Heroes - เราก็เป็นผู้มีพลังพิเศษ

พอดีเอาซีรี่ย์เรื่อง Heroes มาดูใหม่อีกครั้ง ซีรีย์จากฝั่งอเมริกาที่เป็นเรื่องราวของมนุษย์ผู้มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์อื่นทั่วไปอันเนื่องจากการกลายพันธุ์ กรรมพันธุ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ ในเรื่องมีตัวละครที่มีพลังพิเศษหลายคน แต่ละคนมีพลังต่างกัน ความเข้าใจต่อพลังและเจตนาในการใช้ไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่รู้ว่าโลกกำลังอยู่ในอันตรายและต้องการช่วยโลก

การดูใหม่ครั้งนี้มันทำให้เราได้มองกลับมาที่ตัวเองด้วย ไม่ได้ดูแค่เอามันส์อย่างเดียวเหมือนคราวก่อน คราวนี้เราอยากมีพลังพิเศษ อยากเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่ทำเพื่อคนอื่น เป็นคนที่มีคุณค่าและภูมิใจกับคุณค่าของตัวเอง ชอบความเป็นตัวเอง เพราะเรารู้ว่าเราไม่ธรรมดา แต่เราไม่ธรรมดาตรงไหนล่ะ? ก็เราไม่มีพลังพิเศษนี่นา… เอ๊ะ… เดี๋ยวก่อน หรือว่ามี?




Grant Wishes
การให้พร

เราเองก็สามารถให้พรคนอื่นได้!

ลองคิดดูเล่นๆ สมมุติว่าถ้าเรามีพลังแบบ Hiro Nakamura ผู้ซึ่งสามารถหยุดเวลา ย้อนเวลาไปอดีตหรือข้ามไปอนาคต และเทเลพอร์ตย่นระยะทางได้ ก็เท่ากับว่าเรามีพลังของเทพ เราก็จะสามารถให้พรคนอื่นได้ ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำได้เวลาให้พรคนอื่นหลังจากได้พลังนี้คืออะไร?

. . .

ใช่มั้ย? เริ่มมองเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าเราทำอะไรให้เค้าไม่ได้นอกจากหยุดเวลา

เราคงไม่พาเค้าย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตหรอกใช่มั้ย?  และคงจะไม่พาเค้าเทเลพอร์ต (ย่นระยะทาง) ไปไหนมาไหนด้วยเช่นกัน การพาเค้ากลับไปแก้ไขอดีตมีแต่จะทำให้มันซับซ้อนมากขึ้นและไม่เป็นสิ่งดีกับผู้ขอเพราะนั่นหมายความว่าพวกเค้าอยากจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้โดยไม่ต้องดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง มนุษย์ไม่ควรมีความหรูหราฟุ่มเฟือยในจุดนี้ขนาดนั้น เพราะไม่อย่างนั้นคนเราจะไม่มีใครแตกต่างกันขึ้นมาเลย และเราก็ไม่ใช่ God Travel Service ที่จะบริการให้เค้าไปโผล่ที่ไหนก็ได้ที่อยากไปแม้มันจะเป็นพรที่ให้ง่ายที่สุดสำหรับเราก็เถอะ เราคงไม่ได้อยากถูกจดจำและประทับใจในฐานะของเทพเจ้าผู้ให้บริการในการเดินทางหรอก เราคงไม่ได้รู้สึกพิเศษในเรื่องนี้มากมายเท่าไหร่ แต่การหยุดเวลานี่สิมันเป็นอีกเรืองหนึ่ง

แล้วการหยุดเวลาเกี่ยวอะไรกับการให้พรของเราล่ะ?

การหยุดเวลามันเป็นสิ่งพิเศษในตัวของมันแค่นั้นนั้น มันแค่ทำให้ทุกคนหยุดค้างอยู่กับที่ แต่สิ่งที่พิเศษจริงๆมันมาหลังจากที่เราปล่อยเวลาให้เดินไปตามปกติต่างหาก

นึกออกแล้วใช่มั้ย?

สิ่งที่พิเศษจริงๆคือสิ่งที่เราทำให้เค้าในช่วงที่เวลามันหยุดเดินต่างหาก!

หากมีเด็กตัวเล็กๆมาขอพรจากเราว่าอยากได้ลูกสุนัขน่ารักๆสักตัว สิ่งที่เราอาจจะทำคือ หยุดเวลา เทเลพอร์ตไปร้านสัตว์เลี้ยง อุ้มลูกสุนัขมาตัวนึง กลับมาหาเด็กคนนั้น แล้วก็ปล่อยให้เวลาเดินตามปกติ

สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ เด็กเหมือนได้รับพร เค้าอยากได้ลูกสุนัข ชั่วพริบตาลูกสุนัขก็ปรากฏต่อหน้าเค้า นี่ถ้าไม่ใช่การให้พรแล้วมันคืออะไร?


ฉากนี้ชาลีกำลังคุยกับฮิโระแล้วนกกระดาษก็ปรากฏขึ้นเต็มห้องไปหมด




Consequence of Action
ผลที่ตามมาจากการกระทำ

ตอนนี้เราเริ่มมีคำถามในใจแล้ว เอ๊ะ การที่เราไปอุ้มลูกสุนัขออกมาจากร้านสัตว์เลี้ยงมันถูกต้องแล้วหรือ?

คราวนี้กระบวนการให้พรของเราจะเริ่มซับซ้อนขึ้น เพราะถ้าเราหาลูกสุนัขไม่ได้จริงๆ มันจำเป็นจะต้องมาจากร้านสัตว์เลี้ยงเท่านั้น เราอาจจะต้องชั่งน้ำหนักว่า ระหว่างเด็กที่อยากได้ลูกสุนัข กับเจ้าของร้านสัตว์เลี้ยง ใครสมควรดีใจหรือสมควรเสียใจ หรืออาจจะเพิ่มอีกทางเลือกคือเราต้องเสียเงินค่าลูกสุนัขวางไว้ก่อนอุ้มลูกสุนัขออกมา

ทางเลือกอาจไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นี้ หากคิดเล่นๆดู เราอาจจะเพิ่มขั้นตอนอีกนิดหน่อยเช่น หยุดเวลาตรงหน้าเด็ก เทเลพอร์ตไปร้านสัตว์เลี้ยง ย้อนเวลาไปอีกสิบนาที คุยกับเจ้าของร้านขอลูกสุนัขที่ไม่ขายแต่ให้ฟรี แล้วนำมาให้เด็ก แน่นอนว่าผลที่ตามมาก็จะเริ่มเปลี่ยนเนื่องจากหากว่าลูกสุนัขฟรีไม่น่ารัก เด็กก็จะไม่ชอบพรข้อนี้ของเราเลย หรือจะจ่ายเงินซื้อลูกสุนัข อุ้มมาแล้วเทเลพอร์ตกลับมาต่อจากเวลาที่หยุดไว้

ลองลดความสะดวกสบายลงอีกหน่อย หากเรามีพลังจำกัดใช้พลังแล้วจะหมดไป เราคงเทเลพอร์ตพร่ำเพรื่อไม่ได้ หลังจากหยุดเวลาแล้วเราคงต้องเดินทางไปที่ร้านเองเพื่อไปรับลูกสุนัข เริ่มเห็นภาพของผู้มีอำนาจในการให้พรแล้วรึยัง?


ทำไมถึงพูดสองเรื่องนี้?

เพราะ

1. คนเราไม่ค่อยรู้ตัวว่าสามารถให้พรคนอื่นได้ตามที่เค้าปรารถณา แต่นั่นขึ้นอยู่กับข้อ 2 ด้วย
2. พรที่เราจะให้คนอื่นได้นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำพรข้อนั้นให้เป็นจริงของเรา

ในความเป็นจริงแล้ว เราหยุดเวลาไม่ได้ เราเทเลพอร์ตไม่ได้ เราย้อนเวลาไม่ได้ แต่เราก็ยังให้พรคนอื่นได้อยู่ดี เพียงแต่บางกรณีเราอาจไม่สามารถทำให้พรสัมฤทธิ์ผลได้ทันทีเท่านั้นเอง ทำให้เวลาของการที่พรจะเป็นจริงนั้นก็จะยืดยาวออกไป

ยกตัวอย่างกรณีเดิม หากเด็กมาขอพรเราว่าอยากได้ลูกสุนัข เราก็ให้พรว่าเจ้าจะได้ลูกสุนัขในอีกสองชั่วโมงนับจากนี้ แล้วเราก็รีบไปร้านสัตว์เลี้ยง ซื้อลูกสุนัขน่ารักๆตัวนึงกลับมาแล้วก็นำมาให้เด็กครบสองชั่วโมงพอดี ลักษณะของการทำพรให้เป็นจริงในข้อสองที่กล่าวถึงเป็นแบบนี้เอง

คราวนี้ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากพรที่เด็กขอซับซ้อนกว่านั้น เช่นขอให้รวย ขอให้เรียนเก่งทำงานเก่ง?




What’s going on
สิ่งที่เป็นอยู่

ส่วนมากแล้ว เราให้พรกับคนในครอบครัวเราเองซึ่งเป็นทั้งพรที่ดีและไม่ดีโดยที่เราไม่รู้ตัว พรบางข้อที่เค้าไม่อยากได้กัน เราก็ให้เค้าอยู่นั่นแหล่ะ ส่วนพรข้อที่เค้าขอกันมาตลอดเรากลับไม่เคยให้ได้เลย มันอาจจะถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันกลับมาให้ความสนใจกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ให้มากขึ้น ใส่ใจเพื่อตรองดูว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้ มันจะกลายเป็นพรอะไรให้คนในครอบครัว ให้คนรอบข้างรอบตัวเราบ้าง และผลที่ตามมาจากการกระทำนี้จะเป็นอย่างไร หากผลลัพธ์สุดท้ายมันจะเป็นเช่นนั้น เรายังจะทำพรข้อนี้ต่อไปมั้ย?

หากเราสังเกตุให้ดีเราจะเห็นว่า มีใครบางคนรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว คนบางคนมีเป้าหมาย ออกแบบชีวิตตัวเอง ชีวิตคนรอบข้างเอาไว้ ให้พรกับคนรอบข้าง แล้วทำทุกอย่างเพื่อให้พรนั้นกลายเป็นความจริงทั้งที่เค้าเองจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม สิ่งนี้เองที่ทำให้เรากลายเป็นคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกับในเรื่อง Heroes เราเองเมื่อได้ลองมองดูตามแล้ว เห็นตามแล้ว ก็อาจจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่า แท้จริงแล้วจุดกำเนิดหรือแหล่งกำเนิดพลังของคนเหล่านั้นคืออะไร? เพราะเหตุใดหรือสาเหตุใดที่ทำให้พวกเค้ากลายเป็น Hero ผู้มีพลังพิเศษได้?




DESIGN YOUR OWN POWER
ออกแบบพลังของตัวเอง


ตัวละครในเรื่อง Heroes มีหลายตัวละครและแต่ละคนมีความสามารถต่างกัน เราอาจจะเคยคิดว่าอยากได้ความสามารถเหมือนใครในเรื่องเป็นพิเศษก็ได้ เช่นอยากมีพลังเคลื่อนย้ายสิ่งของด้วยพลังจิตของไซล่า พลังอ่านใจคนได้ของพาร์คแมน พลังมองเห็นอนาคตของไอแซก พลังตายแล้วเกิดใหม่ของแคลร์ หรือพลังที่ทำให้ของกลายเป็นทองคำของบ๊อบ หากเราลองมองดูให้ดีอาจพบว่าสิ่งเหล่านี้เราเองก็สามารถมีได้

เช่นหากเราเป็นที่รักของคนรอบข้างทั่วไป จะขอให้ใครช่วยเคลื่อนย้ายสิ่งของไปตรงไหนก็คงไม่มีใครรังเกียจ หากเราใส่ใจเข้าใจคนรอบข้างได้ดีเราอาจจะรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์นี้เค้าจะรู้สึกยังไงเค้าจะคิดยังไง หากเรามีข้อมูลในเรื่องที่กำลังพิจารณาและไตร่ตรองข้อมูลนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากพอเราอาจจะรู้อนาคตในเรื่องนั้นๆได้ หากเราเป็นคนที่พยายามมองทุกอย่างในแง่ดีมีพลังในด้านบวกเปี่ยมล้นแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายๆแย่ๆต่างๆเข้ามาในชีวิตเราเราก็อาจจะใช้พลังความคิดบวกฟี้นคืนกำลังใจให้กลับคืนมาเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ได้ หรือแม้แต่หากเรามีความคิดสร้างสรรค์ดีๆ รวมกับความคิดบวกเยอะแล้วทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย สิ่งต่างๆที่เราจับอาจจะกลายเป็นทองคำได้จริงๆแม้กระทั่งคนที่เราจุดประกาย

คำถามก็คือ แล้วเราอยากมีพลังพิเศษแบบไหน?

ทีนี้ถึงคราวที่เราจะให้พรตัวเอง เรารู้มาแล้วว่าเราสามารถให้พรได้ และพรข้อนั้นขึ้นอยู่กับขีดความสามารถในการทำพรให้กลายเป็นจริงของเรา มีข่าวดีอยู่เรื่องนึงคือมนุยษ์เรานั้นสามารถขยายขีดความสามารถของตนเองได้ ดังนั้นเราต้องตอบคำถามของตัวเองให้ได้เสียก่อนว่าเราอยากได้พลังอะไร เช่นออกแบบว่า

พลังของเราคือ

1. นำความสว่างและความสุขเข้าไปสู่ทุกทุกที่ที่เราเข้าไป
2. ทำให้สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเรากลายเป็นสิ่งพิเศษ

แล้วพิจารณาว่าเราต้องใช้อะไรเพื่อให้ได้มีพลังพิเศษเหล่านั้น

ข้อ 1 ต้องเป็นผู้ส่งมอบความสุข

ลองตั้งคำถามขึ้นมาเล่นๆเพื่อถามตัวเองว่า เราต้องเป็นคนยังไงเพื่อที่ในทุกทุกที่ที่เราเข้าไปจะมีความสดใสขึ้นมาแล้วทุกคนจะมีความสุข เราต้องใช้มุมมองต่อโลกแบบไหน? ปรับเปลี่ยนความคิดตัวเองแบบไหน และปรับเปลี่ยนวิธีพูดของตัวเองยังไง แล้วเราจะเริ่มได้คำตอบของได้ได้มาซึ่งพลังในข้อนี้

ข้อ 2 ต้องใช้พลังของแคลร์และของบ๊อบ

แน่นอนว่าในชีวิตจริงเราตายแลัวเกิดใหม่ไม่ได้ แต่ความคิดและกำลังใจของเราทำได้ ข้อนี้เราอาจต้องใช้ความคิดบวกเยอะๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการมองโลกของเราใหม่ เราอาจต้องถามคำถามกับตัวเองบ่อยๆว่า เราต้องคิดยังงัย มองยังไง ถึงจะทำให้แม้แต่ในตอนที่เรากำลังรู้สึกแย่ เราก็จะกลับมารู้สึกดีเหมือนเดิมได้อีก เพราะการที่จะมองสิ่งรอบตัวให้พิเศษได้นั้นต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ต้องมองให้เห็นความพิเศษของตัวเองเพื่อให้เราได้เข้าใจและรู้สึกได้ว่าสิ่งที่อยู่รอบตัวเราเป็นสิ่งพิเศษ เราอาจจะต้องทำ list เอาไว้ซ้อมความรู้สึกด้วยซ้ำในเรื่องนี้

การจะจับอะไรเป็นเงินเป็นทองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากเราออกแบบตัวเองว่าต้องการมีพลังพิเศษแบบนี้ก็ต้องถามตัวเองด้วยว่า เราคิดว่ามันจะต้องใช้กำลังใจและทักษะอะไรมากมายเพียงไหนถึงจะทำให้จับอะไรแล้วกลายเป็นทองคำได้ทั้งหมด? เมื่อเราหาคำตอบได้แล้วว่าต้องใช้ความพยายามอะไรด้านไหนบ้างแล้ว เราต้องฝึกฝนทำตามขั้นตอนเหล่านั้นไปนานขนาดไหน หากจะยอมแพ้ก็ต้องใช้พลังความตั้งใจคิดบวกที่ไม่มีวันตายค้ำจุนไว้ แล้วใช้มุมมองของการทำให้สิ่งของเป็นทองคำนั้นเปลี่ยนสิ่งรอบตัวเราให้กลายเป็นสิ่งพิเศษ



The Great Power Comes With The Great Responsibility
พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง

ลองถามคำถามง่ายๆข้อนึงกับตัวเองว่า การฝึกฝนตัวเองจากผู้ไม่มีพลังเลยนั้นต้องใช้ความรับผิดชอบต่อตัวเองขนาดไหน?

หากใครเป็นแฟนหนังเรื่อง Spider Man คงจะจำคำพูดนี้ได้ซึ่งเป็นจริงอย่างยิ่งไม่ว่าแม้ในขณะที่เรามีพลังแล้ว หรือกำลังพยายามฝึกฝนให้ตัวเองมีพลังอยู่ ลองคิดเล่นๆว่าคนปกติธรรมดาคนนึงที่วันๆทำแต่เรื่องเดิมๆและปล่อยให้ตัวเองอยู่ใน comfort zone สบายๆของตัวเองทุกวันโดยไม่ทำอะไรเพิ่มเติมจะมีพลังพิเศษอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาได้หรือไม่? การที่เราจะเป็นอะไรได้นั้น มันมาจากการสั่งสมในเรื่องนั้นๆของเรา ที่เรารู้เสมอว่าพระเอกนางเอกคนนี้เล่นเรื่องอะไรมาบ้างเพราะเราติดตามผลงานเค้าอยู่เสมอ ที่เรารู้ว่าทีมฟุตบอลทีมไหนมีแต้มเท่าไหร่ ใครจะได้เป็นแชมป์ก็เช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าเราต้องติดตามเรื่องเหล่านี้มานานขนาดไหน ใช้ effort ไปเท่าไหร่กว่าจะรู้ได้ถึงจุดนี้ การออกแบบและฝึกฝนให้ตัวเองมีพลังพิเศษนี้ก็เช่นกัน เราต้องใช้ความรับผิดชอบในระดับเดียวกันและทำให้มันเป็นเรื่องสนุกน่าติดตามสำหรับเราที่จะทำให้เราฝึกฝนไปเรื่อยๆจนสำเร็จ

นี่ยังแค่มุมมองด้านความรับผิดชอบต่อตัวเอง แลัวยังต้องมีมุมมองความรับผิดชอบต่อพลังของเรา ต่อสิ่งที่เราเป็นอีก โดยต้องรับผิดชอบต่อการรักษาระดับมาตราฐานของเราไว้ให้ได้

กลับมาที่พรข้อที่ซับซ้อนขึ้นของเด็กคนเมื่อกี๊ เพื่อให้เห็นว่าเราสามารถให้พรข้อนี้กับเด็กได้จริงๆก็ต้องยกตัวอย่างว่าให้เด็กคนนี้เป็นลูกเป็นหลานหรือเป็นน้องของเรา เราจะทำอะไรได้บ้างจากความสามารถและสิ่งที่เรามีอยู่ เพื่อให้พรข้อนี้ของเด็กเป็นจริง?

เราจะเริ่มเห็นชัดว่า เราไม่สามารถให้ความรวยและความเก่งกับเด็กได้ เพราะความรวยและความเก่งเป็นสิ่งที่ต้องออกมาจากภายในของตัวเด็กเอง และเราสามารถทำให้พรข้อนี้เป็นจริงได้ด้วยการทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กเห็นและเข้าใจได้ว่าการจะรวยและเก่งได้นั้นต้องมีมุมมองแบบไหนและต้องทำอะไรบ้าง และพรของเราคือเราสนับสนุนอะไรเด็กได้ พรข้อนี้อาจต้องใช้เวลามากหน่อย แต่เราก็รู้ว่ามันจะสำเร็จได้แน่นอนด้วยการขยายขีดความสามารถของทั้งผู้ให้พรและผู้รับพร




Sharpen The Saw
หมั่นลับคมเลื่อยคมขวาน

พลัง เป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไปได้ และสิ่งที่ใช้แล้วหมดไปก็สามารถสร้างกลับมาคืนได้ หมั่นตรวจสอบตัวเองไว้เสมอว่าตอนนี้ระดับพลังงานของเราอยู่ที่ขีดไหน เหลือใช้อีกเท่าไหร่ ต้องเติมตอนไหน ในเมื่อมันมีจำกัด ควรใช้พลังเพื่อใคร และที่สำคัญที่สุด ควรพิจารณาเสมอว่า ตอนนี้เราจำเป็นต้องมีพลังอะไรใหม่ๆอีกหรือไม่? ถึงเวลาพัฒนาพลังอะไรใหม่ๆหรือยัง?


ณ วันนี้ที่เขี้ยนเรื่องนี้ขึ้นมา เข้าใจว่าซีรีย์เรื่อง Heroes นั้นยังไม่อวสาน เราเองก็ดูถึงแค่จบ season 2 แต่พลังความคิดมันปะทุได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้ดู season 3 ต่อ แต่เราคิดว่าไม่จำเป็นแล้ว เราไม่ได้อยากรู้เรื่องราวมากขึ้นไปกว่านี้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เราอยากรู้คือเรื่องของตัวเองมากกว่า เราจะพัฒนาอะไรตัวเองดี ได้เวลาวางแผนใหม่ให้ตัวเองแล้ว





(กลับมาอัพเดทให้ฟอนต์ใหญ่ขึ้นอีกหน่อย ^^')




Create Date : 02 พฤษภาคม 2557
Last Update : 9 พฤษภาคม 2557 18:06:16 น.
Counter : 4834 Pageviews.

2 comments
  
แวะเข้ามาอ่านค่ะคุณเจ้าของบล๊อก หน้าเค้าชิดจอเลยไม่งั้นมองไม่เห็นอะคะ อิอิ มันเล็กม๊ากกก ยังคงอธิบายความหมายของคำได้ลึกซื้งและเข้าุถึงเหมือนเดิมเลยนะคะ อยากจะกดไลค์สัก100 ชื่นชมๆๆ ทักทายอรุณสวัสดิ์ค่ะ อ่อ!ดีเจขอหลังไมค์ด้วยนะคะ
โดย: Rainy7Days วันที่: 5 พฤษภาคม 2557 เวลา:4:37:53 น.
  
แก้ฟอนต์แล้วใหญ่ดีแฮะ
ใหญ่ไปรึเปล่าเนี่ย ^^'
โดย: Karz วันที่: 9 พฤษภาคม 2557 เวลา:18:10:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Karz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 126 คน [?]





สงวนลิขสิทธิ์