Group Blog
ทางสายหมอก...บท 1
lozocatlozocat

ลมหนาวจากภายนอกพัดเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมหรู ใจกลางเมืองหลวงอเมริกา ทำให้นิตยสารชื่อดังของอเมริกาฉบับหนึ่งหล่นจากชั้นวางหนังสือลงไปเอียงกะเท่เร่บนพื้นพรม ปกหน้าของนิตยสารฉบับนั้นเป็นภาพคฤหาสน์ทรงยุโรป แต่สีกระดาษค่อนข้างเหลืองเพราะเก่าเก็บมาหลายปีแต่ยังคงอยู่ในสภาพดีเพราะผู้เป็นเจ้าของเก็บอย่างทะนุถนอม ริมบนด้านขวาเป็นพื้นนูนไฮไลท์เป็นภาษาอังกฤษว่าสัมภาษณ์ไลฟ์สไตล์นักโฆษณาหนุ่มไทย เจ้าของฉายาผู้ล่ารางวัลตัวยง

วินาทีถัดมาลมหนาวพัดกระหน่ำเข้ามาอีกระลอกทำให้นิตยสารปักษ์นั้นพลิกหน้าไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่กึ่งกลางเล่ม ด้านบนสุดโปรยหัวว่า ‘ลักกี้อินเกม ลักกี้อินเลิฟ’ ถัดมาเป็นภาพชายหนุ่มผิวเข้ม ถ่ายครึ่งตัวในชุดสูท ชูถ้วยรางวัล ‘โฆษณาดีเด่นระดับนานาชาติ’

บทสัมภาษณ์บรรยายว่าเจ้าของใบหน้าคมคาย ความสูงร้อยแปดสิบสามเซนติเมตรผู้นี้คือหนุ่มลูกครึ่งไทย-บราซิล อายุยี่สิบแปดปี ผู้คว้าโล่รางวัลโฆษณาดีเด่นระดับนานาชาติติดต่อกันเป็นปีที่สอง เส้นทางล่ารางวัลของหนุ่มคมคายผู้นี้คุ้นเคยผู้คนในแวดวงโฆษณาดีด้วยคร่ำหวอดมานาน แต่ชีวิตครอบครัวนั้นยากนักจะมีใครล่วงรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว นิตยสารจึงได้สัมภาษณ์เขาในโอกาสที่เดินทางมารับรางวัลที่อเมริกาในทุกแง่มุมดังนี้

‘ไม่มีใครรู้ว่าคุณแต่งงานแล้ว?’

‘ผมไม่เคยปิดบังเรื่องส่วนตัว แต่งงานมาได้ปีกว่าแล้ว’

‘ทราบมาว่าภรรยาเป็นนางแบบ?’

‘ครับ เธอเป็นนางแบบแคทวอล์คชาวไทย’

‘เธอคงสวยมาก? ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถมัดใจคุณได้’

‘ยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก’

‘รู้จักได้ไงครับ? แล้วประทับใจเธอที่ตรงไหนถึงได้แต่งงานด้วย’

‘เธอเป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยครับ เรารู้จักกันมา 6-7 ปีแล้ว ผมประทับใจตรงที่เธอเป็นคนรักเดียวใจเดียว เสมอต้นเสมอปลายและดูแลเอาใจใส่ดี จึงได้ตกลงใจแต่งงานด้วย ทุกวันนี้ยอมรับว่ามีความสุขกับชีวิตครอบครัวมาก เธอเป็นเหมือนแสงสว่างของชีวิต เวลาทำงานเหนื่อยๆ กลับมาบ้านเจอเธอคอยดูแลเอาใจใส่ ผมรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เวลานี้รอแค่ว่าเมื่อไหร่เธอจะใจอ่อนยอมให้ทายาทกับผมสักที’


“ไม่!”

พันไมล์ตะโกนก้อง ร่างทั้งร่างสะดุ้งเยือก ผุดลุกนั่ง ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยกมือเสยผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อที่หล่นปรกหน้าให้กลับที่เดิม มองไปรอบเต็นท์ แสงจากดวงจันทร์ลอดเข้ามาในเต็นท์ส่องให้เห็นเพื่อนหญิงชาวอินเดีย 7 คนยังคงหลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่ม

ขอบคุณพระเจ้าที่แค่ฝันร้าย.. พันไมล์กระซิบแผ่วเบา แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจยาว นึกดีใจว่าเสียงตะโกนของเธอไม่ทำลายนิทรารมณ์ของเพื่อนๆ

เพราะเอียนทีเดียว ทำให้เธอกลับมาฝันถึงเขา.. พันไมล์นึกอย่างไม่ชอบใจนัก พานนึกโทษหนุ่มอินเดียเพื่อนร่วมคณะผู้นั้นที่เป็นต้นเหตุให้เธอไพล่ไปคิดถึงเขา ก็หน้าเขาเหมือนกับหนุ่มลูกครึ่งไทย-บราซิลผู้นั้นราวกับแกะจนทำให้เธอเก็บมาฝัน

และเป็นฝันร้าย..ที่เธอไม่ได้นึกถึงมาหลายปีแล้ว

พันไมล์ หรือชื่อฝรั่ง ‘เมล่า มิทเทลโฮลเซอร์’ เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 26 ปี เธอเป็นคอลัมนิสต์ของนิตยสารสารคดีกึ่งท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของอเมริกา ชอบใช้วันหยุดพักร้อนกับการแบกเป้เดินขึ้นเขาซึ่งเป็นกิจกรรมที่เธอทำบ่อยในเวลาที่มีเวลาว่างหรือวันหยุดยาวๆ

เธอชื่นชอบกิจกรรมประเภทนี้นับตั้งแต่ก้าวไปเป็นพนักงานเต็มขั้นของนิตยสารสารคดีแห่งนี้เมื่อ 3 ปีก่อน แล้วบก.มอบหมายให้ไปทำสารคดีเดินเขาที่ The Valley of Flowers-Hemkund บนเทือกเขาหิมาลัย ฝั่งประเทศอินเดีย แล้วรู้สึกติดใจ จนทำให้มีช่วงวันหยุดใดยาวๆ อดจะมาใช้ที่นี่ไม่ได้

Hemkund เป็นชื่อในภาษาฮินดู หมายถึงทะเลสาบหิมะ สถานที่แห่งนี้มีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายที่ด้วยกัน นอกจากจะมีทะเลสาบน้ำแข็งบนความสูง 13,654 ฟุตแล้ว ยังมีหุบเขาดอกไม้ บนความสูง 12,035-13,035 ฟุต จัดเป็นหุบเขาดอกไม้ที่แวดล้อมไปด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า Ghoradhungi ถัดจากหุบเขาดอกไม้ก็เป็นลำธาร บางเวลาจะเห็นดอกไม้ลอยมาตามน้ำ คนฮินดูจึงเรียกลำธารแห่งนี้ว่า the Pushpawati stream ซึ่งหมายถึงดอกไม้ในภาษาฮินดู นอกจากนี้ยังมีวัด Shri Badri Vishal สถานที่สักการะของชาวฮินดูอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นจุดดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว

สำหรับปีนี้พันไมล์เลือกมาเดินเขาที่ Sar Pass ซึ่งภาษาฮินดูหมายถึงหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ซาพาสตั้งอยู่บนหุบเขาปาวาตีบนเทือกเขาหิมาลัย(1) ฝั่งรัฐ Himachal Pradesh ประเทศอินเดีย จุดสูงสุดของ Sar Pass สูงถึง 13,800 ฟุต ถือว่าสูงกว่าดอยอินทนนท์เกือบเท่าตัวเพราะสูงเพียง 8,361 ฟุตเท่านั้น

เส้นทางเดินเขาซาพาสหรือ The Sar Pass Trail จัดโดยสมาคมบ้านเยาวชนแห่งประเทศอินเดีย ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม เส้นทางนี้จะใช้เวลาเดินทางถึง 11 วัน นอกจากนี้ก็จะมีเส้นทาง Malana Kiksa Yankar Pass Trail ใช้เวลาเดินทาง 11 วัน และเส้นทาง Har Ki Doon Trail ใช้เวลาเดินทาง 14 วัน (2)

พันไมล์จ่ายเงินเพียง 1,900 รูปี(3) ก็สามารถเข้าร่วมโครงการเดินเขาเส้นทางซาพาสกับสมาคมบ้านเยาวชนฯ ได้ โดยทางเจ้าภาพจะจัดเบสแคมป์ในทุกระดับความสูงที่สูงเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 500-1,000 ฟุตเพื่อให้ร่างกายหยุดพักเพื่อปรับกับสภาวะความกดอากาศ แต่ละเบสแคมป์จะมีเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้มาเป็นอาสาสมัครคอยดูแลความเรียบร้อยและจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์นอนและข้าวปลาอาหาร แคมป์ไหนที่หนาวจัด จะมีถุงนอนเตรียมไว้ให้ด้วย เต็นท์นอนจะแยกหญิงชายคนละฟาก และแต่ละเบสแคมป์จะเปลี่ยนชื่อไปตามชื่อหมู่บ้านละแวกนั้น

เส้นทางซาพาส มีจุดเริ่มต้นที่หมู่บ้าน Kasol ก่อนจะมาถึง Base Camp Kasol ซึ่งตั้งอยู่บนความสูง 5,200 ฟุตนั้น จะต้องนั่งรถจากเมืองเดลีมายังเมือง Kullu หนึ่งคืนเต็มๆ จากนั้นจึงเดินแบกเป้ขึ้นหมู่บ้าน Kasol เพื่อมายังแคมป์


พันไมล์เหลียวมองนาฬิกาปลุกข้างหมอนที่เธอนำติดตัวมาจากอเมริกา พบว่าเป็นเวลาตีสี่แล้ว จัดการผลักผ้าห่มออกจากตัวเมื่อรู้สึกว่าต่อให้ฝืนตาหลับอย่างไรก็ไม่เป็นผล หญิงสาวพับผ้าห่มวางบนหมอน ฉวยผ้าขนหนู เสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำออกจากเป้ ถือเข้าห้องน้ำ แม้อากาศจะหนาวเหน็บด้วยอุณหภูมิ 7-8 องศา แต่เธอจำเป็นต้องอาบน้ำ ด้วยต้องซักชุดชั้นใน เพราะ 9 วันบนเทือกเขาหิมาลัยจากนี้เธอจะไม่มีโอกาสได้ซักอีกเลย

ออกจากเต็นท์แล้วต้องห้อไหล่เมื่อลมหนาวกรูมาปะทะผิวกายจนสั่นไหว แสงสลัวจากดวงจันทร์ผสมกับแสงไฟจากหลอดนีนอนที่เปิดตามจุดสำคัญๆ ของแคมป์ ส่องให้เห็นเต็นท์หลังใหญ่นับสิบหลังกระจายอยู่ทั่ว โดยแบ่งแยกเต็นท์ชายหญิงให้นอนคนละฟาก

น้ำในอ่างเก็บน้ำเย็นจัดราวกับมีใครเอาก้อนน้ำแข็งมาทิ้งไว้ พันไมล์แข็งใจตักน้ำราดตัว ขนลุกซู่เพราะเย็นจนชา รีบทำความสะอาดร่างกายแล้วซักชุดชั้นใน ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วสาวเท้าออกมาทันที ระหว่างทางที่เดินกลับไปยังเต็นท์ พบว่าไฟนีนอนถูกดับลงและแทนที่ด้วยแสงจากดวงอาทิตย์ยามเช้า ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นบ้าง จากหางตาเธอเห็นเจ้าหน้าที่ชาวอินเดียเดินถือกา Bed Tea แจกจ่ายไปตามเต็นท์

“ไจ(4) ครับ..ไจครับ” เสียงชายสูงวัยใบหน้าใจดีร้องบอกคณะเดินเขาในแต่ละเต็นท์ แต่ละคนลุกพรึบพรับถือแก้วโผล่ศีรษะออกมานอกเต็นท์คอยรับไจ พันไมล์เดินเข้าไปในเต็นท์ตัวเอง เห็นเพื่อนยังขดตัวใต้ผ้าห่มแต่มือถือแก้ว ก็เปิดยิ้มขำ

“ไม่หนาวหรือเมล่า อาบน้ำแต่เช้า” อินทราเพื่อนชาวอินเดียเปิดเปลือกตาขึ้นมอง แล้วหลับตาต่อ

“นอนไม่หลับ ก็เลยไปซักผ้า”

“นับถือจริงๆ เมล่า หนาวขนาดนี้ยังตื่นมาซัก” สิกขาเพื่อนชาวอินเดียอีกคนเสริมขึ้น

“ไจร้อนๆ ครับ” เสียงชายอินเดียเดินมาถึงหน้าเต็นท์ ทำให้พวกเธอหยุดสนทนากันแค่นั้น ต่างยื่นแก้วของตัวเองไปรับไจ ควันพวยพุ่งออกจากกา สะท้อนว่าร้อนจัด

“มิส” ชายอินเดียเอ่ยขึ้นโดยไม่เจาะจงว่าพูดกับใคร “อย่าทำผิดกฎนะครับ เมื่อวานฝรั่งถูกไล่ไปทีแล้วหลังถูกจับได้ว่าลอบสูบบุหรี่”

แล้วชายอินเดียก็ท่องกฎของที่นี่จนพันไมล์จำได้จนขึ้นใจแล้ว เทือกเขาหิมาลัยเป็นที่สักการะของพวกเขา เปรียบเหมือนแดนสวรรค์ของพระเจ้า เพราะฉะนั้นห้ามก่อกองไฟ ห้ามเหยียบพืชพรรณธัญญาหาร ห้ามเด็ดพืช ห้ามดื่มแอลกอฮอล์เสพของมึนเมาทุกชนิด ห้ามหญิงเข้าเต็นท์ชาย ชายเข้าเต็นท์หญิง ห้ามสวมกางเกงขาสั้น และอื่นๆ

พันไมล์มองตามหลังชายอินเดีย ด้วยหลังจากรินไจและท่องกฎให้พวกเธอฟังแล้ว เขาก็เดินจากไปยังเต็นท์อื่นๆ เธอละกลับมามองแก้วอลูมิเนียมของตัวเองด้วยอาการเหม่อลอย ไจส่งกลิ่นหอมกรุ่นแต่เจ้าตัวกลับไม่มีทีท่าจะยกขึ้นจิบ ด้วยเวลานี้ใจล่องลอยไปไกลแสนไกล..ยังคนในเมืองไทย

กว่าจะรู้ตัวว่าคิดอะไรอยู่...ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว!


ภาพหนุ่มลูกครึ่งไทย-บราซิลใบหน้าคมคายผิวสีแทน เจ้าของความสูงกว่า 180 เซนติเมตร กำลังเล่นฟุตบอลอยู่กลางสนามหญ้าหน้าตึกวารสารศาสตร์ฯ ทำให้เด็กสาวชะงัก เจ้าตัวถักเปียสองข้าง สวมแว่นตาหนาเตอะ กระโปรงยาวกรอมเท้าดูไม่ต่างกับตุ๊กตาที่ถูกจับสวมด้วยเสื้อผ้าที่ไม่พอดีตัว

พันไมล์หรือฉายาที่เหล่าผองเพื่อนนักศึกษาชายหญิงตั้งฉายาให้ลับหลัง ‘คุณหนูไฮโซเฉิ่มเบอะ’ อยู่ในวัยสิบเจ็ดปี เดินไปหยุดยืนใต้ต้นยูงทอง เพ่งมองตรงไปยังกลางสนามหญ้าอย่างสนใจ เดิมทีเจ้าตัวคิดจะเดินไปอ่านหนังสือยังห้องสมุดชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่คนไร้เพื่อนอย่างหล่อนมักทำยามว่าง แต่ภาพที่ ‘เดือนคณะ’ กลับมาซ้อมฟุตบอลบ่ายวันนี้ทำให้เธอเขม้นตามองอย่างสนใจ

ด้วยเขาห่างหายจากการซ้อมฟุตบอลไปหลายวันแล้ว เนื่องจากไม่สบาย.. สาวหลายคนพูดกันปากต่อปากมาว่าอย่างนั้น

พันไมล์เฝ้ามองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่รู้เบื่อ มองได้พักใหญ่ๆ ก็ต้องชะงักตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสนามหญ้ากำลังหยุดเตะบอล และหันมาจ้องมองเธอเป็นตาเดียวกัน ใบหน้าเด็กสาวร้อนซู่รีบก้มหน้งุด เดินไปยังห้องสมุดชั้นใต้ดิน คงปล่อยให้พวกหนุ่มๆ จับกลุ่มพูดถึงตัวเองโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว เข้ามาในตึกได้เธอก็หยิบหนังสือกฎหมายระหว่างประเทศบนชั้นสอง ถือติดมือลงไปยังชั้นล่างด้วย ชั้นนี้นักศึกษาไม่ค่อยมาใช้บริการนักด้วยเหตุที่อยู่ชั้นล่างสุดจึงทำให้อากาศค่อนข้างอับชื้น ถ่ายเทน้อย

เด็กสาวอ่านหนังสือเตรียมสอบได้ครู่หนึ่งก็เริ่มรู้สึกง่วง เผลอผล็อยหลับไปไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็พบว่ามุมชั้นวางหนังสือไม่ห่างจากจุดที่เธอฟุบหลับอยู่ มีหญิงชายคู่หนึ่งกำลังยืนพลอดรักกันอยู่

อันที่จริงไม่ใช่แค่พลอดรักเท่านั้น หากแต่เป็นการกอดจูบกันต่างหาก!

พระเจ้า.. พันไมล์อุทานแล้วรีบยกมืออุดปากเมื่อพบว่าผู้ชายที่กำลังยืนก้มหน้าไซ้ซอกคอเด็กสาวอยู่นั้นคือหนุ่มลูกครึ่งไทย-บราซิลผู้ที่เธอแอบปลื้ม ส่วนผู้หญิงในอ้อมกอดเขาเป็นรุ่นน้องของคณะคนหนึ่ง เธอจำได้ดีว่าเจ้าหล่อนคลั่งไคล้เขาอย่างหนัก แต่ยังไงก็เถอะไม่ใช่ลูกสาวนายธนาคารผู้เป็นแฟนเขาอยู่ดี!

ภาพเบื้องหน้าทำให้พันไมล์ใจกระตุกวูบด้วยความรู้สึกผิดหวังคละเคล้ากับความละอายและอดสูแทนพวกเขา ขยับลุกจากเก้าอี้เงอะงะจนมือฟาดไปโดนหนังสือบนโต๊ะ ทำให้สองหนุ่มสาวหันมามอง พันไมล์รีบก้มหน้าเก็บหนังสือสอดเข้าอ้อมแขน ก่อนจะก้มงุดเดินผ่านคนทั้งคู่โดยทำทีมองไม่เห็น ไม่รู้สักนิดว่าลับหลังเธอมีสายตาคมกริบคู่หนึ่งมองตามมา เจ้าของดวงตาคมกริบสีเหล็กมองตามหลังเด็กสาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองแสงแพรวพราวเป็นประกายวูบวาบบนโต๊ะที่เจ้าตัวเพิ่งลุกจากไปอย่างประหลาดใจ

เพิ่งเห็นว่าเด็กสาวขี้อายคนนั้นลืมตุ้มหูเพชรข้างหนึ่งทิ้งไว้!

พันไมล์ออกมาจากมหาวิทยาลัย ก็เดินตรงไปยังลานจอดรถประตูหน้าซึ่งได้รับอภิสิทธิ์ให้นำรถมาจอดหน้าหอประชุมได้เป็นกรณีพิเศษเนื่องจากพ่อเธอบริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัยปีละค่อนข้างมาก ไปถึงเจอพี่เลี้ยงยืนรออยู่ข้างรถอยู่ก่อนแล้ว เธอไม่กล้าให้คนรถมาจอดรับหน้าตึก เพราะอายเพื่อนๆ ที่โตขนาดนี้แล้วยังต้องมีพี่เลี้ยงคอยตามรับตามส่ง ครั้งหนึ่งเคยให้คนขับมารับหน้าตึก เพื่อนๆ เห็นคนรถพร้อมพี่เลี้ยงมารอรับ ก็เก็บมาล้อว่าเป็น ‘คุณหนูลูกแหง่’ ตั้งแต่นั้นเธอเข็ดไม่กล้าให้คนรับมารับหน้าตึกอีกเลย เคยปฏิเสธกับพ่อแม่ว่าเธอโตพอจะดูแลตัวเองได้แล้วเพราะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ไม่น่าจะต้องให้พี่เลี้ยงคอยตามรับตามส่งเหมือนสมัยประถม-มัธยมอีก แต่พ่อแม่เธอไม่ยอม อ้างว่าเธอยังไม่โตพอจะไปมาไหนตามลำพังได้ ปกติพ่อแม่เธอไม่เคยมีความเห็นลงรอยกันสักเรื่อง แต่น่าแปลกกับเรื่องนี้กลับเห็นตรงกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

‘คุณไมล์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ หน้าตาเซียวๆ’ จีรดาพี่เลี้ยงวัย 26 ปีเอ่ยปากถามขึ้น เมื่อก้าวขึ้นนั่งเคียงข้างคนขับและตามองกระจกหลังแล้วเห็นคุณหนูคนเดียวของบ้าน ‘วงศ์วานิช’ หน้าตาซีดเซียว

พันไมล์ส่ายหน้าจนผมเปียไหว ตายังคงมองทิวทัศน์ข้างทาง ขณะปากตอบว่า ‘เปล่าค่ะ’

จีรดาถอนหายใจ มองเด็กสาวนั่งเหม่อมองทิวทัศน์ข้างทางอย่างอ่อนใจ ภาพเด็กสาวนั่งหงอยเหงาคุ้นตาเธอมาตั้งแต่เข้ามาทำงานที่บ้านวงศ์วานิชใหม่ๆ ซึ่งนั่นหมายถึงเมื่อสิบปีก่อน ยามคุณราฆพออกไปทำงานนอกบ้านและคุณพาเมล่าไปงานมูลนิธิเด็กด้อยโอกาสหรือออกงานสังคม เด็กหญิงพันไมล์มักนั่งจับเจ่ากอดตุ๊กตาอยู่มุมใดมุมหนึ่งของคฤหาสน์คอยผู้เป็นพ่อแม่เสมอๆ จนบางครั้งนั่งหลับในท่ากอดเข่านั้นจนเธอต้องอุ้มพาเข้านอนอยู่บ่อยๆ

ทันทีที่รถเบนซ์วิ่งผ่านสนามหญ้ามาจอดหน้าคฤหาสน์สีขาวสูงสามชั้น พันไมล์ก็ผลักประตูรถโดยไม่รอให้พี่เลี้ยงเดินมาเปิดให้เช่นทุกครั้ง คว้ากระเป๋าสะพายและหนังสือเดินลิ่วๆ ขึ้นตึก ถึงประตูคฤหาสน์ก็ชะงักเมื่อพบว่าคุณอุษาผู้เป็นหัวหน้าคนรับใช้ยืนขวางอยู่

‘คุณหนูเข้าทางหลังบ้านเถอะค่ะ’

ทำท่าจะอ้าปากถามว่าทำไม แต่คำถามนั้นก็ต้องกลืนลงคอเมื่อได้ยินเสียงเอ็ดตะโรของหญิงชายคู่หนึ่ง และเสียงนั้นดูจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นการทุ่มเถียงตะโกนใส่หน้ากันในที่สุด พันไมล์เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง

‘พ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้วหรือ’

‘ค่ะ’

‘คราวนี้เรื่องอะไร’

‘คุณผู้หญิงเพิ่งกลับมาบ้านค่ะ’

พันไมล์มองนาฬิกาข้อมือโดยไม่รู้ตัว เข็มบนหน้าปัดบอกเวลา 19.00 น. แสดงว่าแม่หายไปหนึ่งคืนกับหนึ่งวันเต็มๆ เด็กสาวเงยหน้ายิ้มอ่อนเพลียให้คุณอุษา แล้วเดินหลบเข้าประตูหลังบ้านเงียบๆ

ไปถึงห้องนอนซึ่งอยู่บนชั้นสามเด็กสาวก็ทุ่มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับฟูกที่นอน ทั้งที่ยังสวมชุดนักศึกษาอยู่อย่างนั้น น้ำตาซึมปลอกหมอนโดยไม่รู้ตัว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะร้องไห้ไปทำไม ในเมื่อเธอเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันมาตั้งแต่เล็กจนโต จนเป็นภาพชินตาไปแล้ว โชคดีอยู่บ้างก็ตรงที่ทั้งคู่ยังไม่ถึงขั้นตบตีกันเท่านั้น

‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’

เสียงเคาะประตูทำให้พันไมล์รีบปาดน้ำตา เอื้อมมือหยิบแว่นตาเหนือหัวเตียงมาสวม ก่อนจะขยับลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตู

‘คุณไมล์..นั่นร้องไห้หรือคะ’ จีรดาถามอย่างตกใจเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยหลังแว่นตาหนา รื้นไปด้วยหยาดน้ำตา

‘เปล่าสักหน่อย’ พันไมล์ปฏิเสธเสียงอู้อี้

‘ยังจะมีปฏิเสธจีอีก’ จีรดาถอนหายใจเสียงดัง ‘แล้วนั่นตุ้มหูข้างขวาหายไปไหนคะ’

พันไมล์ยกมือแตะติ่งหู ‘ไม่รู้ค่ะ สงสัยหายบนที่นอน’

‘มาค่ะเดี๋ยวจีหาให้ คุณผู้หญิงเพิ่งให้เครื่องเพชรชุดนี้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อวานไม่ใช่หรือคะ หายไปล่ะเสียดายแย่ ตุ้มหูเพชรคู่นี้ราคาหลายตังค์ด้วย’

เธอเพิ่งจะอายุครบ 17 ปีเมื่อวาน ด้วยความที่ผู้เป็นพ่อแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงดูเธอ จึงส่งตัวเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลเอกชนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เมื่อจบมัธยมตอนปลายสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอจึงมีอายุน้อยกว่าเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันถึง 2-3 ปี

‘ไม่เป็นไรจี เดี๋ยวไมล์หาเอง ว่าแต่จีขึ้นมามีอะไร’ พันไมล์กล่าวแล้วดึงแขนกลมกลึงของอีกฝ่ายให้ลุกห่างออกมาจากเตียง

‘เอางั้นหรือคะ?’ เมื่อเจ้าของผมเปียพยักหน้า ผู้เป็นทั้งพี่เลี้ยงและคนใช้ก็พยักหน้าอย่างจำยอม ‘เอางั้นก็ได้ค่ะ แต่รีบหาให้เจอนะคะคุณผู้หญิงทราบว่าคุณไมล์ทำหายล่ะยุ่งแน่’

‘จ๊ะ เดี๋ยวไมล์หาเอง ว่าแต่จีขึ้นมามีอะไร’

พี่เลี้ยงสาวถอนหายใจ ‘คุณท่านเรียกไปพบค่ะ ทั้งคุณท่านและคุณพาเมล่ามีเรื่องคุยกับคุณไมล์ รออยู่ห้องสีมุกอยู่ค่ะ แต่คุณไมล์ล้างหน้าล้างตาก่อนดีไหมคะ ใบหน้าเปรอะน้ำตาเหลือเกิน’

พันไมล์มองจนพี่เลี้ยงเดินจากไปแล้ว เธอจึงเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ล้างหน้าล้างตา ผัดหน้าด้วยแป้งฝุ่นเล็กน้อยแล้วจึงซอยเท้าถี่ลงบันไดไป ถึงชั้นล่างเธอก็เลี้ยวเข้าห้องรับแขกของครอบครัว

‘มาแล้วหรือแม่ไมล์ กว่าจะเยื้องยุรยาตรมาได้ นานเป็นชั่วโมง’

พาเมล่า หญิงอเมริกันวัย 37 ปีถากถางขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวคนเดียวเดินเข้ามาหยุดกึ่งกลางห้องรับแขก เจ้าของร่างผอมสูงเก้งก้างราวกับนกกระยางนั้นอยู่ในชุดเฉิ่มเชย อันที่จริงเจ้าหล่อนไม่ได้สวมชุดเฉิ่มเชยเลย ตรงกันข้ามมันถูกตัดและออกแบบอย่างประณีตโดยห้องเสื้อหรูในปารีสด้วยซ้ำ.. แต่น่าแปลกเมื่อมาอยู่บนเรือนร่างผอมๆ ของพันไมล์ มันกลับเสริมบุคลิกเฉิ่มเชยให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น พาเมล่านึกแล้วมองสำรวจบุตรสาวตรงหน้าเงียบๆ อาจเป็นเพราะลูกสาวเธอมักทำตัวเปิ่นๆ ด้วยกระมัง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแว่นตาหนา ผมหน้าม้าด้านหน้า ด้านหลังถักเป็นเปียสองข้างหรือบางคราวก็เกล้าเป็นมวยเหนือศีรษะ มันจึงทำให้ดูเฉิ่มเชยแทนที่จะดูหรูหราสง่างามอย่างนางแบบในแคทตาล็อก

‘ไมล์อาบน้ำอยู่น่ะค่ะตอนจีไปเรียก’ พันไมล์แก้ตัวอุบอิบ แล้วทรุดนั่งข้างราฆพ

‘อย่าไปว่าลูกเลย เราก็รอแกไม่นานไม่ใช่หรือ’ ราฆพกล่าวอ่อนๆ แล้วสายตาก็หันไปมองลูกสาวอย่างปรานี แววตาชายวัย 40 ปีปรากฏแววสงสารอย่างที่พันไมล์ไม่เข้าใจวูบหนึ่งก่อนจางหาย แล้วชายกลางคนก็หันไปทางภรรยา เอ่ยว่า ‘จะพูดเองหรือจะให้ผมเป็นคนพูด’

‘คุณพูดเองสิคะ เป็นคน ‘อยาก’ ไม่ใช่หรือ’ พาเมล่าเน้นเสียงตรงคำว่าอยากอย่างไม่เกรงใจแล้วสะบัดหน้าพรึด ราฆพนิ่วหน้ากับเสียงกระแทกกระทั้นแบบตีรวนนั้น เมินหน้าจากภรรยา หันไปทางลูกสาวมองด้วยแววตาอ่อนโยนเมื่อเอ่ยว่า ‘ไมล์ พ่อกับแม่ตัดสินใจจะหย่ากันแล้ว’

เสียงที่พูดอ่อนโยนเหมือนบอกเล่าเก้าสิบเรื่องทั่วไป แต่มีผลให้อีกฝ่ายเงียบกริบ..ราวกับช็อกชั่วครู่ใหญ่

‘ไมล์ยังฟังพ่ออยู่หรือเปล่า’

‘...’

ยังมีแต่ความเงียบจากบุตรสาว ราฆพจึงนิ่วหน้า มองร่างบอบบางซึ่งดูจะแข็งเป็นศิลาไปแล้วอย่างห่วงใย เอื้อมมือไปแตะแขนขาวนวลเมื่อเอ่ยว่า ‘หนูไมล์ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก’

‘ปละ- -เปล่าค่ะ ไมล์ไม่ได้เป็นอะไร’ พันไมล์พูดเสียงแหบระโหยแล้วยกมือลูบหน้า พยายามเรียกสติกลับคืนมา รู้ว่าจะต้องมีวันนี้เข้าสักวันแต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดตั้งตัวไม่ติดขนาดนี้ แล้วพันไมล์ก็ได้ยินตัวเองถามเหมือนคนละเมอออกไปว่า ‘พ่อกับแม่ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมคะ’

‘ดีแล้วล่ะลูกเพราะเราเข้ากันไม่ได้จริงๆ เราลองปรับตัวเข้าหากันแล้วแต่ไม่สำเร็จจริงๆ’

‘ไม่ใช่เข้ากันไม่ได้แต่เพราะคุณอยากมีเมียใหม่มากกว่า คุณมันคนมักมาก’

‘ผมไม่ใช่คนมักมาก ไม่เคยคิดอยากมีใหม่ แต่เพราะคุณ! จะให้ผมแฉไหมว่าคุณเป็นคนยังไงคุณพา’

‘ฉันมันเป็นยังไง’ พาเมล่าถามแทบจะเป็นเสียงกรี๊ด

‘อ๋อ..ก็ไม่ยังไงหรอก ก็แค่ไม่ดูแลลูกผัว ชอบเที่ยวตะลอนๆ ตอนกลางคืน แถมยังเป็นผู้หญิงที่..อืม จะให้ผมพูดยังไงดีถึงจะสาสมกับพฤติกรรมของคุณ..คุณพา กับคนภายนอกคุณอ้างว่าออกงานกลางคืนเพื่อไปช่วยมูลนิธินั่นมูลนิธินี่ แต่ที่จริงแล้วคุณออกไปหาความสุขนอกบ้านกับผู้ชายไม่เลือกหน้าต่างหากล่ะ’

‘กรี๊ด’ พาเมล่าลากเสียงกรี๊ดยาว ‘คุณปรักปรำฉัน รู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นอย่างนี้ อย่ามาใส่ร้ายกันหน่อยเลย’

‘จะต้องให้เอาหลักฐานมายืนยันไหมล่ะ บางทีถ้าขอรูปมาจากสมชาย คุณอาจยอมรับความจริงได้มากกว่านี้’ ราฆพพูดเสียงหมิ่นๆ

สมชายคือนักสืบเพื่อนของราฆพ พาเมล่าสะดุ้ง ตวาดแว้ดว่า ‘ นี่คุณลอบสืบฉันหรือ กล้าดียังไงถึงจ้างนักสืบไปลอบสืบเรื่องของฉัน’

‘ถ้าไม่จ้างนักสืบสะกดรอยตามคุณ ผมจะรู้หรือว่าเบื้องหลังคุณฟอนเฟะแค่ไหน นานแค่ไหนแล้วที่คุณสวมเขาให้ผม คุณมันผู้หญิงมากชู้คุณพา อย่าคิดนะว่าผมไม่รู้ว่าคุณไปทำตัวระยำตำบอนที่ไหนไว้บ้าง’

‘กรี๊ด’ พาเมล่าส่งเสียงกรี๊ดยาวอีกระลอกในขณะที่พันไมล์ตะโกนขึ้นว่า ‘พอๆ เถอะค่ะ’ แต่ดูเหมือนเสียงเธอจะสู้เสียงผู้เป็นแม่ไม่ได้

พาเมล่ากรี๊ดแล้วบริภาษต่อว่า ‘คุณมันผู้ชายชั่ว ฉันจะด่าคุณยังไงดีถึงจะสาสม คุณมัน..’ พาเมล่ากลืนคำด่าสาดเสียเทเสียต่อไปลงคอ เมื่อหูเริ่มได้ยินเสียงกรี๊ดของเด็กสาว หันขวับมาจ้องอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

นั่นลูกสาวที่ขี้อายของเธอกรี๊ดหรือนั่น?

‘พอแล้วค่ะ ไมล์ไม่ห้ามแล้ว’ พันไมล์กรี๊ดแล้วตะโกนขึ้น ‘ถ้าอยากหย่าก็หย่ากันไปเถอะ อย่ามาแฉเรื่องเน่าๆ ของแต่ละฝ่ายให้ไมล์ฟังเลย’ พันไมล์พูดแล้วถอนสะอื้น

ใช่..การที่พวกเขาหย่ากัน บางทีมันอาจทำให้อะไรๆ ดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้

‘ขอบใจลูกที่หนูเข้าใจพ่อ ที่ผ่านมาพ่อพยายามปรับความเข้าใจกับแม่หนูแล้ว แต่ไม่สำเร็จจริงๆ’

เขาเคยคิดจะหย่ากับพาเมล่าตั้งแต่พันไมล์ยังเล็กๆ แต่แพทย์ประจำตัวของครอบครัวแนะนำว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากพันไมล์ยังเล็กจึงอาจจะปรับสภาพจิตใจไม่ได้และจะกลายเป็นปมด้อยตอนโตได้ พวกเขาจึงชะลอการหย่าตลอดมา แต่ดูเหมือนคำแนะนำของนพ.คิมหันต์จะไม่ช่วยอะไรเลย เมื่อสภาพจิตใจพันไมล์ย่ำแย่หนักขึ้นเนื่องจากพวกเขาทะเลาะกันรุนแรงและถี่ขึ้นทุกขึ้น ประกอบกับต้องขยายธุรกิจครอบครัวจึงไม่มีเวลาดูแลบุตรสาว ฉะนั้นเมื่อโตขึ้นเด็กสาวจึงกลายเป็นเด็กหงอยเหงาเก็บกด สุดท้ายนายแพทย์ประจำครอบครัวก็แนะนำให้พาพันไมล์ไปรักษาโรคซึมเศร้า

‘พยายามด้วยการหันหลังให้น่ะสิ ฉันพยากรณ์ไว้เลยนะยัยไมล์ วันดีคืนดีพ่อแกจะเอาแม่ใหม่เข้าบ้าน เผลอๆ อาจเอาลูกที่แอบหยอดทิ้งไว้นอกบ้านมายกย่องอุ้มชูด้วยซ้ำ ไม่เชื่อก็รอดูน้ำหน้าพ่อแก พันไมล์’


“เมล่า เมล่า”

พันไมค์สะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่ออินทราเอื้อมมือมาเขย่าแขนพร้อมกับเรียกชื่อ

“คิดอะไรอยู่ ฉันเรียกหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่ได้ยิน” อินทราถามแล้วมองใบหน้าเลือดผสมไทย-อเมริกันของเมล่า- -เมล่า มิทเทลโฮลเซอร์ เป็นสาวรูปร่างสูงโปร่ง อายุราว 25-26 ปี รูปหน้ายาวรีรูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลเข้มแผ่สยายเต็มหลัง คิ้วดกหนา ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งปลายเชิดเล็กน้อย ริมฝีปากบางเป็นกระจับสีชมพูระเรื่อ เมล่าเป็นสาวคมตามสไตล์สาวเอเชียแต่ผิวขาวนวลอมชมพูอย่างสาวตะวันตก ดูแล้วเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างตะวันออกและตะวันตกจริงๆ

“เปล่านี่ มีอะไรหรือ” พันไมล์ถามกลับเสียงอ่อยๆ

“หัวหน้าแคมป์เป่านกหวีเรียกไปรวมตัวกลางลานแล้ว”

พันไมล์ชะงัก เธอก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือพบว่าเป็นเวลา 6 โมงเช้าซึ่งเป็นเวลาต้องไปออกกำลังกายแล้ว อา..นี่เธอเหม่อลอยเกือบครึ่งชั่วโมงเลยหรือ เหลียวไปมองรอบตัวพบว่าทุกคนออกไปจากเต็นท์หมดแล้ว คงเหลือแต่เธอและอินทราเท่านั้น

“รีบออกไปนะเมล่าเดี๋ยวจะไม่ทันคณะ”

พันไมล์พยักหน้าแทนคำตอบ ยกแก้วไจในมือซึ่งเริ่มเย็นชืด ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

ไจตอนร้อนๆ ก็อร่อยดีอยู่หรอก แต่พอเย็นชืดหวานชะมัด!

พันไมล์ออกมาจากเต็นท์ เจอคณะ ‘SP12’ ทั้งหญิงและชายยืนเรียงแถวอยู่กลางลาน เสียงหัวหน้าแคมป์ในชุดกางเกงวอร์ม พูดภาษาอังกฤษเสียงดังฟังชัดว่าเช้านี้จะมีการออกกำลังกายข้างลำธารเป็นเวลาหนึ่ง ชั่วโมงจากนั้นจะพาไปเข้าโปรแกรม Rock Climbing และ River Crossing เพื่อเรียนรู้วิธีใช้อุปกรณ์ไต่เขา โหนเชือกลงจากหน้าผาความสูงหกเมตร รวมถึงอุปกรณ์ข้ามแม่น้ำ ซึ่งถือเป็นการวอร์มร่างกายก่อนจะออกไปเผชิญกับการเดินขึ้นเทือกเขาหิมาลัยจริง

ที่เบสแคมป์ Kasol เจ้าหน้าที่จัดให้นักท่องเที่ยวอยู่ที่นี่เป็นเวลาสองวัน เพื่อปฐมนิเทศและทำกิจกรรมปรับร่างกาย เช้าวันแรกออกกำลังกายข้างลำธาร เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงจากนั้นพาไปเดินขึ้นภูเขาลูกเตี้ยๆ สองชั่วโมง ส่วนวันที่สองพาไปออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมง และพาไปเข้าโปรแกรม Rock Climbing และ River Crossing เป็นลำดับต่อไป

……………………………..

1.ข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี : เทือกเขาหิมาลัยมาจากภาษาสันสกฤต หมายถึง ที่อยู่ของหิมะ กินอาณาเขต 5 ประเทศ คือ ปากีสถาน อินเดีย จีน ภูฐาน และเนปาล

2.ข้อมูลล่าสุดจากสมาคมบ้านเยาวชนแห่งประเทศอินเดีย (ปี 2549)

3. รูปี เท่ากับ 0.96 บาท (ปี 2549)

4. ไจ คือชาอินเดียผสมน้ำขิงและนมแพะหรือครีมเทียม สีคล้ายโอวัลตินแต่อ่อนและหอมหวานมันกว่า





lozocatlozocat




Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 0:36:38 น.
Counter : 1698 Pageviews.

5 comments
  
เรื่องที่แล้วไม่ได้อ่าน
ขอตามอ่านเรื่องนี้ก่อนนะคะ
โดย: lovereason วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:29:20 น.
  
คิดถึงเรื่องนี้ค่ะ เอ๋เริ่มอ่านผลงานคุณอุ๋ยเรื่องแรกก็เรื่องนี้นี่แหละค่ะ
โดย: pantan IP: 58.11.42.164 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:25:23 น.
  
เรื่องแรกที่อ่านเลยค่ะ
โดย: น้องบุ๊ง วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:08:08 น.
  
พันไมลชอบจังชื่อนี้ ( ทำให้แอบคิดถึงปาลีนาคิม นอกเรื่องหน่อยนะ^^)
โดย: sakeena IP: 124.120.248.74 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:02:25 น.
  
ขอบคุณที่ตามอ่านนะคะ ^_^

อุ๋ยขออนุญาตแจ้งแต่ต้นเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน จะได้ไม่หลงติดตามอ่านนะคะ...

ขอชี้แจงก่อนว่าวัตถุประสงค์การโพสต์เรื่องนี้เพื่อเป็นเนื้อหาตัวอย่าง เพราะอุ๋ยขายฉบับอีบุ๊กอยู่ที่ meb ฉะนั้นเลยต้องการลงตัวอย่างเพื่อเผยแพร่ โฆษณา ฉะนั้นต้องขอโทษมากๆๆค่ะที่ไม่สามารถลงจนจบได้ อุ๋ยตั้งใจลงตัวอย่างประมาณ 10 ตอนหรืออาจจะมากกว่านิดหน่อย นี่คือเจตนาอุ๋ยแต่ต้นค่ะ...

เรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน จะได้ไม่หลงติดตามอ่านค่า ^_^
โดย: คณิตยา วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:16:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments