คราวที่แล้วเราพูดถึงเศรษฐศาสตร์มหาภาค จากสมการรายได้ประชาชาติ เราเข้าถึงตัวแปร C ภาคเศรษฐกิจบริโภคครัวเรือน  อันเป็นตัวแปรปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง ท่านรองนายกรัฐมนตรีสมคิด เลยรื้อฟื้นกองทุนหมู่บ้านสมัยทักษิณ เพื่ออัดฉีดเงินตรงเข้ากลุ่มคนรายได้น้อย (ตอนนี้ห้ามเรียกรากหญ้า เพราะท่านผู้นำจะใช้ กฏหมาย ม. 44 ห้ามคนทั้งประเทศใช้คำว่ารากหญ้า)  กองทุนหมู่บ้านโมเดลก็จะเป็นการอัดฉีดเงินโดยตรงที่ตัวแปรC ภาคเศรษฐกิจบริโภคครัวเรือน  อันเป็นนโยบายสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่ว่ากันว่าคิดกันตั้งแต่ยุครัฐบาล คึกฤทธิ์ เรียกว่าโครงการเงินผัน แต่ไม่มีสัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรมดังเช่นยุคทักษิณ

   แต่ถามว่าเราเพิ่ม C ตรงแล้ว เศรษฐกิจจะหายฝืดไหม ทำตอบคือภาคครัวเรือนมีเงินกำลังซื้อ กำลังลงทุน แต่ต้องต้องมีผู้ซื้อขายระบบ หรือ ตัวแปร x ส่งออกต้องเพิ่ม ไม่งั้นเพิ่ม C  แต่ไม่มีระบบหมุนเวียนเงินนอกประเทศ ไม่ต่างเอาเงินไปโปรย ยัดให้ชาวบ้าน แล้วจบกัน แบบนโยบายเฮลิคอปเตอร์เงิน สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่แจกเงิน 2000 บาท แต่สุดท้ายไม่ได้มีผลอะไรกับเศรษฐกิจ คนมีเงินเอาไปเก็บ หรือสัดส่วนใช้จ่ายเงินเพื่อเพิ่มการลงทุนน้อยมาก ถือนโยบายการเงินที่ประสิทธิภาพต่ำ

   อีกปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังที่ทุกคนเป็นห่วง แล้วคิดว่าท่านรองนายกสมคิด มีสิทธิโดนเตะตัดขาจากภาคการเงินของประเทศ  โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ไม่กำหนดนโยบายการเงิน ดอกเบี้ยสอดคล้องนโยบายการคลัง เนื่องจากกลุ่มผู้มาใหม่ที่แทนกลุ่มเก่าที่มสายทายาทธนาคารประเทศไทยอย่างแน่นแฟ้น คือกลุ่มหม่อมอุ๋ย เนื่องจากวิกฤติต้มยำกุ้ง อันเป็นเป็นการบริหารการเงินผิดพลาด จนเป็นที่มาของการโจมตีค่าเงินบาท ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีความอิสระ และกรอบอำนาจคุมวินัยการเงินที่เข้มขึ้น แต่ภาคการเงินสามารถประสานภาคการคลัง การอัดฉีดระบบเศรษฐกิจก็จะเป็นไปในองคาพยพเดียว

      ว่างๆ ท่านรองนายกสมคิดสามารถขอคำปรึกษาอดีตรัฐมนตรี กิตติรักษ์ ณ ระนองที่รบกับธนาคารแห่งประเทศไทยมาตลอดช่วงรัฐบาลก่อน เรื่องอัตราดอกเบี้ยไม่สอดกล้องนโยบายคลังลงทุนที่กำหนด จนเกือบไม่มีชิ้นมีอัน แต่นั้นคือรัฐบาลที่มีความสัมพันธ์กับต่างประเทศดี มีการตระเวนหาช่องทางจำหน่ายติดต่อกับต่างประเทศ แต่โจทย์ของท่านรองนายกสมคิดคือรัฐบาลไทยที่มีความสัมพันธ์กับต่างประเทศแย่สุดในรอบ 30 ปี ถ้าคุณรักจะแก้ปัญหาแบบเคนส์เซียน ดำเนินนโยบายทางคลัง อัตราดอกเบี้ยและตลาดส่งออกต่างประเทศ ล้วนเป็นตัวแปรที่จำเป็น  นี้คืออีกหนึ่งความท้าท้ายของท่านรองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

    เมื่อความสำเร็จของอีกคนสามารถกลายเป็นความล้มเหลวของอีกคน การเตะตัดขาก็จะเกิดขึ้น ขาดการทำงานแบบมืออาชีพ เอางานเป็นหลัก ไม่ใช่เอาเรื่องส่วนบุคคลมาเกี่ยวข้องกับงาน  นี้แหละ ประเทศไทย เอวัง

Create Date : 28 สิงหาคม 2558
Last Update : 28 สิงหาคม 2558 10:21:22 น.		0 comments
Counter : 551 Pageviews.
Share Tweet