Group Blog
All Blog
รักเพียงฝัน...(บท 5/1)





เรนัลโดบอกกับตัวเองว่าประวัติความเป็นมาของหญิงสาวไม่สำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้เธอบ่อน้ำตาตื้น เขาก็ได้ข้อสรุปว่าจะไม่แคร์กับอดีตของปลายรุ้งว่าเป็นใคร มาจากไหน ขอแค่พวกเขามีความสุขที่จะคบหากันก็เพียงพอแล้ว อดีตจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ตกลงใจได้อย่างนั้นแล้วเขาก็ตั้งปณิธานว่าจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวของเธออีกต่อไปหากฝ่ายนั้นไม่สมัครใจเล่าเอง ด้วยไม่อยากจะมีเรื่องผิดใจกับหญิงสาวอีก

ชายหนุ่มนึกพลางมองภาพหญิงสาวจ้องดูซีดีละครที่เขาแสดงตาไม่กะพริบอย่างขำๆ ในจอโทรทัศน์เป็นตอนที่เขากำลังเข้าฉากโรมานซ์กับนางเอกในเรื่องซึ่งเป็นฉากหอมแก้มและจุมพิตกันเล็กๆ น้อยๆ

หลังจากทานมื้อค่ำ พวกเขาก็ย้ายมานั่งพักผ่อนที่ห้องโฮมเธียเตอร์แห่งนี้ เขาล้างแผลและเปลี่ยนผ้าก๊อซให้หญิงสาว โดยอีกฝ่ายนั่งชันเข่าปลายคางเกยหมอนอิงที่วางพาดเหนือหัวเข่าระหว่างมองโทรทัศน์ไปด้วย

หลายวันที่อยู่ร่วมกัน เขาพอรู้นิสัยของหญิงสาวบ้างแล้ว เธอเป็นคนระวังตัวแจกับเพศตรงข้าม ซึ่งต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขารู้จักที่ค่อนข้างปล่อยเนื้อปล่อยตัว เรนัลโดนึกพลางมองเสี้ยวหน้าด้านข้างอย่างอ่อนโยน อีกฝ่ายกำลังนั่งเอียงข้างมาทางเขา ตามองตรงไปยังโทรทัศน์ยังกับเด็กๆ ที่ติดรายการโปรด ใกล้ชิดเสียจนแลเห็นเลือดฝาดบนพวงแก้มใสนวลเนียนชัดเจน

ผิวปลายรุ้งขาวอมชมพู ไร้ไฝฝ้าอย่างที่หาได้ยากในหมู่สาวตะวันตก ยุโรปหรือละตินอเมริกา เขาอดไม่ได้จึงเผลอยื่นปลายนิ้วไปไล้พวงแก้มแผ่วเบา เป็นผลให้ร่างบางสะดุ้งและถดตัวหนีตามสัญชาตญาณ เธอปรายตามามองเขาด้วยแววตาที่แฝงรอยคำถาม

เรนัลโดยิ้มเก้อๆ ให้หญิงสาว เขายกมือเสยผมพลางว่า “ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าทำแผลเสร็จแล้ว”

“ขอบคุณค่ะ…งั้นคุณไปนอนเถอะ รุ้งไม่รบกวนแล้ว”

คนถูกไล่เบิกตาโต “โห…พอหมดประโยชน์แล้วจะไล่เลยเหรอ”

“ก็ไม่มีอะไรแล้วนี่คะ” เจ้าตัวไม่ปฏิเสธ “คุณอยู่ไปก็ไม่รู้จะทำอะไร ซีดีพวกนี้คุณก็ดูหมดแล้ว แถมยังแสดงเองด้วย เพราะงั้นคงไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับคุณ”

“ใครบอก…คุณไง อยู่ใช้เวลากับคุณดีออก” เรนัลโด ย้อนกลับหน้าตาเฉย พลางเสริมว่า “เดี๋ยวผมไปหาอะไรในตู้เย็นมานั่งกินกันนะ ดูเหมือนจะมีพิซซ่าด้วย”

แก้มแดงก่ำจากคำเกี้ยวพาซึ่งๆ หน้า ปลายรุ้งสะกดน้ำเสียงให้ราบเรียบขณะตอบว่า “ดึกแล้วยังจะกินอีก เดี๋ยวก็ลงพุงหรอก”

“ไม่เป็นไรผมเข้าฟิตเนสทุกวัน” ตอบยิ้มๆ

ปลายรุ้งพยักหน้ารับรู้ “เขาว่าคนบราซิลชอบทานพิซซ่าเป็นชีวิตจิตใจจริงเหรอ”

เรนัลโดเลิกคิ้ว “ที่นี่มีพิซซ่าหลายหน้ามาก ผมเดาว่าอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนชอบทานอาหารจำพวกนี้” ตอบแบ่งรับแบ่งสู้แล้วฉีกยิ้มกว้างอวดฟันขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบ

เขาเป็นเจ้าของริมฝีปากคู่สวยจริงๆ เคยได้รับเสียงวิพากษ์จากสื่อในอินเทอร์เน็ตว่าเป็นเจ้าของ ‘a nice smile with perfect teeth’ มาเห็นตัวจริง เสียงชื่นชมนั้นไม่เกินจริงเลย และยิ่งเขาฉีกยิ้มกว้าง ก็ยิ่งเสริมใบหน้าหล่อเหลา ให้ชวนมองเพิ่มขึ้นไปอีก คุณพระช่วย…เขาเป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ จริงๆ และเธอก็สามารถนั่งดูเขาได้ทั้งวันอย่างนี้โดยไม่รู้เบื่อ

คนถูกมอง เลิกคิ้ว ชายหนุ่มถามยิ้มๆ ว่า “มองอะไร?” ลากเสียงยาว ฟังนุ่มทุ้มราวกับเสียงดนตรี

“เปล่า…กำลังสงสัยว่าทำไมหนังหรือละครของบราซิลถึงต้องจบด้วยฉากกินอาหารหลังพระนางหลับนอนด้วยกันทุกครั้ง อย่างเรื่องครอบครัวยุ่งเหยิง ก็จบด้วยการที่คุณกับคามิล่ากินพิซซ่า หรือไม่ก็เค้ก หรืออย่างเรื่องสีสันแห่งบาป คุณกับนางเอกในเรื่องก็กินเชอร์รี่ชุบช็อกโกแลตภายหลังจากที่ เอ่อ…มีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกัน”

เรนัลโดยิ้มกระดากอาย เมื่อถูกเตือนความจำในฉากเลิฟซีนเหล่านั้น “ผมขอไปยกของว่าง แล้วค่อยมาตอบได้ไหม”

ปลายรุ้งมองท่ายิ้มเก้อๆของเขาแล้วยิ้มตอบ “เชิญค่ะ” ผายมือเชิญ และพอเขาลับสายตา เธอก็ยิ้มกว้างอย่างขำๆ ผู้ชายคนนี้ก็เขินเป็นเหมือนกันนะ

ชายหนุ่มกลับเข้ามาอีกครั้งในครึ่งชั่วโมงต่อมาพร้อมด้วยถาดพิซซ่า เขาใช้เวลาไปหลายนาทีกับการอุ่น “ของคุณมีชิ้นหนึ่ง” เรนัลโดพูดพลางยื่นให้หญิงสาว และทรุดนั่งบนเบาะไม่ห่างจากอีกฝ่ายนัก

“ขอบคุณค่ะ” เธอรับมาพินิจ พิซซ่าของบราซิล แป้งกรอบบางราวกับแผ่นโรตี ด้านบนราดด้วยซอสมะเขือเทศเล็กน้อยและแต่งหน้าด้วยอาหารพื้นเมืองแบบบราซิล เธอลองกัดไปคำหนึ่ง มันให้รสชาติแปลกๆ อาจเพราะเธอไม่คุ้นกับรสชาติบ้านเขา

“เป็นไงบ้าง” เรนัลโดถาม พลางกัดของเขาบ้าง ชิ้นเล็กๆ

“ก็อร่อยดีค่ะ หน้าเยอะดี นี่หน้าอะไรคะ”

“ไก่กับชีส”

“อ้อ...ค่ะ” พึมพำ แล้วงับอีกคำ “ที่นี่มีหน้าอะไรบ้างคะ เห็นเขาว่าพิซซ่าบราซิลเป็นเอกลักษณ์ แปลกกว่าทุกประเทศ”

“อาจเพราะเรามีหลายท็อปปิงที่ไม่เหมือนที่ไหน บราซิลเน้นเครื่องแต่งหน้าและชีสมาก ด้วยความที่เป็นที่นิยม ร้านอาหารเกือบทุกร้านจึงขายพิซซ่า แต่ถ้าเป็นร้านพิซซ่าโดยเฉพาะ จะมีทุกหน้า ทั้งหน้าเค็ม หน้าหวาน หน้าผลไม้และหน้าคาว” คนบราซิลโดยเฉพาะเซา เปาโล ได้ชื่อว่ากินพิซซ่ามากที่สุดเป็นลำดับสองของโลก รองลงมาจากนิวยอร์ก

“หน้าผลไม้กับหน้าหวานมีด้วยหรือคะ รุ้งไม่เคยได้ยิน ส่วนมากที่เคยกินจะเป็นท็อปปิงที่ทำมาจากพวกสัตว์ เนื้อและผัก”

“ที่นี่มีครับ” ตอบยิ้มๆ ก่อนขยายความต่อว่า “หน้าผลไม้ก็ทำมาจากผลไม้ จำพวกผลไม้สดทั้งหลายอย่างสตอบอรี่ ส่วนหน้าหวานก็ทำมาจากผลไม้และของแต่งหน้าจำพวกหวานๆ อย่างกล้วยอบน้ำตาล ช็อกโกแลต สวีตชีส มันก็เหมือนขนมหวานน่ะ หลังพิซซ่าหน้าคาว”

ปลายรุ้งกัดไปอีกคำ แล้วถามว่า “ตกลงว่าไง...คุณยังไม่ตอบเลยว่าทำไมหนังบราซิลทุกเรื่องของคุณถึงต้องจบด้วยฉากกินอาหารหลัง เอ่อ...เซ็กส์ที่เร่าร้อนทุกครั้ง”

เรนัลโดสำลักพิซซ่า หน้าแดงก่ำ เขารีบยกเบียร์กระป๋องขึ้นจิบก่อนตอบว่า “ยังไม่ลืมอีกเหรอ ผมอุตส่าห์ลากไปเรื่องอื่นเสียไกลลิบแล้ว”

“ไม่สำเร็จหรอก” ปลายรุ้งตอบยิ้มๆ แล้วจ้องหน้าหล่อเหลาของเขา ดูใกล้ๆ อย่างนี้...เทพบุตรชัดๆ เธอยังไม่เห็นส่วนบกพร่องใดๆ ไม่ว่าตา จมูกและปาก เครื่องหน้าทุกชิ้นงดงามสมูบรณ์แบบอย่างที่เรียกว่าฟ้าประทาน และผิวหน้าเขาก็ใสเหลือเกิน

ดาราขี้อาย...ยิ้มเขินๆ ไปทีหนึ่งแล้วตอบว่า “ก็ไม่มีอะไรหรอก เป็นบทบาทการแสดงในหนัง เขาเขียนอะไรมาผมก็ต้องแสดงตามนั้น”

“แล้วเป็นวัฒนธรรมบ้านคุณเหรอ ที่ต้องกินหลังเอ่อ...มีอะไรกันน่ะ”

เรนัลโดยิ้มอ่อนโยนอีกเท่าตัว “ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของร่างกายมากกว่า และคิดว่าทุกชาติในโลกนี้ก็คงเป็นเหมือนกัน เมื่อออกแรงมาก มันก็ย่อมเหนื่อย เพลีย หิว เพราะงั้นก็ต้องหาอะไรบำรุงร่างกาย...ก็แค่นั้น” ตอบพลางไหวไหล่และกัดพิซซ่าอีกคำ

“อ้อ...ค่ะ” พึมพำรับรู้แล้วละสายตามาจ้องจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ติดผนัง

“คุณถามผมแล้ว ผมถามคุณบ้างสิ”

เหลียวขวับมามองเขาอย่างระวัง ก่อนจะอ้อมแอ้มอนุญาต “เชิญค่ะ”

“คุณอายุกี่ปีน่ะปลายรุ้ง...คุณพอจะจำได้ไหม” เสริมประโยคท้ายอย่างลังเล

ปลายรุ้งชะงักไปเสี้ยววินาที หันกลับมาดูซีดี ก่อนตอบตามตรงว่า “ยี่สิบเอ็ดค่ะ”

“เคยมีแฟนหรือเปล่า” เรนัลโด ถามต่อ พลางเปิดจุกเกลียวของกระป๋องเบียร์ ยื่นไปวางบนพื้นหินอ่อนตรงหน้าหญิงสาว

เธอพึมพำขอบคุณเบาๆ แล้วตอบไปตามตรงว่า “เปล่าค่ะ”

คนถามเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “แปลกมาก คนไทยมีแฟนช้าเหรอ ที่นี่ย่างเข้าวัยรุ่น ก็มีแฟนกันแล้ว”

“เปล่าหรอกค่ะ” ปฏิเสธอุบอิบ

“งั้นทำไมคุณไม่มีแฟน”

“รุ้งมุ่งเรื่องเรียนน่ะค่ะ พอเงยหน้าขึ้นจากหนังสืออีกที พวกหนุ่มๆ ก็หายเกลี้ยงแล้ว” ประโยคท้ายพูดติดตลก หากทว่าอีกฝ่ายไม่ขำไปด้วย

เรนัลโดพยักหน้ารับรู้ ไม่ประหลาดใจแล้วว่าทำไมหญิงสาวจูบไม่เป็น ท่วงท่าเงอะงะระคนเคอะเขินตอนเขาโน้มตัวไปจูบ บอกถึงความไม่ประสีประสาของเจ้าตัว หาได้ไม่ง่ายนักกับผู้หญิงที่ยังคงรักนวลสงวนตัวโดยเฉพาะในโลกยุคดิจิทอลอย่างนี้ เขาเปลี่ยนเรื่องว่า “แล้วคุณตกลงใจจะอยู่ที่บราซิลนี่กี่วัน...ผมไม่ได้กำลังจะไล่คุณนะ” รีบออกตัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันขวับมาจ้องทันที เขาเสริมต่อว่า “แค่อยากจะรู้ว่าคุณวางแผนชีวิตต่อไปอย่างไร ผมเป็นห่วงคุณ”

“ขอโทษค่ะ แต่เราตกลงกันแล้วว่ารุ้งจะอยู่กับคุณจนกว่าคุณเจรจางานเสร็จ”

“แล้วถ้าผมต้องอยู่นานเป็นปีล่ะ โดยเทียวไล้เทียวขื่อระหว่างเซา เปาโล กับริโอ คุณยังจะอยู่กับผมด้วยไหม? ผมหมายถึงว่าบ้านหลังนี้ยินดีต้อนรับคุณเสมอ ถึงผมไม่อยู่ คุณก็อยู่ตลอดไปได้”

ปลายรุ้งอึ้ง “ทำไมคุณถึงดีกับรุ้งนักละคะ เพราะสงสารเหรอ?”

เรนัลโดยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนตอบว่า “เปล่าหรอก คงถูกชะตามั้ง ผมเห็นหน้าคุณครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเจอญาติเก่า”

เธอยิ้มหงอยๆ ให้เขาแทนคำตอบ

“ทำไมถึงทำหน้าเศร้ายังงั้นล่ะ ไม่เอา...ถึงคุณจะหาญาติหรือคนรู้จักไม่เจอ คุณก็อยู่กับผมต่อไปได้ หรือไม่เราก็บินไปเมืองไทยไปหาญาติของคุณก็ได้ โอเคมั้ย?”

“คุณดีกับรุ้งจังเลยค่ะ”

นี่คือพรจากท่านพญายมใช่ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะพรของท่านทุกอย่างจะง่ายดายเหมือนอย่างนี้รึเปล่า...คงไม่สินะ? ปลายรุ้งนึกอย่างเยาะหยันตัวเอง และพลันน้ำตาซึมจนต้องผินหน้าหนี เธอแหงนหน้าเพื่อกะพริบไล่หยาดน้ำตา คุณพระ...แค่เดือนเดียว เธอมีเวลาเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับเขาแค่หนึ่งเดือน หลังจากนั้นก็ต้องไปรับการชี้ชะตาที่เมืองนรก...ทำไมชีวิตเธอถึงเศร้าอย่างนี้

“คุณเป็นอะไรปลายรุ้ง...ทำไมถึงร้องไห้” เรนัลโดอุทานอย่างตกใจ ขณะหมุนตัวหญิงสาวมาเผชิญหน้า เห็นเกล็ดน้ำตาสีขาวหยอกล้อกับแสงไฟเกิดเป็นประกายแวววาวอยู่ทั่วแพขนตา ชายหนุ่มเชยปลายคาง หากอีกฝ่ายก้มหน้างุด ไม่ยอมสบตา

“รุ้งเปล่า” เจ้าตัวปฏิเสธ พลางปัดมือเขาออก หากมือหนาปานคีมเหล็กกลับเพิ่มแรงที่กุมต้นแขนแน่นเข้าไปอีก

“ยังจะมาปากแข็งอีก เห็นอยู่คุณร้องไห้...ร้องทำไมกัน เด็กขี้แย” พูดเสียงอ่อนโยนราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็ก ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาซุกอ้อมแขนและกอดกระชับแน่น มือหนาลูบแผ่นหลังขณะที่กระซิบคำปลอบโยนต่อว่า “คุณยังมีผมนะปลายรุ้ง ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกนี้สักหน่อย ยังไงผมก็จะไม่ทิ้งคุณ” ให้คำยืนยันเสียงหนักแน่นพร้อมกับกดร่างบางกระชับแผงอก ใครจะเข้าใจเขาบ้างไหมถึงความรู้สึกรวดร้าวอยู่ในนี้ เขาเจ็บปวดอย่างหาสาเหตุไม่ได้เมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาว มันบีบคั้นไปถึงก้นบึ้งของจิตใจอย่างที่เขาอธิบายกับตัวเองไม่ได้

นี่คือพรของท่านพญายมใช่ไหม? ทุกอย่างเกิดจากพรของท่าน รวมถึงการที่เขาดีกับเธอด้วยใช่หรือเปล่า?
ปลายรุ้งปล่อยเสียงโฮหนักขึ้น ยิ่งเขาปลอบเธอก็ยิ่งร้องไห้ ตื้นตันใจก็มีบ้างหรอกนะ แต่ขื่นขมมีมากกว่า รสชาติขมปร่ายังติดอยู่ตรงปลายลิ้น ขณะสะอึกสะอื้นจนตัวโยน

เรนัลโดตีความอาการเศร้าเสียใจไปอีกทาง เขาจึงโยกคลอนและปลอบประโลมหญิงสาวไปพลางราวกับเห่กล่อมเด็ก “ไม่เอา...อย่าร้องไห้ ผมบอกแล้วไงว่าคุณจะอยู่กับผมนานตราบเท่าที่คุณต้องการ เดี๋ยวพรุ่งนี้...เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันนะ มีอาหารพื้นเมืองเป็นร้านเจ้าประจำของผมอยู่ร้านหนึ่งแถวๆ ตีนเขาคอร์โควาโด พรุ่งนี้ผมจะพาไปกินแล้ว จากนั้นเราก็ขึ้นรถรางไปสักการะคริสต์ รีดีมเมอร์ และตบท้ายโปรแกรมทัวร์ ด้วยการพาไปกินพิซซ่าหน้าแปลกๆ ที่คุณไม่เคยลองไง เป็นไงโปรแกรมทัวร์ของไกด์เรย์น่าสนใจไหม?”

“คุณน่ะเอารายการเที่ยวกับของกินมาล่อ ทำยังกะรุ้งเป็นเด็กๆ แน่ะ” ตวัดตาค้อนพร้อมกับยันตัวเองออกมาจากอกเขา ป้ายน้ำตาไปพลาง

“แต่มันได้ผลนี่ คุณหยุดร้องไห้แล้ว” ประโยคท้ายเย้าด้วยน้ำเสียงโอ่ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล

เธอย่นจมูก “แหงล่ะ คุณรัดรุ้งแน่นซะขนาดนั้น ถ้าไม่หยุดร้อง ก็ต้องหยุดหายใจเท่านั้น”

เรนัลโดทำหน้าเหมือนจะค้อนปะหลับปะเหลือก แต่เมื่อไม่เคยทำ สีหน้าจึงออกมาพิกล ที่สุดเจ้าตัวก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่ ก่อนว่า “คุณนี่มีอารมณ์ขันเหลือร้ายเหมือนกันนะ ตกลงจะไปเที่ยวกับผมใช่ไหมพรุ่งนี้?”

“เดตเหรอ?” ย้อนถามกลับทันควัน ด้วยอารมณ์อยากแหย่ หากทว่าคำตอบกลับมาจากเขา ทำให้เธออึ้ง คาดไม่ถึงเสียยิ่งกว่า

“ใช่...เดตครั้งแรกอย่างเป็นทางการของเรา” เรนัลโดตอบเสียงหนักแน่น พลางจ้องไปที่หญิงสาวอย่างไม่คลาดสายตา เห็นอีกฝ่ายอ้าปากค้าง ตีหน้าเหลอหลา เขาก็เอื้อมไปคว้ามือนุ่มมาเกาะกุม อีกมือตามมาคลึงปลายนิ้วเล่น ก่อนพูดว่า “คบกับผมนะปลายรุ้ง...ผมไม่เคยขอคบกับใครมาก่อน คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมอยากใช้เวลาร่วมด้วย...ตกลงไหมเราจะออกเดตด้วยกันพรุ่งนี้?” ถามตบท้าย ด้วยน้ำเสียงที่ทอดอ่อนนุ่ม

ปลายรุ้งยังคงอ้าปากค้าง สลับกับลดตามองมือตัวเองที่บัดนี้ถูกพันธนาการจากเขา มือเธอเล็กกระจ้อยร่อยเมื่ออยู่ในอุ้งมือใหญ่อย่างนี้และถูกกำมิดชิด ไม่ใช่แค่ขนาด…แต่รวมถึงสีผิวด้วยที่ตัดกันอย่างเห็นได้ชัด เธอตวัดสายตาขึ้นมองเขาอีกครา ก่อนถามเสียงแผ่วเบา “ทำไมถึงขอคบกับรุ้งละคะ”

“เป็นคำถามที่ตอบยากมาก ผมก็ไม่เคยเกิดความรู้สึกอย่างงี้มาก่อน ความรู้สึกที่ราวกับหนุ่มคลั่งรักและจัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ มันเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและผมก็ตั้งรับไม่ทัน เดาว่า…ผมคงชอบคุณเข้าเต็มเปาแล้วปลายรุ้ง…ชอบโดยที่หาสาเหตุไม่ได้” ย้ำในประโยคท้ายเมื่อเห็นสีหน้าเลิ่กลั่กของอีกฝ่าย

ไม่ใช่ความรัก...เธอพยายามค้นหาความหมายภายใต้คำพูดของเขา และพยายามเงี่ยหูฟัง หากก็ไม่เจอคำว่า ‘รัก’ ออกจากปากเขาสักคำ นั่นเป็นพรจากท่านพญายมอีกแล้วใช่ไหม? มันสำแดงอิทธิฤทธิ์ให้เขาเอ่ยปากขอคบกับเธอโดยไม่ต้องมีพื้นฐานมาจากความรักใช่ไหม ถ้าไม่ใช่ลิขิตจากท่านพญายม เขาจะไม่ชอบเธอและจะไม่ขอคบกับเธออย่างนั้นใช่หรือเปล่า?

คุณพระช่วย…มันคือพรหรือคำสาปกันแน่
ถึงนาทีนี้ปลายรุ้งเริ่มไม่มั่นใจแล้ว

“ว่าไงคุณยังไม่ตอบผม”

เสียงเรนัลโดดังแทรกเข้ามาในความคิด ปลายรุ้งเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะตอบคำถามเรื่องออกเดตว่า “ไม่ดีกว่า...เราไม่ควรออกเดตด้วยกัน เดี๋ยวแฟนคลับคุณก็เข้ามารุมทึ้งอีก รุ้งไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาใครๆ ด้วย อยากอยู่อย่างเงียบสงบมากกว่า”

“เรื่องนี้ผมคงช่วยคุณไม่ได้ ถ้าคบกับผม มีอยู่ทางเดียวคือ คุณต้องทำใจกับการที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของสาธารณชน เพราะคนรู้จักผมมีอยู่ทั่วทุกสารทิศในบราซิลจริงๆ คุณควรทำตัวให้ชินกับการเป็นแฟนตั้งแต่บัดนี้ได้แล้วปลายรุ้ง”

น้ำเสียงอีกฝ่ายจริงจัง จนปลายรุ้งอึ้ง “คุณไม่ได้หมายความว่ากำลังขอรุ้งเป็นแฟนอยู่หรอกนะคะ?”

“เสียใจ….ผมหมายถึงอย่างงั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้าคุณคาดหวังจะได้ยินคำปฏิเสธ ผมก็ต้องขอโทษด้วย”

“คุณไม่คิดว่ามันเร็วเกินไปหน่อยเหรอ เราเพิ่งจะรู้จักกันนะ”

“ผมขอโอกาสในการคบหาเรียนรู้นิสัยใจคอกัน ไม่ได้ขอแต่งงานกับคุณด้วยสักหน่อย ฉะนั้นคุณจะคิดมากไปทำไม”

ปลายรุ้งสะอึก รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาด ก้มหน้าลงซ่อนแววตา ถ้าเขาขอเธอแต่งงานให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป บางทีอาจจะทำให้อึ้งน้อยกว่านี้ เจ้าตัวคิดด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น

“ตกลงว่าไง ทำไมคุณถึงคิดนานจัง?” เรนัลโดถามพลางเอื้อมมือไปเสยผมที่หล่นปรกหน้าให้อย่างอ่อนโยน ละกลับมายกปลายนิ้วของหญิงสาวขึ้นจดริมฝีปาก ยิ้มหล่อเหลาให้เมื่อเธอช้อนตาขึ้นมาสบด้วย ก่อนว่า “ตอบคำถามผมปลายรุ้ง อย่าเอาแต่จ้องอย่างนั้น”

ปลายรุ้งหน้าแดง ลดสายตามองเรียวปากเขาที่กำลังจูบปลายนิ้วเธออีกครา เขามีเสน่ห์อย่างนี้นี่เอง…ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมสาวๆ ค่อนโลกถึงได้หลงใหลได้ปลื้มเขาจนกลายมาเป็นผู้ชายในจินตนาการที่ผู้หญิงใฝ่ฝันหา ด้วยในบทบาทที่เขาแสดง กับชีวิตจริงไม่แตกต่างกันเลย เรนัลโดอ่อนโยนในจอแก้วเท่าใด ชีวิตจริง…ก็แคร์เพศแม่มากเท่านั้น

“ตกลงค่ะ..เดตก็เดต” เธอตอบรับในที่สุด แล้วยิ้มตอบเขา

รอยยิ้มที่ยิ้มทั้งปากและนัยน์ตา ทำให้ใบหน้าน่ารักราวกับเทพธิดาสว่างไสวขึ้นอีกเท่าตัวนั้น ทำให้เขาอดไม่ได้ จึงต้องเอื้อมมือไปโคลงศีรษะอย่างเอ็นดู พลางถามว่า “แล้วเรื่องคบหากันล่ะ?”

“เป็นแฟนกันน่ะเหรอ?” เธอย้อนถามกลับด้วยรอยยิ้ม

เรนัลโดพยักหน้า เรียวปากคลี่ยิ้มตอบ

“ตกลง…” ตอบรับง่ายๆ ก่อนพลิกปลายนิ้วที่อยู่ในอุ้งมือเขา ยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้า “สัญญา…เราจะคบหากัน และตลอดเวลาที่เป็นแฟนกัน ห้ามใครปันใจไปให้คนอื่นโอเค้?” ขึ้นเสียงสูงในประโยคท้าย

คนถูกขอคำสัญญา เบิกตาโต ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างนึกสนุก เขายื่นปลายนิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วเล็กตอบอย่างไม่ลังเล “ตกลง…ตลอดเวลาที่เราคบหากัน ผมจะไม่ปันใจให้คนอื่น” เรนัลโดจบประโยคด้วยการรวบร่างบางเข้ามาสวมกอดแนบแน่น

คนในอ้อมแขนเบิ่งตาโต ก่อนจะยอมซุกแผงอกกว้างโดยดี เธอยอมจำนนแล้ว…จะคบหากันด้วยความรักหรือแค่ความชอบ จะด้วยสาเหตุจากพรของท่านพญายมหรืออะไรก็ช่าง เธอก็จะไม่สนใจ ต่อไปนี้จะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ให้มากที่สุด ก่อนที่จะลาโลกนี้ไป ตอบตัวเองอย่างนั้นแล้ว ปลายรุ้งก็โอบแขนรัดรอบตัวเขาแน่นขึ้นราวกับต้องการถ่ายทอดความรู้สึกภายในก็ไม่ปาน

เธออยากบอกเขาว่า…เธอรักเขามากแค่ไหน

ร่างนุ่มที่แนบชิดเนื้อตัวทำให้เรนัลโดเกิดความรู้สึกเกินจะทานทน เขาดันกายผละห่าง เพียงเพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับเชยคางบังคับให้แหงนหน้า ก่อนจะลดศีรษะควานหาจูบจากเรียวปากนุ่มอย่างหักห้ามใจไม่อยู่อีกต่อไป







Create Date : 24 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:11:58 น.
Counter : 517 Pageviews.

12 comment
รักเพียงฝัน...(บท 4/2)


อิมเมจพระเอกและนางเอกค่ะ

ขอบคุณคุณ pantan และคุณ greentea ค่ะ




“ผมก็ว่างั้นแหละ คนที่เป็นโรคจิตไม่มีใครมีสติดีเหมือนอย่างคุณหรอก เพราะงั้นตอบคำถามผมปลายรุ้ง…หรืออย่างน้อยก็หาข้ออ้างที่ฟังขึ้นหน่อยเถอะว่าทำไมคุณถึงทำเหมือนกับพูดกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ทำราวกับว่ามีอีกคนที่อยู่ข้างคุณ เสียดายผมไม่เข้าใจภาษาของคุณ ไม่อย่างงั้นผมคงได้คำตอบทั้งหมดแล้ว”

ปลายรุ้งยิ้มแหยอีกคำรบ เรนัลโดรุกเธอหนักขึ้น ทำราวกับจะให้จนมุม จะไม่ยอมให้เธอมีอากาศหายใจ “รุ้งไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งนั้น รุ้งบอกแล้วว่ารุ้งแค่บ่นกับตัวเอง คนเราจะพูดกับตัวเองบ้างเป็นบางครั้งไม่ได้หรือไง จะต้องจำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นคนบ้าเท่านั้นหรือถึงจะพูดได้?”

“คุณย้อนถามได้ตลกมากปลายรุ้ง คุณไม่รู้ตัวอีกหรือว่าคุณทำตัวผิดปกติจากคนอื่น คุณไม่ได้บ้า…แต่คุณก็ทำตัวเหมือนคนเป็นโรคจิต เพราะฉะนั้นมันต้องมีสาเหตุที่ทำให้คุณทำตัวอย่างงั้น เหลือคำตอบสุดท้าย…คุณมีเหตุผล แต่คุณปิดบังไม่ยอมบอกผม”

“รุ้งเปล่า” ตอบทันควัน

“งั้นก็บอกเหตุผลคุณมาสิ”

“ไม่มีเหตุผล”

เรนัลโดหรี่ตา “ผมชักสงสัยแล้วสิปลายรุ้ง เมื่อผนวกกับหลายๆ อย่าง ผมชักสงสัยแล้วว่าการที่ผมขับรถฝ่าไฟแดงเพราะเบรกแตกนั่น กระทั่งพุ่งไปชนคุณซึ่งกำลังเดินข้ามถนนอยู่พอดีนั้น ที่จริงไม่ใช่เหตุบังเอิญใช่ไหม แต่เป็นความจงใจ จะเป็นของใครหรือของอะไรก็แล้วแต่ หากมีผลให้เกิดความไม่ชอบมาพากลที่ว่าขึ้น น่าแปลกเมื่ออาทิตย์ก่อนอยู่ดีๆ รถก็เกิดเบรกแตก ทั้งที่ก่อนนั้นก็ไม่เคยมีปัญหา คุณว่ามันแปลกไหมปลายรุ้ง? บอกความจริงผมมาดีกว่าว่าเป็นใครกันแน่ และจริงๆ แล้วคุณตั้งใจจะตัดหน้ารถเพื่อหวังผลอะไรบางอย่างใช่ไหม?”

ปลายรุ้งอ้าปากค้างเมื่อเขารัวคำถามมาเป็นชุด แถมยังมองเธอไม่เหลือดีด้วย “คุณกล่าวหาเกินไปแล้ว คุณก็เห็นอยู่ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ ใครจะไปจงใจสร้างเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาได้ละคะ พูดเป็นนิยายไปได้”

“งั้นตอบคำถามผม ทำไมอยู่ดีๆ รถผมจำเพาะมาเบรกแตกตรงไฟแดงที่คุณข้าม เหมือนจู่ๆ คุณโผล่ขึ้นมารอรถด้วยซ้ำ และผมก็มีการตรวจสอบทุกระยะตามกำหนด ยืนยันได้ว่ามีสภาพดีเยี่ยม ที่สำคัญรถคันนี้เพิ่งซื้อไม่ถึงปี”

“รุ้งจะไปรู้เหรอคะ อู่อาจจะเช็กไม่ละเอียดก็ได้”

“คำตอบง่ายไป”

ปลายรุ้งตวัดตาค้อน “ก็รุ้งแค่เดา ไม่ใช่พระเจ้าหรือผู้รู้นี่คะ ถึงจะได้ตอบได้ทุกเรื่อง”

“ตอบผม ทำไมคุณถึงเข้าใจภาษาโปรตุเกสยังกับเจ้าของภาษา ต่อให้คนต่างชาติที่มาเรียนบราซิลที่นี่หลายปีก็ยังพูดได้ดีไม่เท่าคุณ”

“รุ้งอาจอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด”

“อย่าตลกปลายรุ้ง เราไปเช็กประวัติคุณที่สถานกงสุลมาแล้ว ไม่พบใครหรืออย่างน้อยก็คนที่หน้าตาเหมือนคุณ เคยเดินทางมาบราซิลมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเข้าเค้า เพราะถึงคุณจะเข้าใจภาษาโปรตุเกสแบบบราซิลได้ดี แต่คุณก็ไม่รู้วัฒนธรรมหรืออาหารการกินของบ้านเรา”

“งั้นรุ้งก็อาจไปเรียนภาษาของคุณที่ที่ไหนสักแห่งจนเกิดความชำนาญ”

“จะให้ชำนาญยังไง ก็คงไม่เหมือนเจ้าของภาษาไปได้” เรนัลโดยังคงแย้ง

“รุ้งก็ไม่ได้เหมือนเจ้าของภาษา คุณบอกอยู่ว่ารุ้งไม่ได้รู้วัฒนธรรมหรืออาหารการกินของบ้านคุณ”

“ผมพูดถึงในแง่ภาษาปลายรุ้ง…อย่ามาเฉไฉ” เรนัลโดย้ำ

“งั้นคุณจะเอายังไงกับรุ้ง”

“ผมต้องการรู้ความจริง”

“รุ้งก็บอกไปหมดแล้ว”

“คุณแทบไม่บอกอะไรเลยต่างหาก คุณปิดบังทุกอย่าง” ย้อนกลับทันควัน

“รุ้งเปล่า”

“ให้โอกาสคุณตอบอีกครั้งปลายรุ้ง คุณมาทำอะไรที่บราซิลกันแน่ และคุณคาดหวังอะไรถึงได้วิ่งออกมาตัดหน้ารถผมอย่างงั้น”

ปลายรุ้งอ้าปากค้าง ก่อนจะหลุดเสียงแหบโหยไม่ต่างจากเสียงกระซิบ “คุณกำลังกล่าวหารุ้ง”

“ไม่เลยสักนิด ทุกอย่างประจวบเหมาะกันเกินไป แถมพอเกิดอุบัติเหตุผมจะพาคุณไปอยู่กับเพื่อนผู้หญิง ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พาไปไม่ได้อีก คุณมีเวทมนตร์คาถาอะไรอย่างงั้นรึ?”

“เรากำลังจะวกกลับไปสู่ที่เดิม เหมือนพายเรือในอ่างนะเรนัลโด” เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเรียกชื่อเต็มๆ ของเขา

“ใช่…เราจะทำอย่างงั้นจนกว่าผมจะได้คำตอบที่พอใจ” เรนัลโดประกาศเจตนารมย์

ปลายรุ้งกัดริมฝีปากแน่น “แล้วคุณจะพบว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า ถึงคุณจะคาดคั้นยังไงคุณก็ไม่ได้คำตอบมากไปกว่าเดิมแน่ เพราะทุกอย่างรุ้งได้พูดไปหมดแล้ว คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่นั่นคือความจริงทั้งหมด”

“คุณโกหกปลายรุ้ง นัยน์ตาสวยๆ ของคุณบอกผมว่าคุณกำลังโกหกคำโต”

“รุ้งไม่ได้โกหก”

“งั้นก็พูดความจริงมา ก่อนที่ผมจะโกรธมากไปกว่านี้”

“รุ้งพูดไปหมดแล้ว และจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้อีก ถ้าคุณไม่สบายใจกับการที่รุ้งมาอาศัยอยู่ด้วย รุ้งก็จะไป เราจะได้หมดเรื่องบาดหมางใจกัน”

“อย่าพาลนะปลายรุ้ง ผมไม่ได้ไล่คุณ” พูดพลางขยับลุกไปฉวยแขนหญิงสาว เพราะอีกฝ่ายพูดจบก็ผละหนีทันที

“เปล่า…แต่รุ้งว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดกันต่อไป รังแต่จะผิดใจกันเปล่าๆ”

“งั้นก็พูดความจริงมาสิปลายรุ้ง” เรนัลโดจ้องไปในม่านตาสีดำ หากหญิงสาวเมินหลบ “มองตาผมปลายรุ้ง ถ้าคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจ ก็มองตาผม”

“คุณกำลังหาเรื่องนะคะ” เบือนหน้าไปสบตาด้วยอย่างอดไม่อยู่

เรนัลโดจ้องไปในนัยน์ตาของอีกฝ่าย แลเห็นความหวาดหวั่นระคนหวั่นไหวอยู่ในที อีกฝ่ายพูดไม่จริง…เขาสัมผัสได้จากแววตาคู่นั้น หากกระนั้นอะไรบางอย่างกลับเรียกร้องให้เขาจูบเธอ พระเจ้า…เขามีปัญหาในการควบคุมความต้องการของตัวเองแล้ว โดยเฉพาะความต้องการในเรื่องเพศ ชายหนุ่มนึกพลางเลื่อนมือข้างที่ว่างไปประคองข้างแก้ม สายตาลดต่ำมองเรียวปากนุ่มชุ่มชื้นที่กำลังเผยอ ราวกับกลีบกุหลาบสีสด เรนัลโดลดศีรษะจะก้มจูบ หากมือบางกลับยกขึ้นดันปลายคางเขาได้ทันท่วงที

“คุณจะทำอะไรน่ะ”

นักแสดงหนุ่มชะงัก ได้สติกลับคืน เขาตอบกลับไปแก้เก้อว่า “ขอโทษ…เดาว่าคงเป็นเวทมนตร์ที่อยู่รอบตัวคุณ มันสะกดให้ผมอยากจูบคุณร่ำไป”

ปลายรุ้งหน้าแดงกับคำแก้ตัวของเขาที่ฟังไม่ขึ้น เธอปลดมือเขาออกพลางว่า “ปล่อยรุ้งเถอะค่ะ เราหมดเรื่องที่จะพูดกันแล้ว”

“คุณหมดคนเดียวน่ะสิ ผมยังไม่หมด”

“แล้วเราจะพูดกันไปเพื่ออะไร ในเมื่อพูดไปก็ไม่เข้าใจกัน สู้ปล่อยรุ้งไปตามยถากรรมดีกว่า คุณจะได้ไม่ต้องมามองรุ้งในแง่ร้ายหรือคอยจับผิดอย่างงี้”

“ผมไม่ได้มองคุณในแง่ร้ายหรือกำลังจับผิดอะไรคุณเลยนะปลายรุ้ง แต่คุณต้องเข้าใจสิ ถ้าคุณมาเป็นผม…คุณจะคิดจะรู้สึกยังไงกับการที่อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่เข้ามาให้เราต้องรับผิดชอบ”

รู้สึกจุกขึ้นมาโดยพลันเมื่อได้ฟังคำตอบจากเขา ปลายรุ้งพยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้น ขณะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มให้ราบเรียบ เป็นปกติว่า “ถ้ารู้สึกเดือดร้อนและเป็นภาระมากนักกับการที่รุ้งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ เราพูดกันอย่างตรงไปตรงได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว รุ้งจะไม่อยู่ที่นี่…คุณจะได้ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระต้องมารับผิดชอบกับชีวิตรุ้งอีก”

“ผมไม่ได้หมายถึงในแง่นั้นนะรุ้ง” เรนัลโดกระตุกมือนุ่ม หากถูกสะบัดหนีทันทีเหมือนกัน เขาตามไปคว้าเอวมาปะทะอก จึงเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้โดยปราศจากเสียงสะอื้น

สวรรค์ช่วย…เรนัลโดครางในอก เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายจิตใจของปลายรุ้ง ชายหนุ่มนึกพลางเพิ่มแรงกอดกระชับแนบอก มิไยที่อีกฝ่ายจะขืนตัว หากเขาก็ไม่นำพา ยังคงกอดแนบอกอยู่อย่างนั้น ปากพร่ำปลอบโยน “ผมขอโทษปลายรุ้ง ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณเป็นภาระ ผมคงจะใช้คำพูดผิดไปจริงๆ ยกโทษให้ผมเถอะนะ…อย่าร้องไห้ ผมแค่หมายถึง…” เรนัลโดอึกอักเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ด้วยสรรหาคำมาอธิบายความรู้สึกไม่ถูก

เขาจะอธิบายสิ่งที่อยู่ในใจเวลานี้ให้หญิงสาวเข้าใจได้อย่างไรว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของภาระ แต่เป็นเรื่องของความต้องการทางเพศล้วนๆ เป็นปัญหาของเขาเองที่ไม่อาจควบคุมแรงขับทางเพศที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในตอนนี้ได้ จึงส่งผลให้ร้อนรุ่มระคนทุรนทุรายอยู่ในขณะนี้

เรนัลโดไม่เคยมีปัญหาต้องหักห้ามใจตัวเองมาก่อน กับผู้หญิงคนอื่น โดยเฉพาะกับสาวบราซิล ยุโรป หรือตะวันตก แค่มองตากันและหากพึงพอใจก็ไปจบกันที่เตียง ง่ายๆ ไร้พันธะและไร้กฎเกณฑ์ใดๆ แต่กับผู้หญิงคนนี้…หลายครั้งที่เขาแน่ใจว่าหญิงสาวชอบเขา…ชายหนุ่มมั่นใจว่าตัวเองมองไม่ผิดแน่ หากทว่าพอเขาเดินหน้าสานความสัมพันธ์ต่อ อีกฝ่ายกลับถอยหนี เธอปฏิเสธเขาถึงสองครั้งสองครา เมื่อคืนตอนเขาล้างแผลให้ก็หนหนึ่ง มาอีกครั้งก็ตอนนี้ หากเป็นผู้หญิงคนอื่น เขามั่นใจว่าพวกเขาคงทำให้เตียงของคนใดคนหนึ่งอบอุ่นไปแล้ว ไม่ต้องมามีความสัมพันธ์อีหลักอีเหลื่ออยู่อย่างนี้ หากทว่าน่าแปลกนั่นกลับยิ่งทำให้เขามีความต้องการในตัวอีกฝ่ายมากขึ้น มากกระทั่งเนื้อตัวเคร่งครัดไปหมดอย่างไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน

นักแสดงหนุ่มยังคงมองหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างไม่เข้าใจนัก ขณะกล่าวต่อว่า “อย่าร้องไห้เลยนะ…ผมขอโทษ อย่างที่ผมบอก ไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณเป็นภาระ ผมแค่ทำอะไรไม่ถูกกับการที่อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาอยู่ร่วมบ้านด้วย”

สิ้นคำเขา ปลายรุ้งปล่อยโฮหนักขึ้น พร้อมกับดิ้นขลุกขลักเพื่อให้เขาปล่อยเป็นอิสระ เมื่อเรนัลโดไม่ยอมปล่อย แต่กลับรัดวงแขนแน่นขึ้น อีกฝ่ายก็ทุบอกไปมา ชายหนุ่มลดใบหน้าก้มจูบกลีบปากนุ่มเพื่อปิดกั้นเสียงสะอื้น ท่วงท่าเขาเป็นไปอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล ราวกับต้องการปลอบประโลมอยู่ในที

“ผมขอโทษ” กระซิบกับกลีบปากนุ่ม ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปจูบซับน้ำตาทั่วพวงแก้ม แล้วจึงละกลับมาที่เดิม เรียวปากนุ่มชุ่มชื้นสั่นระริกอยู่ใต้ริมฝีปากเขา เรนัลโดครางกับรสชาติหอมหวานปานน้ำผึ้งนั้น เขาเลื่อนมือสองข้างขึ้นมาประคองข้างแก้ม เพื่อบังคับให้หญิงสาวแหงนหน้ารับสัมผัสเขา ขบเม้มและดูดกลืนกลีบปากนุ่มอย่างเรียกร้อง ก่อนจะค่อยๆ สอดปลายลิ้นเข้าไปหยอกล้อในเรียวปาก

ปลายรุ้งเงียบเสียงสะอื้นไปนานแล้ว มีเพียงบรรยากาศเงียบกริบเข้ามาแทนที่ พร้อมกับจังหวะเต้นของหัวใจสองดวง…ดวงหนึ่งเต้นในอัตราปกติ หากอีกดวงกลับรัวเร็วไม่ต่างจากกลองเพล ปลายรุ้งหลับตาอย่างยอมศิโรราบต่อหัวใจตัวเอง เธอรักเขาผู้ชายที่แค่เพียงเห็นรูปถ่ายและคลิปวิดีโอทางอินเทอร์เน็ต เธอก็หลงรักเขาได้อย่างหัวปักหัวปำ กระทั่งตายไปแล้ว ยังขอพรจากพญายม ให้ได้มาเจอเขาและสมหวังในรักกับเขาสักครั้ง

บัดนี้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ได้รับพรสมดั่งที่ปราถนาทุกประการ เพราะฉะนั้นยังจะลังเลอะไรอีก? เวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นที่จะได้มีโอกาสอยู่กับเขา อย่าเสียเวลา ตักตวงช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้ เพื่อว่าเมื่อลาโลกนี้ไป จะได้ไม่รู้สึกเหงาเดียวดาย อย่างน้อยก็มีความทรงจำดีๆ จากเขาเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ

บอกกับตัวเองอย่างนั้นแล้ว ปลายรุ้งก็ยกมือขึ้นโอบรอบคอเขา ก่อนจะเผยอเรียวปากเพื่อต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น เธอขบเม้มเรียวปากเลียนแบบท่วงท่าเขา เกิดความรู้สึกฮึกเหิมเมื่อได้ยินเสียงครางลึกในลำคอจากชายหนุ่ม

เรนัลโดแทบคลั่งกับปฏิกิริยาตอบสนองที่คาดไม่ถึงนั้น พระเจ้าช่วย…เขาคาดไม่ถึงว่าปลายรุ้งจะตอบสนองอย่างเต็มอกเต็มใจ เธอน่ารักเหลือเกิน ชายหนุ่มนึกอย่างอ่อนหวานขณะลดศีรษะซุกไซ้ซอกคอหญิงสาว พร้อมกับเลื่อนมือขึ้นมาโอบทรวงอกผ่านเสื้อตัวนอกอย่างหักห้ามใจไม่อยู่

ทรวงอกอวบอิ่มและนุ่มหยุ่นพอดีกับมือเขา สร้างความรู้สึกหวานล้ำ เขาจูบผู้หญิงหลากหลายเชื้อชาติมานับครั้งไม่ถ้วนและผ่านประสบการณ์หลับนอนกับหญิงสาวมาหลายต่อหลายครั้งในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา หากทว่าทุกครั้งเกิดจากฝ่ายหญิงเริ่มต้นขึ้นก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายต้องการในเพศตรงข้าม และมันก็ให้ความหวานล้ำกว่าทุกคราอย่างที่เขาเองก็อธิบายและให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้

ช่างน่าแปลกนัก…

ปฏิกิริยาเป็นไปอัตโนมัติ…อย่างที่ปลายรุ้งก็ห้ามตัวเองไม่ได้ เธอแหงนเอียงศีรษะเพื่อให้เขาซุกไซ้ซอกคอได้แนบสนิทยิ่งขึ้น มือบางลดลงกำต้นแขนกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างต้องการช่วยพยุงตัวเอง เธอไม่รู้กาลเวลา และลืมเลือนสถานที่ เวลานี้รับรู้เพียงแค่เขากับเธอสองคนเท่านั้น

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้มารู้ตัวอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงเลื่อนประตูกระจกพร้อมกับเสียงอุทานอย่างตกใจของแม่บ้าน เธอและเรนัลโดเหลียวไปมองอย่างตระหนก ชายหนุ่มเบี่ยงตัวบังหญิงสาวโดยอัตโนมัติในจังหวะเดียวกับที่ปลายรุ้งรีบหันหลังให้กับคนทั้งคู่

คุณพระ…กระดุมหลุดจากรังดุมทุกเม็ดเมื่อไรไม่รู้ หญิงสาวก้มมองอย่างตกใจ ก่อนจะรีบลงมือกลัดด้วยอาการที่มือไม้สั่นเทา ใจยังคงเต้นตูมตามจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้ยิ่งช้าและใส่ผิดใส่ถูก เธอได้ยินเสียงทุ้มของเรนัลโดดังขึ้นทางด้านหลัง

เจ้าของบ้านกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นปกติว่า “มีอะไรเหรอป้ากราซา”

แม่บ้านยังคงยืนอยู่หลังประตู สีหน้าเก้อกระดาก “ขอโทษค่ะ ป้าจะมาบอกว่ากับข้าวเสร็จแล้ว วางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย ป้าเลยจะขอตัวกลับน่ะค่ะ”

เรนัลโดพยักหน้ารับรู้ สีหน้ายังคงราบเรียบเมื่อตอบว่า “ขอบคุณป้ามาก แล้วเจอกันครับ”

“ค่ะ” กราซา พึมพำตอบรับ นางชำเลืองมองสาวร่างบางที่ยืนอยู่ทางด้านหลังนายจ้าง หากทว่าเรนัลโดยืนบังเสียมิด เจ้าตัวละสายตามายิ้มแหยๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินจากไป

แม่บ้านเดินลับสายตาไปแล้ว เรนัลโดจึงหันมายิ้มซุกซนให้หญิงสาว เขาย่อตัว ลดศีรษะวางปลายคางลงบนบ่าบอบบาง พร้อมกับยื่นมือมาสวมกอดจากด้านหลัง “หิวข้าวหรือยัง?” ถามเสียงนุ่มขณะงับใบหูแผ่วเบา

ปลายรุ้งขนลุกซู่ เธอผละหนีจากอ้อมแขนเขา เดินไปตั้งหลักหลังโต๊ะกระจก จงใจให้มีอะไรกั้นกลางระหว่างพวกเขา ใบหน้ายังคงแดงก่ำและมือกำสาบเสื้อแน่น เมื่อตอบว่า “แต่รุ้ง เอ่อ…หิวแล้ว เราไปทานกันเถอะนะคะ”

เรนัลโดเบิกตาโต มองภาพเบื้องหน้าเงียบๆ เขาคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะเย้าว่า “ผมเดาว่ามนตร์สะกดเลือนหายไปแล้วสินะ… ช่างน่าเสียดาย” พูดพลางมองแสงแดดสีส้มของพระอาทิตย์ยามตกดินทางด้านหลัง แสงทำมุมหยอกล้อกับรูปร่างบอบบาง จนทำให้บางส่วนเลือนหายไปในความสว่างจ้านั้น ราวกับมีรัศมีแผ่ออกรอบตัวชายหนุ่มละสายตามาสบตาหญิงสาว ก่อนพูดต่อว่า “คุณเหมือนนางฟ้าเลยปลายรุ้งเมื่อยืนท่ามกลางแสงสว่างจ้าอย่างนี้ ดูสดใส มีชีวิตชีวาแต่ก็ดูเปราะบางพร้อมจะสลายไปได้อย่างง่ายดาย”

คนถูกเปรียบเทียบเป็นนางฟ้า หน้าแดงระเรื่อ เธอเหลียวหลังไปมองตามสายตาเขา หากต้องรีบยกมือป้องนัยน์ตา เมื่อแสงแดดกระทบเข้าเต็มๆ ไม่รู้เลยว่าจังหวะที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นบังหน้านั้น ทำให้มือข้างที่เหลือจับสาบเสื้อได้ไม่มั่น ชายเสื้อที่กลัดรังดุมไม่เรียบร้อย จึงเผยอแยกจากกัน แลเห็นเนินเนื้อหลังบราเซียลูกไม้วับแวม…ขาวผ่องและอวบอูม ดูจะขัดกับรูปร่างผอมบอบบางที่เห็นภายนอก ความจริงเขาพอรู้บ้างว่าหญิงสาวเป็นคนซ่อนรูปจากการสัมผัสเนื้อตัวเมื่อครู่ เรนัลโดเบิ่งตาโตกับภาพเซ็กซี่เบื้องหน้า สายตาคมกริบมองชนิดที่แทบจะทะลุผ่านสาบเสื้อตัวนั้น…

หากสามารถเปลื้องเสื้อผ้าหญิงสาวได้ด้วยสายตา เรนัลโดก็บอกตัวเองว่าเขาจะทำอย่างไม่ลังเล

ปลายรุ้งปรับสายตาให้ชิน ชั่วครู่จึงสามารถมองภาพเบื้องหน้าได้เต็มตา แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ยามเย็นตัดกับท้องทะเล แลเห็นละอองสีขาวของฟองคลื่นเป็นประกายระยิบระยับอยู่ทั่วผืนสีน้ำเงินแห่งนั้น น้ำทะเลหยอกล้อกับคลื่นลม เกิดเป็นเกลียวสาดซัดชายฝั่ง แลเป็นภาพที่งดงามยิ่งกว่าจิตรกรมือเอกรังสรรค์

“สวยเกินคำบรรยายจังเลยค่ะ นี่กระมังที่เขาว่าล้านคำบรรยาย ไม่เท่ากับหนึ่งภาพที่เห็นกับตา” หันกลับมาคุยกับเขาด้วยนัยน์ตาที่เบิกโตอย่างมีชีวิตชีวา หากเห็นว่าเขาไม่ได้มองเธอ แต่ลดสายตามองต่ำ ปลายรุ้งก็มองตาม พลันที่เห็นต้นเหตุของการดึงสายตาและความสนใจไปจากเขา พวงแก้มเธอก็แดงซ่าน ปลายรุ้งรีบกระตุกสาบเสื้อมาชนกันด้วยมือทั้งสองข้าง เกิดความรู้สึกกระดากอายระคนขัดเขินเป็นอย่างมาก

เรนัลโดเลื่อนสายตาขึ้นสบตาหญิงสาวอย่างไม่เต็มใจนัก หลังอีกฝ่ายกระชากปิดแล้ว ยิ้มล้อเลียนไปในนัยน์ตาปลายรุ้ง พลางว่า “ผมช่วยกลัดรังดุมให้เอาไหม ดูเหมือนคุณจะทำเองไม่ถนัด?”

ปลายรุ้งหน้าแดงมากขึ้น “ไม่ต้องเลย คุณน่ะตัวอันตรายและไวไฟเสียยิ่งกว่าอะไรอีก”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วน้อยๆ แววตายังคงล้อเลียน “ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าตัวเองไวไฟ ปกติที่ผ่านมามักจะเป็นแม่กุญแจมากกว่าลูกกุญแจเสียอีก” เขาเปรียบเทียบ หมายถึงตัวเองเป็นฝ่ายรับ ขณะที่พวกผู้หญิงเป็นฝ่ายรุก

คนฟังหน้าแดง เธอทำอะไรไม่ถูกจึงคว้าดอกไม้ในแจกันซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าขึ้นมาดอกหนึ่ง ปาใส่ตัวเขาอย่างไม่จริงจังนัก

เรนัลโดหัวเราะกับท่วงท่าเขินอายนั้น เขาแบมือออกไปรับอย่างง่ายดาย ยกขึ้นมาสูดกลิ่น ก่อนมองตรงไปยังหญิงสาวและว่า “หอมเหมือนกลิ่นคุณ ว่ามั้ย?” เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำมากขึ้น เรนัลโดก็หัวเราะอย่างชอบใจ เขามองปลายรุ้งอย่างอ่อนโยน เมื่อพูดว่า “ไปกินมื้อค่ำกันเถอะ…คุณหิวแล้ว”

“หลับตาก่อนสิ” ยื่นเงื่อนไข

คนฟังเบิกตาโต ก่อนส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ผมว่าผมเป็นคนแกะ ฉะนั้นให้ผมรับผิดชอบใส่กระดุมให้คุณเถอะ”

“เฮ้…ขืนคุณยังแหย่อีกคำเดียว ดอกไม้ทั้งกำนี่ปลิวว่อนไปให้คุณดมทั้งคืนแน่”

เรนัลโดตาโต หน้ามุ่ย “คุณนี่ชอบใช้กำลังเสียจริง ถามจริง…ผู้หญิงไทยเป็นอย่างงี้ทุกคนหรือเปล่า”

“เปล่า…เป็นแค่รุ้งคนเดียวและรุ้งก็เป็นเฉพาะกับคุณด้วย”

นักแสดงหนุ่มหน้ามุ่ยหนักขึ้น เขาหันหลังให้ ก่อนว่า “หนึ่งนาที…ไม่ขาดไม่เกิน ถ้าไม่เสร็จ ผมเข้าไปช่วยคุณแน่”

ปลายรุ้งกลอกตา เธอรีบกลัดรังดุมมื้อไม้สั่นอีกครา สวรรค์ช่วย…เรนัลโดขี้เล่นและความขี้เล่นของเขาก็น่ากลัวจริงๆ








Create Date : 23 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:11:38 น.
Counter : 668 Pageviews.

13 comment
รักเพียงฝัน...(บท 4/1)(อัปเดตชื่อ)





ได้อิมเมจนางเอกมาแล้วค่ะ ด้วยความอนุเคราะห์จากคุณเอ๋ pantan ช่วยแนะนำ โดยการสนับสนุนของพี่กรีนที >_< ตอนแรกมองข้ามไปล่ะค่ะ แต่ทนแรงเชียร์ของพี่กรีนทีไม่ไหว ก็เลย...น่ารักแฮะ ดูไปนานๆ อิๆ >_<

อิมเมจนางเอก : Erika Toda ค่ะ สาวน้อยไอดอลญี่ปุ่น

อิมเมจพระเอก : Reynaldo Gainecchini นักแสดงบราซิล


******************

เปตรามองเมินจากภาพนั้น พลางนึกว่าปลายรุ้งไม่ต้องอาศัยปาฏิหาริย์หรือเวทมนตร์คาถาใดๆ ก็ทำให้ดาราหนุ่มหลงรักได้ไม่ยาก ด้วยบัดนี้เรนัลโดพึงใจหญิงสาวไปเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายนั้นจะรู้ใจตัวเองหรือไม่ก็ตาม หากมันกำลังจะเป็นไปตามพรของท่านพญายม…เรนัลโดมีวี่แววว่าจะหลงรักหญิงสาวได้ในเร็ววัน

‘ข้าต้องไปแล้วปลายรุ้ง เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาข้าแล้ว’
เปตราตัดสินใจเอ่ยขึ้น เสียงเขาแทรกไปในสติอันลางเลือนของหญิงสาว

ปลายรุ้งชะงัก

ร่างสูงใหญ่ที่กำลังขบเม้มกลีบปากนุ่มพลอยชะงักตามไปด้วย “เป็นอะไร” ถามชิดกลีบปากนุ่มหวานล้ำ

เธอไม่ตอบ แต่ยกมือยันอกเขาและเบือนหน้าหนี เป็นผลให้ปลายจมูกโด่งพลาดไปซุกซอกคอแทน “เดี๋ยวค่ะ” ยากจะเดาได้ว่าเจ้าตัวหมายถึงเรนัลโดหรือเปตรา หากไม่เอ่ยออกมาเป็นภาษาไทย ปลายรุ้งพูดต่อว่า “ท่านเปตราจะไปไหน ท่านพญายมบอกให้ท่านดูแลรุ้งจนกว่าจะครบหนึ่งเดือนนะ” เตือนความจำอีกฝ่าย

คนเป็นยมทูตปรากฏร่างอีกครา พร้อมยิ้มอ่อนโยนในหน้าโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงที่ยกนามพญายมมาอ้างนั้น ราวกับจะขู่เขาอยู่ในที แววตาที่ทอดมองหญิงสาว จึงอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น “ข้าจำได้ไม่ลืมหรอกมนุษย์หัวหมอ และไม่คิดจะเพิกเฉยต่อคำสั่งท่านพญายมด้วย ดังนั้นไม่ต้องมาเตือนข้า… ข้าก็แค่จะหายตัวไปเฉพาะคืนนี้เท่านั้น เพราะเจ้าคงไม่ต้องการข้าแล้ว เชื่อข้าเถอะ…คืนนี้เจ้าไม่ต้องการข้าแล้ว” เปตราย้ำในตอนท้าย กังวานเสียงหนักแน่น

เธอเดาไม่ได้ว่าเป็นคำแนะนำหรือล้อเลียน เพราะแววตาคู่นั้นเยือกเย็นเกินกว่าจะอ่านความคิดได้ ทั้งสงบนิ่งยิ่งกว่าทะเลสาบในคืนที่ปลอดคลื่นลม “หมายความว่าไง” เธอถาม มือยันแผงอกค้าง

เปตรามองเมินจากภาพที่เรนัลโดกำลังซุกไซ้ซอกคอหญิงสาว แม้ปลายรุ้งพยายามจะทัดทาน แต่ดูจะต้านแรงของเรนัลโดไม่ได้ เขารู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังสงสัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากกระนั้นกลิ่นหอมหวานและรสสัมผัสจากเนื้อตัวของปลายรุ้งก็ยั่วยวนเกินกว่าจะหักห้ามใจ จึงไม่อาจละใบหน้าขึ้นมาได้ เปตราน่าจะดีใจที่ทุกอย่างกำลังจะเดินไปตามพรของพญายม หากลึกๆ ในใจกลับรู้สึกโหวงแปลกๆ อย่างที่อธิบายตัวเองไม่ได้

เขาเป็นอะไรไป? เปตรานึกถามตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ท่านเปตรายังไม่ตอบรุ้งว่าหมายความว่าไง ที่บอกว่ารุ้งไม่ต้องการท่านแล้ว”

คนถูกถามตื่นจากภวังค์ พลางตอบว่า “หมายความว่าเจ้าควรจะได้ใช้เวลาอยู่กับเรนัลโดสองต่อสอง ไม่ควรมีข้าเป็นก้างขวางคอ”

ท่านก็ไม่ได้เป็นก้างขวางคอ…เกือบจะย้อนกลับไปทันควัน หากพลันนึกขึ้นได้ จะมีประโยชน์อะไรที่จะเหนี่ยวรั้งเขาไว้ให้ดูภาพบัดสีบัดเถลิง? นึกอย่างละเหี่ยใจ ราวกับเปตราได้ยินคำตอบของเธอ เขาตอบกลับมาว่า

“ข้าเป็นก้างขวางคอปลายรุ้ง ถึงข้าจะใช้พลังวิเศษหยุดกาลเวลาไว้ชั่วคราว กระทั่งล้างความทรงจำของเรนัลโดไปบางส่วน หากกระนั้นเจ้าไม่สังเกตหรือ เหตุการณ์ทุกอย่างก็ยังคงย้อนกลับไปที่เดิม เพราะฉะนั้นเจ้ายอมรับชะตากรรมเสียเถอะ เจ้าหลีกเลี่ยงไม่พ้นหรอก ชีวิตของเจ้าเป็นดังพรที่เจ้าขอจากท่านพญายมแล้ว”

ปลายรุ้งอึ้ง ไม่ทันตอบร่างเปตราก็หายวับไป พร้อมๆ กับที่เรนัลโดพูดแทรกขึ้น “คุณพูดคนเดียว หรือกำลังพูดอยู่กับใครรุ้ง” น้ำเสียงที่เรียกขานชื่อเธอเริ่มคุ้นเคย

หญิงสาวละสายตามามองเขา เรนัลโดกำลังจ้องเธอในระยะประชิดมาก แทบจะหายใจประสานเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ พวงแก้มนวลเนียนจึงจุดสีแดงระเรื่อขึ้นทันควัน “เปล่าค่ะ…” ปฏิเสธแผ่วเบา ไม่รู้เลยว่าท่วงท่าเขินอายทำให้คนที่นอนคร่อมอยู่มองด้วยแววตาอ่อนโยนแค่ไหน

เรนัลโดลดสายตามองมือขาวอมชมพูที่ยกขึ้นยันอกเขาเพื่อไม่ให้โดนทรวงอกเธอ ปลายรุ้งเป็นผู้หญิงที่ระวังตัวอย่างมากและขี้อายมากด้วย ซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงบราซิลทุกคนที่เขารู้จัก

“ผมอยากจะเชื่อคุณว่าไม่มีอะไร แต่แววตาคุณกำลังฟ้องว่าคุณพูดไม่จริงนะปลายรุ้ง พระเจ้า…ผมอยากฟังภาษาของคุณออกเหลือเกิน”

ปลายรุ้งชะงัก ไม่ใช่จากชื่อเต็มยศที่หลุดจากปากเขาเป็นครั้งแรก หากแต่เป็นคำร้องขอนั่นต่างหากที่ดูจะตรงกับของเธอก่อนหน้านี้ เธอก็เคยขอเปตราในสิ่งเดียวกันนี้…ขอฟังภาษาของเรนัลโดออกเพื่อจะได้เข้าใจและรักกับเขาได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาเรื่องภาษามาเป็นอุปสรรคขัดขวาง

“ว่าไงคุณยังไม่ตอบผม” เรนัลโดถามย้ำเมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งไป เขาเชยคาง มองลึกไปในแววตา

ปลายรุ้งอึ้งกับแววตาล้อเลียนหากแฝงไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยนคู่นั้น จ้องใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างยากจะถอนสายตา เปตราพูดถูก คืนนี้เธอไม่จำเป็นต้องอาศัยเวทมนตร์ใดๆ ของเขาแล้วจริงๆ นึกพลางจ้องไปในนัยน์ตาคมซึ้งราวกับจะหยั่งให้ถึงก้นมหาสมุทรสีสนิมคู่นั้น

“ว่าไงจะไม่ตอบผมเหรอ?” ถามเสียงอ่อนโยน พลางเลื่อนหลังมือไปสัมผัสพวงแก้มอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ ผิวปลายรุ้งนุ่มราวกับผิวทารก หากอบอุ่นราวกับผ้าซาตินที่ถูกทิ้งให้โดนแสงแดด

ให้รสชาติหวานละมุนและมีชีวิตชีวา…

“ตกลง…จะตอบคำถามคุณก็ได้ค่ะ แต่เราคุยกันเป็นกิจจะลักษณะดีไหม คุณ เอ่อ..ทิ้งน้ำหนักบนตัวรุ้งอย่างงี้ รุ้งคิดอะไรไม่ออก” เจ้าตัวตอบพลางลดสายตามองร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนคร่อมอยู่บนร่างเธอ เขาทิ้งน้ำหนักทั้งตัวมาบนตัวเธอ… อืม… เขาหนักเท่าไหร่นะ เห็นทีต้องค้นประวัติใหม่แล้ว

เรนัลโด ได้ยินแล้วเลิกคิ้ว ตามองตามสายตาของหญิงสาว เห็นมือบางทั้งสองข้างกำลังยันแผงอกเขา นักแสดงหนุ่มเงยหน้ายิ้มหล่อเหลาใส่ตาของอีกฝ่าย เป็นครั้งแรกที่เขาเจอผู้หญิงปฏิเสธ แสดงถึงความไม่ต้องการในเนื้อตัวเขา เรนัลโดยังคงยิ้มขณะผละลุกจากกายนุ่ม และยื่นมือออกไปให้หญิงสาวจับ ฝ่ายนั้นมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัดเมื่อวางมือลงมา เรนัลโดทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เขากระชับมือไว้มั่นขณะออกแรงฉุดซึ่งรางบางปลิวตามขึ้นมาอย่างง่ายดาย

“อยากดื่มอะไรเย็นๆ ไหม เดี๋ยวผมไปชงให้ ดูเหมือนค่ำนี้เราจะต้องคุยกันยาว”

ปลายรุ้งชะงัก ทำหน้าแหยๆ “งั้นขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม” เธอต่อรอง

“ได้…แต่ต้องไม่เกินครึ่งชั่วโมงนะปลายรุ้ง ไม่งั้นผมไปเคาะประตูตามแน่”

“คุณไม่คิดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างรึไง”

“ไม่…ผมร้อนใจ อยากจะคุยกับคุณให้รู้เรื่องรู้ราวมากกว่า”

ปลายรุ้งอึ้ง เผยอปากค้าง หมดเรื่องถามเขาแค่นั้น แต่หันหลังเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเองเงียบๆ โดยมีสายตาคมกริบของเรนัลโดเฝ้ามองตามหลังอยู่ตลอดเวลา แววตาสีสนิมฉายรอยครุ่นคิด


เรนัลโดเลือกใช้ระเบียงชั้นล่างเป็นที่พูดคุยกับหญิงสาว ด้วยภายในบ้านแม่บ้านถึงเวรเข้ามาทำความสะอาด หลังจากเสิร์ฟน้ำไคปิรินย่าและเบียร์เย็นฉ่ำจนขึ้นเกล็ดน้ำแข็งให้กับเรนัลโดแล้ว ก็ปล่อยให้เขากับปลายรุ้งได้พูดคุยสะดวก

ปลายรุ้งมองตามเมื่ออีกฝ่ายปิดประตูกระจกตามหลัง แม่บ้านของเรนัลโดเป็นหญิงผิวดำรูปร่างสูงใหญ่ พูดภาษาสเปน นางไม่สงสัยกับการที่เธอมาพักอยู่กับเรนัลโด หรือหากสงสัยก็คงเก็บอาการได้มิดชิดจนเธอดูไม่ออก

“แม่บ้านจะอยู่ถึงกี่โมงคะ?”

“ทำความสะอาดเสร็จก็กลับทันที คุณจะเอาอะไรเหรอ?”

“ปละเปล่าคะ” ปฏิเสธแล้วหยิบคอกเทลน้ำมะนาวที่ขึ้นชื่อของบราซิลขึ้นจิบ

เรนัลโดมองท่วงท่าของหญิงสาวนิ่งๆ เย็นนี้ปลายรุ้งสวมเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำที่เขาซื้อให้ ผมที่ยาวสลวยถูกรวบเป็นหางม้ากึ่งกลางหลัง อวดใบหน้าสวยหวานและลำคอระหงโดดเด่น ตอนเจอหญิงสาวแรกๆ เขาไม่สังเกตเห็นความงามนั้นนัก หลายวันผ่านไปจึงเริ่มเห็นว่าปลายรุ้งเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักและอ่อนหวาน นึกพลางมองเรียวหน้ารูปไข่ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋ม ไล่ตั้งแต่คิ้วเข้มเป็นคันศร ขนตายาวงอนเป็นแพทาบทับดวงตาสีดำคู่ที่ยากจะหยั่งลึกถึงจิตใจ จมูกเล็กแต่โด่งและเรียวปากบางได้รูปราวกับกลีบกุหลาบสีแดงสด

เป็นริมฝีปากที่ให้รสชาติหวานล้ำและเขาจูบได้ไม่รู้เบื่อจริงๆ…

“คุณบอกว่ามีหลายเรื่องอยากคุยกับรุ้ง” ปลายรุ้งเริ่มต้นขึ้นด้วยน้ำเสียงขัดเขิน ด้วยเห็นแววตาเรนัลโดจับจ้องมองเธออย่างไม่วางตาตลอดเวลา

ดาราหนุ่มเลื่อนสายตาขึ้นสบตาแล้วจึงเอ่ยว่า “เราเริ่มต้นจากเรื่องตาลิต้าก่อนดีไหม คุณรู้ได้ไงปลายรุ้งว่าเพื่อนผมจะประสบอุบัติเหตุจนพาคุณไปพักอยู่ด้วยไม่ได้”

ปลายรุ้งกัดริมฝีปากแล้วจึงตอบว่า “รุ้งบอกแล้วว่าเป็นแค่การคาดคะเน เหตุการณ์เกิดขึ้นกับเพื่อนนักแสดงและญาติของคุณก่อน ทำให้รุ้งเดาว่ามันน่าจะต้องเกิดเหตุอะไรสักอย่างกับอีกคนที่คุณไปติดต่อขอให้รุ้งไปพักอาศัยอยู่ด้วย”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงในท่วงท่าใช้ความคิด “คุณไม่ได้มีเวทมนตร์คาถาหรือเป็นแม่มดที่เสกอะไรได้หรอกนะ?”

คนฟังทำหน้าเหยเกหนักขึ้นด้วยแม้ไม่ใช่แม่มด แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาพูด “เปล่าค่ะ” ปฏิเสธสั้นๆ

เรนัลโดจ้องหน้าหญิงสาวอย่างพินิจ ก่อนพูดต่อว่า “แล้วเรื่องที่อยู่ๆ คุณก็ระลึกได้ว่าตัวเองมีชื่ออะไร ทำอะไร อยู่ที่ไหนล่ะ คุณบอกว่าคุณเป็นคนไทย ชื่อปลายรุ้งและเคยเป็นนักเขียนมาก่อน แถมเขียนเกี่ยวกับชีวิตของดาราฮอลลีวูดด้วย แล้วตอนที่ไปเที่ยวหาดอีปาเนมา คุณยังพูดถึงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านคุณเปรียบเทียบกับหาดอีปาเนมา ว่ามีการจัดระเบียบน้อยกว่าที่นี่”

ปลายรุ้งกลืนน้ำลาย ทำหน้าบิดเบี้ยว เรนัลโดเป็นคนเก็บรายละเอียดทุกเม็ดจริงๆ ดูภายนอกเขามีท่าทีเฉื่อยๆ ไม่ยินดียินร้ายกับความเป็นไปรอบข้างอย่างนั้น หากความจริงแล้ว…สายตาคมดุจเหยี่ยว และไม่ปล่อยให้อะไรหลุดเล็ดลอดไปจริงๆ

หญิงสาวยิ้มแหยๆ ไปทีหนึ่ง แล้วจึงตอบว่า “รุ้งก็ไม่ทราบค่ะ อยู่ดีๆ ความจำพวกนั้นก็กลับมาเอง มันเหมือนตะกอนที่นอนก้น หรือไม่ก็เหลือตกค้าง พอมีอะไรมากวนให้ขุ่นหรือกระตุ้นเพียงนิดเดียว ก็ฟุ้งขึ้นมาน่ะค่ะ”

นักแสดงหนุ่มขมวดคิ้วหนักขึ้น ก่อนจะแสดงความเห็นไปตรงๆ ว่า “คำตอบคุณ ฟังดูทะแม่งๆ อยู่นะ”

“คุณก็อย่าฟังให้ทะแม่งสิคะ” ตอบคำปั้นทุบดิน

เรนัลโด ทำท่าอึ้งมากยิ่งขึ้น “คุณนี่ก็แปลกคนจริง” ตั้งข้อสังเกตไปตรงๆ

ปลายรุ้งยิ้มแหย เมื่อเขาไม่ขำไปกับมุกเธอ

“แล้วเรื่องที่คุณหายไวนั่นล่ะ” ถามพลางมองหน้าผากหญิงสาวซึ่งบัดนี้ผลพวงจากอุบัติเหตุหลงเหลืออยู่เพียงผ้าก๊อซบริเวณขมับเท่านั้น ตามตัวไม่พบร่องรอยใดๆ เรนัลโดพูดต่อว่า “ร่างกายคุณหายเป็นปกติเร็วมาก แม้แต่หมอยังลงความเห็นว่าเหมือนปาฏิหาริย์ที่คุณถูกชนขนาดนั้น แต่กลับหายเป็นปกติภายในวันเดียว ผมเองก็ยอมรับว่าแปลกใจนะปลายรุ้ง คุณถูกชนในสภาพที่เจ็บปางตาย ผมเห็นมากับตาเลือดคุณท่วมตัวและหมดสติไปในอ้อมแขนผม แต่นาทีนี้กลับมาเดินเหินได้อย่างคล่องแคล่วเป็นปกติราวกับคนไม่ได้รับอุบัติเหตุ คุณทำได้ยังไงกัน ไม่สิ…ผมต้องถามว่าคุณเป็นใครกันแน่ และมาจากไหน? ความจริงคุณไม่ใช่มนุษย์อย่างเราๆ ใช่ไหมปลายรุ้ง?”

ปลายรุ้งสะดุ้งเมื่อเขาตั้งข้อหาหนักขึ้นว่าเธอไม่ใช่คน หรือแปลอีกนัยหนึ่งเป็นภูตผีปีศาจ “รุ้งเป็นคนเหมือนอย่างคุณนะ” ส่งเสียงโวยวาย “ไม่เชื่อคุณก็จับตัวรุ้งเลย” พูดพลางยื่นแขนไปตรงหน้า

เรนัลโดลดสายตามองแขนเรียวขาวอมชมพูที่ยื่นมาตรงหน้าเขา เขาไม่ได้จับแต่พูดว่า “ไม่ต้องหรอก ผมพิสูจน์มาแล้ว เนื้อตัวคุณอุ่นและผิวนุ่มลื่นยังกับผ้าไหม”

ปลายรุ้งชะงัก รีบกระตุกมือกลับพร้อมกับที่ผิวแก้มแดงก่ำทันควันกับการวิจารณ์ตรงไปตรงมาของเขา เธอเสยผมทัดหูและขยับตัวอย่างอึดอัด ก่อนว่า “ก็ถ้ารู้ว่ารุ้งเป็นคนเหมือนคุณ แล้วมาถามยังงั้นทำไม” ถามเสียงเบาในลำคอ

“ไม่รู้สิปลายรุ้ง คุณทำให้ผมสับสนนะ เพราะคนธรรมดาไม่น่าจะหายเร็วขนาดนั้น”

“ร่างกายรุ้งอาจแข็งแรง แผลเลยสมานเร็ว”

เรนัลโดยังรู้สึกว่าเหตุผลไม่เพียงพอ แต่เขาไม่ได้คาดคั้นต่อ เขายิงคำถามเรื่องอื่นว่า “แล้วเรื่องที่คุณทำเหมือนกับพูดกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลานั่นล่ะ คุณจะอธิบายว่าไงปลายรุ้ง”

ปลายรุ้งกลืนน้ำลาย รู้สึกราวกับลำคอแห้งผากเป็นผุยผง แม้น้ำลายที่ลื่นก็กลายเป็นกระดาษทรายได้สำหรับเธอ “รุ้งเปล่า…ก็แค่บ่นอะไรกับตัวเองไปตามประสา ไม่ได้พูดอะไรกับคนอื่นสักหน่อย” หางเสียงแผ่วเบาอย่างไม่เต็มปากเต็มคำนัก

ดาราชื่อดังหรี่ตา “บ่นกับตัวเองไปตามประสา? คุณจะบอกว่าตัวเองมีอาการทางจิตอย่างงั้นเหรอปลายรุ้ง?” เรนัลโดมองอีกฝ่ายอย่างพินิจมากยิ่งขึ้น

“รุ้งไม่ได้เป็นโรคจิต” ปฏิเสธเสียงอ่อยๆ









Create Date : 22 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:11:12 น.
Counter : 499 Pageviews.

11 comment
รักเพียงฝัน...(บท 3/2)ชื่อผู้ร่วมเกม



รวมผลงานทางละครทีวี หนัง ละครเวที และงานดินแบบโฆษณา(บางส่วน)ของพี่เรย์





พี่เรย์จากเรื่อง Laços de familia หนังเรื่องแรกในปี 2000 เพลงประกอบ Ronalda - Foi um sonho de amor





โฉมหน้าพี่เรย์ล่าสุด ในงานสัมภาษณ์เดินแบบ ปี 2009 นี้ค่ะ หน้าอ่อนมาก >_<




พี่เรย์ถูกจับภาพได้บนปกนิตยสาร ขณะไปเล่นน้ำที่หาดอีปาเนมา (Ipanema ) ปี 2006





เพลง The Girl from Ipanema เพลงฮิตในช่วงกลางทศวรรษ 1960 ซึ่งเป็นผลให้หาดอีปาเนมาโด่งดังเป็นที่รู้จักทั่วโลก เนื้อเพลงกล่าวพรรณนาถึงความงามของเด็กสาวจากหาดอีปาเนมา กลายเป็นว่าหาดนี้เป็นแหล่งกำเนิดแนวเพลงบอสซาโนวาแจซ ด้วย เพลงนี้เอามา cover กันหลายคนหลายเวอร์ชั่นมาก แต่อุ๋ยชอบสุดคือเวอร์ชั่นของ Olivia Ong ลองฟังดูค่ะ





**********************


หลังออกจากหาดอีปาเนมา เรนัลโดชวนเธอขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยังภูเขาชูการ์ โลฟ ซึ่งเป็นภูเขาหินแกรนิต เพื่อชมวิวของอ่าวกัวนาบาร่า หากเพราะยังเข็ดขยาดกับประสบการณ์แฟนคลับรุมทึ้งเขา ทำให้เธอขอ ‘ผ่าน’ ไม่อยากไปในที่สาธารณะพร้อมๆ กับเขา โดยบอกว่าถ้าจะไป…ก็ขอเปลี่ยนไกด์นำเที่ยวแล้วกัน เรนัลโดหัวเราะขำเธอที่ขยาดตั้งแต่เจอประสบการณ์ครั้งแรก บอกว่านั่นยังน้อยไป บางครั้งโดนมะรุมมะตุ้มมากกว่านั้นอีก

เขาเปลี่ยนเป็นพาเธอมากินอาหารพื้นเมืองที่ภัตตาคารพอร์เคาแทน ระหว่างทางนั่งรถมา ชายหนุ่มให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าชูการ์ โลฟ หรือภูเขาก้อนน้ำตาล มีที่มาจากการที่เดิมเป็นแหล่งปลูกไร่อ้อยของคนพื้นเมือง และเปลี่ยนเป็นกาแฟในเวลาต่อมา ส่วนหาดอีปาเนมา เพิ่งมาโด่งดังระดับโลก เมื่อไม่ถึงร้อยปีที่ผ่านมา ผู้คนรู้จักหาดนี้จากเพลง The Girl from Ipanema ของ บอสซาโนวาแจซ ที่พรรณนาถึงผู้หญิงสาวของริโอ

เรนัลโดจองโต๊ะไว้ล่วงหน้า บริกรเข้ามาทักทายชายหนุ่มในทันทีที่เดินนำเธอเข้าไปในร้าน กิริยาฝ่ายนั้นพินอบพิเทาอย่างเห็นได้ชัด ปลายรุ้งเดาว่าถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นดาราดัง ก็คงเพราะเป็นลูกค้าขาประจำของร้านนี้ อีกฝ่ายจึงจดจำเขาได้และแสดงท่าทีนอบน้อมขนาดนี้ บริกรพาพวกเธอไปยังบริเวณที่แยกจากลูกค้าคนอื่นๆ ดูแล้วค่อนข้างเป็นสัดส่วนพอสมควร จากนั้นยื่นเมนูให้เรนัลโด แล้วจึงถอยออกไปเพื่อทิ้งเวลาให้ดูรายการอาหารได้ตามสะดวก

เขายื่นเมนูให้เธอ พลางว่า “เป็นเมนูเครื่องดื่มน่ะ คุณอยากดื่มอะไรอิริส”

“รุ้งค่ะ” เธอแย้งเขา

เรนัลโด เลิกคิ้ว สบตาสีนิลคมซึ้ง แล้วเขาต้องหัวเราะเก้อๆ “โอเค..รุ..รุ้ง ถูกต้องไหม?” หางเสียงถามอย่างไม่แน่ใจ

ปลายรุ้งฉีกยิ้มเห็นฟันขาวเป็นระเบียบให้เขาแทนคำตอบ สีหน้าบอกความพอใจ พลางรับเมนูมาเปิดอ่าน “ที่บราซิล คนนิยมดื่มอะไรกันคะ” ถามขณะไล่สายตาดูภาพเครื่องดื่ม

“เบียร์” เรนัลโด ตอบทันควัน โดยไม่ต้องคิด

“อย่างอื่นสิคะ”

“รองลงมาก็คงเป็น ไคปิรินย่า คอกเทล”

“เป็นยังไงคะ” เงยหน้าถาม ทั้งที่ในเมนู มีภาพบอกอยู่…เป็นภาพเครื่องดื่มสีขาวขุ่นอยู่ในแก้วทรงเตี้ย มีน้ำแข็งและมะนาวผ่าเป็นแว่นๆ สามสี่ชิ้นอยู่ภายในแก้ว

“เป็นเครื่องดื่มประจำชาติของบราซิล ทำจากคาชาช่า ผมหมายถึง เหล้าที่กลั่นจากน้ำอ้อยน่ะ ผสมกับน้ำมะนาวและเหล้ารัม ดับกระหายหน้าร้อนได้ดี”

“งั้นรุ้งขอที่หนึ่งค่ะ”

“ได้ครับ…” ยิ้มรับ ก่อนเสริมว่า “ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เพราะบราซิลเป็นแหล่งปศุสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อวัว จะหวานและนุ่มมาก คุณทานเนื้อหรือเปล่ารุ้ง?” หางเสียงเริ่มเอ่ยชื่อหญิงสาวชัดเจนขึ้น

“ทานได้ค่ะ แต่ไม่ค่อยชอบนัก”

เรนัลโด ทำหน้าเสียใจ ก่อนตอบว่า “ผมขอโทษที่ไม่ได้ถามความเห็นคุณล่วงหน้า ถ้ารู้ว่าไม่ชอบเนื้อ ผมคงพาไปภัตตาคารมารีอุสแล้ว ที่นั่นมีให้เลือกระหว่างร้านปลากับร้านเนื้อ แยกเป็นสัดส่วน”

“ไม่เป็นไรค่ะเรย์ รุ้งทานได้ แค่ไม่ชอบ”

“งั้นถ้าคุณได้ทานเนื้อที่บราซิล รับรองจะเปลี่ยนใจ ผมทานเนื้อมาเกือบทั่วโลกแล้ว ผมหมายถึง ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อน่ะ แต่ยังไม่เคยกินเนื้อที่ไหน หวานและนุ่มลิ้นเหมือนที่บราซิล”

ปลายรุ้งย่นจมูก ทำหน้าล้อเลียนขณะโต้ว่า “แหงสิ…บราซิลบ้านคุณนี่ คุณก็ต้องชื่นชมยกย่องบ้านตัวเองเป็นธรรมดา”

เรนัลโด ตีหน้าเก้อ “ไม่ใช่ด้วยเหตุผลนั้นสักหน่อย พูดอย่างงี้ต้องให้ลองแล้ว” เรนัลโด พูดแล้วหยิบกระดาษแข็งฝั่งหญิงสาวหงายด้านสีเขียวขึ้น มีตัวหนังสือภาษาโปรตุเกสเขียนว่า sim ซึ่งแปลว่า ใช่

“นั่นอะไรคะ” ถามขึ้นอย่างสงสัย เธอเพิ่งสังเกตว่าบนโต๊ะทางฝั่งเธอและฝั่งเขามีกระดาษแข็งสีแดงและสีเขียวตัดกลมมน สีแดง มีตัวหนังสือโปรตุเกสเขียนว่า não ซึ่งแปลว่า ไม่ และสีเขียว เขียนว่า sim

“ถ้าคุณเปิด ‘สี๊’ ฝั่งสีเขียว แปลว่าคุณรับเนื้อ พนักงานเสิร์ฟ ก็จะเวียนกันนำเนื้อชนิดต่างๆ ที่เสียบกับเหล็ก มาแล่บางๆ ใส่จานคุณ แต่ถ้าคุณเปิดคำว่า ‘เนา’ ฝั่งสีแดง แปลว่าคุณไม่รับเนื้อ หรือไม่ก็หยุดทานแล้ว เขาก็จะหยุดเสิร์ฟทันที เป็นทริกของร้านน่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินมาถามลูกค้าบ่อยๆ แค่เห็นสีกระดาษบนโต๊ะก็รู้แล้ว”

“ดีจัง เป็นกลวิธีที่น่าสนใจมากๆ แล้วสลัดกับอาหารจำพวกเรียกน้ำย่อยละคะ ตอนเดินผ่านมา เห็นโต๊ะบุฟเฟต์วางอยู่กลางห้อง มีทั้งสลัด ขนมปัง และอาหารเรียกน้ำย่อยต่างๆ”

“ปกติต้องเดินไปบริการตัวเอง แต่เวลาผมมาทานร้านนี้ จะจ่ายพิเศษเพิ่มอีกหน่อย ทางร้านก็จะจัดมาบริการ เดี๋ยวเขาก็คงนำมาเสิร์ฟให้ทั้งหมด”

“เพิ่ม ‘อีกหน่อย’ ของคุณคงไม่น้อยสิคะ?” ออกปากแซวไปตรงๆ

เรนัลโด ชะงักเล็กน้อย ก่อนยอมรับตรงๆ ว่า “ก็อาจจะแพงกว่าปกติสักหน่อย แต่สำหรับผมยินดี เพราะถือว่าซื้อความสะดวกสบาย และความเป็นสัดส่วน”

“พวกดาราดังๆ ก็เป็นยังงี้ทุกราย ตอนรุ้งศึกษาข้อมูลการใช้ชีวิตส่วนตัวของดาราฮอลลีวูดดังๆ เพื่อนำมาใช้ประกอบการเขียนนิยายเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของพระเอกหนังน่ะ รุ้งก็ค้นข้อมูลเจอพวกดาราดังๆ ชอบทำตัวเหมือนอย่างคุณนี่แหละค่ะ”

“ชอบทำตัวเหมือนอย่างผมนี่ทำตัวยังไง?”

“ก็ชอบใช้เงินหว่านเพื่อซื้อความสะดวกสบายไงคะ ชอบอ้างว่าต้องการความเป็นส่วนตัว เลยต้องแปลกแยกจากคนอื่นหน่อย แต่ความจริงน่ะ รักความสะดวกสบาย ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับชาวบ้านอย่างเราๆ หรอกค่ะ” พูดพลางก้มหน้าทานสลัดที่บริกรเพิ่งนำมาเสิร์ฟ จากนั้นหันไปจิบไคปิรินย่า

“ดูเหมือนคุณแอนตี้พวกดารานะ คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถึงได้ทำเสียงเขม่นอย่างนี้”

มือที่กำลังถือแก้วไคปิรินย่าซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับรสชาติกลมกล่อมอยู่นั้น ชะงักค้างโดยพลัน แก้วแทบร่วงหล่นจากมือ และเนื้อตัวพานเย็นเฉียบ ตามมาด้วยความรู้สึกถึงรสชาติที่เปลี่ยนเป็นขมปี๋จากคอกเทลที่ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดต่อไป ด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับน้ำเย็นราดศีรษะว่า “ผมเริ่มสงสัยแล้วสิอิริส…เดี๋ยวนี้ความจำคุณกลับมาแล้วใช่ไหม คุณถึงจำได้…คุณว่าอะไรนะ ค้นหาข้อมูลไลฟ์สไตล์ของดาราฮอลลีวูดเพื่อใช้ประกอบในการเขียนนิยายใช่มั้ย? คุณจำได้แล้วใช่ไหมอิริส ว่าคุณทำงานเป็นนักเขียนมาก่อน?”

น้ำไคปิรินย่ากระฉอกออกมานอกแก้วกับน้ำเสียงดุดันนั่น มือเธอสั่นจนต้องรีบวางแก้วบนโต๊ะ หญิงสาวเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทองมากเกินไป ก็เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเรนัลโดที่ย้อนถามกลับมาด้วยเสียงเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งขั้วโลก ชวนให้เลือดสูบฉีดในอัตราเกินกว่าปกติ แดงแล้วซีด…ซีดแล้วแดง บอกถึงเลือดลมที่ทำงานผิดปกติ

ปลายรุ้งหน้าถอดสี พร้อมกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามมาว่า เธอทำพลาดอีกแล้ว สวรรค์ช่วย…ไม่สิ ท่านเปตรา…ช่วยรุ้งด้วย ประโยคหลัง…หญิงสาวตะโกนก้องในใจ หากทว่ากลับมีเพียงสายลมบางเบาที่เคลื่อนมาลูบไล้ผิวกายแผ่วเบา ราวกับจะช่วยปลอบประโลม…



“ว่าไง…อิริส คุณจะอธิบายเรื่องที่อยู่ดีๆ ก็ระลึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเป็นนักเขียนนิยายได้ยังไง”

ยามโกรธ เรนัลโด กลับไปใช้ ‘อิริส’ อีกครั้ง และน้ำเสียงนั่นก็พาลหาเรื่องเต็มที่ ปลายรุ้งไม่ตอบ เธอพยายามเลี่ยงการตอบคำถามนี้มาตลอด นับตั้งแต่ออกมาจากร้านอาหารแล้ว แม้ว่าเขาจะเพียรพยายามคาดคั้นอย่างไร เธอก็ไม่ให้ความร่วมมือ จนต้องจบอาหารมื้อนั้นโดยที่ต่างฝ่ายต่างแทบไม่ได้แตะอาหาร

ครั้งนี้ก็เช่นกัน…หญิงสาวตั้งใจเดินหนีเข้าห้องตัวเองเพื่อเลี่ยงการมีปากเสียงกับเขา หากกระนั้นอีกฝ่ายกลับเอื้อมมายื้อข้อมือเธอไว้

“เราต้องคุยกันแล้ว…อิริส ผมว่าถึงเวลาที่เราต้องเปิดอกคุยกันแล้ว เอาความจริงมาพูดกัน เลิกปิดบังและหันหลังหนีอย่างงี้”

“ไม่ได้ปิดบังและไม่ได้หันหลังหนี แต่รุ้งไม่มีอะไรจะพูด”

“แม้แต่เรื่องเหนือธรรมชาติอะไรนั่นน่ะเหรอ? คุณจะให้คำตอบยังไงอิริสกับการที่ตาลิต้าประสบอุบัติเหตุ…วันนี้เธอโทรมาหาผมบอกว่าคงต้องเลื่อนนัดเรื่องที่ผมจะพาคุณไปฝากอยู่กับเธอ เพราะว่าระหว่างเดินทางกลับ เธอประสบอุบัติเหตุ รถชนกับริมบาทวิถี ต้องนำเข้าอู่ซ่อมที่นั่น ทั้งหมดนี่คุณรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ยังไงอิริส” ก่อนออกจากภัตตาคาร ตาลิต้าได้โทรมาแจ้งเรื่องอุบัติเหตุ ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจพอสมควรเพราะไปตรงกับเหตุการณ์ที่หญิงสาวได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ปลายรุ้งเบิกตาโต ก่อนจะกระซิบแผ่วเบา เสียงแทบไม่ลอดริมฝีปาก “รุ้งไม่รู้ รุ้งแค่คาดคะเน”

เรนัลโด หรี่ตามอง “ไม่ใช่คำตอบที่ฉลาดเลย…คุณว่ามั้ย?”

เจ้าตัวไม่ตอบ แต่ลดสายตามองมือที่เขายังเกาะกุม พลางแกะออก “รุ้งบอกแล้วว่าไม่มีอะไร มันก็แค่การคาดคะเนเท่านั้น”

“แล้วเรื่องความทรงจำล่ะ…คุณเป็นนักเขียนนิยาย คุณจดจำได้แล้วใช่มั้ยว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน”

“ไม่…รุ้งยังจำไม่ได้”

“งั้นเราไปพิสูจน์กันอิริส เราจะไปหาหมออันเดรเดี๋ยวนี้”

ปลายรุ้งอ้าปากค้าง “ไม่นะ…คุณจะไปเพิ่มงานให้หมอทำไมกัน รุ้งไม่มีความจำเป็นต้องพบหมอ และรุ้งก็บอกไปแล้วว่าเป็นการพูดเจื้อยแจ้วไปตามประสานกแก้วนกขุนทองเท่านั้น คุณจะมาเอานิยมนิยายอะไรกับคนสติไม่สมประกอบ ความจำเสื่อมล่ะ”

“ผมหวั่นแต่ว่าความจำเสื่อมไม่จริงน่ะสิ”

อ้าปากค้างอีกคำรบ เงยหน้ามองเขาขวับ ลืมแกะมือหนาต่อ “พูดยังงี้มาต่อยกันเลยดีกว่า”

เรนัลโด ชะงักไปทันควัน อึ้งอย่างคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะชอบใช้ความรุนแรง “คุณหมายความว่าไงอิริส ที่ว่ามาต่อยกันดีกว่าน่ะ”

“ความหมายตรงตัว…ออกไปนอกระเบียงแลกหมัดดวลกันเลย” ความจริงพูดไปอย่างนั้นเอง ความหมายเธอ…เพียงแค่ต้องการแหย่เขาเล่นเท่านั้น

“ผมไม่นิยมความรุนแรง โดยเฉพาะกับการทำร้ายผู้หญิงด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีความจำเป็น แค่อธิบายเหตุผลของคุณมาก็พอ” เรนัลโดพูดเสียงเรียบ

“แล้วคิดว่าคุณไม่ทำอยู่รึไง คุณไม่ได้ทำร้ายด้วยการกระทำ แต่กำลังทำด้วยคำพูด”

“หมายความว่าไง” เรนัลโดอึ้งอีกครา ผู้หญิงคนนี้มีอะไรให้เขาอึ้งอยู่เสมอ

“ไม่มีความหมาย ทุกอย่างที่อยากบอก ก็พูดไปหมดแล้ว” เมินหน้า อย่างมีแง่งอน

“ผมไม่ได้ทำร้ายคุณด้วยคำพูด แค่พยายามถามความจริง อย่ามากล่าวหาผมและผมก็มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างงั้นด้วย” พูดพลางกระตุกร่างบางเข้ามาในอ้อมแขน อีกฝ่ายไม่ทันระวังจึงถลาเข้ามาอย่างง่ายดาย เรนัลโดรัดร่างบางแน่นเข้า พลางก้มหน้าต่ำ “ถ้าจะทำจริง…ต้องอย่างงี้” น้ำเสียงราวกับขู่

ปลายรุ้งรีบยกมือยันปลายคางเขา หน้าแดงก่ำ “คุณไม่ทำจริงหรอก”

“ผมไม่ได้ขู่…” บอกเป็นนัยว่าทำจริง เรนัลโดปัดมือบางออก

เจ้าตัวเห็นท่าทัดทานไม่ไหว จึงตะโกนก้องเป็นภาษาไทย “ท่านเปตรา!”

เรนัลโด เลิกคิ้วอย่างฉงน “คุณพูดภาษาอะไรอิริส ผมฟังไม่ออก”

ปลายรุ้งไม่ตอบ แต่เหลียวไปมองรอบตัว พูดต่อว่า “ช่วยทำให้รุ้งหลุดพ้นสถานการณ์น่าอึดอัดใจนี้ทีสิคะ” น้ำเสียงโอดครวญระคนเว้าวอนอยู่ในที

“เจ้าควรดีใจที่เรนัลโดต้องการเจ้า” เสียงเปตราลอยกลับมา โดยไม่ปรากฏกายให้เห็น

ปลายรุ้งเบิกตาโตมากยิ่งขึ้น ก่อนโต้ว่า “ต้องการบ้… เอ๊ย… อะไร เขาแค่ต้องการแก้เผ็ดรุ้ง เรื่องที่โกหกเขาเท่านั้นนะคะ ไม่ได้จะมาต้องกงต้องการอะไรเลย”

“เจ้าคิดว่าผู้ชายอย่างเรนัลโดเลือกผู้หญิงไม่ได้รึไง”

ปลายรุ้งอึ้ง ขณะที่เรนัลโดทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกที่เห็นคนในอ้อมแขนพูดคนเดียว ผู้มีอำนาจลี้ลับเพียงผู้เดียวในที่นั้น มองภาพคนทั้งคู่แล้วพูดต่อว่า “เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่เรนัลโดเลือกเจ้าแล้ว เขาเลือกที่จะจูบเจ้า จูบเขา…ปลายรุ้ง ยังจะต้องให้ข้าบอกรึไง”

ปลายรุ้งตาเบิกโตราวกับเห็นผีแท้จริง “แต่จะต้องไม่ใช่แบบนี้ และนี่มันยังเร็วเกินไป”

“เจ้าจะเอายังไงกันแน่” เปตราปรากฏกายราวกับหมดความอดทน ยมทูตใช้เวทมนตร์หยุดเวลา เรนัลโด ยืนแข็งทื่อ ขณะที่ปลายรุ้งยังคงขยับเคลื่อนกายได้ เปตราพูดต่อว่า “ข้าให้โอกาสเจ้าเลือกแล้ว ถ้าไม่อยากจูบกับเขาก็ถอยออกมาจากอ้อมกอดเขา แต่ถ้าไม่…ก็จงเดินหน้าต่อ ไม่บ่อยนักหรอกนะที่เขาอยากจูบผู้หญิงคนไหน เจ้าควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้”

“เพราะเวทมนตร์ท่านหรือเปล่า ถึงทำให้เรย์อยากจูบรุ้ง” ถามออกไปอย่างอยากรู้

“ถ้าข้ามีอำนาจบังคับจิตใจคนได้อย่างงั้นก็ดีสิ” น้ำเสียงแผ่วเบา มีกังวานเศร้าสร้อยอยู่ในที ก่อนจะกลับมาเป็นปกติเมื่อพูดต่อว่า “จงเลือกปลายรุ้ง…ข้าให้โอกาสเจ้าเลือกแล้ว”

ปลายรุ้งลังเล หากเพียงชั่วพริบตาเดียวเธอก็มุดตัวลอดมาจากอ้อมแขนเรนัลโด เธอหันไปทางเปตราถามว่า “แล้วจากนี้ไปเราจะทำยังไงกันต่อดี” น้ำเสียงปรึกษาหารือ

เปตรามองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง จ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีนิลราวกับต้องการมองให้ทะลุไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ หากเขาก็ยังคงไม่เข้าใจนัก “ทำไมไม่เลือกที่จะจูบกับเขา เจ้ามีโอกาสแล้ว มันจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าพัฒนาไปอีกขั้น”

“มันยังเร็วเกินไป…อะไรมาเร็ว รุ้งหวั่นจะไปเร็วเหมือนกัน ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า ว่าแต่เราจะทำยังไงกันดีคะ” พูดพลางหันไปมองเรนัลโดที่ขณะนี้ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น

“ข้าจะคลายมนตร์ที่หยุดกาลเวลา แต่มันจะส่งผลกระทบให้เขาสูญเสียความทรงจำ...แต่ไม่ต้องห่วง แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่เป็นอันตรายต่อเขาหรอก” รีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าวิตกกังวลของปลายรุ้ง

“แปลว่าเขาจะจำบทสนทนาสุดท้ายไม่ได้ใช่มั้ย”

“ไม่...”

เธอพยักหน้ารับรู้และรอดูผล

พลันที่เปตราคลายมนตร์สะกด เรนัลโดก็หันขวับมาทางเธอทันที “ว่าไง…อิริส คุณจะอธิบายเรื่องที่อยู่ดีๆ ก็ระลึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเป็นนักเขียนนิยายได้ยังไง นั่นหมายความว่าคุณฟื้นความจำแล้ว หรือว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณไม่เคยสูญเสียความทรงจำเลยกันแน่?”

ปลายรุ้งสะดุ้ง เหลียวมองรอบตัวอย่างต้องการหาคนช่วย หากทว่าทุกอย่างว่างเปล่า....บัดนี้ยมทูตหายวับไปแล้ว หญิงสาวหันมายิ้มเจื่อนๆ ให้เขา พลางว่า “รุ้ง...เพิ่งนึกได้ว่าจะต้องไปเปลี่ยนผ้าพันแผล วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้เปลี่ยนเลย”

“งั้นผมจะเปลี่ยนให้ หลังจากที่เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว”

หญิงสาวทำหน้าเหยเก...ไม่เข้าใจว่ามันกลับไปสู่จุดตั้งต้นได้อย่างไร ได้แต่บ่นคนบอกอยู่ในใจ ก็ไหนว่าจะจำไม่ได้ไง “แต่รุ้งไม่มีอะไรจะคุยแล้ว” เธอตอบเขาไป

“แม้แต่เรื่องเหนือธรรมชาติอะไรนั่นเหรอ? คุณจะให้คำตอบยังไงอิริสกับการที่ตาลิต้าประสบอุบัติเหตุ…วันนี้เธอโทรมาหาผมบอกว่าคงต้องเลื่อนนัดเรื่องที่ผมจะพาคุณไปฝากอยู่กับเธอ เพราะว่าระหว่างเดินทางกลับ เธอประสบอุบัติเหตุ รถชนกับริมบาทวิถี ต้องนำเข้าอู่ซ่อมที่นั่น ทั้งหมดนี่คุณรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ยังไงอิริส”

สีหน้าเจ้าตัวบิดเบี้ยวมากขึ้น เมื่อการสนทนาย้อนกลับไปสู่จุดตั้งต้นใหม่ทั้งหมด...คุณพระ...หลังจากเหตุการณ์โต้เถียงกัน เขาก็จะคว้าตัวเธอไปจูบใช่มั้ย?

“เชื่อสิคะ...ว่ามันเป็นแค่การคาดคะเนของรุ้ง รุ้งก็คาดเดาไปอย่างนั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เจ้าตัวเริ่มขยับถอยหลัง

“ผมว่าเพื่อความชัวร์ เราไปพบหมออันเดรกันเถอะ”

“ไม่เอาค่ะ...” เจ้าตัวพูดถอยกรูดไปเรื่อยๆ หากทว่าคงผิดจังหวะไปหน่อย เท้าจึงสะดุดเข้ากับขาโซฟาทางด้านหลัง เป็นผลให้ล้มหงายหลัง

เรนัลโดเห็นภาพนั้น เขาหวั่นอีกฝ่ายจะล้มศีรษะฟาดกับพื้นเจ็บตัวอีกรอบ จึงเอื้อมมือไปจะกระตุกแขน หากคว้าไม่ถนัดนัก ร่างหญิงสาวที่บัดนี้ล้มหงายหลังบนโซฟา จึงพาให้เขาเสียหลักล้มคะมำหน้าคว่ำตามไปด้วย เรนัลโดถลาลงไปคร่อมอยู่บนตัวของหญิงสาว ในจังหวะเดียวกับที่ริมฝีปากประกบกับเรียวปากนุ่มพอดี

“ขอโทษครับ” เรนัลโดผงะเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ กระซิบขอโทษแผ่วเบา ไม่ห่างจากริมฝีปากนุ่มนัก ยังไม่ขยับถอยห่างจากปลายรุ้งในทันที แต่จ้องไปในนัยน์ตาสีนิลอย่างค้นหาเงียบๆ เขาพบความรู้สึกหลากหลายวิ่งผ่านแววตาหวานซึ้งคู่นั้น

ปลายรุ้งยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างกายจึงชะงักงัน และริมฝีปากเผยอค้างด้วยความคาดไม่ถึง เนื้อตัวรู้สึกได้ถึงร่างแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำลังแนบกระชับตลอดเรือนกาย…เธอหน้าแดงก่ำ เกิดความรู้สึกขัดเขินจนไม่กล้าประสานสายตากับเขาตรงๆ จึงหลุบต่ำมองเพียงปลายคางเขา

เรนัลโดยังคงมองอย่างสำรวจใบหน้าขาวอมชมพู สัมผัสจากกายนุ่มหากเต่งตึงเบื้องล่างทำให้เขาต้องลดตามองชั่วครู่ เห็นทรวงอกขยับขึ้นลงพร้อมกับเสียงหอบหายใจถี่ๆ เลื่อนสายตาขึ้นพินิจใบหน้าหวานอย่างสาวเอเชียอีกครา เธอเงยหน้าขึ้นจ้องเขาราวกับลูกกวางตื่นภัยก็ไม่ปาน เรนัลโดคลี่ยิ้มมุมปากอย่างปลอบประโลม เมื่อเห็นความตื่นตระหนกระคนคาดหวังในนัยน์ตาคู่นั้น เสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็ค่อยๆ ลดใบหน้าลงจดริมฝีปากชุ่มชื้นของอีกฝ่าย แทะเล็มอย่างบางเบา อากัปกิริยาไม่ต่างจากผีเสื้อขยับปีกโบยบิน ราวกับต้องการทดสอบความนุ่มนวลและรสชาติหวานล้ำก็ไม่ปาน

คนถูกจู่โจมด้วยจุมพิตเบิกตาโต

เรนัลโดผละใบหน้าขึ้นจากเรียวปากนุ่มเพียงเพื่อลากฝ่ามือปัดผ่านยอดทรวงอก ขึ้นมาเกาะกุมลำคอระหงอย่างบังคับให้แหงนหน้ารับจูบ เขาลดริมฝีปากจูบปลายรุ้งอีกครั้ง หากคราวนี้เป็นไปในท่วงทีที่เล้าโลมและลึกซึ้ง

จังหวะที่เรียวปากสวยราวกับของผู้หญิงของเรนัลโดลดต่ำลงมาสัมผัสอีกครั้ง จิตวิญญาณของปลายรุ้งก็ดูจะโบยบินกลับคืนสู่อิสรภาพ ไร้ขอบเขตและเหนือกาลเวลา มีเพียงเขาผู้ชายมาดแมนสุดแสนจะหล่อเหลาเซ็กซี่อยู่ตรงหน้าคนเดียวเท่านั้น หญิงสาวไม่เคยจูบกับเพื่อนผู้ชายคนไหน ตลอดชีวิตวัยยี่สิบเอ็ดปีของเธอมุ่งเรื่องเรียนเพียงอย่างเดียว เขาเป็นคนแรกที่เธอปล่อยให้แนบชิดถึงเนื้อตัวมากที่สุดแล้ว








Create Date : 20 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:10:51 น.
Counter : 614 Pageviews.

10 comment
รักเพียงฝัน...(บท 3/1)



เรนัลโดก้าวออกจากสถานกงสุลไทยในนครริโอ เดอ จาเนโร หลังจากพาหญิงสาวไปแจ้งเรื่องร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่สอบถามข้อมูลส่วนตัวเท่าที่เธอจะตอบได้ จากนั้นขอถ่ายรูปเพื่อใช้ในการออกตามหาญาติหรือคนรู้จัก สถานกงสุลรับปากว่าจะส่งข้อมูลพร้อมถ่ายภาพเหล่านั้น ไปให้คนไทยทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้

“คุณอยากไปไหนบ้างไหมอิริสวันนี้ ผมฟรี” เรนัลโดถามหญิงสาวเป็นประโยคแรก หลังจากก้าวขึ้นนั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยกันเรียบร้อยแล้ว

ปลายรุ้งขยับตัวไปมองเขาตรงๆ วันนี้เขาสวมเชิ้ตและกางเกงสแล็กส์ สวมแว่นตากันแดดสีชา แลดูเท่สมาร์ตไม่ต่างไปจากบทบาทพระเอกที่เขาแสดงในหนัง มองเสี้ยวหน้าด้านข้าง เขาดูหล่อมาก...จนเธอนึกอยาก... ปลายรุ้งชะงักเมื่อนึกได้ว่าคิดอะไรบางอย่างที่ไม่ต่างจากเมื่อคืนอีกล้ว สะกดกลั้นความรู้สึกร้อนวูบวาบเหนือพวงแก้มพร้อมกับปัดความคำนึงทิ้งไป เพื่อเบนความสนใจไปยังเรื่องอื่น อย่างเรื่องรถเฟอร์รารีที่เขาขับอยู่

เรนัลโดดูจะชอบสะสมรถสปอร์ต เท่าที่เห็นจอดอยู่ที่แมนชันริมผานั่น ก็มีไม่ต่ำกว่าสามคัน และเชื่อแน่ว่าที่เซา เปาโล ก็ต้องมีอีกหลายคันแน่ นึกอยากรู้ว่ารวยขนาดนี้...เขายังมีอะไรที่ต้องการแล้วยังไม่ได้อีก?

“ว่าไง...คุณยังไม่ตอบผมอิริสว่าอยากจะไปไหน”

“ทำไมไม่หัดเรียกรุ้งละคะ” ปลายรุ้งตอบไปอีกทาง

“คุณจะขำผมน่ะสิ” หันมาตอบ

“ไม่ค่ะ...ฉันสัญญา”

“โอเค...งั้นต่อไปผมจะพยายามเรียกคุณด้วยชื่อนั้น”

ปลายรุ้งยิ้มแทนคำตอบ ก่อนเอ่ยเปลี่ยนเรื่องว่า “คุณถามรุ้งว่าอยากไปที่ไหน... รุ้งอยากไปหาซื้อเครื่องปรุงอาหารไทยเพื่อเอามาทำเมนูไทยให้คุณทาน”

“โอเค...งั้นผมจะพาไปร้านเอเชีย ผมรู้จักอยู่ร้านแถวใกล้ซุปเปอร์มาเก็ต แล้วที่ไหนอีกที่คุณอยากไป?”

“ที่ไหนก็ได้ค่ะแล้วแต่คุณ เพราะไม่รู้ว่าคุณจะปรากฏตัวที่ไหนได้บ้าง ปกติดาราคนดังเขาเลี่ยงการปรากฏกายต่อหน้าสาธารณชน เพราะไม่อยากเป็นข่าวไม่ใช่หรือคะ?”

“อาจจะใช่สำหรับคนอื่น แต่สำหรับผม...ไม่ใช่ ผมไม่แคร์นักกับการเป็นข่าว และไม่ยอมให้อะไรมามีอิทธิพลเหนือการใช้ชีวิตของผมด้วย ยกเว้นเสียแต่เป็นความต้องการของผมเอง เพราะฉะนั้นบอกมาเลยอิริสว่าอยากไปเที่ยวไหน”

“อิริสอีกแล้ว ไหนว่าจะเรียกรุ้งละคะ” เย้าเขายิ้มๆ

“รุ...รุ้ง” เรนัลโดพยายามออกเสียง

“ใช่ค่ะรุ้ง...คุณพูดได้ดีแล้ว”

เรนัลโดยิ้มกับการที่หญิงสาวทำราวกับเขาเป็นเด็กเล็กๆ ที่พอทำอะไรยากๆ สำเร็จแล้ว ก็จะให้รางวัล ด้วยการหยิบยื่นคำชมให้ เขายิ้มอ่อนโยนในหน้า พลางถามว่า “ตกลงอยากไปที่ไหน คุณยังไม่ตอบผม”

“กำลังนึกอยู่ค่ะ รุ้งรู้จักประเทศของคุณน้อยมาก”

“งั้นให้ผมเป็นไกด์ให้ดีไหม?” เสนอตัวด้วยความเต็มใจ

“ตกลงค่ะ” ยิ้มอ่อนหวานแทนคำขอบคุณ แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ถามอะไรหน่อยสิคะ”

“เชิญครับ”

“ถ้ามีเวลาอยู่บนโลกนี้หนึ่งเดือน คุณจะทำอะไรคะ?”

“หมายความว่าไง...หมายความว่าหลังหนึ่งเดือนจะต้องเสียชีวิตเหรอ?”

“ใช่ค่ะ... ถ้ามีเวลาแค่นั้นคุณจะทำอะไรคะ?”

เรนัลโดทำท่าใช้ความคิด ก่อนตอบว่า “ผมคงจะทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ”

“เป็นต้นว่า?” ต่อประโยคเขา กระตุ้นเร้าให้พูดต่อ

“ผมก็คงแต่งงานกับคนที่ผมรัก แต่ปัญหาคือผมยังไม่เจอคนที่ใช่”

“คุณไม่มีใครที่ถูกใจเลยหรือคะ เหลือเชื่อ...ผู้ชายหล่อๆ และคุณสมบัติเพียบพร้อมเหมือนอย่างคุณ จะหาผู้หญิงเพอร์เฟกต์ยังไงก็ได้ คุณเลือกมากเกินไปหรือเปล่าคะ?”

“ผมว่าผมไม่ได้เลือกเลยนะ เพียงแต่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตยังไม่คลิกจริงๆ ...ผมหมายถึงยังไม่ใช่ ยังไม่โดนใจผม”

“ผู้หญิงในอุดมคติของคุณต้องเป็นยังไงคะ?”

“ตอบยากนะ ผมไม่เคยวางสเปก คงต้องเจอ ถึงจะบอกได้ว่าใช่หรือไม่ใช่”

ปลายรุ้งทำเสียงรับรู้ในลำคอ แล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง “เปิดประทุนดีไหมคะ”

“ทำไมล่ะ?” หันมาถามเมื่อได้ยินน้ำเสียงเศร้าสร้อยของอีกฝ่าย

“เปล่าค่ะ แค่รู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก”

“ผมว่าผมเร่งแอร์แล้ว” พูดพลางเอื้อมมือไปเพิ่มระดับความเย็น

“ไม่ค่ะ...แอร์รถกับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกมันต่างกัน”

เรนัลโดอึ้ง เขาไม่เข้าใจอีกฝ่าย หากก็ยอมทำตามเงียบๆ ชายหนุ่มปิดแอร์แล้วจึงกดปุ่มเปิดประทุน ลมจากภายนอกหอบมาปะทะเนื้อตัวพวกเขากรูใหญ่ จนเส้นผมตีกันยุ่งเหยิงและเสื้อผ้าสะบัดไปมาดังพึ่บพั่บ “เสียงมันดัง เราจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะ” ดาราหนุ่มตะโกนบอก

หากทว่าหญิงสาวยังคงเงียบ มองเพียงทิวทัศน์นอกรถ เธอตอบตัวเองในใจว่า นั่นแหละคือความตั้งใจของเธอ เสียงดังจนคุยไม่ได้นั่นแหละดีแล้ว... ปลายรุ้งบอกกับตัวเองด้วยความรู้สึกโหวงเหวงในใจ หลังได้ยินคำตอบของเขา มันทำให้เธอรู้สึกราวกับคนตกจากที่สูง ด้วยคำตอบของเรนัลโด บอกเป็นนัยว่าเธอไม่อาจทำให้เขารู้สึกปิ๊งได้

พวกเธอเจอกันแล้ว...ผ่านจุดที่เขาพูดถึงมาแล้ว หากกระนั้นเธอก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกถูกตาและโดนใจได้...

‘เจ้าลืมไปแล้วเหรอปลายรุ้ง พวกเจ้าเพิ่งเจอกันได้ไม่ถึงสามวันจะให้เขาตกหลุมรักเจ้าเลยในทันทีเป็นไปไม่ได้หรอก ต่อให้ข้ามีพลังวิเศษ ก็ไม่อาจสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นไดัเร็วขนาดนั้น ใจเย็นหน่อยสิ’

“ท่านเปตรา” ปลายรุ้งตะโกนออกมาเสียงดัง อารามดีใจที่ได้ยินเสียงเขาลอยเข้ามาในหัว ทำให้เธอเผลอร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความยินดี

“คุณพูดอะไร...ภาษาของคุณแปลกๆ อีกแล้วอิริส”

ปลายรุ้งชะงัก ผงะหันไปมองเขาด้วยท่าทีที่ตกใจ

เรนัลโดเห็นอีกฝ่ายหน้าเสีย จึงถามว่า “คุณเป็นอะไรอิริส จากผลข้างเคียงของอุบัติเหตุหรือเปล่า”

น้ำเสียงอ่อนโยนแสดงความห่วงใยแท้จริงของเขา ทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก ปลายรุ้งได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้เขา แล้วตอบว่า “เปล่าหรอกค่ะ แค่คำอุทานเป็นภาษาไทยน่ะค่ะ รุ้งบังเอิญคิดอะไรขึ้นมาได้ ก็เลยอุทานออกไปด้วยความดีใจ”

เรนัลโดยังคงเหลียวมามองอย่างไม่เชื่อถือนัก เขาตอบว่า “จะให้ผมแวะคลินิกของหมออันเดรก่อนไหม เขามีคลินิกส่วนตัวอยู่ไม่ห่างจากถนนสายนี้มากนัก”

“มะไม่ต้องเลยค่ะ” โบกมือว่อน ประกอบคำปฏิเสธวุ่นวาย ก่อนเสริมว่า “รุ้งไม่ได้เป็นโรคจิตนะคะ อย่ามองรุ้งด้วยสายตาอย่างงั้น”

“ไม่รู้สิ...คุณทำให้ผมกลัวนะ ผมหวั่นใจว่าเพราะอุบัติเหตุวานซืนหรือเปล่า ถึงทำให้คุณมีอาการผิดปกติอย่างงี้”

“เปล่าสักหน่อย รุ้งปกติดีทุกอย่าง” ตวัดค้อนขวับ นัยน์ตาขุ่น

เรนัลโดยังคงทำหน้าไม่เชื่อถือ ก่อนกล่าวต่อว่า “ตอนอยู่โรงพยาบาล คุณก็พูดคนเดียวแบบนี้เหมือนกัน”

ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้เขา แล้วปลายรุ้งก็พูดว่า “รุ้งปกติดีทุกอย่าง เชื่อสิคะ”

นักแสดงหนุ่มนิ่ง ไม่ยอมตอบคำใดๆ อีก ส่งผลให้สาวข้างกายพลอยหน้ามุ่ยไปด้วย เพราะรู้ดีกว่าไม่อาจโน้มน้าวให้เขาเชื่อถือได้



ริโอ เดอ จาเนโร หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ริโอ มีความหมายว่า ‘แม่น้ำแห่งเดือนมกราคม’ ซึ่งเป็นการขนานนามตามชื่อเดือนที่ถูกค้นพบ ริโอ เป็นเมืองท่าริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก และเดิมเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศบราซิล ก่อนที่รัฐบาลกลางจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่บราซิเลียในปีค.ศ. 1960 ริโอถือเป็นประตูสู่บราซิล ด้วยมีทะเลสาบกลางเมืองที่สวยงาม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ป่าไม้ และเทือกเขา ทั้งยังมีชายหาดชื่อดังอย่างโคปาคาบาน่า และอีปาเนมา ที่สำคัญเป็นศูนย์กลางเทศกาลคาร์นิวัลของประเทศ ซึ่งเป็นเทศกาลรื่นเริงประจำปีของบราซิลที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมงานแต่ละปีไม่ต่ำกว่าห้าแสนคน และเมืองริโอ ยังเป็นแหล่งกำเนิดแนวเพลงบอสซาโนวาอีกด้วย

แหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังมากอีกแห่งคือ รูปปั้นของพระเยซูชื่อว่า Christ of Redeemer มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึงสามสิบแปดเมตร ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ รูปปั้นที่ว่านี้ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด ในอุทยานแห่งชาติทิจูคา คอร์โควาโดเป็นชื่อภาษาโปรตุเกสหมายความว่าหลังโกง มีความสูงกว่าเจ็ดร้อยเมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด ด้วยมองเห็นตัวเมืองและชายหาดโดยรอบสามร้อยหกสิบองศา นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถรางไปบนยอดเขาเพื่อมองรูปปั้นอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบราซิลและคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกได้

นอกจากนี้ยังมีภูเขาชูการ์ โลฟ ซึ่งเป็นภูเขาหินแกรนิตที่ดูประหนึ่งว่าโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ สูงประมาณสี่ร้อยเมตร ถือเป็นจุดชมวิวของอ่าวกัวนาบาร่า ตลอดจนยังมีสนามกีฬามารากาน่าที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเหมือนวิหารของฟุตบอลบราซิล ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับสามของเมือง

ปลายรุ้งกอดอก ฟังข้อมูลที่เรนัลโด สรุปย่อๆ เกี่ยวกับเมืองริโอ เดอ จาเนโร แล้วอมยิ้ม ด้วยเขามีมาดของไกด์นำเที่ยวอย่างมากและดูจะตั้งอกตั้งใจที่จะทำหน้าที่นี้อย่างจริงจัง กำลังคิดว่าถ้าเขาเป็นมัคคุเทศก์จริงๆ ความหล่อเหลาและหุ่นมาดแมนของเขา จะเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานของเขาค่อนข้างมาก เนื่องจากจะทำให้บรรดาลูกทัวร์สมาธิแตกซ่านและพร้อมจะไขว้เขวไปกับรูปโฉมอันน่าทึ่งของเขาได้ตลอดเวลา แทนที่จะจดจ่อกับเนื้อหาที่ฝ่ายนั้นบรรยายหรือสถานที่ท่องเที่ยว

“คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า?” เรนัลโดตัดสินใจถามขึ้น หลังจากบรรยายประวัติของนครริโอ เดอ จาเนโร จบลงแล้ว หากอีกฝ่ายก็ยังคงจับจ้องมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ดูมีรอยยิ้มขำอยู่บนใบหน้าเธอตลอดเวลา ขณะนี้พวกเขาอยู่ที่หาดอีปาเนมา หลังจากไปเที่ยวชมหาดโคปาคาบาน่า ที่อยู่ติดกัน มาแล้ว

“ฟังสิคะ” ตอบยิ้มๆ พลางยกมือเสยผมที่หล่นมาปรกหน้าขึ้นทัดหู สายลมพัดมาเอื่อยๆ ช่วยดับความร้อนจากอุณหภูมิรอบกายได้บ้าง

“แต่คุณมองผมแปลกๆ”

“มองเพราะทึ่งหรอกค่ะที่คุณบรรยายได้คล่อง ชนิดที่มัคคุเทศก์มืออาชีพยังต้องอาย” แซวยิ้มๆ ก่อนจะเหลียวสำรวจรอบตัว นักท่องเที่ยวจำนวนมากนอนอาบแดดอยู่ริมหาดอย่างไม่สะทกสะท้านกับแสงแดดจ้า น่าแปลกทั่วทั้งริมหาดอีปาเนมา และโคปาคาบาน่า ที่ยาวสุดสายตานั้น ไม่พบเก้าอี้นอนอาบแดดหรือร่มสีสันสดใสไว้ให้เช่า ไม่เหมือนหาดในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นพัทยา ภูเก็ต และอื่นๆ เธอหันไปถามเจ้าถิ่น “หาดที่ริโอจัดระเบียบดีจัง ถ้าเป็นที่เมืองไทย พวกพ่อค้าหัวใส จะจัดเตรียมเก้าอี้นอนและร่มไว้เต็มริมหาดคอยให้บริการเช่าแล้ว แต่ที่นี่หาดโล่งมากไม่มีเก้าอี้และร่มให้เกะกะสายตาเลย” เรนัลโดหรี่ตาเมื่อได้ยิน หากก็ตอบโดยดี ไม่ตั้งข้อสังเกตใดๆ กับอีกฝ่าย

“เพราะอากาศไม่ร้อนมากน่ะสิครับ ถ้าร้อนจัด ก็มีร่มเต็มริมหาดเหมือนกัน” พูดพลางมองรอบตัว ซึ่งขณะนี้นักท่องเที่ยวรวมถึงชาวบราซิลกำลังเดินเล่นอยู่ริมหาด บ้างก็นอนอาบแดด เล่นน้ำ และเล่นกีฬา โดยเฉพาะวอลเล่ย์บอล ที่เป็นที่นิยม และบางส่วนกำลังร้องรำทำเพลง

ปลายรุ้งฟังคำตอบเขาแล้วเบิกตาโต เธอเหลียวไปมองตามสายตาเขา แลเห็นนักท่องเที่ยวชายหญิงในวัยหนุ่มสาวกำลังทำกิจกรรมกลางแจ้งในชุดว่ายน้ำสีสันสดใส โดยเฉพาะสาวๆ ที่อยู่ในชุดทูพีซ ปิดแค่จุดพึงสงวนชิ้นเล็กชิ้นน้อย ข้างบนและล่างนั้น มีสีสันแสบตา ดูเป็นภาพที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา น่าตื่นตาตื่นใจ กวาดตาโดยรอบ เธอแทบไม่เจอสาวเจ้าเนื้อ ส่วนใหญ่หุ่นบอบบางเซ็กซี่ด้วยผิวสีแทนและน้ำผึ้ง ทั้งยังมีใบหน้าสวยคมเฉี่ยว ยิ่งอยู่ในชุดทูพีซ ยิ่งเสริมให้รูปร่างอรชรสมส่วน แลเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งน่าเย้ายวนใจมากขึ้น...นี่กระมังสีสันของบราซิล

ถัดจากริมหาด เป็นทางเท้า ปูด้วยอิฐสีดำสลับขาวสวยงาม มีซุ้มขายเครื่องดื่มและอาหารจำพวกแซนด์วิชจัดไว้เป็นระยะๆ ตลอดแนว แต่ละซุ้มมีโต๊ะและม้านั่งไม่กี่ตัว จากนั้นเป็นถนนสำหรับรถจักรยาน ตามมาด้วยถนนสำหรับรถวิ่งหกเลน แล้วจึงเป็นอาคาร ทุกอย่างถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลายรุ้งเหลียวกลับไปมองหาดทรายสีขาวเบื้องหน้าอีกครา ซ้ายมือและขวามือที่มองเห็นไกลสุดลูกหูลูกตา คือ มหาสมุทรแอตแลนติก ดูเวิ้งว้าง วังเวง นี่กระมัง…คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล

เธอหันมาถามเรนัลโดว่า “ที่นี่รึเปล่าคะที่คุณใช้ในการแสดงหนังเรื่องสีสันแห่งบาป…รุ้งเห็นในไตเติลละครน่ะค่ะ เมื่อเช้าแอบดูซีดีไปรอบหนึ่ง” รีบเสริมในประโยคท้าย หวั่นเขาจะจับผิดอีก

ดาราหนุ่มหันมาตอบ “เปล่าครับ…เราใช้หาดโคปาคาบาน่า เป็นโลเกชัน ที่นั่นหาดยาวกว่าที่นี่ หาดโคปาคาบาน่า ยาวกว่าสี่พันกิโลเมตรมังครับ แต่ที่หาดอีปาเนมา นี่ได้ชื่อว่าหาดที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก”

“ทำไมละคะ”

“ว่ากันว่าเพราะหาดนี้ มีผู้หญิงสวยๆ และมาจากต่างถิ่นจำนวนมาก ต่างสวมบิกินี่ชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่ออวดเนื้อตัว ฉะนั้นเมื่อมารวมกับหาดทรายสีขาวทอดยาวหลายพันกิโลเมตร เลยเป็นส่วนผสมผสานที่ทำให้ชายหาดแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหาดที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก”

ปลายรุ้งทำเสียงรับรู้ในลำคอ ก่อนเสริมว่า “เข้าใจล่ะ...เสียดายจังรุ้งไม่มีกล้อง ไม่งั้นจะเก็บภาพพวกนี้ อยากเก็บบรรยากาศสุดแสนเซ็กซี่พวกนี้เหลือเกิน” บอกออกไปอย่างเสียดาย ทั้งที่ความจริงตัวเองพูดไม่หมด…เธออยากเก็บภาพสุดแสนเซ็กซี่ของเขาต่างหาก มากกว่าจะเป็นทิวทัศน์รอบตัวเหล่านี้ ด้วยเมื่อเขายืนเต็มความสูงร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร และกัดขาแว่นข้างหนึ่งไว้ที่มุมปากในท่วงท่าใช้ความคิด…เป็นท่าที่สุดแสนเร้าใจและเซ็กซี่เป็นที่สุด เดาว่าเขาอยู่ในอิริยาบถใดก็คงเป็นภาพน่าตื่นตาตื่นใจ

เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองน่าสนใจ ชวนมอง มากกว่าวิวทิวทัศน์รอบข้างเสียอีก

“ถ้าจะเอากล้องมา ต้องระวังอย่างมาก ไม่อย่างงั้นจะตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ถูกเตือนให้ทำตัวกลืนไปกับคนในพื้นที่ เพราะที่นี่แม้จะเป็นเมืองที่น่าสนใจ แต่ก็มีประวัติอาชญากรรมสูงมากแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา กระทั่งเป็นที่มาของการนำไปสร้างภาพยนตร์เรื่อง City of God ซึ่งเป็นหนังที่สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงและการก่ออาชญากรรมมากมายในเมืองริโอ”

“คุณเป็นคนเก่งประวัติศาสตร์และมีความรู้รอบตัวมากนะคะ” ปลายรุ้งเปรยขึ้น น้ำเสียงชื่นชมเปิดเผย

เรนัลโดทำหน้าเก้อนิดๆ กับคำชมของหญิงสาว “ไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มกันเถอะ อากาศร้อนแล้ว” พูดพลางกระตุกมือบางตรงไปยังซุ้มเครื่องดื่มอย่างถือวิสาสะ หวังเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

ปลายรุ้งเดินตามแรงจูงของชายหนุ่ม เธอลดสายตามองมือหนา เห็นผิวสองสีตัดกันชัดเจน หากกระนั้นกลับรู้สึกกลมกลืนในความรู้สึกเธอ นึกพลางเร่งฝีเท้าให้ทันเขาเพื่อเดินขึ้นไปเคียงคู่กัน ถึงเต็นท์เครื่องดื่ม เขาหันมาถามเธอ “ดื่มอะไรดี”

ทำท่าจะอ้าปากตอบว่าน้ำมะพร้าวสด หากไม่ทันปริปาก บรรดานักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามาห้อมล้อมชายหนุ่ม จนเบียดเธอตกทางเดิน

เรนัลโดรีบคว้ามือบาง เหนี่ยวขึ้นมายืนบนบาทวิถีด้วยกัน เป็นผลให้หญิงสาวตกอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างช่วยไม่ได้ อันเนื่องจากพื้นที่จำกัด “ขอโทษนะ” เขากระซิบข้างหู ก่อนเงยหน้ายิ้มหล่อเหลาให้แก่แฟนคลับ “สวัสดีครับ”

“มาเที่ยวหรือคะคุณจิออร์ดาโน ให้ฉันเลี้ยงเครื่องดื่มนะคะ” สาวใจกล้าคนหนึ่งเสนอตัวเลี้ยงเครื่องดื่ม ก่อนหันไปสั่งเบียร์เย็นๆ ให้

เรนัลโดไม่ทันตอบ อีกคนก็พูดขึ้นบ้างว่า “ฉันติดตามละครเรื่องล่าสุดของคุณ สีสันแห่งบาปน่ะค่ะ สนุกมากเลย คุณแสดงเรื่องนี้ได้เซ็กซี่มากรู้ไหมคะ แล้วนี่เมื่อไรจะมีเรื่องใหม่ออกมาคะ?”

“จิออร์ดาโน คะ...นี่แฟนคุณหรือคะ” สาวสวยอีกคนถามขึ้น

แล้วจากนั้นก็เป็นการแย่งพูดแย่งถามจากบรรดาแฟนคลับของเขา จนเธอแยกแยะประสาทแทบไม่ทัน ด้วยแต่ละคนล้วนพยายามแย่งความสนใจไปจากเขา ปลายรุ้งรู้สึกละลานตาไปกับหน้าอกตูมๆ และบิกินี่สีสันแสบตาของพวกเธอเหล่านั้น ยิ่งกว่านั้นทุกคนขยับเบียดเข้ามา หวังจะแนบชิดกับเนื้อตัวของเรนัลโด ส่งผลให้เธอต้องขยับถอยหนี จนหลังไปเบียดกับแผงอกกว้าง รู้สึกได้ถึงกำแพงมัดกล้ามที่บดเบียดอยู่ด้านหลังพร้อมๆ กับที่แขนหนาโอบมารอบตัว ห่างจากใต้ทรวงอกไม่ถึงคืบ หากไม่ยกแขนกันไว้ เชื่อแน่ว่าคงโดนหน้าอกเธอไปเต็มๆ เธอรู้ว่าเขาไม่ตั้งใจ แค่ต้องการช่วยกันจากบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น หากกระนั้นก็อดรู้สึกร้อนซู่ไปทั่วพวงแก้มไม่ได้








Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:10:21 น.
Counter : 533 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments