กานต์ : นิวส์ : วัน
Group Blog
 
All blogs
 
การเมืองเรื่อง[การ]ตลาด

วันก่อนตอนนั่งประกาศข่าวเที่ยง ผมถามผู้ประกาศข่าวกีฬา ถึงกรณีที่สเวน โกรัน อีริคสัน ลงทุนเดินทางมาเมืองไทยเพื่อเซ็นต์สัญญากับนักเตะไทยว่าตกลงแล้วข่าวนี้เป็นข่าวกีฬา หรือข่าวการตลาด หรือข่าวการเมือง

ที่ถามเช่นนั้นเนื่องเพราะ ทั้งคนอ่าน คนดูและคนเล่น (เกมการเมือง) ต่างรู้อยู่แก่ใจว่า การมาเยือนของสเวนครั้งนี้ มีนัยยะทางการเมืองเรื่องของแมนซิตี้กับพีเพิ่ลพาวเวอร์แฝงอยู่ อันเป็นสายตรงท่อตรงมาจากลอนดอน

มองในแง่มุมกีฬา สุรีย์ สุขะและนักเตะหนุ่มอีกสองคนรวมถึงวงการค้าแข้งไทย ได้อานิสงค์จากกรณีนี้ไปเต็มๆ ทั้งที่อนาคตไม่รู้ว่าจะได้แม้แต่สัมผัสปลายหญ้ากราวด์เดอะซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ รึเปล่า

หากว่ากันตามทฤษฎีการตลาด การโฆษณา จะเห็นว่า ไม่ต่างอะไรกับการชวนเชื่อ โดยให้ข้อมูลไม่รอบด้าน เพื่อจูงใจให้คนคล้อยตามในด้านดีที่นำเสนอ ซ้ำยังเป็นการรีอิมเมจเพื่อตอกย้ำความทรงจำของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องด้วยการเข็นกลยุทธ์ เคมเปญออกมาสู่ตลาด ดังจะได้เห็นจากนี้ไป ทั้งปัดฝุ่นโปรเจคเก่าที่เข้าถึงเรื่องของการสร้าง Value added ในรูปแบบต่างๆ ทั้งความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือ กระทั่งความเอื้ออาทร ทำนองว่าพรรคนี้มีแต่ให้ โดยเฉพาะตำรับประชานิยม ที่กลายเป็นเทรนด์ให้กับทุกพรรคการเมืองนำไปใช้หาเสียงเสียแล้ว

ส่วนแมนซิตี้ก็เป็นกิมมิคหนึ่งที่นายหัวนำมาใช้เพื่อตอกย้ำภาพจำของคนไทยที่มีต่อคนไกลบ้าน ว่าถึงตัวไกล แต่ใจยังห่วงใยคนไทยและเมืองไทย อยู่เสมอไม่เสื่อมคลาย ไอเลิฟยู จุ๊บๆ

ขณะที่การเลือกตั้งครั้งนี้มี มีเรื่องการรีแบรนด์ดิ้งของพรรคการเมืองที่เน้นเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น ท่ามกลางงบการตลาดที่โหมเข้าใส่อย่างมหาศาล เพื่อทำให้การเลือกตั้งเข้าถึงฐานเสียงใหม่และได้ภาพจำใหม่ของฐานเก่าที่เบื่อหน่ายรูปแบบการเมืองเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการชูภาพของนายบรรหาร ศิลปอาชา ร่วมกับลูกพรรค ทั้งนี้เพื่อสื่อถึงการทำงานเป็นทีมและลบคำครหาว่าพรรคชาติไทยเป็นมรดกของตระกูลศิลปอาชา

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ปัดฝุ่นใหม่ด้วยภาพลักษณ์ผู้นำที่มีความร่วมสมัย เน้นการทำงานเพื่อประชาชนที่สัมผัสได้ทุกที่ทุกเวลา ดังกิจกรรมของพรรคที่ลงไปพบปะกับกลุ่มผู้ใช้แรงงานกลางคืนทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ หรือสาวประเภทสองที่ประกอบอาชีพนางโชว์ที่พัทยา ซึ่งเรียกว่าหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และลูกพรรค อดตาหลับขับตานอนปฏิบัติภารกิจทั้ง 24 ชม. กันเลยทีเดียว (ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าภาพแบบนี้จะได้เห็นครั้งนี้ครั้งเดียวหรือไม่)

ส่วนพรรคการเมืองที่เกิดใหม่ จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสร้างการจดจำแบรนด์ของพรรคได้ดีเท่ากับพรรคการเมืองเก่า จึงทำให้แนวทางการแก้ไขอาจจะต้องไปชูชื่อหัวหน้าพรรคและนโยบาย มาแทนชื่อพรรคในช่วงการเลือกตั้งโค้งสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นมัชฌิมาธิปไตย ชูชื่อนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ มาเป็นตัวยืน พร้อมนโยบายประชานิยม 42 ข้อ ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน ชูภาพความเป็นกลางทางการเมือง เพื่อหวังทางเสียงจากกลุ่มที่ต้องการความสมานฉันท์

อย่างไรก็ดี ชื่อของนายสมัคร สุนทรเวช ยังพอขายได้ในพรรคพลังประชาชน ที่รีโนเวตมาจากไทยรักไทยเดิม พร้อมกันนี้ก็ได้ใช้การสื่อสารด้วยการทำโฆษณาและทำการตลาดแบบเดิม เพื่อหาเสียงในฐานลูกค้าเก่าที่เจ้าตัวอ้างว่ามีกว่า 14 ล้านเสียง พร้อมกับชูจุดขายใหม่ ด้วยการเตรียมแก้รัฐธรรมนูญและปลุกผี 111 อดีตกรรมการบริหารไทยรักไทย และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ โดยชัดเจนถึงขัดย้ำว่า หากไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติให้เลือกพลังประชาชน ซึ่งเป็นการทำการตลาดที่ยืนหยัดและชัดเจนในความเป็นภาพของฝ่ายตรงข้ามการปฏิวัติของทหารและรัฐเผด็จการ

นับเป็นกลยุทธ์ใหม่มาใช้ในการทำสงคราม (war) กับฝ่ายตรงข้าม เพื่อบังคับให้ผู้บริโภค “เลือกข้าง” โดยนำจุดอ่อนหรือช่องโหว่ของคู่แข่งมาเป็นจุดขาย ทะลวงฟันโดยไม่หวั่นต่อกฎระเบียบการเลือกตั้งที่มีขึ้น

เป็นการตลาดแบบนิชมาร์เก็ต หรือการตลาดเฉพาะกลุ่มที่พร้อมขยายผลกลายไปเป็นแมสมาร์เก็ตติ้งได้ตลอดเวลา (ซึ่งถ้าเป็นจริงก็ตัวใครตัวมันละกันครับ พี่น้อง...)

จากนี้ไปก็ต้องติดตามกันว่า นโยบายไหน แคมเปญใดจะถูกใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและตัดสินใจกาเบอร์ที่ชอบ พรรคที่ใช่ ท่ามกลางสงครามการตลาดการเมืองที่เข็นมาประชันกันแบบไม่ยิ่งหย่อน นี่ยังไม่นับรวมเกมการเมืองใต้ดินที่แต่ละท้องถิ่นก็เข้มข้นไม่แพ้กัน และยิ่งนับวันความรุนแรงในรูปแบบการหาเสียงก็จะมีมากขึ้นตามลำดับ ก่อนจะตัดสินกันในวินาทีปิดหีบ 23 ธันวาคม 2550



Create Date : 29 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2550 14:29:46 น. 5 comments
Counter : 325 Pageviews.

 
เห็นด้วยจ้า


โดย: ann (a_mulika ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:30:00 น.  

 
อ่านแล้วชอบ เลยแวะมาโหวตให้ รับไปสามคะแนนเต็มคะ
สำหรับ best topical blog


โดย: ann (a_mulika ) วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:22:13:46 น.  

 
นำสิ่งดีดี มาฝากในวันพ่อคะ



ปล. จะ copy เก็บไว้ แล้ว ลบ ออกก็ได้นะคะ เพราะ พระองค์ท่านคงไว้แบบนี้ไม่เหมาะนัก


โดย: a_mulika วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:17:18:11 น.  

 


จ๊ะเอ๋ หวัดดีจ้า...แวะมาทักอีกแล้ว...แต่คราวนี้แวะมาบอกเล่าเก้าสิบบางเรื่องด้วยคะ
ก็บังเอิญได้แวะไปเยี่ยม blog ของ คุณครูปอ สาวสดใส ผู้อุทิศตัวและใจ ให้กับเด็กๆๆ วัดพระบาทน้ำพุ
ได้อ่านเรื่องราวต่างๆแล้ว ที่คุณครูเขียนแล้ว ชอบมากเลย ไม่รู้ว่า เคยไปอ่านกันหรือยัง
เลยเอามาฝาก หากสนใจ เข้าไปอ่านนะคะ
คลิกที่นี่

และหากสนใจมีจิตศรัทธาจะบริจาคเงินสิ่งของหรือแรงกาย ก็เชิญติดต่อที่ที่อยู่ เบอร์โทร
ที่คุณปอ แจ้งไว้บนหัว blog ได้เลยนะ

ไปทำงานต่อหละจ้า..


โดย: a_mulika วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:22:29:04 น.  

 

แวะมาทักทายกับบ่ายวันเสาร์ หน้าหนาว อันแสนอบอ้าว



ถ้าอยู่ในประเทศไทย พรุ่งนี้อย่าลืมไปใช้สิทธิ์ของเรา เลือกตั้งนะคะ





โดย: a_mulika วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:15:51:20 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

KANTJOURNAL
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Google
Friends' blogs
[Add KANTJOURNAL's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.