Bloggang.com : สมาชิกหมายเลข 1556306

"ยะลา" หลายโรงเรียนเริ่มเปิดการเรียนการสอนแล้วหลังน้ำท่วมหนัก สรุปความเสียหายมากที่สุด 11 โรง จากโรงเรียนถูกน้ำท่วมทั้งหมด 27 แห่ง นักเรียนยังขาดน้ำดื่มที่สะอาดในการบริโภค...

จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดยะลา ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของชาวจังหวัดยะลาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะต้องสูญเสียชีวิตของเด็กเรียน จำนวน 3 คน และผู้ปกครองได้รับบาดเจ็บไป 2 คน บางโรงเรียนต้องปิดไปกว่า 2 อาทิตย์ โรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมหนักที่สุด จำนวน 11 โรง จากโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมทั้งหมด 27 แห่ง และโรงเรียนที่ต้องหยุดการสอนอันเนื่องมาจากเส้นทางการเข้าออกโรงเรียนถูกน้ำท่วม รวม 40 แห่งนั้น

ล่าสุด เมื่อช่วงสายของวันที่ 5 ม.ค. นายอดุลย์ พรมแสง ผอ.เขตพื้นที่การประถมศึกษาเขต 1 ยะลา ได้ออกไปเยี่ยมสร้างความขวัญและกำลังใจให้กับครูและนักเรียน ที่โรงเรียนบ้านบาโด หมู่ 3 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา ซึ่งถูกน้ำท่วมหนักที่สุด 4 ระลอก สร้างความเสียหายกับโรงเรียน และต้องหยุดการสอนนานกว่าโรงเรียนอื่น โดยปิดโรงเรียนมาตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่าน เพิ่งมาเปิดเรียนในวันนี้เป็นวันแรก ในโอกาสเดียวกันนี้ นายอับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์ นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดยะลา ได้นำน้ำดื่มและปั๊มน้ำไปมอบให้กับโรงเรียนจำนวนหนึ่ง เนื่องจากนักเรียนยังขาดน้ำดื่มบริสุทธิ์และบางพื้นที่ยังมีน้ำขังอยู่

นายหาษบูเลาะ สาแม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบาโด เปิดเผยว่า โรงเรียนของตนนั้นต้องปิดการเรียนการสอนมานานกว่าโรงเรียนแห่งอื่น เนื่องจากโรงเรียนตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มติดกับแม่น้ำปัตตานี ซึ่งถูกน้ำท่วมมาตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม เป็นต้นมา ส่วนความเสียหายนั้น ทางผู้ปกครอง ครู นักเรียน ได้มีการเตรียมการรองรับน้ำท่วมมาก่อนหน้าแล้ว ทำให้ความเสียหายไม่มากนัก โดยช่วยกันยกสิ่งของที่สำคัญไปเก็บไว้บนชั้นสองของอาคารได้ทัน

ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมโรงเรียนในระยะยาวนั้น คงทำไม่ได้ เนื่องจากที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ในที่ลุ่ม สำหรับการแก้ปัญหานักเรียนการขาดการเรียนเป็นเวลาหลายวัน ตนได้มีวิธีการชดเชยเวลาเรียนให้กับนักเรียน โดยใช้การสอนในระบบทางไกล โรงเรียนเป็นเซ็นเตอร์เชื่อมต่อไปยังบ้านของนักเรียน ทางเคเบิลดาวเทียม และให้ครูที่เป็นคนในพื้นที่เป็นผู้กำกับดูแล และให้ความช่วยเหลือในเรื่องของระบบไอทีและทำความเข้าใจเพิ่มเติม หากนักเรียนยังไม่เข้าใจของเนื้อวิชาที่เรียนไปด้วย

ด้าน นายอดุลย์ พรมแสง กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ให้ผู้บริหารโรงเรียนแต่ละโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม รายงานความเสียหาย เพื่อสรุปในภาพรวมทั้งจังหวัดยะลา เบื้องต้น พบว่า มีความเสียหายมากที่สุด 11 โรง จากโรงเรียนถูกน้ำท่วมทั้งหมด 27 แห่ง ส่วนปัญหาที่พบขณะนี้ นักเรียนยังขาดน้ำดื่มที่สะอาดในการบริโภค ซึ่งทางผู้บริหารโรงเรียนกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยด่วน

ชาวบ้านเผยว่า หลวงพ่อรักษาการเจ้าอาวาสวัดเทพรังษีทราบว่ามีคนร้ายเข้ามาลักลอบตัดต้นพะยูงเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. เนื่องจากมีสุนัขที่วัดเห่าติดต่อกันเป็นเวลานาน เจ้าอาวาสจึงโทรศัพท์ให้ญาติโยมนำไฟสปอตไลต์มาส่อง ทำให้คนร้ายหนีไป จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ส่วนที่ต้องนำต้นพะยูงลงเพราะทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายต่อประชาชน เนื่องจากอยู่ใกล้เมรุเผาศพ และคนร้ายอาจหวนกลับมาขโมยได้ ก่อนหน้านี้ที่วัดเทพรังสีมีต้นพะยูงเหลือ 20 ต้น ช่วงปีใหม่มีโจรขโมยตัดเอาไป 3 ต้น รวมต้นนี้เป็น 4 ต้น ขณะนี้เหลือต้นไม้พะยูง 16 ต้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการอนุรักษ์ไว้ จึงนิมนต์พระบวชผ้าเหลืองมัดรอบทุกต้น แต่โจรก็ยังมาขโมยตัดแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย

cr.ข่าวสด

บริเวณด้านหลังโรงงานติดกับแท๊งน้ำประปา ภายในท่อระบายน้ำพบศพนายนพดล คำนวณเดช อายุ 32 ปี เสียชีวิตอยู่ในลักษณะท่านั่งคุกเข่า โผล่ขึ้นมาแต่ศรีษะ ในมือขวากำคีมตัดสายไฟที่ยังคาอยู่กับสายไฟที่เกือบขาด ที่เดินเชื่อต่อกับปั๊มน้ำของแท๊งน้ำ เจ้าหน้าที่ต้องทำการตัดกระแสไฟฟ้าก่อนที่จะนำศพขึ้นมาชั้นสูตรด้านบน พบว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ5-6 ชั่วโมง พบมีร่องรอบถูกกระแสไฟฟ้าช็อตที่บริเวณนิ้วมือซ้ายจนเห็นกระดูก

ใกล้กันพบรถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใต้เบาะรถจยย.พบแผ่นป้ายทะเบียน รถจยย.จำนวน 2 แผ่น มีกระสอบปุ๋ยสีนำเงินวางอยู่ใกล้ภายในกระสอบปุ๋ยพบสายไฟจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนนางสำลี อายุ 61 ปี แม่ของผู้ตายทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้นั่งเล่นไพ่อยู่ในบ้านแล้วออกจากบ้านเมื่อมาเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.ไม่ทราบว่าออกไปไหน จนกระทั่งมาทราบว่าถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิต

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะเข้ามาลักลอบตัดสายไฟภายในบริเวณใกล้เครื่องปั่นไฟโรงงาน โดยได้ทำการตัดสายไฟส่วนหนึ่งแล้วกำลังลงไปตัดสายไฟฟ้าที่ร้อยอยู่ในท่อระบายน้ำโดยหย่อนตัวลงไปท่อระบายน้ำซึ่งมีน้ำขังอยู่ จากนั้นได้ใช้คีมตัดจนกระแสไฟฟ้าซ๊อตทำให้เสียชีวิตทันที ก่อนหน้านี้ช่วงก่อนปีใหม่ถูกคนร้ายเข้ามาตัดสายไฟฟ้าแล้วหลายครั้งเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นผู้เสียชีวิตที่เข้ามาก่อเหตุ แล้วได้เข้ามาก่อเหตุซ้ำอีกจนกระทั่งถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเสียชีวิต

เขมรย่องตัดไม้มะค่ายักษ์ขนาด 4 คนโอบ ขนลำเลียงข้ามประเทศ อาศัยจังหวะช่วงฤดูฝนแอบตัดโค่น

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ร.อ.อุดมสุข พรหมอินทร์ ผู้บังคับกองร้อย 516 บ้านทับทิมสยาม 01 สั่งการให้ชุดลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่คลองควายตาย เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีผู้ลักลอบตัดไม้มะค่ายักษ์ จำนวน 1 ต้น ขนาด 4 คนโอบ พื้นที่หมู่ 7 บ้านทับทิมสยาม 01 ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด หลังตรวจพบจึงทำการบันทึกภาพและรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น

หลังรับรายงาน น.อ.วงศ์ดนัย ปานนิ่ม หัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 1 บ่อไร่ พร้อมด้วย น.ต.สมยศ มุ่งธัญญา รองหัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 1 บ่อไร่ ร.อ.อุดมสุข พรหมอินทร์ ผู้บังคับกองร้อย 516 บ้านทับทิมสยาม 01 และกำลังพลในสังกัด เดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่ได้รับแจ้ง โดยใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ออฟโรด ชั่วโมงเศษ และเดินเท้าเข้าไปตามเส้นทางลาดตระเวนอีกกว่าชั่วโมงครึ่ง พบเส้นทางที่ถูกถางและตัดตอไม้เพื่อเปิดเป็นช่องทางในการลำเลียงไม้ออกนอกประเทศ ดูจากลักษณะล่องรอย มีลอยล้อรถเข็น คาดว่าคงลักลอบสร้างทางในป่าทึบช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ในบริเวณดังกล่าวพบกระป๋องเบียร์ ซองบุหรี่ภาษาเขมร ตกอยู่เกลื่อนตามเส้นทาง โดยเส้นทางดังกล่าวเปิดเป็นทาง ขนาดกว้าง 4 เมตร ระยะทางยาวกว่า 8 กิโลเมตร จนถึงพรมแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการขนไม้ เมื่อเดินสำรวจไปตามเส้นทางดังกล่าวจนสุดทาง พบไม้มะค่ายักษ์ ขนาด 4 คนโอบ วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ 1.5 เมตร ความยาวลำต้นประมาณ 20 เมตร ถูกตัดโค่นและแปรรูปเป็นไม้แผ่นแล้วบางส่วน และถูกลำเลียงขนย้ายไปแล้วก่อนหน้านี้

น.อ.วงศ์ดนัย ปานนิ่ม หัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 1 บ่อไร่ กล่าวว่าไม้มะค่ายักษ์ต้นนี้ถูกตัดโค่นด้วยเลื่อยยนต์ขนาดใหญ่ ในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาเพื่ออาศัยเสียงฝนกลบเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ และเข้ามาเปิดเส้นทางเพื่อเคลื่อนย้ายไม้แผ่นขนาดใหญ่ได้สะดวก คาดว่าคงเข้ามามาซุ่มทำไม้ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม้ที่มีลำต้นขนาดใหญ่ค่อนข้างหายาก จะมีอยู่เฉพาะในป่าลึกติดตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งก็ถูกลักลอบตัดไปแล้วเป็นจำนวนมาก ชาวเขมรจะชำนาญในการตัดโค่นและลำเลียง ด้วยความชำนาญในพื้นที่ จึงไม่สามารถจับกุมได้ และได้สั่งการให้แต่ละกองร้อยฯเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนไม้ดังกล่าวที่เหลือจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

วันนี้ ( ๒๖ ธันวาคม )มีการเผยแพร่ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๗

ประกาศระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันมิให้มีการนำสินค้าดังกล่าวไปใช้อันก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพ สุขอนามัย สังคม ความมั่นคงของประเทศ และความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง (๑) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการส่งออก ไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๗”

ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ ๓ ในประกาศนี้

“บารากู่” หมายความว่า หม้อสูบยาสูบแบบอาหรับหรือลักษณะอื่นที่คล้ายคลึงกัน อุปกรณ์หรือส่วนประกอบไม่ว่าจะกระทำขึ้นด้วยวัตถุใดที่ใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับสูบควันผ่านน้ำซึ่งเกิดจากการเผาไหม้หรือการใช้ความร้อนผ่านพืช ผลไม้ พืชหมัก ผลไม้หมัก สาร สารสกัด หรือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะมียาสูบเป็นส่วนประกอบหรือไม่ก็ตาม ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๙๖๑๔.๐๐.๙๐ และให้หมายความรวมถึงพืช ผลไม้ พืชหมัก ผลไม้หมัก สาร สารสกัด หรือสิ่งอื่นใด ที่ใช้เป็นแหล่งกำเนิดควันสำหรับอุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งมีส่วนผสมของยาสูบตามรายการในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๒๔๐๓.๑๑.๐๐

“บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” หมายความว่า อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ทำให้เกิดละอองไอน้ำในลักษณะคล้ายควันบุหรี่ไม่ว่าจะกระทำขึ้นด้วยวัตถุใด ซึ่งใช้สำหรับสูบในลักษณะเดียวกับการสูบบุหรี่ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๘๕๔๓.๗๐.๙๐

ข้อ ๔ ให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรให้สาร สารสกัด หรือสิ่งอื่นใด ที่ใช้เป็นแหล่งกำเนิดควันหรือละอองไอน้ำ เพื่อการสูบแบบบารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งนำเข้ามาพร้อมสินค้าตามวรรคหนึ่งเพื่อใช้ร่วมกัน เป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรด้วย

ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์