Group Blog
หวานใจ...บอดีการ์ด (บท 5/2)




เพราะหลับใหลไปเกือบชั่วโมง เมื่อลืมตาตื่นอีกครั้ง หวานใจพบว่ารถจากัวร์มาจอดสงบนิ่งอยู่ในบริเวณบ้านหลังหนึ่งเรียบร้อยแล้ว คงเป็นจุดหมายปลายทางที่ศิลาบอกว่าจะมาทำธุระ เขาเปิดแอร์ทิ้งไว้ให้เธอ แต่เจ้าตัวหายไปแล้ว เดาว่าคงหายเข้าไปในตัวบ้าน หญิงสาวนึกแล้วยกมือปิดปากหาวหวอดหนึ่ง หวานใจไม่เดือดร้อนกับการที่เขาไม่ปลุกเธอให้ตามไปด้วย ตรงกันข้ามกลับนึกขอบคุณเสียด้วยซ้ำ เพราะแค่ตามมาถึงที่นี่ ก็ถือว่าก้าวก่ายงานเขาพอดู คิดพลางก้าวลงจากรถ ขยับตัวยืดเส้นยืดสายแก้เมื่อยขบ ก่อนจะทอดสายตามองรอบตัวอย่างพินิจพิเคราะห์

สภาพแวดล้อมที่เห็นอยู่ตรงหน้า หวานใจอยากเรียกว่าอาณาจักรมากกว่าอาณาเขต เพราะกว้างขวางโอ่อ่าตระการตา บนเนื้อที่ที่กะด้วยสายตาไม่น่าจะต่ำกว่าสิบห้าไร่นั้น แวดล้อมไปด้วยคฤหาสน์สีขาวสองชั้นตั้งตระหง่านอยู่บนเนินหญ้าเขียวขจี ด้านหน้าเป็นวงเวียนน้ำพุ และขนาบข้างด้วยปีกซ้ายและปีกขวาของตัวอาคาร ถัดออกไปทางด้านข้าง คือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มีต้นสนล้อมรอบประปราย และห่างออกไปเป็นสระบัว ซึ่งมีศาลาเรือนไทยหลังใหญ่ยกพื้นขึ้นสูงเหนือผิวน้ำ ด้านหลังสระบัวเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวออกแบบในสไตล์ตะวันตก

หวานใจเดินไปหยุดยืนหน้ารถ ยกมือกอดอกพลางเอียงสะโพกพิงฝากระโปรงในขณะที่ปลายเท้าไขว้กับอีกข้าง ท่วงท่าเก๋ไก๋ราวกับสาวพริตตีในงานมอเตอร์โชว์ก็ไม่ปาน ต่างกันเพียงว่านางแบบงานโชว์คนนี้ มีใบหน้าและท่าทางค่อนไปทางทอมบอยมากกว่าจะ ‘หวานเจี๊ยบ’ สมกับชื่อ

สายตาหญิงสาวยังคงกวาดมองความเป็นไปรอบข้างอย่างเอื่อยๆ ระคนเกียจคร้าน กระทั่งร่างสูงใหญ่ของศิลาก้าวออกมาจากตัวบ้าน พร้อมกับร่างอ้วนลงพุงของชายสูงวัยคนหนึ่งที่เดินเคียงคู่มาด้วย ซึ่งเห็นอยู่ในระยะไกลลิบ ร่างบอบบางหากสมส่วนก็ชะงักกึกตัวแข็งทื่อ ไม่หยุดรอพิสูจน์สายตาตัวเองให้ชัดเจนไปกว่านั้น เจ้าตัวรีบก้าวเข้าไปทรุดนั่งในรถ ปิดประตูตามหลัง ก่อนจะกระชากปีกหมวกมาพรางและทำทีเป็นหลับ

ฉะนั้นเมื่อศิลาเดินมาถึงรถ เขาจึงไม่เห็นหวานใจเดินแกร่วไปมาอยู่แถวนั้นแล้ว บอดีการ์ดหนุ่มละสายตากลับมาคุยกับรัฐมนตรีอดุล อุทัยรัตน์

“ส่งแค่นี้ก็พอครับพ่อเลี้ยง”

คุณอดุล ยิ้มรับ ก่อนตอบกลับเสียงทุ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีว่า “แล้วอย่าลืมวันเสาร์นี้ล่ะ คุณนงคราญจะลงพื้นที่ด้วย”

“ไม่ลืมครับ ผมจะรีบบินไปไฟล์ทเร็วที่สุด ยังไงจะพยายามให้ทันวันแรกของการลงพื้นที่”

“ขอบคุณมาก ถ้าไม่ได้ศิลา ผมล่ะแย่แน่เลย เพราะนับตั้งแต่น้องชายคุณนงคราญถูกยิงในคราวลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบต. เธอก็หวาดผวาไม่กล้าลงพื้นที่ช่วยผมหาเสียงอีกเลย แต่พอศิลารับปากว่าจะไปช่วยคุ้มกันให้ เธอถึงได้กล้าลงพื้นที่ไปกับผม คุณนงคราญเชื่อฝีมือคุณคนเดียว”

“ต้องขอบคุณคุณหญิงที่ให้ความไว้วางใจผม”

“มาขอบคงขอบคุณอะไรกัน ผมกับภรรยาสิต้องขอบคุณ ถ้าไม่ได้ศิลา ผมคงได้ตายไปหลายครั้งแล้ว”

“ไม่หรอกครับ พ่อเลี้ยงเป็นคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงช่วยคุ้มครอง”

คุณอดุลหัวเราะลงคออย่างถูกใจ “พูดได้ถูกใจคนแก่จริงๆ” ตบบ่าผู้ที่อ่อนวัยกว่าประกอบคำพูด ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วนี่ไหนว่ามากับเพื่อนผู้หญิง เมื่อกี้ยังเห็นอยู่แวบๆ เธอไปไหนเสียแล้วล่ะ” พูดพลางเหลียวมองรอบตัวอย่างค้นหา

ศิลาปรายตาไปมองภายในรถ เห็นหวานใจอยู่ในท่าปรับเบาะเอนนอน ปีกหมวกเบสบอลตกลงมาคลุมใบหน้า เห็นเพียงปลายคางเรียว เขาหันมาตอบคุณอดุล “นอนรออยู่ในรถแล้วครับ เดี๋ยวผมเรียกเธอดีกว่า จะได้ทำความรู้จักพ่อเลี้ยงไว้ด้วย”

คุณอดุลมองผ่านกระจกรถ ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงกำลังนอนทอดตัวไปกับความยาวของเบาะ และมีหมวกเบสบอลวางบนใบหน้า เขาเหลียวไปสบตาศิลา แล้วว่า “อย่าเลยศิลา กวนแม่หนูเปล่าๆ ดูกำลังหลับสนิทดีด้วย ปล่อยเธอนอนไปเถอะ วันหลังค่อยทำความรู้จักกันก็ได้ แล้วนี่เป็นลูกเต้าเหล่าใครและไปไงมาไงถึงมาด้วยกันได้ ปกติศิลาไปไหนก็ฉายเดี่ยวตลอด ไม่เคยหรอกที่จะพาสาวมาด้วย รายนี้พิเศษ คงเป็นแฟนล่ะสิท่า”

ใบหน้าคมคายแดงก่ำจดลำคอทันควัน ศิลาชายตาไปมองคนในรถตามสัญชาตญาณ ‘ระแวง’ ทันเห็นกระจกเคลื่อนต่ำลงมาเกือบสองเซนติเมตรทันทีที่คุณอดุลพูดจบลง ราวกับว่าคนหลังประตูก็รอฟังคำตอบด้วย บอดีการ์ดหนุ่มเบิกตาโตกับความเจ้าเล่ห์ของคนแสร้งหลับนั้น แววตารับรู้ขณะหันมาตอบคุณอดุลว่า “พ่อเลี้ยงครับ ผมว่าเราไปคุยที่ใต้ต้นไม้โน่นดีกว่าครับ ดูแล้วร่มรื่นน่าเย็นสบายดี แถวนี้ร้อนอบอ้าวยังไงไม่รู้”

ศิลาพูดแล้วออกเดินนำ ไม่สนใจเสียงครูดกระจกเปิดที่ขยับลงมาอีกนิด ขณะที่คุณอดุลแม้ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ก็ยอมเดินตามบอดีการ์ดหนุ่มไปแต่โดยดี

“ศิลา…ท่าทางแปลกๆ นะ ทำยังกับว่ามีเรื่องลับลมคมในยังงั้นแหละ”

ชายหนุ่มหัวเราะ เดินไปสุดทางเดินใต้ต้นราชพฤกษ์ แล้วจึงหยุด หันมาตอบคำถาม “เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากพามาสูดอากาศบริสุทธิ์ ใต้ต้นราชพฤกษ์นี่”

คนที่มากด้วยประสบการณ์กว่า มองคนรุ่นลูกอย่างต้องการค้นคว้า แววตาแสดงความไม่เชื่อถือนักเมื่อย้อนถามกลับไปว่า “เกี่ยวกับแม่หนูที่อยู่ในรถนั่นหรือเปล่า ถึงทำให้ศิลาต้องหนีมาสูดอากาศบริสุทธิ์เสียไกลลิบนี่?”

คนอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ ใบหน้าเลิ่กลั่ก รีบปฏิเสธละล่ำละลักจนแทบสำลักน้ำลายตัวเอง “ไม่เกี่ยวกับหวานหรอกครับ” ปากบอกปัดแต่ทีท่าเก้อกระดากส่อแววพิรุธอย่างมาก

คุณอดุลมองภาพนั้นยิ้มๆ เขาแสร้งทวนคำ “อ้อ…แม่หนูนั่นชื่อหวาน เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ” ตะล่อมถามต่อ

สีหน้าศิลาเก้อกระดากยิ่งขึ้นไปอีก เขายกมือขึ้นลูบปลายคางซึ่งเป็นท่วงท่าผ่อนคลายจากความอึดอัดระคนเคอะเขินของเจ้าตัว “เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ เพราะงั้นผมไม่ทราบเกี่ยวกับเธอหรอกครับ”

คนที่แก่วัยกว่าหัวเราะในลำคอ อีกฝ่ายยิ่งพูดก็ยิ่งผูกมัดตัวเอง เพราะหน้าตาแดงก่ำเพิ่มขึ้นไปอีก เขานึกอยากให้ศิลาไปส่องกระจกเหลือเกิน “โอเค…ไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไร” ยังคงพูดกลั้วเสียงหัวเราะ “แต่คุณไม่ปฏิเสธเรื่องความพิเศษใช่ไหมล่ะศิลา ไม่งั้นก็คงไม่พามาด้วยหรอก” คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนยังคงแหย่ต่ออย่างสนุกสนาน

ศิลาลูบปลายจมูก “เรื่องพิเศษผมไม่รู้ แต่เธอไม่เหมือนใครในเรื่องความทะเล้นจริงๆ ครับ”

คุณอดุลหัวเราะ “เป็นไงกันแน่น่ะแม่หนูคนนี้”

คนที่ถูกซักฟอกทอดสายตาไกลไปยังสนามหญ้าเขียวขจีที่ยาวสุดลูกหูลูกตา แววตาอ่อนแสงอย่างอ่อนโยนเมื่อตอบว่า “ก็เป็นผู้หญิงที่ร่าเริงสดใสครับ มีอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา จนแทบดูไม่ออกเลยว่ามาจากครอบครัวที่แตกแยก เธอก็น่ารักครับ…ใครอยู่ใกล้แล้วมีความสุขและอดจะหัวเราะอารมณ์ดีไปกับเธอไม่ได้” ศิลาหันมาสรุปตบท้ายในที่สุด

“คุณชอบเธอ…ศิลา” คุณอดุลลงความเห็น

“ผมว่าใครอยู่ใกล้เธอ ก็คงชอบทุกคน”

“ผมไม่ได้หมายถึงในแง่นั้น ผมหมายถึงแง่หนุ่มสาว คุณชอบเธอแง่นั้นศิลา”

ศิลาชะงัก หน้าตาตื่นตะลึงอย่างมาก

“เชื่อผม…แววตาคุณเวลาพูดถึงแม่หนูหวาน เป็นประกายฉายความสุขอย่างมาก ลองสำรวจความรู้สึกตัวเอง คุณไม่เคยพาผู้หญิงคนไหน ไปไหนมาไหนด้วย อย่าว่าแต่ควง…แค่ทนให้ตามตื้อสักชั่วโมงครึ่งชั่วโมงยังทนไม่ได้เลย แต่รายนี้แปลกไปจากทุกคน คุณยอมให้เธอตามคุณมาด้วยทั้งที่คุณมาเรื่องงาน ชีวิตคนเรามันก็มีเท่านี้แหละศิลา เมื่อมีความสุขก็รีบไขว่คว้าไว้เถอะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะสูญเสียมันไปวันใดในเวลาอันใกล้นี้หรือไม่” แววตาและน้ำเสียงตอนท้ายสลดลง ราวกับคนพูดกำลังนึกถึงประสบการณ์ด้านสูญเสียของตัวเอง

พ่อเลี้ยงอดุลกำลังนึกถึงลูกสาวคนเดียวที่มีค่ายิ่งเท่าชีวิต เขาเคยมีเธอ แต่ต้องสูญเสียไป เพียงเพราะความทะเยอทะยานของตัวเอง วันนี้เมื่ออยากหวนกลับไปแก้ไขอดีต เธอก็ได้หันหลังให้เขาตลอดกาลไปแล้ว

ไม่แม้แต่จะเรียกเขาว่าพ่อสักคำ…

“พ่อเลี้ยงพูดเหมือนคนที่เคยสูญเสีย”

คนเป็นพ่อเลี้ยงยิ้มเศร้าๆ ก่อนรับคำว่า “ผมเคยมีลูกสาว แต่เราเหมือนคนแปลกหน้าต่อกันไปแล้วเวลานี้”

“ผมไม่เคยรู้ว่าคุณหญิงนงคราญมีลูกสาวด้วย” ศิลาขมวดคิ้ว ตั้งข้อสังเกต

“เปล่าหรอก คุณนงคราญเป็นหมัน ผมหมายถึงลูกสาวจากภรรยาคนแรกต่างหาก เธอชื่อหวานเหมือนแม่หนูหวานของศิลาแหละ ชื่อจริงว่าหวานใจเป็นลูกสาวของเศรษฐีเก่าเมืองนนท์ ผมเคยเล่าให้คุณฟังแล้ว ผมทำให้ชีวิตแต่งงานครั้งแรกพังครืนไม่เป็นท่า เพราะความทะเยอทะยานของผมเอง คุณละอองจิตไม่สามารถส่งเสริมผมในเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานได้ แม้เธอจะมีเงินทุนมากพอที่จะช่วยผมหาเสียง แต่ก็ไม่มีเส้นสายทางการเมือง…”

“พ่อเลี้ยงก็เลยมาแต่งงานกับคุณหญิงนงคราญซึ่งคุณพ่อเธอเป็นพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่” ศิลาพูดต่ออย่างจำได้ พ่อเลี้ยงทางเหนือคนนี้ แม้จะมีนิสัยไม่ดีหลายอย่าง...อย่างที่เจ้าตัวว่า หากทว่าอย่างหนึ่งที่น่าคบหา คือนิสัยตรงไปตรงมาและความสัตย์ซื่อต่อเพื่อนฝูงและคนใกล้ชิด

“ใช่…พ่อเธอเป็นคนมีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่และยังเป็นแหล่งเงินทุนของพรรคผม สามารถผลักดันตำแหน่งทางการเมืองให้กับผมได้เป็นอย่างดี แต่ชีวิตคนเรามันน่าเศร้า พอวันหนึ่งมีครบทุกอย่างแล้วและอยากจะมีลูกสืบสกุล ก็ต้องมาผิดหวังเพราะเพิ่งมารู้ทีหลังว่าคุณหญิงเป็นหมัน”

ศิลาอึ้ง…ความจริงเขาอึ้งตั้งแต่ประโยคแรกที่ได้ยินจากพ่อเลี้ยงอดุลแล้ว ‘ก็เยอะแยะไป มีทั้งทวดแจ่มจิต ยายนงนาถ ป้าดรุณี ป้ากรุณา น้าชมพูนุช แล้วยังจะมีน้าสดศรีและแม่ละอองจิตอีก’ คำพูดของหวานใจก่อนหน้านี้ลอยมาเข้าหู แม่ละอองจิต นั่นแปลว่าหวานใจเป็นลูกสาวคุณอดุลหรือ? คุณพระ…ผู้หญิงที่เขาถือวิสาสะเขกหัวไปทีหนึ่ง เป็นคนเดียวกับลูกสาวของคุณอดุล เขาไม่เอะใจก่อนหน้านี้เพราะใช้คนละนามสกุล ศิลานึกอย่างตกใจ ไม่แน่ใจตัวเองว่าที่ตกใจนี่เพราะเผลอแจกมะเหงกลูกสาวของรัฐมนตรี หรือตกใจที่เพิ่งรู้ข้อเท็จจริงการเกี่ยวดองเป็นสายเลือดเดียวกันของพ่อลูกคู่นี้กันแน่

แต่ที่แน่ๆ เขาแทบอยากจะถลาไปกระตุกแขนคนที่แสร้งหลับมาเค้นถามความจริงว่าทำไมถึงต้มเขาเสียเปื่อย…เป็นถึงลูกสาวของรัฐมนตรีใหญ่โตในเมืองไทย แต่กลับไม่ปริปากบอกสักคำ ปล่อยให้เขาทำอะไรไม่สมควรไปตั้งหลายอย่าง… นึกมาถึงตรงนี้ ศิลาก็ชะงัก พลันได้คำตอบว่าทำไมอีกฝ่ายถึงแสร้งหลับในจังหวะที่เขากับพ่อเลี้ยงอดุลมาถึงรถ นั่นเพราะว่าหวานใจรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าผู้ชายที่เดินมากับเขาเป็นใคร?

ใช่…การที่เธอรีบผลุบหายเข้าไปในรถและแสร้งทำทีเป็นหลับ นั่นแปลได้สถานเดียวว่าหวานใจรู้อยู่แก่ใจว่ารัฐมนตรีอดุลเป็นพ่อ และกำลังเดินตรงมาที่รถ แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ทำไมหญิงสาวไม่ยอมลงมาทักทายตามประสาพ่อลูก? ซึ่งนั่นก็ตีความได้สถานเดียวอีกเช่นกันว่าความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้ไม่ดีเอามากๆ อย่างที่พ่อเลี้ยงอดุลว่าจริงๆ

แล้วศิลาก็นึกถึงท่าทีขี้เล่น แสดงถึงคนมีสุขภาพจิตดีอยู่เป็นนิตย์ของเจ้าตัว ท่วงท่าภายนอก ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าหญิงสาวมีชีวิตที่ขาดความอบอุ่นในวัยเด็กมาก่อน…ใช่ ไม่มีสัญญาณบ่งบอกใดๆ ว่าเธอมาจากครอบครัวแตกแยก เจ้าตัวซ่อนอารมณ์และความรู้สึกบนสีหน้ามิดชิด ฝังกลบความสูญเสียชนิดที่เรียกว่าลึกสุดใจ แล้วฉาบความร่าเริงสดใสบนแววตาขี้เล่นแทน มันใกล้เคียงกับการหลอกลวงหรือเปล่า ศิลาไม่รู้ แต่เขามั่นใจว่านั่นน่ากลัวมากกว่าการแสดงออกมามากนัก เพราะการแสดงออก ยังมองหาสาเหตุปัญหาและเยียวยาได้ทัน แต่การกลบฝัง…นอกจากหมายความว่าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว ยังอาจจะสะสมเพื่อรอวันปะทุอีกด้วย

วูบหนึ่งที่ศิลานึกห่วงใยหญิงสาว น่าแปลก…ที่เขานึกอยากย้อนวันคืนเก่าๆ ที่หญิงสาวทำขาดหายไปในวัยเด็ก และชดเชยให้เธอด้วยวันคืนใหม่ๆ ที่อบอุ่นแทน ความรู้สึกอ่อนโยนเกิดขึ้นในใจศิลาโดยไม่รู้ตัว

เป็นครั้งแรกที่หัวใจของชายหนุ่ม...ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเย็นชาและแข็งกระด้างดุจหินผา กลับมาอ่อนยวบและละมุนละไมขึ้น เพียงเพื่อผู้หญิงคนเดียวที่เขาเพิ่งเจอหน้า...หวานใจ

ศิลาปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พ่อเลี้ยงเจอลูกสาวบ่อยไหมครับ” ตัดสินใจถามขึ้น เพื่อหาคำตอบในสิ่งที่ตัวเองสงสัย

“ไม่เลย...” รัฐมนตรีอดุลส่ายหน้าประกอบคำพูด “นับตั้งแต่หย่ากับคุณละอองจิต ผมเจอลูกสาวแค่ครั้งเดียว ก่อนเธอเดินทางไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ ผมไปหาเธอที่คอนโดฯ แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย ถึงตอนนี้ก็ห้าปีแล้ว”

“ถ้าเจออีกครั้ง พ่อเลี้ยงจะจำเธอได้ไหมครับ”

คุณอดุลตวัดสายตามามองศิลาทันควัน “ศิลาถามแปลกนะ ทำไม...รู้จักลูกสาวผมหรือ?”

ศิลาชะงัก นึกชั่งใจ เสี้ยววินาทีต่อมาก็ตัดสินใจส่ายหน้า เขาไม่รู้ว่าหวานใจต้องการปกปิดความเป็นตัวตนของเธอหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นเจ้าตัวก็คงออกมาทักทายผู้เป็นพ่อไปแล้ว

“ไม่ครับ...ผมแค่ลองถามดู เผื่ออนาคตได้มีโอกาสรู้จักเธอ”

พ่อเลี้ยงอดุลยิ้ม แววตาอ่อนโยนมากขึ้นเมื่อตอบว่า “ผมจำได้ต่อให้ไม่เจอเธอนานแค่ไหน รายนี้เขาลูกแม่...สวยหวาน หน้าตาผิวพรรณถอดแม่มาหมด”

ศิลาพยักหน้ารับรู้ ถามต่อว่า “คุณหวานใจทราบไหมครับว่าพ่อเลี้ยงแต่งงานใหม่และย้ายมาอยู่กับคุณหญิงที่นี่”

รัฐมนตรีอดุลส่ายหน้า “ไม่หรอก...เธอไม่รู้ ความจริงลูกสาวผมแทบไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับตัวผมด้วยซ้ำ เธอไม่เคยถามผมเลยว่าอยู่ที่ไหนกับใคร หรือมีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง เธอไม่สนใจที่จะไต่ถาม”

“ผมเดาว่าที่เธอไม่ถาม เพราะทราบดีอยู่แล้วจากข่าวทางทีวีและหน้าหนังสือพิมพ์ เรื่องของพ่อเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัวหรือชีวิตครอบครัว เป็นข่าวบ่อยไป”

คุณอดุลพยักหน้ารับรู้ “ก็อาจจะเป็นอย่างงั้น ขอบคุณมากศิลา ผมรบกวนเวลาคุณมากแล้ว กลับเถอะ เดี๋ยวต้องขับรถไปอีกไกลอีก กว่าจะถึงกรุงเทพฯ นี่ก็คงค่ำๆ พอดี”

ศิลาทำท่าลังเลว่าจะเดินไปปลุกหญิงสาวให้มาล่ำลาคนเป็นพ่อดีหรือไม่ แต่เสี้ยววินาทีต่อมาก็ตัดสินใจเคารพการตัดสินใจของเธอ เมื่อหญิงสาวแสร้งหลับ นั่นก็แปลว่าเจ้าตัวยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพ่อบังเกิดเกล้า เขาพนมมือไหว้คุณอดุล เอ่ยคำลาและเดินจากมาทันที









Create Date : 07 ตุลาคม 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:18:18 น.
Counter : 540 Pageviews.

8 comments
  
สวัสดียามค่ำคืนค่ะ
น้องลัด : หวัดดีจ้าน้องลัด ตกลงจ๋า เด๋วจัดให้ตามนั้นน้า >_< เลิฟซีนหวานตลกๆ แหะๆ

คุณ alanta : 555 คุณ alanta ใช้คำว่าเสร็จหนูหวานเลยหรือคะ >_< พี่ศิลามาได้ยินต้องสะดุ้งแน่ แหะๆ…เดี๋ยวเร็วๆ นี้จะมีเกมมาให้เล่นชิงอรินะคะ ^^

คุณนิว : หวัดดียามค่ำคืนค่ะคุณนิว ดีใจที่ได้ยินว่า…ถึงจะเป็นฝ่ายตามแต่ออกแนวน่ารัก เพราะใจอุ๋ยหวั่นเรื่องคนอ่านรับนางเอกแนวนี้ไม่ได้เหมือนกันค่ะ แหะๆ

คุณอัญ : ขอบคุณคุณอัญที่เข้ามาทักทายกันค่ะ ต่อไปนี้ต้องเรียกว่าอาจารย์อัญแล้วสิคะ ^^ ถ้ายังไงอาจารย์อัญต้องการลงบทความทางด้านการศึกษาในหน้าหนังสือพิมพ์ ก็บอกอุ๋ยได้น้า ยินดีจัดให้ค่ะ แต่ต้องเป็นเรื่องการศึกษาน้า >_< ถ้าเรื่องอื่นอันนี้จะนอกเหนืออำนาจหน้าที่จะเข้าไปจัดการได้ แหะๆ // ดีใจมากๆๆ เลยค่ะที่ได้ยินว่าคุณอัญรับนิสัยของนางเอกเรื่องนี้ได้ เพราะตอนเรื่องหนูมิ้น จำได้ว่าก็ได้เมนท์ทำนองคล้ายๆ อย่างนี้มาทีหนึ่งแล้วเหมือนกัน >_< // ขอบคุณค่ะสำหรับการแจ้งเรื่องหนังสือ จุ๊บๆ ค่ะ

คุณเอ๋ : หวัดดีค่ะคุณเอ๋ ^__^ /55+ ขอบคุณค่ะที่เชื่อมั่นอุ๋ยขนาดนั้น(แม้ว่าตัวเองจะไม่ค่อยเชื่อมือตัวเองก็เถอะ แหะๆ) จะพยายามหาคำตอบมาให้คุณเอ๋ในเร็วๆ นี้นะคะว่าทำไมชีถึงได้คลั่งไคล้พ่อศิลานัก ^^ /55 คุณเอ๋อยากได้ฉากพี่ศิลาไล่ต้อนหนูหวานได้หรือคะ? ได้เลยค่ะ เด๋วจัดให้ เร็วๆ นี้ ^^

คุณ Hero’s girl : ชอบชื่อล็อกอินจังเลยค่ะ ดูจะเข้ากับเรื่องหวานใจได้ ^^ // ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้และทักทายกันค่ะ ยินดีต้อนรับมากๆ ค่ะ // และขอบคุณที่ชอบพี่ศิลาค่ะ ส่วนตอนหน้า โพสต์ให้แล้วค่ะ แล้วมาพูดคุยกันอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ

น้องเดล : สวัสดีค่ะน้องเดล ขอบคุณมากค่ะสำหรับการเข้ามาพูดคุยติดตาม และให้กำลังใจ // พล็อตนิยายเด็กๆ แงๆๆ…อ่านแล้วสะดุ้งเหมือนกัน ^^ แต่ยังไงก็ขอบคุณค่ะน้องเดลที่เห็นว่าเรื่องนี้น่ารัก ^^

น้องมิ้ว : หวัดดีค่ะน้องมิ้ว อ่า..น้องมิ้วย้ำเรื่องพี่ศิลาหน้าแดง…ว่าน่ารัก สงสัยน้องมิ้วจะชอบผู้ชายขี้อายแน่เลย ใช่ป่าวคะ ^^
โดย: คณิตยา วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:1:19:26 น.
  
เมื่อวานลืมล็อกอิน อิอิ

แวะมาอ่านหลังสอบเสร็จค่า

พี่ศิลานี่ฉลาดเป็นกรดเลยนะเนี่ยยยย

หนูหวานไว้ผมยาวน่ารักกว่าอ่ะ

ปล.อยากอ่านฉากหวานๆค่า


โดย: Hero's girl วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:14:56:35 น.
  
คำพูดที่ศิลาบรรยายความเป็นหวานใจน่ะ บอกชัดเจนว่ารู้สึกยังไง...แบบนี้หัวใจไม่ใช่ศิลาดั่งชื่อแล้วละมั้งคะ อิอิ
โดย: adel_ew วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:14:59:29 น.
  
ศิลาใจอ่อนตั้งแต่เห็นหน้าหวานใจแล้วมั้ง แพ้ทางคนสวยนี่นา อิอิ
สงสัยว่า เรื่องที่ศิลาจะได้มาเป็นการ์ดให้หวานใจอาจจะเกี่ยวกับรัฐมนตรีผู้พ่อนี่ก็ได้นะ รอค่ะ รออ่านต่อไป เป็นกำลังใจให้นะคะ

ปล. ยังไม่ได้ตัดผม แต่ว่าเมื่อวานเจอคนนึงค่ะ ทรงนี้เลย หน้าหวาน ๆ แบบนี้ อยากจะขอถ่ายรูปส่งให้คุณอุ๋ยดูมาก ๆ เหมือนมากเลยค่ะ รู้สึกว่าจะเป็นแอร์ฯ เพราะว่าที่ทำงานเก๋อยู่ใกล้ๆ JPL ค่ะ
โดย: หนูเก๋ วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:15:11:25 น.
  
หนูหวานกลายเป็นลูกรัฐมนตรีซะละ พี่ศิลาคงจะเป็นกาวเชื่อมระหว่างพ่อลูกที่แตกร้าวใช่มั้ยคะ

รอลุ้นให้พี่ศิลาไล่ต้อนหนูหวานอยู่นะคะ เอาให้อยู่หมัดไปเลย (ถ้าทำได้นะ อิอิ)
โดย: pantan IP: 58.9.15.94 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:20:22:29 น.
  
ศิลาเป็นห่วงน้องหวานล่ะสิ อย่างนี้ต้องดูแล
โดย: นิว IP: 58.9.235.213 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:20:46:41 น.
  
โหหนูหวานใหญ่โตอ่ะเป็นลูกรมต.เลยแฮะ

ใช่แล้วค่ะพี่อุ๋ยผู้ขี้อายหน้าแดงนี่น่ารักน่าเข้าใกล้กว่าพวกผู้ชายที่ชอบรังแกผู้หญิง

แล้วนิยายพี่อุ๋ยพระเอกก็น่ารักที่สุดแต่ละคนรักและทะนุถนอมนางเอกมาก

-เพราะหลับใหลไปเกือบชั่วโมง....ขยับตัว(ยืดเส้นยืดขา)แก้เมื่อยขบ....===>ยืดเส้นยืดสาย , ยืดแข้งยืดขา (น่าจะใช้สองคำนี้มากกว่านะคะพี่อุ๋ย)

คุณอดุลเป็นรัฐมนตรีศิลาน่าจะเรียกท่านมากกว่าเรียกว่าพ่อเลี้ยงนะคะ หรือว่าศิลาสนิทสนมกับคุณอดุลในระดับหนึ่งเลยเรียกพ่อเลี้ยงแทน
โดย: mimny วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:22:08:27 น.
  
ขยันจริงเพื่อนเรา เป็นกำลังใจให้เสมอจ้าอุ๋ย
ช่วงนี้ไม่ได้ออนเลย แต่ยังคิดถึงเหมือนเดิมจ้า ^^
โดย: ต้นข้าว IP: 222.123.118.113 วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:1:00:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments