BlogGang.com : : kazama - Before Sunset

Group Blog

All Blogs

Before Sunset

Before Sunset

Before Sunset หนังที่ผมไม่กล้าดู เพราะความประทับใจในภาคแรก Before Sunrise เป็นความประทับใจสมัยก่อนนานแล้ว ผมเคยดู Before Sunrise ครั้งแรก 8-9 ปีที่แล้วในเคเบิล แล้วหนังเรื่องนี้ก็ยังมาฉายตามช่องต่าง ๆ ให้เห็น เรื่อย ๆ ความประทับใจของ Before Sunrise มีมากพอที่จะทำให้ผมกลัวที่จะดูภาคต่อคือ Before Sunset กลัวว่าหนังจะทำให้ไม่ดีพอ ทำให้ความประทับใจสมัยก่อนต้องหายไป

แต่แล้วเมื่อวาน หลังกลับจากทำงาน เปิดทีวีก็มีหนังเรื่องนี้พอดู ตอนแรกที่เห็นชื่อตอนที่กดเมนูดูว่าช่องไหนมีอะไรบ้าง ก็มีชื่อหนังเรื่องนี้อยู่ที่ช่องหนึ่ง เลยเปลี่ยนช่องมาดู หนังดำเนินเรื่องไปแล้วประมาณสิบนาที ผมพลาดตอนเริ่มต้นของหนังไปสิบนาทีเศษ ๆ แต่ก็ยังพอเข้าใจได้ว่าเป็นอย่างไร เพราะตัวละครทั้งสองคือคนที่จากกันมานาน ไม่มีอะไรพูดกันมากนอกจากเซลีนจะพูดเรื่องหนังสือของเจสซี พูดถามความเป็นอยู่กันบ้าง หนังดำเนินเรื่องอย่างคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน การสนทนาของสองฝ่ายดูขัดเขินและไม่ค่อยเข้ากัน จนผมเริ่มรู้สึกว่าหนังเริ่มจะทำลายความรู้สึกดี ๆ ที่ผมมีต่อ Before Sunrise ตัวละครทั้งสองกลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม มีความรับผิดชอบ ความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากกว่าเดิมจนดูเหมือนจะไม่เข้ากัน

แต่แล้วการสนทนาก็ดูราบรื่นขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองดูผ่อนคลาย การสนทนาของทั้งสองฝ่ายดูจะน่าสนใจมากขึ้น คนทั้งสองพูดถึงการไม่ได้พบกันถึง 9 ปี ทำให้ได้รับรู้ว่า การมาพบกันและคุยกันในตอนแรก ทั้งสองได้ตั้งกำแพงขึ้นมาไม่กล้าจะเปิดเผยตัวเองมากนัก เพราะว่าทั้งสองฝ่ายกลัวด้วยกันทั้งคู่ เหมือนกับตัวผมด้วยมั้งที่กลัวที่จะดูหนังเรื่องนี้ เซลีนถึงกับบอกว่าตัวเองจำความสัมพันธ์ของทั้งสองในคืนนั้นไม่ได้ แต่กำแพงของทั้งสองฝั่งก็เริ่มทลายลง อิฐแต่ละก้อนของกำแพงถูกรื้อออกไปเรื่อย ๆ แต่เทียบกับเวลาที่ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันแล้ว ทั้งสองคนดูมีเวลาน้อยเกินไปที่จะทำลายกำแพงที่ขวางสองคนได้หมดและเปิดเผยตัวตนออกมา ฝ่ายชายจึงเป็นฝ่ายที่กล้าที่จะพูดเหมือนในภาคแรกว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหลังจากหกเดือนแล้วเรามาพบกัน เหมือนที่ภาคแรก เขาเคยใช้คำว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไม่สนใจเขาแล้วเวลาผ่านไปหลายสิบปี แล้วเธอมานั่งเสียดายอดีตที่อาจจะเลือกมีชีวิตที่ต่างไปได้ โดยที่ภาคแรกทั้งสองฝ่ายเลือกที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ เพื่อจะได้ไม่เสียใจว่าตัวเองพลาดอะไรไป แต่ภาคนี้ ฝ่ายชายเสียดายที่ตัวเขาได้พลาด"อะไร"ในอดีตนั้นไปแล้ว

ความโหยหาและเสียดายของเจสซีแสดงออกมาโดยการไม่อยากจะจากเธอไป แม้ว่าเซลีนจะตัดบทร่ำลาอยู่หลายครั้ง การที่ฝ่ายชายดึงฝ่ายหญิงขึ้นบนเรือนำเที่ยวอย่างไม่มีเหตุผลขณะที่ทั้งสองกำลังเดินกลับไปร้านหนังสือที่ฝ่ายชายจากมา โดยที่เขาไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างขณะอยู่บนเรือเลย หรือการให้เซลีนขึ้นรถเพื่อไปส่งเธอที่บ้าน ฉากบนรถเป็นฉากที่สำคัญที่สุด ทั้งสองได้ทลายกำแพงของตัวเอง เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ความผิดหวังในชีวิต

ทั้งสองฝ่ายมีชีวิตที่ต้องดำเนินไปของตัวเอง แต่บางครั้งคนเราก็มีความทรงจำที่ฝังในอดีตให้โหยหา มีคนในจินตนาการให้รู้สึกดี ๆ การที่ทั้งสองมาพบกันคือการได้รำลึกถึงสิ่งที่ทั้งสองได้ขาดหายไปในชีวิตตัวเอง ฝ่ายหญิงคิดว่าตัวเองไม่เคยเปลี่ยนไปโดยมองจากมุมมองของตัวเอง แต่พอได้อ่านหนังสือของฝ่ายชาย ได้รับรู้ตัวเองในอดีตของมุมมองคนอื่น เธอได้รู้สึกว่า เธอเปลี่ยนไปมากจนเธอเองกลัวและรับไม่ได้ เธอนึกถึงตัวเองในอดีต ว่าเธอเคยมีความสุข เคยสดใสกับชีวิต แต่ต้องเปลี่ยนไปเพราะตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น การที่ทั้งสองได้มาพบกัน ทำให้พวกเขาเหมือนกลับไปสู่อดีต กลับไปสู่ตัวตนของตัวเองที่เคยเป็น แม้รู้ว่าช่วงเวลานี้ไม่อาจอยู่ได้เนิ่นนาน แต่พวกเขาก็โหยหามันและอยากจะอยู่กับมันให้นานที่สุด

หนังจบลงอย่างสวยงามมาก เรียบง่ายและมีความหมาย ดูหนังเรื่องนี้จบ ผมรู้สึกเหมือนเซลีนว่าผมเองก็กำลังอยู่ในฝันร้ายเป็นชายวัยเลขสามเหมือนกัน ผมอยากตื่นจากฝันนี้แล้วตัวเองมีอายุยี่สิบเศษ ๆ ใหม่อีกครั้ง แต่ความจริงอายุผมดู Before Sunrise ตอนตัวเองยี่สิบเศษ ๆ ตอนนี้ผมอายุขึ้นแลขสามและมีลูกอายุสามขวบเหมือนเจสซีที่มีลูกอายุสี่ขวบ ชีวิตแต่งงานไม่ได้เลวร้าย แต่ความหวานชื่นในชีวิตดูจะน้อยลงไป แต่ลูกคือสิ่งที่ผมพอใจและผมยอมทำทุกอย่างเพื่ออยู่กับลูกเหมือนเจสซี ผมรู้สึกเหมือนตัวเองพลาดอะไรในอดีตไปทั้งที่สิ่งนั้นอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ เหมือนเจสซีที่เห็นเซลีนอาศัยอยู่ไม่ไกลจากโบสถ์ที่ตัวเองแต่งงาน แต่เขาไม่รู้ว่ามันคือความจริงหรือสิ่งที่เขาคิดไปเอง บางครั้งผมก็อยากจะได้ช่วงเวลาที่ตัวเองจะได้อยู่กับอดีตที่มีความสุขเหมือนอย่างที่สองคนนี้ได้มาพบกัน

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2549

Last Update : 9 กรกฎาคม 2557 19:35:26 น.

10 comments

Counter : 954 Pageviews.

หนังภาคนี้จบโดยสมบูรณ์แบบเหมือน Before Sunrise ที่จบโดยสมบูรณ์อย่างไม่น่าจะมีภาคต่อ แต่ภาคต่อทำได้ดีมาก ผมดูหนัง Before Sunrise ด้วยความรู้สึกสุขใจมาก เพราะช่วงอายุที่ผมดูนั้นพอ ๆ กับตัวเอกในเรื่องพอดี ถ้าให้ผมดู Before Sunrise ครั้งแรกตอนนี้ที่ผมอายุเลขสาม ผมอาจชอบที่เป็นหนังดีแต่ไม่ผูกพันมาก
Before Sunset หนังเรื่องนี้มีตัวละครที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เหมือนกับผมในตอนนี้ หนังเรื่องนี้เหมือนภาพแสดงให้ผมเห็นตัวเอกที่โตขึ้นเหมือนได้เห็นตัวเอง ชีวิตของเจสซีใกล้เคียงชีวิตผม ต่างตรงผมอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จในชีวิตมากอย่างเป็นนักเขียนที่ดังแบบเจสซี แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะจบแบบไม่น่าจะมีตอนต่อได้อีกเหมือน Before Sunrise แต่ผมหวังว่าอีกเก้าปี จะมีหนังที่เป็นเรื่องราวของสองคนออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยมุมมองของทั้งสองที่เปลี่ยนไปจากการเติบโตขึ้น

โดย: kazama

วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:04:39 น.

โดย: โสมรัศมี

วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:18:30 น.

ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ แต่น่าดูจัง

โดย: อพันตรี

วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:16:07 น.

เรื่องนี้เขาเรียก โคตรหนัง

โดย: cpt a. (Capitano A.

) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:38:53 น.

ยังไม่เคยดูครับ แต่อ่านจากบทความของคุณ แล้วทำให้นึกถึง เวลา ว่ามันสำคัญเพียงไร ที่คุณบอกว่า ตอนนี้ อายุขึ้นเลขสามแล้ว นึกถึง ตอนยี่สิบเศษๆ ผมอายุ 25 แต่ ผมก็นึกถึง ตอน 17 ตอน 18 คิดถึง แฟนเก่า ตอนนี้ มีคนที่อยู่ด้วยกันแล้ว แต่ยังนึกถึง เรื่องเก่าๆ ไม่ได้ คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร จากวันนี้ แต่แค่คิดถึง

โดย: The one IP: 58.8.134.220 วันที่: 11 ตุลาคม 2549 เวลา:19:07:05 น.

พอรู้ว่า Before Sunset มีภาค2 ก็ดีใจมากเดินออกจากร้านวิดีโอ เดินอมยิ้มไปจนถึงบ้าน แต่เข้าใจผิดไป จริงๆแล้ว อันนี้คือภาค 2 แล้ว ส่วน Before sunrise คือภาค 1 ที่ต้องไปตามหามาดูให้ได้

โดย: firework IP: 203.146.169.60 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:19:23:16 น.

นั้นสิคะ เวลาผ่านไป เราพลาดอะไรไปบ้าง
แต่สิ่งที่เราคิดว่าเราพลาดไป บางทีอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ ก็ได้

โดย: พื้นที่สีเขียว

วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:14:36:56 น.

แม่ของเราตอนนี้ก็อยู่ที่ ออสเตรีย อยู่เมือง อีสบรูก

โดย: piano IP: 117.47.94.242 วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:17:03:46 น.

ไม่เคยดู Before sunrise แต่ได้ดู before sunset แล้วพอเข้าใจ คำพูดทุกประโยคในเรื่องสื่อความรู้สึกของตัวละครทั้งสอง ถูกใจกับคำวิจารณ์จริง ๆ ค่ะ ตัวละครพบกันและสนทนาแบบคนที่ไม่เคยกันมานาน แต่สุดท้ายสิ่งที่ซ่อนอยู่ก็ค่อย ๆ เผยออกมา ถึงแม้เขา 2 คนจะไม่มีวันนั้นด้วยกันอีก แต่ก็มีช่วงเวลาที่ดีต่อกัน และถ้าไม่มี before sunset พระเอกก็คงไม่รู้ความจริงที่นางเอกไม่ได้มาพบกับเขา และไม่ทราบความจริงว่าความรักของเขาทั้ง 2 ยังคงมีอยู่ และอยู่ในความทรงจำของเขาทั้ง 2 ตลอดไป

โดย: J Moy IP: 192.168.61.100, 58.136.206.46 วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:29:07 น.

อ่านแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องความคิดเยอะ แต่ดูจริงๆมันเป็นหนังที่มีผลต่อความรู้สึกมากๆเลย ^ ^!

โดย: B@bbler IP: 119.63.78.250 วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:10:38:36 น.

kazama

Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์

Smember

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

Friends' blogs

Webmaster - BlogGang

[Add kazama's blog to your web]

Links

Bloggang.com

Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.