Group Blog
หวานใจ...บอดีการ์ด (บท 4/2)




ศิลามองตารางงานในมือระหว่างที่รอหวานใจทานมื้อเที่ยง เขาทานข้าวเสร็จแล้ว แต่อีกฝ่ายตบท้ายด้วยขนมหวาน หลังสอนยิงปืนให้หญิงสาว เขาก็มาเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารหวานใจที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับสนามยิงปืน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ใจอ่อนได้มากถึงขนาดนี้ เดาไปว่าคงเป็นใบหน้ากวนๆ ชวนให้อารมณ์เบิกบานนั่นกระมัง

บอดีการ์ดหนุ่มยังคงคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ขณะมองงานในมือ ตราบจนมือเรียวเล็กยื่นออกมากางบนกระดาษ แลเห็นผิวขาวอมชมพูตัดกับมือเขาชัดเจน ศิลาจึงเงยหน้ามองอีกฝ่าย เลิกคิ้วขึ้นสูงแสดงคำถามเงียบๆ

“ขนมหวานมาแล้ว ไม่ทานเหรอ”

ศิลาชายตามองถ้วยลอดช่องแตงไทยที่ยังไม่ถูกแตะ ตรงหน้า ก่อนจะส่ายหน้า และตอบว่า “ผมไม่ชอบทานขนมหวาน ขอบคุณที่สั่งมาให้ หวานก็กินไปอีกถ้วยแล้วกัน” พูดพร้อมทั้งยื่นถ้วยขนมหวานไปตรงหน้าอีกฝ่าย

“โห…ยังงี้หวานก็อ้วนพอดี ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงอ้วนๆ ไม่ใช่เหรอ”

คนไม่กินขนมหวาน ลดสายตาต่ำมองรูปร่างอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจดเอว เท่าที่ขอบโต๊ะจะเอื้ออำนวย แล้วว่า “ก็ยังไม่อ้วนอะไรนี่ กินไปเถอะน่า อย่าสนใจกับเรื่องความชอบของหนุ่มๆ นักเลย ตัวกระเปี๊ยกแค่นี้สนใจแต่เรื่องเรียนเถอะ”

“เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย หวานอายุยี่สิบห้าแล้วนะ จบโทแล้วด้วย”

“รู้…แต่ก็ยังดูเด็กอยู่ดีในสายตาผม” ศิลาพูดตัดบทแค่นั้น เขาเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวผมคงต้องขอตัวตรงนี้ มีงานต้องไปทำต่อ”

“งานอะไรคะ หวานไปด้วยคนสิ”

บอดีการ์ดหนุ่มส่ายหน้าทันควัน “ไม่ได้หรอกและไม่บอกด้วย อยากรู้ก็ไปถามพี่พสุเอง มีสปายกิตติมศักดิ์อยู่ทั้งคนไม่ใช่เหรอ” ว่าประชดแล้วเขาขยับลุกไปจ่ายเงิน ทว่าคนตัวเล็กกว่ากลับวิ่งตามมาทันที และเร่งสปีดแซงเขาไปรออยู่ที่รถ ชายหนุ่มเคลียร์บิลเสร็จและตามไปกดรีโมต จะขึ้นรถ ฝ่ายนั้นก็รีบถลาขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที ศิลาส่ายหน้ากับภาพนั้น แล้วว่า “ผมบอกแล้วว่าไปไม่ได้จริงๆ”

“ได้สิ พี่ศิลาไปไหน หวานก็ไปได้ทั้งนั้นแหละ”

เขาก้าวมานั่งหลังพวงมาลัย ถามต่อว่า “ถามจริง นี่เราไม่มีงานการทำรึไง วันๆ ถึงมีเวลาตามติดคนอื่นเนี่ย”

“ว่าง..หวานจะว่างไปอีกหลายเดือนนั่นแหละ ก่อนจะบินกลับไปนิวซีแลนด์”

ศิลาส่ายหน้าอย่างระอา ขณะสตาร์ตรถและเคลื่อนไปจากที่แห่งนั้นช้าๆ ปากเอ่ยชวนคุยว่า “เอาล่ะ…ถ้าจะต้องนั่งไปด้วยกันไม่น้อยกว่าสองสามชั่วโมงถ้ารถไม่ติด เพราะงั้นลองบอกมาจริงๆ จังๆ สิว่าเราไปรู้จักมักจี่กันตอนไหน ทำไมอยากได้ผมเป็นบอดีการ์ดให้คุณนัก”

“นี่พี่ศิลาจะไปไหนคะ” หวานใจนึกหาเรื่องมาถ่วงเวลา

“รังสิต ลูกค้าผมอยู่แถวรังสิต ทำไมจะเปลี่ยนใจไม่ไปด้วยกันแล้วเหรอ” ศิลาถามเอื่อยๆ น้ำเสียงไม่บ่งบอกความรู้สึก

“เปล่าหรอกค่ะ แค่ถามดู ความจริงนั่งรถไกลๆ ยังงี้ น่าจะแวะเซเวนซื้อขนมกรุบกรอบมานั่งกินระหว่างทางนะคะ”

“เราไม่ได้ไปนั่งรถเล่นข้ามเมืองเพื่อกินลมชมวิวนะ ผมไปทำงาน”

“ทราบเจ้าค่ะ ก็พูดไปงั้นเองเผื่อหิว”

“จะหิวอะไรมากมาย เราเพิ่งกินไปนะ”

“ก็นั่นแหละ หวานบอกแล้วไงเผื่อหิว”

ศิลาส่ายหน้าอย่างระอา “คุณนี่ก็กินจุเหมือนกันนะหวานใจ เห็นตัวเล็กๆ ผอมบางยังงี้เถอะ บทจะกินเก่งฮิปโปก็ฮิปโปเถอะ”

คนที่ถูกเทียบกับฮิปโปหน้ามุ่ยและแก้มป่องทันควัน “เพี้ยง…ขอให้พี่ศิลามีแฟนเป็นฮิปโปเถอะ”

คนที่ถูกแช่งสะดุ้ง เพราะเจ้าตัวไม่พูดเปล่า แต่ยกมือท่วมหัวด้วย “นี่ถึงกับแช่งกันเลยเหรอ”

คนแช่งหันไปยิ้มแฉ่ง ก่อนว่า “น่า…ถึงจะมีแฟนฮิปโป แต่ฮิปโปคนนี้ก็หาเลี้ยงตัวเองได้ พี่ไม่ต้องกลัวว่าจะเปลืองค่าขนมหรอก”

ศิลาละสายตากลับไปมองถนนเบื้องหน้า ส่ายหน้าอย่างระอาขณะกล่าวว่า “เรานี่ทะเล้นจนออกล้นจริงๆ นะ นี่แหละ…โบราณว่าคบเด็กสร้างบ้าน…”

“คบเด็กสร้างบ้านแล้วเป็นไง พูดให้จบสิ” หวานใจแกล้งทำเสียงโวยวาย

“ก็เป็นเหมือนอย่างเราไง” แล้วเสริมว่า “ขาดๆ เกินๆ ไม่ค่อยเต็มนักหรอก”

“ยี้…งั้นหวานขอแช่งให้พี่มีแฟนเป็นเด็กที่ขาดๆ เกินๆ ไม่ค่อยเต็ม”

บอดีการ์ดหนุ่มทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง ทั่วโหนกแก้มร้อนวูบวาบ เมื่อนัยแห่งคำพูดของอีกฝ่ายหมายความชัดเจนว่าหมายถึงเจ้าตัว แวบหนึ่งศิลาลอบชำเลืองด้วยหางตา พลางสังเกตคนแช่งเงียบๆ ร่างบอบบางที่เขาจำได้แม่นยำว่าเตี้ยกว่าเขาเกือบสองคืบนั้น กำลังนั่งแก้มป่อง เอียงหน้ามาทางเขา ใบหน้าเรียวหวานถูกปีกหมวกเบสบอลบดบังเสียครึ่งหนึ่ง หากกระนั้นเขาก็ยังจดจำถึงเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มนั้นได้ คิ้วหนาได้รูปสวยพาดเหนือตาชั้นเดียว บอกถึงเชื้อสายจีนที่มีอยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลไหม้คมหวาน มักเต้นระยิบระยับเป็นประกายด้วยความขี้เล่น แก้มนวลเนียนสองข้างเป็นสีแดงระเรื่อ และจมูกเล็กแต่โด่งได้รูปสวย รับกับริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูสด เขารู้ว่าเรียวปากคู่นั้น ไม่ได้แตะลิปสติก หากแต่ชุ่มชื่นตามธรรมชาติอย่างคนที่มีสุขภาพดี ริมฝีปากบางราวคันศรพาดเหนือกลีบปากล่างที่อวบอิ่ม และปลายคางเรียวมน

วูบหนึ่ง…ศิลานึกถามใจตัวเองว่าถ้ามีหวานใจเป็นแฟนจริงๆ ชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร หากพลันที่ล่วงรู้ใจตัวเอง ชายหนุ่มก็หน้าแดงก่ำ รีบปัดความคิดตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว

“แอบเหล่หวานแล้วหน้าแดง หมายความว่าไง”

แม่ตัวแสบส่งเสียงประท้วง ศิลาสะกดอาการร้อนวูบวาบที่ยังคงลามเลียทั่วใบหน้า ก่อนตอบว่า “หาความ…ว่าแต่จะเลี่ยง ไม่ยอมตอบคำถามใช่ไหมว่าเราเคยเจอกันยังไง” พูดออกไปแล้ว ศิลาก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ที่เบี่ยงประเด็นออกไปได้

“ตอบสิ…ว่าแต่ว่าพี่ศิลานึกไม่ออกเลยหรือว่าเราเคยเจอกันที่ไหน และเจอกันได้อย่างไร?”

“ไม่…” ศิลาส่ายหน้า “ผมเคยบอกแล้ว ถ้าเคยเจอต้องจำได้ ผู้หญิง…”

“เพี้ยนๆ อย่างคุณ เจอที่ไหนจำไม่ยากหรอก”

ศิลายิ้มเมื่ออีกฝ่ายต่อประโยคเขาได้ทันควัน นึกชมเงียบๆ กับความทันคนและความมีไหวพริบของหญิงสาว

หากทว่าคนที่ได้รับคำชมอยู่ในใจกลับทำหน้าปูเลี่ยน “พี่ศิลาน่ะ จะชมหวานตรงๆ ก็ไม่ได้ ทำมาเป็นอ้อมค้อม”

“จะให้ชมอะไร?” ศิลาหันไปถามยิ้มๆ ดวงตาเต้นระยิบแสดงความขำขันอย่างมาก

“ก็ชมว่าหวานสวยหยาดเยิ้ม มีเอกลักษณ์ของตัวเองจนจดจำได้ง่ายไง”

“นี่แม่คู้น…พูดชมตัวเอง ไม่อายปากบ้างรึไง”

“ไม่อายหรอก ใครๆ ก็ชมหวานยังงี้ทั้งนั้น”

“ใครๆ น่ะ ไหนมีใครบ้าง บอกมาซิ” ตามองถนนแต่ปากต่อความ ไม่รู้ตัวเลยว่าเริ่มสนุกกับการต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวข้างกาย

“ก็เยอะแยะไป มีทั้งทวดแจ่มจิต ยายนงนาถ ป้าดรุณี ป้ากรุณา น้าชมพูนุช แล้วยังจะมีน้าสดศรีและแม่ละอองจิตอีก”

ศิลาส่ายหน้าอย่างระอา เพราะรายชื่อที่ออกจากปากช่างจำนรรจาคู่นั้น มีแต่วงศาคณาญาติทั้งนั้น ริมฝีปากยังติดรอยยิ้มขันระคนเอ็นดูเมื่อเย้าว่า “ขุดญาติมาครบทุกคนรึยัง?” หางตาไม่วายเห็นอีกฝ่ายทำปากยื่น แก้มป่องอย่างสาวแสนงอน เขาก็แหย่ต่อว่า “เห็นเราพูดถึงแต่ญาติฝ่ายแม่ ไม่เห็นพูดถึงพ่อบ้างเลย ทำไมรักแม่มากกว่าพ่อรึไง?”

ใบหน้าสวยสลดวูบและเจ้าตัวรีบเบือนหน้ากลับไปมองถนนทันที

ศิลาทันเห็นภาพนั้น ใบหน้าเขาเปลี่ยนสีนิดหนึ่งขณะถามว่า “มีอะไรเหรอ” น้ำเสียงแสดงความห่วงใยโดยไม่รู้ตัว

“ไม่มีอะไรสลักสำคัญหรอกค่ะ หวานก็แค่ไม่มีพ่อ เขาทิ้งพวกเราไปตั้งแต่หวานยังเล็กๆ เพราะงั้นหวานเลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรถึงเขาดี” เจ้าตัวจบประโยคด้วยการหันมายิ้มแฉ่งให้เขา ไม่เหลือเค้าสาวนัยน์ตาเศร้าที่ศิลาลอบเห็นวูบหนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะเบือนหน้าไปมองถนน

บอดีการ์ดหนุ่มยังคงมองสาวข้างกายอย่างคาดไม่ถึง หวานใจสดใสร่าเริงเกินกว่าจะถูกจัดอยู่ในข่ายเด็กบ้านแตกหรือขาดความอบอุ่นอะไรเทือกนั้น เพราะเธอช่างจ้อและยิ้มหัวกับเขาตลอดเวลา ไม่มีเค้าของคนอมทุกข์หรือสาวอมโศกแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าสลดสักนิด

“แต่คุณดูไม่เหมือนคนที่มาจากครอบครัวแตกแยกเลย สดใสร่าเริงเสียจน…” ศิลาชะงักคำว่า ‘ออกจะล้นๆ’ ได้ทัน เมื่อเห็นนัยน์ตาสวยทำท่าตวัดตาค้อนกลับมา ศิลาเสริมต่อด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ว่า “ดูไม่ออกด้วยซ้ำ นี่ถ้าไม่บอก ผมต้องนึกว่าคุณมาจากครอบครัวที่อบอุ่นและมีความรักให้อย่างล้นเหลือแน่”

หวานใจยิ้มเพลียๆ ให้เขา “ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ไม่อยากรู้แล้วหรือคะว่าเราเคยเจอกันได้อย่างไร” หญิงสาวพยายามเปลี่ยนเรื่อง

ศิลาเบือนหน้ากลับมามองอย่างรู้ทัน มุมปากกดลึก แต่ไม่พูดอะไร เอ่ยเพียงว่า “อยากรู้สิ ผมรอคำตอบอยู่ ยังนึกสงสัยว่าเราเจอกันได้อย่างไร”

“นึกไม่ออกเลยใช่ไหม?”

“ไม่…ไม่แม้แต่จะคุ้น” ศิลาตอบรับอีกฝ่ายเบาๆ “ผมอยากจะเชื่อมั่นว่าเราไม่เคยเจอกัน ปกติผมเป็นคนจำคนแม่น เพราะอาชีพบอดีการ์ดอย่างผม คุณสมบัติแรกที่จะทำให้เอาตัวรอดจากความตายได้ คือ การจดจำรายละเอียดผู้คน แต่ผู้หญิงอย่างคุณ…” เขาปรายตามองตรงๆ ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า พลางว่า “อย่าว่าอย่างโง้นอย่างงี้เลยนะ แต่คุณเป็นคนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เพราะงั้นถ้าผมเคยเจอครั้งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจำไม่ได้เมื่อเจออีกครั้ง”

“ช่างน่าปลาบปลื้มจริง ว่าแต่เอกลักษณ์ที่พี่ว่า คงไม่ใช่ ‘เพี้ยนๆ รึไม่ก็ล้นๆ’ หรอกใช่ไหม?” แสร้งเอาคำเขามาดักคอ

ศิลาทำหน้าพิลึก เขาปรายตาไปมองหญิงสาว นึกเก็งใจอีกฝ่ายไม่ถูกว่าจะออกหัวออกก้อยถ้าบอกออกไปตรงๆ เพราะครั้งสุดท้ายที่ใช้คำนั้น ชายหนุ่มจำได้ว่าแม่ตัวแสบตอบโต้กลับมาด้วยการพุ่งตัวเข้ามาทุบต้นแขนเขา ชั่งใจแล้วว่าเพื่อสวัสดิภาพทั้งของตัวเองและของหญิงสาว เขาน่าจะใช้ความเงียบเป็นหนทางที่ปลอดภัยที่สุด

หวานใจมองท่าชายตามามองก่อนจะเบือนกลับโดยไม่พูดไม่จาสักคำนั้น ด้วยแววตาขำๆ มีความขี้เล่นอย่างมากฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่งามสีน้ำตาลเข้มเมื่อเย้าว่า “อยากว่าหวานเสียเต็มประดา แต่ไม่กล้าล่ะซี่ ว่าไปเถอะอยากว่าอะไรก็ว่าไป หวานไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก”

ศิลากระตุกมุมปาก แต่ยังคงสงวนท่าที “พูดเองเออเองทุกอย่าง แล้วนี่เมื่อไรจะวกเข้าเรื่องสักทีแม่จอมแชเชือน”

‘แม่จอมแชเชือน’ หัวเราะก๊ากใหญ่ ไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำต่อว่านั้น เธอพูดว่า “โอเคๆ” ทำเสียงหยวนๆ ก่อนเสริมว่า “เจ็ดปีก่อน…เราเจอกันที่เมืองไทย หวานกำลังเรียนปีที่สอง ส่วนพี่…”

“เดี๋ยวๆ” ศิลาจงใจเบรกขึ้น “คุณพูดผิดแล้วหวานใจ เจ็ดปีก่อน เป็นช่วงที่ผมทำงานอยู่ที่อเมริกาและยังศึกษาต่อที่นั่นอีกสองปีกว่าจะกลับมาเมืองไทย เพิ่งห้าปีก่อนนี่เองที่ผมบินกลับมาช่วยงานของครอบครัว”

ยี้…พี่ศิลาต่างหากที่จำผิด ตอนที่พี่เป็นบอดีการ์ดอยู่ที่อเมริกาน่ะ จำได้ไหมมีอยู่ปีหนึ่งที่พี่ต้องตามมาอารักขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของอเมริกาที่เดินทางมาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยในเมืองไทย”

“รัฐมนตรีมาร์กาเร็ต เธอเดินทางมาเจรจาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย… ในโอกาสที่เดินทางมาเป็นราชอาคันตุกะ” ศิลาต่อประโยคของหญิงสาว

หวานใจพยักหน้า สีหน้าปรีดาราวกับผู้กำชัยชนะ “พี่ศิลาจำได้แล้ว เย้…”

ศิลามองท่วงท่าดีใจของหวานใจแล้วกลอกตาไปมาด้วยความอ่อนใจ เพราะท่าทีของเจ้าตัวไม่ต่างจากเด็กเล็ก นี่ถ้าชูมือเฮ ประกอบด้วยอีกสักหน่อย เขาเป็นต้องคิดว่ามีลูกสาววัยห้าขวบติดรถมาด้วยแน่ แทนที่จะเป็นสาวสะพรั่งอย่างนี้

“เราเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย…เหรอ?” เขาเอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวท่าพระจันทร์

“ใช่ค่ะ…หวานเรียนอยู่ที่นั่น ตอนที่เราเจอกัน หวานอายุสิบแปดปี เรียนอยู่ชั้นปีสอง ส่วนพี่ศิลาอายุยี่สิบห้า การเดินทางมาคุ้มกันรัฐมนตรีมาร์กาเร็ตที่เมืองไทย ถือเป็นการปฏิบัติงานนอกประเทศอเมริกาเป็นครั้งแรกของพี่”

“เดี๋ยวๆ รู้ได้ไงว่าเป็นงานแรกของพี่ เอ้อ…ของผม” ศิลาเผลอไผลแทนตัวเองว่าพี่ การฟังเธอพูดต่อยหอยโดยแทนตัวเองว่าหวาน และเรียกเขาว่าพี่ ก็เพลินดีและมันเริ่มทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว ศิลาฟังว่าน่ารักดี ชายหนุ่มไม่เคยมีน้องสาว การมีทอมบอยหน้าหวานอย่างหวานใจมาเป็นน้องสาว ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนัก…อาจไม่ใช่น้องสาวเสียทีเดียว แต่การแทนตัวเองว่าหวานและเรียกเขาว่าพี่ ก็ฟังดูเข้าทีเหมือนกัน ศิลานึกแก้คำพูดตัวเองในใจ

“คำว่าพี่นั่นแหละดีแล้ว…ฟังเข้าท่ากว่าผมเป็นกอง” เอียงคอ เสนอความเห็น

“ขอบคุณ แต่ผมไม่ต้องการความเห็น”

“ยี้…วางท่าชะมัด ถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นเขาเรียกว่าเต๊ะจุ๊ยรู้มั้ย? แต่ถ้าเป็นรุ่นเดอะอย่างพี่ศิลา เขาเรียกว่าขี้เก๊ก”

ศิลาหันมาตีหน้ายักษ์ ทำเสียงฮึ่ม “และถ้าเรายังว่าพี่อีกคำเดียว ภาษารุ่นเราเรียกว่าหักคอ แต่ภาษารุ่นพี่เขาเรียกว่ากำราบรู้มั้ย?”

หวานใจหัวเราะชอบใจ เธอผวาเข้าไปสีข้างแก้มกับต้นแขนเขา ท่วงท่าปะเหลาะเอาใจไม่ต่างจากแมวอ้อนผู้เป็นเจ้าของ “พี่ศิลาน่ารักจัง…เล่นกับหวานด้วย ขอบคุณนะคะที่แทนตัวเองว่าพี่ พี่ศิลาน่ารักอย่างงี้ สาวๆ จะไม่หลงได้ไงเนอะ…เนอะ”

รถเอียงวูบและตกไหล่ทางในเสี้ยววินาทีถัดมา ซึ่งเป็นผลมาจากท่วงท่าประจบของหญิงสาว ศิลาบังคับพวงมาลัยกลับคืนสู่เลนปกติแล้ว จึงหันมาทำเสียงดุ “เล่นอะไรน่ะ เดี๋ยวรถก็แฉลบชนกับรถคันอื่นหรอก” ต้นแขนยังร้อนวูบวาบไม่หายกับการที่พวงแก้มนุ่มแนบเสียดสีไปกับต้นแขนเขา รู้สึกราวกับมีประกายไฟส่งผ่านจากแก้มหญิงสาวมายังแขนเขา ก่อนจะพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจจนเกิดอาการเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ

ศิลารู้สึกร้อนผ่าวทั่วใบหน้าและต้นคอยังรู้สึกได้ถึงขนเส้นเล็กๆ ที่ลุกตั้งชัน เขาไม่รู้ว่าอาการราวกับไฟฟ้าช็อตเมื่อครู่เกิดขึ้นกับหวานใจด้วยหรือไม่ เพราะบัดนี้เจ้าตัวผละไปนั่งที่ประจำของตัวเองและหัวเราะร่าด้วยท่าทางปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คุณพระ…ศิลาร้องอุทานอื้ออึงในใจอย่างไม่เป็นศัพท์ เขาเข้าใจคำพูดหญิงสาวก่อนหน้านี้แล้วที่ว่า พี่ศิลารู้ไหมว่าตัวเองมีกระแสไฟฟ้า และตอนนี้มันกำลังวิ่งผ่านจากมือพี่มาสู่ตัวหวาน

เขาเข้าใจความหมายประโยคนั้นแล้ว ด้วยตอนนี้เขากำลังรู้สึกไม่แตกต่างกัน








Create Date : 04 ตุลาคม 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:17:24 น.
Counter : 395 Pageviews.

5 comments
  
หวัดดียามค่ำคืนของคืนวันอาทิตย์ย่างวันจันทร์ค่ะ

คุณหนูเก๋ : หวัดดีค่ะคุณหนูเก๋ ขอซาวด์เสียงนะคะ ถ้ามอบเรื่องอริฯ เป็นของรางวัลแทนเดิมพันฯ ซึ่งตอนนี้แนวโน้มดูท่าจะตีพิมพ์ก่อนเดิมพันฯ แน่ๆ คุณหนูเก๋จะว่าอะไรไหมคะ? เด๋วจะลองซาวด์เสียงคนอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลจากเรื่องเดิมพันฯ อีกที แต่ยังไง…เรื่องเดิมพันฯ อุ๋ยก็ยังไม่หมดหวังนะคะ (แม้จะริบหรี่ >_<) ยังคงรอลุ้นฟังผลจากบก.ท่านหนึ่งอยู่ จะยังไงรอรับเรื่องนั้นก็ได้ค่ะ หรือว่ารับเรื่องนี้ก่อน เรื่องนั้นก็ค่อยว่ากันอีกทีตอนตีพิมพ์…แสดงความเห็นได้เต็มที่เลยค่ะ ^^ // แหะๆ แปลว่าพ่อพระเอกเราหลงรูปนะคะเนี่ย… >_< เชียร์ให้ตัดเลยค่ะ ตัดแล้วมาโชว์รูปกันบ้างน้า ^^

คุณนิว : สวัสดีค่ะคุณนิว..ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับกำลังใจและคำอวยพร อุ๋ยแจ้งแม่แล้ว ท่านฝากขอบคุณคุณนิวรวมถึงทุกคนด้วยค่ะ…// ขอบคุณอีกครั้งค่ะสำหรับคำอวยพรเรื่องหนังสือ เรื่องเดิมพันรักฯ ติดเรื่องความยาวน่ะค่ะคุณนิว เลยเป็นปัญหาอย่างมาก เป็นเรื่องที่อุ๋ยเขียนยาวที่สุดในบรรดาทุกเรื่องที่ผ่านมา แถมมาเขียนในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังตกสะเก็ดด้วย เลยเกิดปัญหาเล็กน้อยถึงปานกลาง >_< //คุณนิวสนใจเกมชิงหนังสือเรื่องอริฯ ไหมคะ เดี๋ยวเร็วๆ นี้อุ๋ยจะมาแจ้งกฎกติกาการเล่นนะคะ ^^

น้องเดล : ขอบคุณน้องเดลมากๆ ค่ะ พี่ก็เป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงนี้ไปได้นะคะ … อารมณ์ประมาณน้องเดล พี่เป็นบ่อยเลยค่ะ อาศัยการเล่นเกม ทำอะไรตามเรื่องตามราว เดี๋ยวก็จะกลับมามีอารมณ์อยากปั่นอีกรอบ สู้ๆนะคะน้องรัก จุ๊บๆค่ะ

คุณอเสวนา : ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันค่ะ

คุณเอ๋ : หวัดดีค่ะคุณเอ๋…ขอบคุณมากๆๆ ค่ะสำหรับกำลังใจ คุณแม่ฝากขอบคุณคุณเอ๋มาด้วยค่ะ เรื่องเดิมพันรักฯ คุณเอ๋ได้รับรางวัลชิงหนังสือจากอุ๋ยไหมคะ ถ้าไม่ได้ยังไง เดี๋ยวรอเกมจากเรื่องอริฯ นะคะ อุ๋ยมีให้เล่นในเร็วๆ นี้ค่ะ // ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำอวยพร ใจอุ๋ยก็อยากให้ตีพิมพ์เร็วๆ >_<

น้องมิ้ว : ขอบคุณน้องมิ้วมากๆ ค่ะสำหรับบรูฟในทุกตอนที่ผ่านมา… นานๆ จะเจอพระเอกขี้อายหน้าแดง >_< แหะๆ…พี่เข้าใจว่าเป็นความเห็นกึ่งชมป่าวคะ แหะๆ เพี้ยง ขอให้ใช่ >_< // เช่นเคยนะคะ ถ้าได้ตีพิมพ์ เพื่อตอบแทนความน่ารัก พี่จะจัดส่งเรื่องอริฯให้นะคะ

น้องลัด : หวัดดีจ้าน้องลัด…. ช่ายค่ะ ช่วงนี้ลงเร็วมากๆ // ใช่ค่ะ ใกล้ทลายกำแพงได้ล่ะ เดี๋ยวก็ถึงฉากเลือดกำเดาไหลของน้องลัด >_< เร็วๆ นี้ค่ะ แหะๆ ป.ล.เดี๋ยวเร็วๆ นี้จะมีเกมชิงหนังสือเรื่องอรินะคะ ^^

คุณศิลป์ใจ : ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยม ชอบนามปากกามาเลยค่ะ เพราะจัง

คุณกรีนที : ขอบคุณมากๆๆ ค่ะพี่กรีนที ๆ มีส่วนช่วยให้หนังสือจบสมบูรณ์อย่างมาก ขอตอบแทนด้วยหนังสือเหมือนเช่นเคยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^ // กร๊าก…ยั่วยุ พี่กรีนทีใจร้าย >_<

ต้นข้าว : ขอบคุณผู้มีพระคุณอีกท่านค่ะ นิยายทุกเรื่องข้าวมีส่วนช่วยอย่างมากๆ จุ๊บๆๆ ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอมาค่ะ….//ขอบคุณเรื่องแม่ ขอบคุณเรื่องหนังสือ และคำอวยพรนะคะ จุ๊บๆๆ และขอให้นิยายข้าวตีพิมพ์หลายๆ รอบเช่นกันค่ะ ^^

คุณ อัญ : สวัสดีค่ะคุณอัญ…คุณอัญ สนใจรับเรื่องอริ เป็นรางวัล แทนเรื่องเดิมพันไหมคะ เพราะเรื่องนั้นแนวโน้มคงได้ตีพิมพ์หลังอริแน่เลย..// เพิ่งทราบเรื่องเปลี่ยนงานใหม่ ตอนนี้คุณอัญได้งานอะไรเอ่ย…อย่างไรก็ขอให้สนุกกับการทำงานนะคะ ป.ล. ถึงว่าหายไปหลายวัน คิดถึงเมนท์ของคุณอัญมากๆ เลยค่ะ พูดน้อยแต่ต่อยหนัก จนเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว >_<
โดย: คณิตยา วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:23:42:37 น.
  
เอ่อ กลัวว่าตัดแล้วจะสวยเกินหวานใจค่ะ ฮ่า ๆ ยังตัดใจตัดผมสั้นไม่ได้เลย กลัวหน้าเด๋อ แบบว่า ตั้งแต่ไว้ยาวก็ไม่เคยตัดสั้นอีกเลย

อืม เรื่องที่คุณอุ๋ยจะส่งให้ใช่ไม๊คะ แล้วแต่คุณอุ๋ยสะดวกค่ะ หนูเก๋ได้ทั้งนั้นค่ะ ว่าแต่งานหนังสือปีนี้มีเล่มไหนออก แล้วคุณอุ๋ยไปหรือเปล่าคะ เผื่อจะเอาหนังสือไปให้เซ็นต์ อิอิ
โดย: หนูเก๋ วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:9:03:38 น.
  
ศิลาเริ่มมีไฟแล้ว spark แปล๊บๆๆ :)
โดย: นิว IP: 61.213.181.82 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:13:14:06 น.
  
ไม่ได้รับรางวัลเรื่องเดิมพันรักฯค่ะ แต่จะรอเล่นเกมชิงเรื่องอริฯด้วยคนนะคะ อิอิ

เมื่อไหร่พี่ศิลาจะยอมรับตัวเองซะทีน๊า ใจอ่อนยวบแล้วแต่ยังปากแข็งอยู่ ปากแข็งสมชื่อเลยค่ะ อันนี้เป็นที่มาของชื่อศิลารึเปล่าคะคุณอุ๋ย 555+

โดย: pantan IP: 58.9.15.235 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:13:27:34 น.
  
นางเอกน่ารักจัง แล้วพี่ศิลาจะใจแข็งได้ไง
ใกล้ฉากเลือดกำเดาไหลแล้วชอบ ๆ อิ อิ

ขอบคุณพี่อุ๋ยคร๊าบเรื่องเกมไม่มีพลาดอยู่แล้ว สู้ ๆ คร๊าบ อิ อิ
โดย: laddaler IP: 203.170.19.2 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:16:39:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments