เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน............................
 
 

หากเปรียบความรัก เป็นดั่ง "มะเร็ง"



ปกติผมไม่ค่อยชอบพูดถึงเรื่องความรัก
อาจเพราะผมเขิน หรือ อายก็เป็นได้
หรืออาจเพราะผมรู้สึกว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องที่มีคนพูดกันมากอยู่แล้วก็เป็นได้

เพลงส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับความรัก
ภาพยนต์ก็มักเกี่ยวกับความรัก เพราะมันต้องมี "พระเอก" และ "นางเอก"
( แต่เดียวนี้บางเรื่องก็มี พระเอก กับ พระเอก )
ยิ่งละครทีวียิ่งไม่ต้องพูดถึง.... ( ปัจจุบันพระเอกหลายคน
ได้แสดงให้เห็นว่าความรักทำให้คนตาบอดจริงๆ )

แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนเรียนอยู่ปีห้า มีนิตยสารของคณะ
มาสัมภาษณ์ โดยมีคำถามซักสิบข้อให้ตอบ
ตอนนั้น คำถามหนึ่งที่ผมจำแม่นคือ

"ถ้าให้เปรียบเทียบความรัก จะเปรียบได้กับอะไร "

ตอนนั้นผมตอบเอาฮาไปว่า
เปรียบได้กับ "มะเร็ง"
เพราะ...... เรามักไม่เคยรู้ตัวว่าเราจะเป็นเมื่อไหร่
( หรือมันจะมาเมื่อไหร่ )
และกว่าจะรู้ตัวก็รักษาเอาออกจากเราไปไม่ได้ซะแล้ว



ส่วนใหญ่.....เราจึงมักตายไปพร้อมกับมัน




ด้วยรักและเคารพ

:->m'26


*รูปด้านบน เป็นรูปนิวเครียสของเซลมะเร็งผิวหนัง
(ถ่ายโดยกล้องอิเล็กตรอน )
//www.wellcome.ac.uk/en/bia/images/19.jpg




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2550   
Last Update : 2 สิงหาคม 2550 23:39:53 น.   
Counter : 977 Pageviews.  


งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา …... สวัสดีครับ “นราธิวาส”



เวลาพูดถึง” งานเลี้ยง ” ภาพที่มีในหัวของหลายๆคนอาจไม่เหมือนกัน บ้างอาจเป็นงานราตรี
บ้างเป็นงานกลางแจ้งกินดื่มกัน บ้างอาจเป็นการนั่งกินข้าวร่วมกันเฉยๆ
แต่โดยรวมแล้ว อารมณ์ที่มีในภาพนั้น
ย่อมคล้ายๆกันคือ “สนุก”

อันที่จริงในชีวิตคนเราก็คงได้ไปงานเลี้ยงเขาไม่มากก็น้อย
ที่มากคืองานเขา(เลี้ยง) ส่วนน้อยคืองานเรา(เลี้ยง) มีบางงานที่เราไม่อยากไป กลัวไม่สนุก บางงานเราอยากไปเพราะดูน่าสนุก แต่พอไปจริงๆอาจไม่สนุกก็ได้
หลายครั้งเรานั่งในงานแบบเฉาๆรอวันเวลาให้ผ่านไป เพื่อจะได้ออกจากงานเร็วๆ
บางทีเรารู้สึกว่ายังไม่อยากให้งานจบเลย

สองเดือนก่อนหน้านี้ ผมเองได้รับ”บัตรเชิญ”ให้ร่วมงานออกไปประจำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ถ้าถามว่าขั้นตอนการได้รับ”บัตรเชิญ” เป็นมาอย่างไร คงต้องตอบตามตรงว่า
”จับฉลาก”ได้มา

หลังจากที่ผมเรียนจบใหม่ๆ ผมตั้งใจว่าอยากจะลงมาทำงานภาคใต้ดู ผมคิดว่าลูกผู้ชายตัวจริงต้อง
” ขึ้นเหนือล่องใต้” (คิดเองคนเดียว ) ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เรากินแค่กระทิงแดงก็พอ
อย่างไรก็ตามรอบแรกผมจับฉลากในจังหวัดที่ผมเลือกไม่ได้ (ผมเลือกตรัง) เมื่อผมยังไม่ลดความพยายามในการมาภาคใต้ จังหวัดต่อมาที่ผมได้คือ “พัทลุง” ซึ่งมีโปรโมชั่นพิเศษคือ จะได้รับเลือกให้ลงไปช่วยประจำที่ โรงพยาบาลในสามจังหวัดด้วย



หลายคนมักถามผมว่า “กลัวไหมเนี่ย ” ผมก็คงต้องตอบอย่างแมนๆครับว่า “กลัว”
แต่...อย่างไรก็ตามถ้าพระเจ้าและฟ้าสวรรค์จัดมาแล้ว ก็ไม่ควรไปปฎิเสธ บางทีสิ่งดีๆอาจรออยู่
อย่างน้อยชีวิตคนเราก็ควรได้ผจญภัยซักครั้ง อีกทั้งผมยังมีเรื่องเล่าให้ลูกหลายฟังตอนแก่ๆ ( ผมเป็นหนุ่มขี้โม้ )

ก่อนออกเดินทางเพื่อนๆหลายคนแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเสมอ ถามไถ่ผมอยู่เสมอว่า
“ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ฉบับไหน”
“ธงชาติ อยากได้เนื้อผ้าแบบใด “


ผมจำความคำพูดอยู่ในหัวในวันแรกที่ไปถึงได้ดีว่า.......เมื่อไหร่ผมจะได้กลับว่ะเนี่ย
ออกไปไหนไม่ได้ กินข้าวปิ่นโตทุกๆวัน หมูก็ไม่มี (รวมถึงมาม่าหมูสับด้วย)
พูดกับคนไข้ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ฯลฯ
แต่ผมก็นึกถึงคำพูดของเพื่อนผมคนหนึ่งที่มันจำมาจากผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่ง (งงไหมครับ) ว่า
“ความลำบากที่แท้ไม่มี มีแต่ความไม่เคยชิน “


ระหว่างที่ผมอยู่ผมเริ่มปรับตัวได้เรื่อยๆ เริ่มกินข้าวได้ง่ายขึ้น ( ผูกพันกับมาม่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย)
ผมเริ่มติดใจน้ำพริก “วูดู” ผมเริ่มฟังภาษายาวีออกบ้างเป็นบางคำ
อาทิเช่น
ต้อด ติ แปลว่า ไม่รู้เรื่อง (หมายถึงผมควรเรียกพี่พยาบาลมาเสริมกำลัง)
สะแก้ะ แปลว่า เจ็บ
สะกิ้ดๆ แปลว่า เจ็บนิดๆ
บาโต๊ะ แปลว่า ไอ มีเสมหะ
ปอมอ แปลว่า หมอ
มอมอ แปลว่า อยากกินไอติมวอร์

ผมเริ่มสนุกกับการพูดคุยมากขึ้น ทั้งภาษาพูด (และ มือ) อย่างน้อยแม้คุยกันไม่ได้เข้าใจมาก
แต่ส่วนใหญ่ของบทสนทนาก็ประกอบด้วยรอยยิ้ม

แต่แล้ววันนี้ก็ถึงวันที่มีคนบอกว่างานเลี้ยงเลิกแล้ว ขอเชิญกลับ
แปลก.........ที่ผมไม่ได้รู้สึกดีใจ เท่าที่ผมคิดไว้ในวันแรกที่ผมมา
ผมคิดถึงพี่ๆพยาบาลที่น่ารัก และพี่ๆพนักงานทุกคน ผมคิดถึงน้ำพริกวูดู และปิ่นโต(บางมื้อ)
ผมคิดถึงบรรยากาศการตรวจคนไข้

แปลก.....

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายคงอย่างที่เขาบอกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา........



ดีใจที่มีโอกาสได้มาร่วมงานเลี้ยงนี้ ขอบคุณสำหรับอีก 1 ในประสปการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต


สวัสดีครับ ..... นราธิวาส

ไม่แน่เราอาจได้เจอกันอีก


ด้วยรักและเคารพ

:->m26



เด็กๆที่ รร ติดกับบ้านพักมายืนส่งก่อนกลับ




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2550   
Last Update : 1 สิงหาคม 2550 15:33:35 น.   
Counter : 1417 Pageviews.  


ผมไม่ชอบเสียง "กริ่ง" ในสามจังหวัดชายแดน



ผมไม่ชอบ "เสียงกริ่ง" ตอนอยู่เวร

วันไหนที่ผมอยู่เวร เมื่อมีคนไข้มาตรวจจะมีโทรศํพท์เีรียกออกไปตรวจ

แต่จะมีการใช้ "กริ่ง" เมื่อเป็นคนไข้ "ฉุกเฉิน"
จะมีการกดกริ่ง 1 ครั้ง อาจหมายถึงคนไข้อาการไม่รุนแรงมาก ไม่ถึงชีวิต เช่น อาจรถชนแขนหัก ขาหัก เป็นลมมา หรือ อาจปวดท้องคลอด

แต่ถ้ามีการกดกริ่งรัว 2 ครั้ง เมื่อไหร่เป็นที่รู้กันว่า
พวกเราต้องได้เห็นเลือดเป็นแน่ เพราะฉะนั้นต้องรีบเตรียมตัว
ใส่ผ้าปิดปาก หาผ้ากันเปื้อนมาใส่ (ไม่ได้ไปเข้าครัวน่ะครับ)
และ ถุงมือให้พร้อม

ส่วนภาพบรรยากาศที่ผมจะเห็นข้างหน้าห้องฉุกเฉินคือ
ฝูงคนมากมาย บ้างร้องไห้ บ้างโกรธเคือง บ้างแค่อยากดู
(กลุ่มหลังจะมากสุดเป็นธรรมดา)

ส่วนคนเจ็บที่ผมเจอมีอยู่สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะโอดครวญบ่นเจ็บ
อีกกลุ่ม จะไม่พูดบ่นอะไร และก็คงไม่ได้พูดแล้วอีกบนโลกใบนี้


ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าคนที่ลั่นไก คนที่วางระเบิด
เขาทำหน้าตาอย่างไร หรือพูดอะไรบ้าง


ผมเพียงหวังว่าในวันต่อๆไป

"เสียงกริ่ง" คงน้อยลง
และ
เงียบลงในที่สุด

ด้วยรักและเคารพ

:->m'26



ป.ล ถ้ามีการกดกริ่งรัวมากกว่า 3 ครั้งติดต่อกัน แปลว่า

"มีเด็กเวรที่ไหนซํกคนมากดเล่นซะแล้ว"




 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2550   
Last Update : 26 กรกฎาคม 2550 11:11:51 น.   
Counter : 784 Pageviews.  


"นิโคลาส คอปโปล่า" ลูกไม้ ที่อยากหล่น ไกล ต้น



เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งเปิดทีวีผ่านช่อง HBO เป็นรายการชีวประวัติของ

" นิโคลาส เคจ "

นักแสดงคนนี้เป็นอีกหนึ่งคนที่ผมติดตามผลงานมาอยู่เรื่อยๆ
เรื่องแรกที่ผมได้ดูคือ " The Rock " หนังแอ็คชั่นที่ยังอยู่
ในใจผมมาถึงปัจจุบัน

สิ่งที่ผมได้รู้จากรายการและค่อนข้างประหลาดใจคือ
ผมพึ่งรู้ว่าเดิมที "นิโคลาส เคจ" มีชื่อเดิมว่า "นิโคลาส คอปโปร่า"
ซึ่งคล้ายกับลุงของเขา "ฟรานซิส ฟอร์ต คอปโปร่า " ( ผู้กำกับ God father)

เขาเริ่มเป็นนักแสดงเมื่ออายุเพียง 17 ปี
หนังเรื่องแรกๆที่เขาได้รับเล่นเป็นเพราะ ลุงเขาฝากฝั่งให้
จริงอยู่แม้ผู้กำกับจะชมเขาว่ามีฝีมือ
แต่เขากลับรู้สึกว่าเขาอยากดังด้วยตัวของเขาเอง
วันนั้นเขาจึงเปลี่ยนนามสกุล จาก "คอปโปล่า" สู่ "เคจ"
(ซึ่งตั้งตามชื่อซุปเปอร์ฮีโร่ ลุค เคจ)

จากนั้นเขาได้ใช้ชื่อนี้อยู่ในวงการฮอลี่วู้ดมา 20 ปี
ทั้งในฐานะ นักแสดง ตัวเอก ตัวประกอบ ผู้กำกับ
เขาบอกว่าการที่เราจะพัฒนาตัวเอง เราต้่องท้าทายตัวเอง
เขาจึงอยากทำอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อกระตุ้นตัวเอง
ให้ตื่นตัวอยู่เสมอ

ผมแปลกใจที่ว่า ในปัจจุบันใครหลายๆคน อยากจะเป็น
คนดัง เป็นไฮโซ เป็นซีเร็ป (จริงๆแล้วผมก็อยากเป็นหนุ่มคลีโอเหมือนกัน)
วัฒนธรรม "รู้ไหมกูเป็นลูกใคร"
ยังมีให้เห็นดาษดื่นในสังคม


ผมไม่รู้ว่าทุกวันนี้เขาจะหล่นพ้นจากเงาของ "ลุง" ได้รึยัง


แต่ผมว่าเขาทำได้ไม่เลว

ีทีเีดียว

ด้วยรักและเคารพ

:->m'26






 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2550   
Last Update : 25 กรกฎาคม 2550 15:40:53 น.   
Counter : 1236 Pageviews.  


เมื่อเราได้เป็น "ตัวเอก" และ "ตัวประกอบ"



หลังจากที่เมื่อกี้ผมได้แวะไปเยี่ยมเยียน
บล็อคของคุณ "เป็นกำลังใจให้คุณ"
อยู่ๆผมก็นึกถึงบทสนทนาระหว่างผมและเพื่อนผิวหมึก
ระหว่างจิบกาแฟยามดึก ที่เมืองเหนือ เชียงราย

บทสนทนาในวันนั้น เราคุยกันว่า บางทีเราก็แิอบคิดว่า
เราเป็น "ตัวเอก" ในบทละคร(ชีวิตของเรา)
ส่วนคนอื่นๆนั้น เป็น "ตัวประกอบ" ทั้งสิ้น

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ส่วนใหญ่เราต่างหากที่เล่นเป็น
"ตัวประกอบ" ในบทละคร(ชีวิต) ของคนอื่น


อย่างไรก็ตาม
เราต้องเล่นให้ดีในทุกบท


ด้วยรักและเคารพ

:->m'26




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2550   
Last Update : 24 กรกฎาคม 2550 17:58:16 น.   
Counter : 558 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

kanapo
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน

@boydontkick
[Add kanapo's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com