ความคืบหน้าในการแก้ไข กฎหมายเข้าถึงข้อมูลอาชญากรรม ของตำรวจ
ผมไม่ได้เขียน Blog แห่งนี้ มานาน เพราะมีข้อจำกัดในหลายด้าน โดยเฉพาะทางเทคนิคของ Bloggang ที่จำกัด ไม่ว่าจะภาพ หรือจำนวนข้อความ ความไม่สะดวกดังกล่าว จึงทำให้เกิดความจูงใจน้อยในการเขียนบทความหรือเรื่องราวร่าง ๆ ก็ได้แต่หวังว่า พันทิพ จะจัดการแก้ไขปัญหาครับ ......... วันนี้ ผมตั้งใจจะเขียนเกี่ยวกับ การแก้ไข ป.วิ.อาญา ให้ตำรวจสามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร หรือ เอกสารใด ๆ ของผู้กระทำผิดได้ โดยผมได้เริ่มเสนอกฎหมายนี้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๕ ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง ผกก. กฎหมาย ตร. มาระยะหนึ่ง ......... ผมตระเวณขายความคิดว่า ตำรวจทั่วโลก เขาสามารถดักฟัง และดักรับข้อมูลของผู้กระทำผิดได้ แต่ตำรวจไทย มีปัญหาอุปสรรคไปหมด ทำให้การช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ตัวอย่างเช่น คดีลักพาตัว หรือ คดีสลับซับซ้อนอื่น ๆ ที่เหยื่ออาชญากรรมอาจจะได้รับอันตรายถึงชีวิต ตำรวจเราไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน และเหยื่ออาชญากรรม ก็จะตายหรือได้รับอันตราย ......... นอกจากนี้ ผมได้ยกตัวอย่างคดีสำคัญ ๆ เช่น คดีความมั่นคงในภาคใต้ ที่ศาลยกฟ้อง ประมาณ ๗๐ % ก็เพราะ ตำรวจเราไม่มีข้อมูลและหลักฐานที่สนับสนุนให้เห็นความเชื่อมโยงว่า ผู้ก่อการร้ายกระทำความผิดอย่างไร ........ ผมเห็นว่า ถ้ามีการดักรับข้อมูลได้ โดยมีวิธีการตรวจสอบและป้องกันการละเมิดสิทธิของประชาชนที่เหมาะสม จะทำให้รัฐไทย สามารถรวบรวมพยานหลักฐาน และสร้างความน่าเชื่อของตำรวจและกระบวนการยุติธรรมได้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่ ร้อยทั้งร้อย เป็นพยานบอกเล่า แล้วก็ยกฟ้องไปหมดในปัจจุบัน ....... ผมได้ใช้ตัวแบบ กฎหมายอเมริกัน ตาม Omnibus Crime Control and Safe Streets Act of 1968 ที่กำหนดให้ตำรวจสามารถ Intercept หรือดักรับข้อมูลได้ ซึ่งกำหนดวิธีการตรวจสอบไว้ ให้ผู้บริหารหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะต้องตรวจสอบว่า การดักรับข้อมูล เป็นวิธีการที่จำเป็น และไม่อาจจะใช้วิธีการที่เหมาะสมได้แล้ว และเป็นวิธีการรุนแรงน้อยที่สุดแล้ว เมื่อผุ้บริหารหน่วยเห็นชอบ จึงเสนอให้ศาลอนุมัติอีกครั้งหนึ่ง .......... ร่างแก้ไข ป.วิ.อาญา มาตรา ๑๐๕/๑ ที่ผมร่างไว้ ก็เช่นเดียวกัน มีการกำหนดหลักการสำคัญ ๆ คือ ๑) คดีร้ายแรง หรือสลับซับซ้อน ๒) การสืบสวนสอบสวนปกติ เช่น หมายเรียก หมายอาญา ไม่อาจจะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเจ้าหน้าที่จะอันตรายต่อชีวิตร่างกาย ฯลฯ ๓) ผู้บังคับบัญชา เห็นชอบ ๔) ศาลเห็นชอบ และศาลอาจจะกำหนดวิธีการต่าง ๆ ที่จะทำให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ๕) ข้อมูลเป็นความลับ ใครเปิดเผยติดคุกหัวโต ถ้าเป็น จนท. ที่สอบสวน จะรับโทษ ๓ เท่า ........... ผมเสนอร่างกฎหมาย ไปยังรัฐบาล ๒ รอบแล้ว คราวนี้ ผ่านกฤษฎีกาแล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็จะส่ง สนช. และออกเป็นกฎหมายต่อไป ถ้า สนช. ไม่เห็นแย้ง โดยคาดว่าจะออกได้ในปี พ.ศ.๒๕๖๑ นี้ ........... โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าจะทำให้กระบวนการยุติธรรม น่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ใช่ยกฟ้อง เพราะสงสัยร่ำไป หรือ ฟ้องมั่ว ๆ ไป โดยไม่มีหลักฐานใด ๆ ยืนยัน และการดักรับข้อมูล ยังชี้ชัดให้เห็นว่า จริง ๆ ผู้ถูกกล่าวหา อาจจะบริสุทธิ์มาตั้งแต่ต้นเลยก็ได้ อะไร ๆ ไม่ชัดเจน ก็จะหมดไป หรืออะไรใต้ดิน ๆ ที่ทำกันอยู่จะชัดเจน และตรวจสอบได้ ควบคุมได้เสียทีครับ
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2559 |
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2559 16:05:14 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1101 Pageviews. |
|
|
sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ