ำก็เริ่มขึ้น ไมเคิลออกตัวขอโทษผมที่ได้ถามคำถามแรงๆใส่ในวันแรก เขาว่าเพื่อเป็นการดูไหวพริบและปฏิกิริยา ของเรา ผมก็บอกไปว่าอ๋อไม่เป็นรา….. “เอ่อ” ยังไม่ทันที่ผมจะจบประโยค เขาก็ยิงหัวข้อการสนทนาขึ้นมาทันที “ถ้าสมมุติว่า ตอนนี้มีไอ ยู และแฟนของยูนั่งคุยๆกันอยู่ แล้วแฟนของยูบอกว่าอยากไปนอนกะไอ ยูจะว่ายังไง” ณ จังหวะนี้ผมได้เรียนรู้แล้วว่า นาย big brother คนนี้แกชอบวัดกึ๋นมาากกก ผมเลยงัดบุหรี่ขึ้นมาดูด และตอบแบบสำรวมด้วยการยิงคำถามกลับไปว่า เฮียเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมมั้ย? แกยิ้มแล้วบอกว่า เชื่อ ผมเลยบอกว่างั้นชาติที่แล้วแฟนของยูคงทำแบบเดียวกะที่ยูว่ามาละมั้ง มันก็เลยถึงคราวใช้หนี้กันมั่ง พอเขาได้ฟังก็ถึงกะถูกใจ เปิดเบียร์เลี้ยงผมสบายใจกันไป เขาบอกว่า ผมเป็นคนแรกใน 33คน ที่บ้านเขาเคยรับมาอยู่ด้วยและตอบคำถามนี้ ปกติพวกที่ผ่านมานี่ จะเปลี่ยนเรื่องคุย หรือไม่ก็ขอตัวไปทำอย่างอื่น ซึ่งในความคิดของผมมันไมได้น่าภูมิใจหรอกนะที่ตอบแกได้ แค่เอาตัวรอดเก่งน่ะครับ เหอๆๆ ไปนอนดีกว่าเนอะ สำหรับคืนนี้เลิกแถวแล้วสวัสดีครับทุกท่านน




 

Create Date : 10 กันยายน 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2550 0:07:09 น.
Counter : 439 Pageviews.  

ก้าวแรกของนักเกรียน**..... บ้าน big brother และ คำถามวัดกึ๋น

โด่เอ้ย ไปจับแท็กซี่เองก็ได้ว้าา แต่เอ๊ะเจ๊ด(โดราเอ)ม่อนนน!! นั่นมันอะไรอ่ะ คิดรอแท็กซี่ หรือว่าคิดรอดูหนังที่ เมเจอร์ซีนีเพลกซ์ เหมือนกันทุกประการ โดยไม่ต้องห้อย QED พวกพ่อค้าแม่ขายคนบ้าคนใบ้มารวมหัวต่อคิวกัน สมเป็นประเทศเจริญแล้ว ผมอยู่ลำดับที่60 ต้นๆได้ อาศัยการคำนวณ ว่าผู้โดยสารได้ขึ้นรถหนึ่งคนใช้เวลาเกือบ2นาที ก็ฝากบรรดาผู้อ่านลับสมองดูว่าผมรอมานานเท่าไรถึงได้แท็กซี่นะคร้าฟฟฟ กรรกๆๆ แท็กซี่ที่นี่ส่วนมากเป็นคนปากีสถาน พวกเขาหน้าตาดุดันแต่เท่าที่ผมนั่งมาทุกๆคนล้วนมีน้ำใจ และไม่หวงน้ำลายกันเลย “แพล่มมมตลอดทาง” ก้นผมลงเบาะตดยังไม่ทันได้ผาย ก็โดนยิงคำถามซะแล้วมา อ้าวยูมาจากไหนอ่ะ? ไทยแลนด์ครับ จากนั้นโชเฟอร์ก็เงียบไปนิดหน่อยเหมือน เน็ทที่เกิดอาการ Lag เขาได้มองผมผ่านกระจกหลัง แล้วพูดว่า “อย่าได้ทะลึ่งไปxXx กะสาวๆ ออสซี่นะ” ไม่งั้นยูจะ “สูญสิ้น” ทุกสิ่งทุกอย่าง ผมได้แต่ขำแห้งๆแล้วคิดในใจว่า เออกรูรู้แระ ทำไมผมถึงได้ผ่านกระบวนการ มากมาย เพื่อที่จะได้มาต่างประเทศ ชื่อเสียงเรามันดีเจงๆ . . . .


ป้ายซอยคา(รา)รู



ยังดีที่บทสนทนาของเรายังไม่ถึงกับร้าวฉาน โชเฟอร์ยังคงสรรหาอะไรต่างๆมาพูดได้เรื่อยๆจนกระทั่งถึงที่หมาย บ้านHome stay ที่ผมได้ “bookED” ไว้ ผมไม่ประมาทเชคที่อยู่ที่อยู่ต่อหน้าโดยละเอียดเทียบกับ เอกสารที่ผมมีในมือ โอเคตรงกัน ไม่รุ้เกิดอะไรขึ้นกะตาคนขับ แกลดค่าโดยสารให้5 เหรียญซะงั้น แถมยังใจดีช่วยผม Activate ซิมการ์ดในตำนานนี่ด้วย สุดยิด! ซึ่งผมมาสำเร็จโสดาบันตอนนี้เอง เบอร์ที่ได้มาในบัตรเติมเงิน กับที่ต้องกดจริงๆน่ะมันคนละเบอร์กัน จาก 1511 เป็น1555 (อย่าให้กรูเจอนะอิหมวย) ครับบอกลาคนขับเสร็จผมเริ่มยิ้มได้แล้ว วันนี้ก็ไม่ได้ซวยซะทีเดียวเว้ยเรา


จากเนื้อหาในเอกสารบุคคลที่อาศัยอยู่ในบ้านคือสองสาวแม่ลูก แต่ทันใดนั้นคนที่ออกมาจากบ้านเป็นผู้ชายวัยพอๆกับผมแต่ตัวใหญ่ยักษ์มาก เดินมาหาแล้วก็ถามว่า มีธุระอะไรที่นี่ เหวอดิครับ อะไรนี่หมอนี่ใครว้า ไม่มีในกระดาษนี่หว่า ไม่เป็นไรเข้าไปถามเขาดีกว่า บลาๆๆๆๆ เขาพูดกลับมาหาผมว่า....เอ่อ ที่พูดตะกี้นี้ “ภาษาอังกฤษ”รึเปล่า?? โอ้วววเกรียนแตกก!! ถึงกับตอหดหายเข้าไปในไส้ ไม่ไหวติงประมาณสามวิฯ แล้วค่อยๆใช้อวัจนภาษา ยื่นเอกสารให้เขาดู นายยักษ์นี่ไม่พูดอะไร แบกกระเป๋าเรามือเดียวเดิน ชิลๆขึ้นบ้านไปหน้าตาเฉย lnW (เทพ) แสดดด!! (30กก.) เอาวะเดินตามไปเรื่อยสไตล์ “ไปตามดวง” ดีกว่า


ภาพจากทางบ้าน



ในที่สุด ในที่สุด! เราก็เจอคนที่สมควรจะเจอ คุณแม่เว็นดี้!! จัดแจงแนะนำตัวเสร้จแล้วได้ความว่า ผู้ชายคนนี้คือ “พี่คนโต”(Big Brother) ไมเคิล นี่เอง คุณแม่เว็นดี้ยกชามาให้ดื่ม ผมกะลังนั่งลงซดนั่งไปได้สองวิ โดนเฮียบิ๊กบราเดอส์ ยิงคำถามใส่จนน้ำ (ที่อยู่ในถ้วยชา)แทบแตก! คำถามเขาจะติดไปในหัวผมไปอีกยิ่งยืนนานน่าจะนานจนถึงรุ่นเหลนผม เขาถามอย่างหน้าตายว่า “ยูมีความเห็นยังไง กับ*คุณตัว*ในเมืองไทย??” !? ครานี้ ตอไม่หดครับ ใบ้แดร๊กไปเลย @#$*!? ทันใดนั้นก็มีเสียงสวรรค์มาช่วยตอบคำถามสุดหินนี้ได้ “มันก็มีอยู่ทุกที่น่ะแหละ จะมีความคิดเห็นอะไรอีกละ?” เฮ้อ…รอดปายยยยย


สุขันบ้านนี้



11โมงเช้าแล้วหรือนี่ ผมก็ถูกแนะนำให้รุ้จักเพื่อนบ้านข้างๆ เป็นชายวัยประมาณ 60ปี ชื่อ ริเชิร์ด (ริช้าดดดน่ะแหละ…แร่ดจริงกรู) เขาพาผมเข้าไปดูเส้นทางรถบัสที่ผมต้องนั่งไป โรงเรียนภาษาพรุ่งนี้ พอตกเย็นผมก็โดนคุณเว็นดี้บังคับให้ไปอาบน้ำ และเข้านอนแต่หัวค่ำ เนื่องจาก “วันแรก”ของผมมันน่าระทึกขนาดนี้ แล้ว “วันต่อๆไป”ล่ะจะเป็นอย่างไร… ถามทีเถอะ ใครจะไปหลับลงวะคราบบ -_-


ห้องนอนผมครับ




 

Create Date : 06 กันยายน 2550    
Last Update : 6 กันยายน 2550 0:16:49 น.
Counter : 526 Pageviews.  

ก้าวแรกของนักเกรียน**

หลังจากลงจากเครื่องได้ไม่นาน ทุกอย่าง “เหมือน” จะไปได้สวย แต่ถ้าเรื่องมันปกติ แล้วผมจะเขียนมันขึ้นมาทำไมวะครับ miss concept กล้วยหมด อากาศวันนี้เย็นสบายดี (16c) พอผมเดินลงจากเครื่องได้ไม่นานเท่าไร !! เจอคนไทยด้วย เขาชื่อ อาท (มั้งไม่แน่ใจ) เขาว่านี่เขาเพิ่งนั่งเครื่องบินมาครั้งแรก มาหาน้าเพื่อช่วยกิจการร้านอาหาร
ผมสังเกตดูความตื่นเต้นของอาทที่ได้มาเมืองนอกครั้งแรกนั้น ไม่อาจเทียบได้กับอาการลนลาน หรือ ที่รู้จักกันดีว่า ล่ก* ที่สายตาของเขากำลังมองหาแต่คุณน้าสุดที่รักคนเดียว แต่ยังไงก็แล้วแต่ ผมมีเพื่อนเดินด้วยแล้วล่ะ

ตอนต่อไปเป็นกระบวนการสำคัญที่ผมทำการซ้อมรับมือมาอย่างดี เพราะนี่จะเป็นโอกาสแรกที่ผมจะต้องพูดกับฝรั่ง นั่นก็คือด่านตรวจคนเข้าเมือง ตอนที่ผมได้วีซ่าตัวนี้ มันยังไม่มีเป็นตราประทับลงไปในพาสปอร์ตเลยนะ ผมได้เป็นใบแทนวีซ่า[เศษกระดาษแผ่นเดียว] ดังนั้นผมเลยต้องมาขอวีซ่าตัวจริงกับ ตม. ซึ่งปรากฏว่าทางพวกเขาได้ทำการรับมือปัญหานี้ไว้แล้วแค่เดินไปตรงพื้นที่ ที่เขาจัดไว้ให้ ยื่นแผ่นกระดาษไปเป็นอันเรียบร้อย ผมจึงยังคงใบ้ต่อไป



หลังจากเสร็จกิจมารวดเร็วเหลือเชื่อแล้ว ผมก็มองหาคนชูป้ายชื่อ Paspan ทันที มองหาอยู่สักพัก ok สงสัยยังไม่มารับกระมัง ผมจึงหยิบ to do list ที่พี่ผมสั่งให้จดมาอย่างดี โอ้วว ภารกิจถัดไป หาซื้อซิมการ์ด ซึ่งก็สามารถพบเห็นได้ง่ายดาย เพราะซุ้มขายซิมการ์ดเป็นสีแดงแบบ หงส์แดงอ่าครับ “Vodafone” คือชื่อของเครือข่ายที่ผมเปิดใช้บริการเป็นครั้งแรก

โอ้ผมรีบตรงดิ่งเข้าไปแบบไม่ลังเล ทุกอย่างมีครบ ซิม โทรศัพท์ และออฟชั่นเสริมต่างๆ นานา แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ…คนขายหายไปไหนว้าาาา ไม่เป็นไรรอได้ครับ รอไปแบบขำๆแค่สิบนาทีเอง นางฟ้าหน้าหมวยก็ลงมาจุติอยู่ในซุ้มเรียบโร้ยย ชีเป็นคนที่ มี “ใจรักบริการ” อย่างแท้จริง อธิบายทุกอย่างโดยละเอียดราวกับผมเป็นเด็กทารกที่ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่เดิน ซึ่งผมก็รับฟังแล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด พอกดตามที่ว่ามาปั๊บ…เอ่อ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดว่ะ ผมได้บัตรเติมเงินมากระดาษเขียนว่าให้กด 1511 เลือกoption1 จากนั้นใส่ Pin no. กดไปปั๊บ ผมก็ถึงกับเกรียนแตก เพราะที่นี่เขาใช้ระบบ lnW โอเปอเรเตอร์ในสายเป็น แบบ interactive เราพูดกะมันได้แต่มันไม่ใช่คน ผมคุยอยู่กัยหุ่นยนต์ได้สักพัก พวกก็ถามเราจุกจิกขึ้นเรื่อยๆ ลากยาวไปถึงเลข พาสปอร์ต แสสสสสสสสส กรุจาเติมตังเว้ยยเฮ้ยย



สรุปผมนั่งปล้ำกะนัง Lara(operator) ไม่เสร็จกิจ ตัดใจ คุณหมวยใจดีคนขายซิมต้องช่วยเราได้แน่ๆเลย แต่อย่างว่าละครับ ผมจ่ายตังไปแล้วนี่น้องหมวยใจดีของผมก็หายไปแล้วเช่นกัน ชีกลายเป็นโหมดเรื่องของมรึงขึ้นมาทันที หล่อนพูดว่า “ก็ทำตามที่บอกไปไงเคอะ” (ถ้าทำเป็นกรูจะขอร้องเมิงทำมะเขืออาไรเล่า) แต่ด้วยความที่ผมไม่สามารถโชว์เกรียนได้ในยามคับขันเช่นนี้ ผมจึงสำรวมเกรียน แล้วพูดแบบตรงไปตรงมาว่าผมทำไม่เป็นครับ น้ำเสียงตอบรับจากผู้หญิงคนเดิมพูดว่า อ๋อไม่ว่างอ่ะค่ะ กำลัง “ให้บริการ”ลูกค้าท่านอื่นอยู่ อีก15นาทีค่อยมาใหม่นะคะ

เฮ้อ…ไม่เอาเล้ย… ลองทำเองอีกรอบก็ได้ สรุปว่าไม่สำเร็จอีกตามเคย นายอาทที่ผมหนีบมาด้วยก็ยืนทื่อเป็นท่อนไม้เลย เปล่าประโยชน์ ๆ ๆ ๆ เพราะเขาก็หาคุณน้า ไม่เจอเช่นกัน ไปๆมาๆ15นาทีก็ผ่านไป ผมเดินกลับไปง้อแบบหมดความจองหอง ยังไม่ทันจะเห่าเลยซักแอะ คุณเธอก็หยิบ “ปึก”งานมาตั้งแล้วบอกว่าไม่ว่าง ลองไปทำดูเองนะ กึกๆๆสิ่งที่ผมคิดว่าได้ทิ้งมันไปที่เมืองไทย ขณะนี้มันบินตามมาเกาะกินแล้วมันคือ ความซวยยยย ผมยังไม่ยอมแพ้เพราะว่าที่ผ่านมาในชีวิต เรื่องที่เค้าว่าง่ายผมไม่เคยคิดว่าง่ายเลย ยากตลอดทำสองที(อย่างต่ำ)ตลอด

ผมมองหาตู้โทรศัพท์ สาธารณะ เอาวะโทรกลับไปบอกที่บ้านหน่อยดีกว่า เดี๋ยวพวกเขาจะ “ลืม” ไปว่าผมบินมา โทรศัพท์ ที่นี่ ดีครับรับเหรียญทุกขนาด แต่เออกรุไม่มีเหรียญหว่ะ มีแต่แบงค์ 100เหรียญหมดเลย ผมพยายามเอาไอ้แบงค์เขียวๆเดินหาเหรียญแลกกับคนแถวนั้น ทุกคนพร้อมใจกันบอกว่าไม่มีเศษ…เฮ้อสงสัยมีแต่คนไทย “ใจดี”จริงๆ ตรงดิ่งไปขอความกรุณาอาททันที หลังจากที่เขาคุยเสร็จเขาก็บอกเราว่ามันยังคุยได้ใช้ต่อเลย โหยยซึ้งที่ซุ้ดดดด บ้านเบิ้นผมไม่โทรแล้ว ติดต่อคุณ Susie Randall ทันที ได้ความว่า อ้าว ยูไม่ได้ จอง airport pick upไว้นี่ ทาง “ทีมงาน” เลยไม่ได้มารับ…เยี่ยม!

นี่สิชิวิตไอ้กล้วยยยย ไร้ซึ่งความหวัง ไร้ซึ่งพลัง ยังดีนะที่มี เพื่อ…เฮ้ย ภาพที่ผมเห็นคือ นายอาทเดินจากไปกับคุณน้า แบบไม่กล่าวคำอำลาอะไรทั้งสิ้น แหมมมม พระเอกจริงๆไม่รอคำขอบคุณแล้วจากไปโดย “ละม่อม” เจี๊ยกกกกก ครานี้ถึงฆาต มิตรสหายก็ไม่มี นี่เราต้องใชชีวิตแบบ ทอม แฮงค์ มะนี่ (The Terminal) ไม่เอานะเว้ย 45นาที ผมรวบรวมสติแบบสุขุม เดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ข้างนอกดีกว่า หลังจากสูดความเย็น(ไม่) บริสุทธิ์ เข้าปอดแล้ว สองตัวรวด







 

Create Date : 04 กันยายน 2550    
Last Update : 4 กันยายน 2550 0:22:10 น.
Counter : 503 Pageviews.  


คุณโป๊ะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาร่วมลุ้นกับการค้นหาชีวิตแบบเกรียนๆของผม ประสบการณ์ที่มี Working Holiday Visa เป็นใบเบิกทาง ผมก็อยากรู้ตัวเองเหมือนกันว่าในที่สุดผมจะไปถึงขั้นเทพได้หรือไม่
Friends' blogs
[Add คุณโป๊ะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.