All Blog
Summmmmer!
สวัสดีซัมเมอร์ ซัมเมอร์แล้ว ดีใจจังเลย? เกริ่นก่อนนะคะว่าซัมเมอร์จะเริ่มวันที่ 21 มิถุนายนของทุกปี พอช่วงหน้าร้อนที่นี่ก็จะดีหน่อยค่ะ มีกิจกรรมให้ทำมากมาย โดยเฉพาะแถวดาวน์ทาวน์ค่ะ เพราะว่าจะมีวงดนตรี มีการปิดถนน ขายของทำมือ จะมีกันทุกอาทิตย์นะคะ เราก็เป็นอีกคนนึงที่ชอบเดิน ไม่ว่าจะเป็นเดินป่า เดินเล่น เดินห้าง เดินดูหนุ่ม ๆ (เอ้ย อันหลังนี่ไม่ใช่และ มันเป็นผลพลอยได้) แต่ถ้าให้เลือกได้ เราชอบเดินกลางแจ้งซะมากกว่า กลางแจ้งคืออะไร กลางแจ้งคือตลาดนัดนั่นเอง เดินดูแต่ไม่ซื้อค่ะ เพราะว่าของที่ไทยถูกมากกว่าจริง ๆ ซื้อไม่ลงนะ 


พอหน้าซัมเมอร์มาถึง เราก็ถึงกลับยิ้มออก เพราะว่าไม่ต้องใส่บู๊ทหนา ๆ เสื้อกันหนาวหรือแจ็คเก็ต ตอนนี้อากาศที่นี่ก็แปรปรวนอยู่เยอะมาก ๆ คือวัน ๆ จะไว้ใจอากาศไม่ได้เลย เราออกไปเดินในเมืองตอนเช้าแดดออก เช็คสภาพอกาศก่อนเลย (จะได้แต่งตัวถูก) อากาศอยู่ที่ 17 องศา  แดดออก อากาศกำลังดี เดินเล่นไป ชมนกชมไม้ เหล่หนุ่ม(แต่ไม่เคยได้ อันนี้จริง ๆ) แหม่ใส่กระโปรงด้วย กะว่าฉันสวย ฉันswag ฮ่าฮ่าฮ่า เอาผ้าพันคอบาง ๆ ไปด้วยเผื่อว่าจะมีลมแรงจะได้เอามาคลุมกันหนาวได้ประมาณนั้น เดินถึงในเมืองไม่ถึงสามสิบนาที แดดหาย ลมแรง เอ๊ะ มาจากไหน ไม่เป็นไร เอาผ้าพันคอมาพันก้ได้ฉันไม่แคร์ นั่งไปเนี่ยลมเริ่มแรงขึ้น แรงขึ้น พัดลอดกระโปรงเย็นไปจนถึงไส้ติ่ง (เราใส่กางเกงขาสั้นในกระโปรง ไม่โป้นะคะ ไม่โป้) ฝนทำท่าจะตก แต่เราก็เช็คอากาศแล้วว่าฝนไม่ตก แต่มันไว้ใจไม่ได้จริง ๆ ไม่นานฝนก็ตก มันไม่ใช่ฝนอย่างเดียว มันเป็นลูกเห็บด้วย เอาผ้าพันคอคลุมหัว แต่ลูกเห็บดันตกใส่ขา มันกระดอนพื้นน่ะคล้ายโยนลูกปิงปองใส่ขากันตอนเด็ก (ไม่รู้มีใครเคยทำไหม มันเจ็บอย่าบอกใครเชียว) รีบวิ่งหาที่หลบ พอไปหลบได้ซักสิบห้านาที ฝนหยุด แดดออก เอ๊ะ นี่มันยังไงกัน เมืองนี้ มันมีกี่ฤดูกันเนี่ย สุดท้ายก็เลยออกมาเดินหนาว ๆ ที่หนาวเพราะว่าเสื้อผ้าเปียก 555 กรรมของอีเย็น ไม่มีรถค่ะ ยังไม่ได้ใบขับขี้ เอ้ย ใบขับขี่ เราก็เลยตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะไปสอบใบขับขี่แล้ว แต่สอบได้ก็ไม่สามารถซื้อรถได้เลยนะ ที่แคนาดามันมีหลายเสต็ป คือสอบรอบแรกผ่าน ก็ได้ใบแข็งเรียกว่าเลิร์นเนอร์ ขับได้แต่ต้องมีคนที่มีใบขับขี่แอดวานซ์นั่งไปด้วยตลอด ขับคนเดียวไม่ได้ ซื้อรถไม่ได้ พอเป็นเลิร์นเนอร์ได้ 1 ปี ค่อยไปสอบเอาใบขับขี่ปรกติธรรมดา พอได้ใบนี้ จะขับคนเดียวได้ ซื้อรถได้ แต่ขับหลังเที่ยงคืนไม่ได้ ใบขับขี่ธรรมดานี่ต้องขับไปสองปี ถึงจะไปสอบเป็นแอดวานซ์ได้ หลายขั้นตอนมาก ๆ กว่าจะได้รถของตัวเอง คงปีหน้าแน่นอน ถ้างั้นอิเย็นน้อยผู้นี้ก็เห็นทีจะมีวาสนาก็คงปีหน้ากระมัง คงต้องทนทุกกับสภาวะอากาศอย่างนี้ไปก่อน  ก่อนหน้านี้ใครดูข่าวคงเห็นข่าวว่า คัลการี่น้ำท่วมหนัก เราอยู่ห่างจากคัลการี่ค่ะ แต่ก่อนคัลการี่น้ำจะท่วมแถวบ้านเราก็สัญญาณเตือนทอร์นาโดค่ะ  ดิฉันช่างเลือกเมืองได้ถูกต้องจริง ๆ มันเป๊ะ ! นอกจากอากาศจะหนาว แห้ง ลมแรง ยังมีทอร์นาโดด้วย เป๊ะเวอรรรรร์!


สุดท้าย เอาภาพบรรยากาศงานเกย์ของเมืองมาฝากนะคะ แต่มีภาพมาได้น้อยมากนะ เพราะว่าแบตมือถือหมดซะก่อนนะคะ ปีหน้าคงไม่พลาดแน่นอน  งานนี้น่าจะต้น ๆ เดือนมิถุนาน่ะค่ะ ถ้าจำไม่ผิดนะ ถ้าผิดขออภัย (จะบอกว่าเกย์มีแต่ดูดี เฮ้อ ชนีเซ็งค่ะ)


เกย์หนุ่ม น่ารักดี


ภาพขบวนแห่


กระเทยสาวจากฟิลิปปินส์


พวกขบวนแห่ ถ่ายมาได้น้อยมาก


ภาพสุดท้าย ออกแนวหื่นนิด ๆ แต่เขาเป็นเกย์กันนะคะ เขาไม่ชอบชะนีอย่างอิฉันดอกค่ะ นี่ถ้าผู้ชายดูแลตัวเองแบบเกย์ โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ (ออกแนวเพ้อ)



มีความสุขกับซัมเมอร์กันทุกคนเลยนะ



Create Date : 24 มิถุนายน 2556
Last Update : 27 มกราคม 2557 4:57:18 น.
Counter : 1133 Pageviews.

2 comment
ชีวิตมันเศร้า


วันนี้เกิดอาการเซ็งนิดหน่อย เนื่องจาก ละคร ที่ชอบได้จบลง ไม่ว่าจะเป็นคุณชายรัชชานนท์ และ เป็นต่อขั้นเทพ  โถ โถ โถ ความสุขของคนอยู่ต่างประเทศ ที่จะมีความหวังกับละครสนุก ๆ ไม่ใส่ความเครียดลงไปในละคร แต่แอบแฝงกับการมีสาระอยู่ด้วย ในทุกอาทิตย์จะรอเมื่อไหร่จะวันพฤหัส เมื่อไหร่จะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แต่จากนี้มันไม่มีแล้ว มันจบละ มันจบและ (เอ่อ ดิฉันคะ เป็นอะไรมากไปไหมคะ ฮ่าฮ่าฮ่า ทำอย่างกับคนอกหักเลย) เอ่อ ชีวิตมันขาดที่พึ่ง ว่าไปโน่น คือเราเพ้อเจ้อน่ะค่ะ  

เครียดค่ะ เลยทำวิดิโอตลกเล่นกันกับน้อง แต่ว่ามันทำไม่ได้ มันลิปซิ้งตุ๊กกี้ไม่ได้ พอมันทำไม่ได้ มันก็เกิดอาการนอยต่าง ๆ นา ๆ ประดุษดิฉันไปด่าแม่มันค่ะ ดิฉันก็เลยทำวิดีโอเอง ส่วนน้องก็ทำวิดิโอร้องเพลงของเค้าลงไปเอง ถ้าใครอยากติดตามน้อง ก็ตามได้นะ ในโซเชี่ยลแคมค่ะ อันนี้ลิ้งค์น้องเขาค่ะ  https://socialcam.com/u/os4tCygy  

บังเอิญมันมีอยู่ว่า  วิดิโอที่น้องเต้นเพลงอ๊อดแอดของเท่ง มีคนมาดูเยอะมากค่ะ(ประมาณหมื่นกว่า ๆ แต่จริง ๆ ก็ไม่มากเท่าไหร่นะ) แม่เขาก็เลยสอดส่องการอัพโหลดวิดีโอของเราค่ะ เพราะว่าวิดีโอมันเป็นลูกเขา เราก็เลยค่อนข้างรู้สึกไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ ต่อไปวิดีโอน้องนี้เราคงไม่ค่อยได้มาโพสบ่อย ๆ แล้วล่ะค่ะ ดังนั้นใครมีโซเชี่ยล หรือใครติดตามน้อง ก็ตามไปได้นะ ที่ลิ้งค์โซเชี่ยลอันนั้นของน้องได้เลยนะ หรือจะเลือกตามเราด้วยก็ได้ 555 (ไม่ได้อยากเป็นเซเลปนะ แต่เป็นคนชอบทำวิดีโอ) ดังนั้นมันเหมือนเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เราจะฝากวิดิโอเราไว้ได้ เพราะว่าเท่าที่มีอยู่ในแลปทอป และ แฟลชไดร ก็มากเหลือประดา เพราะว่าบางอันเราก็ไม่กล้าเอามาลงยูทูป หรือโซเชี่ยลนะ มันทำแบบตลกขำ ๆ ส่วนตัวจริง ๆ อันที่จะมาลงนี่ก็ลงไปงั้น คนดูก็ไม่ถึงหลักพันด้วยซ้ำ  บางอันยังไม่ถึงร้อยก็มี แต่ก็ลงค่ะ ลงขำ ๆ เก็บไว้ดูเล่น(ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อน ๆ กันเท่านั้น) นี่ถ้ารู้อย่างนี้จะเรียนพวกนิเทศไปเลย เอาดีด้านนี้ไปเลย (ว่าไปโน่น) ดังนั้นจะกล่าวถึงบุคคลที่เข้าไปดูวิดิโอ หรือเข้าไปดูวิดิโอของเรา และไม่จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณในการรับชมใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าคุณจะไม่ได้สาระใด ๆ ทั้งสิ้น และการทำวิดีโอ ก็ไม่มีกรอบที่แน่ชัดได้ว่า ตัวอิฉันเองต้องการอะไร 555 

เอ้ยพูดถึงเรื่องละคร มาเกี่ยวกับการทำวิดีโอได้ไงเนี่ย 

เออ มี่เรื่องมาเล่าอีกเรื่องค่ะ
ช่วงนี้อากาศที่นี่ดีมาก เราก็จะพาน้องออกไปเดินเล่นค่ะ ไปที่สระน้ำแถวบ้าน เราเดิน ๆ อยู่ก็มีนกบินมาพยายามไล่เราให้ไปไกล ๆ เราก็คิดว่าเป็นวิบากกรรมของเรา นก red wings ตนนั้นเคยเป็นคู่อริกันกับเราเมื่อชาติปางก่อน พอเห็นเราเลยตรงเข้ามาทำร้าย โน่น คิดไปได้  เอ้ย ไม่ใช่ เราคิดว่าเป็นเพราะถือขนมปังแล้วมันอยากกินหรือเปล่า มันก็พยายามบินมาโฉบเราตลอด เราเลยคิดว่ามันน่าจะมีลูกซ่อนไว้ตรงพุ่มไม้เป็นแน่ และกลัวเราจะมาทำร้ายลูก  เป็นอย่างนี้ทุกวัน เราเลยมาเล่าให้โฮสฟัง ตอนแรกโฮสก็ไม่เชื่อ วันนี้โฮสพาน้องออกไปเดิน ก็โดนเหมือนกัน โดนนกตามจิกหัว ถ้าใครอยากรู้ว่าการที่โดนนกโฉบมาจิกเป็นอย่างไร  ถ้าคุณอยากมีประสบการณ์แบบนี้ ให้คุณหาแหล่งน้ำก่อนนะ แล้วพยายามถือขนมปัง แต่ถ้ายังไม่ได้ผล ให้เอาข้าวสารโรยที่หัว เพื่อนกจะมาจิก เอ้ยเกินไป อย่ามาทำตามเลย เอาเป็นว่าวันนี้เพ้อเจอพอและ  

สุดท้าย เอาวิดีโอมาฝาก เราทำเอง ให้ดูขำ ๆ นะ ย้ำว่าขำ ๆ อยากให้คนหัวเราะ ดังนั้นอย่าเครียด และอย่าใช้วิจารณญาณมากมายในการรับชม 555 Good Night นะ (จะพูดถึงวิดีโอนี่ ตอนแรกจะใส่วิก ดิฉันหาวิกไม่เจอ เลยไม่ได้ใส่วิก ขออภัยมาณที่นี้ด้วย)

https://www.youtube.com/watch?v=7GLaMuf4Byk




Create Date : 16 มิถุนายน 2556
Last Update : 28 กรกฎาคม 2559 11:42:20 น.
Counter : 1334 Pageviews.

7 comment
อากาศที่แสนดี
สายลมพัดซู่ พร้อมใบดอกเริ่มผลิบาน นี่คงเป็นสัญญาณของฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึง  โอย ข้าพเจ้ามิอาจจะคิดคำนึง เพราะว่ามันทึ่งแสนทึ่ง ในอากาศที่น่าจดจำ

(แหม่ มาเป็นคำพ้องเสียง)

ตอนนี้อากาศที่นี่เริ่มดีขึ้นทุกวันค่ะ เมื่อวานถึงกับ 30 องศาเลยทีเดียว จากคนที่ไม่เคย ก็ร้อนจนตับจะแตก  ต้องถือขวดน้ำติดตัวตลอดเวลา มันร้อนมากจริง ๆ ฮั่นแน่ ใครต้องคิดแน่ว่า นี่เธอ จะเอาไง ร้อนก็บ่น หนาวก็บ่น  แต่จะขอบอกจริง ๆ นะว่า มันไม่มีอะไรพอดีนะ หนาวก็หนาวสุดขั้ว ร้อนก็ร้อนจับจิต  555 ตอนนี้เราคงเป็นมนุษย์ผู้ฆ่าไม่ตายแล้วล่ะ ทนได้ทุกสภาพอากาศ  

ความร้อนน่ะมันไม่เท่าไหร่ เพราะว่าลมมันเย็น(ไม่ได้เป็นริศศีดวง) แต่ที่แย่คือ ดวงอาทิตย์มันโต มันโตมาก โตมากกว่าบ้านเรา ดังนั้นการที่เราร้อนมันเป็นเรื่องปรกติ เพราะว่าคนไทยไม่นิยมตากแดด เพราะว่าพวกเราเป็นลูกพระอาทิตย์กันทุกคนอยู่แล้ว(ว่าไปโน่น)  คือ เกิดมาพร้อมกับมีดวงอาทิตย์เป็นเพื่อนตั้งแต่แรกเกิดยันโต ดังนั้นร้อนนี่ทนได้แต่ไม่อยากตากแดด

แต่ด้วยความที่ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ก็ไม่ชอบอยู่บ้านจำเจ  เราต้องพาน้องทำกิจกรรม ออกไปสนามเด็กเล่น ว่ายน้ำ เล่นน้ำ ให้เด็กมีความสุข มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับการที่ต้องออกแดด (ความจริง เราไม่ชอบแดด แต่เราไม่ชอบอยู่ในบ้าน เอ๊ะมันเกี่ยวไหม)

ข้อดีของหน้าร้อน 
ได้ใส่เสื้อผ้าที่ถูกใจเต็มที่ โดยไม่ต้องมีอะไรมาใส่ปิดบัง เจ้าหนูน้อยเทนลีก็เช่นกัน เห็นแดด เห็นโลกภายนอกเป็นไม่ได้ น้องจะเล่นทั้งวันไม่อยากเข้าบ้าน ก็ต้องเข้าใจนะว่าอากาศหนาวมันนานตั้ง 6-7 เดือนน่ะ ก็เป็นธรรมดาที่ฝรั่งจะวิ่งเข้าหาแดด แต่เราคนไทย วิ่งหลบแดด 555 เพียงวันเดียวเท่านั้น โฮสกลับมาบ้านถามว่า นี่เธอตากแดดทั้งวันใช่ไหม สีผิวแทนชัดเจนเลย(คือดำขึ้นนั่นเอง) เราถาม จริงเหรอ งั้นพรุ่งนี้ฉันไม่ออกไปเล่นข้างนอกอีกแล้วนะแล้วก็ขำ (แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าน้องฉันชอบอยู่ข้างนอก) 







Create Date : 08 พฤษภาคม 2556
Last Update : 27 มกราคม 2557 4:58:18 น.
Counter : 1074 Pageviews.

2 comment
ข้อคิดของการเป็นแคร์กิฟเวอร์
แคร์กิฟเวอร์ที่แคนาดามีอยู่ด้วยกันสองประเภท คือ ดูเเลเด็ก หรือ ดูแลคนแก่ ส่วนการเป็นแคร์กิฟเวอร์มันก็ได้สอนอะไรเราเยอะและมากมายเหมือนกัน  มันเหมือนเป็นการทำงานจริงจังมากขึ้นไม่เหมือนกับการเป็นออแพร์สำหรับบางคน  แต่บางคนก็เหมือนกันกับการเป็นออแพร์  ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติหรือเลือกปฏิบัติของแต่ละคน ส่วนตัวเราคิดว่าแคร์กิฟเวอร์ที่แคนาดาเหมือนกับการเป็นออแพร์ เพราะเราก็ปฏิบัติเหมือนกับการเป็นออแพร์ทุกอย่าง แต่เพียงโฮสอาจจะนิสัยแตกต่างกัน ทุกคนก็คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าคนเราจะนิสัยเหมือนกันไปทุกคนน่ะ มันไม่มี  ดังนั้น เคล็ดลับของการทำงานแคร์กิฟเวอร์ให้มีความสุข บางทีก็ต้องทำบ้านโฮสให้รู้สึกเหมือนบ้านของเรา  เอ้ มันก็ทำยากนะ ถามว่าผู้เขียนทำได้ไหม ก็ทำได้เป็นบางวัน บางวันก็ทำไม่ได้  แต่ชีวิตก็ไม่ได้ทุกร้อนอะไรค่ะ ก็แค่เป็นตัวของตัวเองเท่านั้น แคร์คนอื่นบ้าง(หมายถึงคนในบ้าน) แต่ต้องอย่าแคร์มากกว่าตัวเอง เพราะว่าจะเหนื่อยเกินไปค่ะ  อีกอย่าง การที่เราได้ยินได้ฟังว่าเพื่อนเขาได้รับการปฏฺิบัติจากโฮสอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วเราอยากได้บ้าง แต่ฐานหรือนิสัยของโฮสมันต่างกันค่ะ บางบ้านนี่อาจจะยอมรับข้อเสนอของเรา หรือ สิ่งที่เราต้องการได้ บางบ้านอาจจะรับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นบางที เอาตามใจเราค่ะ อย่าไปสนใจบ้านอื่น เพราะว่าแต่ละบ้านมันแตกต่างกัน เอาเป็นว่าเอาตามที่ตกลงกันไว้แต่แรกแล้วกัน อนาคตจะได้ไม่มีปัญหา เราเห็นหลายคน(เพื่อนฟิลิปปินส์)พอได้ฟังว่าบ้านนี้เป็นอย่างนี้ ก็อยากได้บ้างแต่เมื่อคุยแล้ว ตกลงกันไม่ได้ ก็เกิดความไม่พอใจซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้เกิดความเครียดสะสม จนบางคนถึงกับลาออกหนีกลับบ้านกันเลยทีเดียว  ดังนั้นเราว่าแต่ละบ้าน แต่ละสถานการณ์มันแตกต่างกัน จะเอามาวัดหรือเปรียบกันมันไม่ได้แน่นอน  ความยืดหยุ่นก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ Live in เพราะว่าถ้าเราจะทำตรงเวลาเป๊ะ ๆ มันจะให้ความรู้สึกเหมือนกับนายจ้าง หรือ ลูกจ้างมากเกินไป ก็ไม่มีความสุข คอยจับผิดกันว่าเขาจะมาช้ามาเร็ว ยิ่งถ้าเกิดไม่ยอมยืดหยุ่น เจ้านายก็จะยิ่งจ้องจับผิดเรามากขึ้นว่าเราไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ งานเยอะ ๆ อาจจะตามมา หรือเขาอาจจะขี้เหนียวกับเรามากขึ้น ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่เป็น  อันนี้ความคิดของเรานะ

เราก็ไม่ได้มีความสุขมากนะ แต่ก็ไม่ทุกข์ อาจจะมีเหนื่อยบ้างถ้าต้องทำงานกะเช้า(เช้าตรู่) ก็มีหงุดหงิดบ้าง มันก็นะเหมือนอยู่บ้านบางครั้งมีกระทบกระทั่งกันบ้างตามสมควรเพื่อให้ชีวิตมีรสชาติ ดังนั้น การเป็นลิฟอินแคร์กิฟเวอร์ต้องอดทน ถ้าลิฟเอ้าท์มันจะสบาย ๆ มากกว่า ทำงานตรงตามเวลา เลิกก็กลับบ้าน ไม่ต้องเจอหน้าเจ้านายอีก แต่ก็นะ ลิฟอินทุกคนก็ขอเเค่รอเวลาขอพีอาร์เท่านั้นแหละ เมื่อได้ op ก็เปิดแนบทุกรายค่ะ เพราะว่าไม่มีใครอยากอยู่บ้านคนอื่นหรอกนะ แต่ว่าเราไม่มีทางเลือกซะมากกว่า ก็วิธีนี้มันจะทำให้เราได้ใบอยู่นี่ ใช่ไหม  
แต่ระหว่างที่ยังขอ  op และ pr ไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งไปคิดถึงว่าเมื่อไหร่จะได้ขอ ปล่อยเวลาให้ผ่านไป จริง ๆ เวลามันเดินเร็วมาก ๆ นะ แป๊บ ๆ เราก็จะเจ็ดเดือนละ 

สรุปเขียนมาแล้วได้อะไร ก็ได้ทำให้รู้ว่าการทำงานลิฟอินแคร์กิฟเวอร์มันไม่ได้ยากนะ แต่สิ่งที่ยากคือเราจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวที่เราอยู่ด้วยได้ไหมเท่านั้นเอง  สุดท้ายผู้เขียนเขียนมาเพื่อเอาไว้เตือนใจลิฟอินทุกท่าน และตัวผู้เขียนเองด้วย ชีวิตมันก็ต้องอย่างนี้แหละ เราควรมองไปที่จุดหมายอย่างเดียวเท่านั้น ทุกสิ่งที่เข้ามาใจชีวิตล้วนเป็นโอกาสทุกอย่าง ไม่ว่าจะด้านดีหรือไม่ดี ถ้ามองให้ดี มันคือโอกาส



Create Date : 03 พฤษภาคม 2556
Last Update : 3 พฤษภาคม 2556 0:50:51 น.
Counter : 2425 Pageviews.

7 comment
Review 6 เดือนที่ผ่านมา
เดือนนี้ครบหกเดือนที่ได้ทำงานอยู่กับบ้านนี้ อยู่ดี ๆ ก็ได้รับหมายศาล เอ้ย หมายกำหนดการว่าจะมีการทำรีวิวที่ผ่านมาเรื่องการทำงาน มีอะไรที่ควรเปลี่ยน มีอะไรที่ควรเพิ่มลงไปในด้านการทำงาน  เราก็รอเตรียมใจฟังเต็มที่นะ เพราะว่าที่ผ่านมาเราเนี่ยหงุดหงิดกับเด็กคนโตตลอด เราก็คิดว่าคงโดนเยอะล่ะ ก็เตรียมตัวเตรียมใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ก็เอาน่า 

วันนี้ก็ขึ้นไปทำการประชุมลับกับที่บ้าน ปรากฏว่าเขาก้เริ่มด้วยเรื่องลูกคนโต  เหตุที่เราต้องแก้ไขคือ เวลาที่เขาไม่เชื่อฟัง อย่าเพิกเฉยแล้วเดินหนี เพราะว่าเด็กไม่เข้าใจ (แต่ด้วยความที่เป็นตัวเรา ถ้าเป็นคุณ โกรธสุด ๆ จะทำอย่างไร เผชิญหน้าก็มีแต่รังจะเกิดความรุนแรง เพราะเด็กคนโตบ้านเรานี่ แรงสุด ๆ มันจะเถียงจนกว่าเราจะหยุดไปเองประมาณนั้น เขาอายุสิบขวบ) เราก็บอกว่าบางครั้งเราก็ทนไม่ได้ การที่เราเดินหนี คือเราไปสงบสติอารมณ์ เขาก็บอกว่าให้เรามาแจ้งเขาแทน ก็ลองดูนะว่ามันจะได้ผลไหม 

และก็ห้ามเรานำน้องเข้าไปเล่นห้องเด็กคนโต เพราะว่าเวลาที่ชีหงุดหงิด ชีจะหาข้ออ้างว่าเราพาเด็กมาเล่นของชีเสียหาย  ทั้ง ๆ ที่บางอย่างชีก็ทำเสียหายเอง ดังนั้นก็เป็นการพูดต่อหน้ากันเลยว่าจะไม่นำเด็กไปเล่นห้องเธอ ส่วนถ้าของเธอไม่เก็บของ ๆ เธอให้ดีและอยู่ข้างนอก ถ้าเสียหายห้ามโทษใครนะ ซึ่งอันนี้ก็เป็นส่วนที่ดี เป็นอันว่าเข้าใจ

เราก็เสนอว่า เราไม่ได้รับอำนาจเต็มที่ เพราะว่าเวลาที่อยู่กับเด็กคนโต เขาจะไม่ฟังเรา ทั้ง ๆ ที่เราเป็นผู้ใหญ่และควรจะฟัง  สุดท้ายได้ผลมาว่าเขาต้องเชื่อฟังเรา และจะให้กระดาษมาจดความประพฤติของเด็กคนโตเพื่อแจ้งพ่อกับแม่ อันนี้ดีอย่างยิ่ง เพราะว่ามันเยอะน่ะ เด็กคนนี้น่ะ เพราะว่าพ่อแม่ก็บอกว่ารู้ว่าลูกเป็นอย่างไร บางทีก็โมโหมันเหมือนกัน เอาเป็นว่าอันนี้เข้าใจกันทุกฝ่าย

และอีกเรื่องที่โดนคือ ล้างห้องน้ำของเราเอง  คือกล่าวว่าเรามีห้องน้ำส่วนตัว ติดกับห้องเราเอง แต่มันไม่ได้เปิดประตูเข้าโดยตรง คือเราต้องเปิดประตูออกจากห้องนอนเรา แล้วก็เปิดประตูเข้าห้องน้ำ เป็นอันว่าเข้าใจนะ( เหมือนว่าเป็น connecting room ทำนองนั้น แต่ประตูไม่ได้ใช้ร่วม) ซึ่งโฮสบอกว่าเราควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง(ไม่รู้มาแอบดูตอนไหน) ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็เป็นห้องน้ำของเรานั่นแหละ  และไม่มีใครมาใช้ด้วย แต่ก็อย่างว่า บ้านเขา เขาคงอยากให้สะอาด นี่ถ้าโฮสเปิดมาเจอห้องนอนเรา คงจะบังคับให้ทำความสะอาดห้องนอนด้วยมั้ง (จริง ๆ เราก็ทำนะ แต่ส่วนใหญ่จะสองอาทิตย์ครั้ง ทำพร้อมห้องนอน แต่เขาอาจจะมาเห็นในช่วงที่สภาพมันย่ำแย่เต็มทน ก็เลยรับไม่ได้ เพราะว่าบางครั้งเราตื่นนอนก็ล้างหน้าแปลงฟันแล้วก็ขึ้นไปทำงานเลย ก็ไม่มีเวลามาเก็บเท่าไหร่) เอาเป็นว่าวันนี้การรีวิวก็จบลงด้วยดี ไม่มีเรื่องให้ต้องกลุ้มใจ หรือบาดหมาง และเราก็สบายใจที่ได้พูด เพราะว่าถ้าไม่ได้พูดเรื่องที่อยู่ในใจมันจะสะสม จริงไหมคะ  เราไม่รู้ เราชอบที่จะพูดถึงปัญหา เพื่อที่จะได้แก้ไข เราไม่ชอบแอบมาคิดเองในใจ แต่ว่าบางทีพูดไปแล้วไม่มีกระแสตอบรับนี่ก็เคืองเหมือนกันนะ นานาจิตตัง  ก็อย่างว่า อยู่บ้านเขาก็เป็นอย่างนี้ แหละ ก็ต้องยอมรับและเข้าใจกฏและความเป็นไป เป็นอันว่าจบเอย




Create Date : 22 เมษายน 2556
Last Update : 22 เมษายน 2556 6:56:49 น.
Counter : 1261 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  

Nualtar
Location :
Ontario  Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



เป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ที่ประเทศแคนาดากับโครงการ(Live in caregiver) จัดทำบล๊อกเพื่อเปรียบเหมือนสมุด ใช้บันทึกเรื่องราวดี ๆ ที่น่าสนใจและน่าจดจำ ขอแชร์เรื่องราว ที่ได้ประสบพบเจอ อาจจะเวิ่นเว้อบ้างไรบ้างในบางคราว ขอจงเห็นใจ อย่าใจไม้ไส้ระกำ ปล่อยให้คนตัวดำตาดำ ต้องโดดเดี่ยวลำพังในโลกอันแสนจะกว้างใหญ่แห่งนี้ :-D