*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
คำสาบาน สาบานกับใครละ

ตอนที่แล้ว ได้เข้ามาทำตามคำสัญญา คือ แปลคำปฏิญาณตนของนักกฎหมายเป็นภาษาไทย บางท่านชมว่าสละสลวยดี ดีครับ ให้กำลังใจกันดี เหอ เหอ ...

มีหลายท่าน ตั้งคำถามไว้น่าสนใจมาก เช่น ถ้าทนายดีจริง ไฉนเลยจึงไปช่วยเหลือคนผิดละ ... คำสาบานตนนี้ ถือว่าสาบานต่อพระเจ้าหรือไม่ ผมได้ตอบปัญหานี้ในบล๊อกก่อนไปแล้ว แต่ขอยกคำตอบนั้น มา ณ ตรงนี้ เพราะเห็นว่ามีหลายประเด็นน่าสนใจ บล๊อกนี้ จึงขอเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดในการควบคุมวิชาชีพนักกฎหมาย และแนวคิดในการดำเนินคดีในศาลที่เรายึดถือ ซึ่งมักจะขัดใจเรา ๆ ท่าน ๆ เสมอ เพราะมันเหมือนกับว่า ใครรวย ก็จะมีโอกาสชนะคดี คุกมีไว้ขังหมาเท่านั้น อะไรทำนั้นครับ




เรื่องการสาบานนี้ ผมว่า มันเหมือนสิ่งที่ทำให้เราระลึกว่าครั้งหนึ่ง เราเคยให้สัตย์ปฎิญาณไว้อย่างไร เท่าที่ผมเข้าใจ ตามที่ได้พูดคุยกับคณาจารย์ ผมคิดว่า เขาไม่ได้ปฏิญาณต่อพระผู้เป็นเจ้าอะไรหรอกครับ ... เพราะมันขัดต่อหลักเสรีภาพในการนับถือศาสนา ละเอียดอ่อนมากครับ บางคนไม่มีพระเจ้า ไม่นับถือ เยซูคริสต์ หรือ นับถือศาสนาอื่น ๆ การบังคับให้ต้องสาบาน ต่อพระเจ้า ฯลฯ จึงกระทำไม่ได้โดยเด็ดขาดครับ

จากประโยคสุดท้ายของคำปฏิญาณ จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า เหล่านักกฎหมายจะปฏิญาณ ด้วยศักดิ์ศรี และเกียรติศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ของเขาเอง .... คือ หากเขาไม่รักษาคำปฏิญาณ เขาก็ย่อมเท่ากับทำลายเกียรติศักดิ์หรือเกียรติยศแห่งตัวตนเขาเอง อเมริกา สอนให้คน ๆ ของเขา มี Sefl-esteem คือ ความภูมิใจในตัวเอง ไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นโดยไม่จำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ลอกข้อสอบโดยเด็ดขาด อย่างโรงเรียนกฎหมายจะมี Code of Honor หากกระทำผิดใด ๆ แล้ว จะต้องมีการรายงานตนต่อโรงเรียนกฎหมายด้วยตนเอง (Self-report) หากไม่รายงานจับได้ ไล่ออกคือโทษที่จะตามมา แต่รายงานแล้วก็ใช่ว่าจะจบแค่นั้น ทางโรงเรียนจะรายงานไปยัง Bar หรือ เนติบัณฑิต ประจำรัฐ

ทางเนติบัณฑิต ก็จะดำเนินการตามมาตรฐานที่เห็นสมควร เช่นว่า ขับรถในขณะเมาสุรา แล้วถูกจับดำเนินคดี ทางเนติฯ อาจจะขึ้นบัญชีไว้ หากหลายครั้ง ก็จะไม่อนุญาตให้สอบเป็นสมาชิกเนติบัณฑิต .... นั่นหมายความว่า เขาจะไม่อาจจไม่ประกอบอาชีพทนายความได้เลย หลักการง่าย ๆ คือ เหมือนกับว่า เราไม่มีใบรับรองในวิชาชีพ ก็ห้ามว่าความ ห้ามให้คำปรึกษาใด ๆ เป็นต้น

ส่วนเรื่องที่ว่า เป็นทนายความแล้ว จะต้องไม่ช่วยเหลือคนผิดนั้น ... ผมยอมรับเลย เมื่อก่อนก็คิดเช่นนั้นว่า หากมันผู้ใดทำผิดกฎหมายแล้ว ก็สมควรได้รับการลงโทษ และทนายความ หากเป็นคนดีจริง ก็ต้องไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ กับมันผู้นั้น แต่จริง ๆ ตามหลักการมันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ เขาผู้นั้น ก็คือ คนธรรมดา ที่สามารถมีรัก โลภ โกรธ หลงได้ ทำผิดได้ ทำพลาดได้ และเขาเองก็มีสิทธิในความยุติธรรมตามกฎหมาย คือ การต่อสู้คดีในระบบที่เรายึดถือ คือ ระบบกล่าวหา (Adversary System)

ระบบกล่าวหา มีหลักการง่าย ๆ ว่า ฝ่ายรัฐมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำผิดจริง โดยปราศจากสงสัยตามสมควร ฝ่ายรัฐจึงมีหน้าที่นำพยานหลักฐานที่รวบรวมโดยตำรวจ หรือ อัยการ เสนอต่อศาล เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าจำเลย ได้กระทำผิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้จริง ๆ ไม่ได้กลั่นแกล้งกันเล่น ๆ ในขณะเดียวกัน ฝ่ายจำเลย ก็มีสิทธิต่อสู้คดีภายใต้ระบบกล่าวหาเช่นกัน คือ สามารถนำพยานหลักฐานเสนอให้ศาลเห็นว่า "เขาไม่ได้ทำผิด" หรือ "เขาทำผิด แต่มีเหตุบรรเทาโทษ" หรือ "ไม่รับรองว่าทำผิดจริงหรือไม่ แต่พยานหลักฐานฝ่ายรัฐอ่อน พยานหลักฐานได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ฯลฯ" ว่าง่าย ๆ คือ จำเลยสามารถเสนอหลักฐาน เพื่อทำลายหลักการ "Prove beyond reasonable doubt" ว่าฝ่ายรัฐไม่อาจพิสูจน์โดยปราศจากสงสัยได้

ศาลก็มีหลักการง่าย ๆ คือ ความเป็นกลาง ..เป็นผู้รักษากติกาของการต่อสู้คดี หากมีความสงสัยว่าจำเลยจะกระทำผิดหรือไม่ ก็ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย โดยการยกฟ้องและปล่อยตัวจำเลยไป เพราะคิดว่า "ปล่อยคนผิดสิบคน ดีกว่าลงโทษคนบริสุทธิ์เพียงคนเดียว"

หลักการตามระบบนี้ ก็จะถูกโจมตีเสมอว่า ความยุติธรรม ขึ้นอยู่กับความรวย และความสามารถของทนายความ หากคนรวย ก็มีปัญญาที่จะจ้างทนายความเก่ง มาสู้คดีให้ตนเองได้ เหมือนการเล่มเกมปาหี่สักอย่าง ไม่มีความยุติธรรมจริงใดเกิดขึ้นในโลก และเงินตราบันดาลได้ทุกสิ่ง

ก็จริงอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่เขาคงคิดว่าไม่มีระบบใดจะดีกว่านี้ เมื่อก่อนในยุโรป ให้ศาลทำหน้าที่ไต่สวนคดีเอง กล่าวง่าย ๆ คือ ให้ศาลค้นหาความจริงเอง สืบสวนสอบสวนคดีเอง โดยมีตำรวจและอัยการเป็นคนช่วยเหลือ แม้แต่ทนายความจำเลย ก็ไม่อาจจะทำหน้าที่ต่อสู้คดีให้จำเลยได้ แต่ความจริง คือ ความจริง ครับ อำนาจทำให้คนลุ่มหลง ..... ศาลก็ไม่อาจดำรงความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง เพราะเมื่อตนเข้าไปพัวพัน ก็จะมีอารมณ์ร่วมอย่างรุนแรง มีอคติในใจตั้งแต่ต้น ก็อาจจะทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ครับ

การปฏิญาณตน จึงเป็นเพียงเครื่องเหนี่ยวรั้งจิตใจ และเตือนสติว่า ครั้งหนึ่งเราเคยสาบานด้วยเกียรติศักดิ์และเกียรติยศของความเป็นคน ของเราเองไว้อย่างไร คำปฏิญาณไม่อาจจะทำให้ทุกอย่างดีได้ โดยปราศจากระบบอื่น ๆ เข้ามาควบคุมตรวจสอบ ระบบการควบคุมวิชาชีพนักกฎหมายในสหรัฐฯ จึงมีองค์กรศาลและคณะกรรมการวิชาชีพประจำเนติบัณฑิตของแต่ละรัฐเข้ามาควบคุมด้วย มีกฎระเบียบตามที่ American Bar Association - ABA หรือ เนติบัณฑิตอเมริกัน กำหนดไว้

หลักจริยธรรมของ ABA นี้ สำคัญนัก เพราะศาลทุกศาลได้ยอมรับเอาไปใช้ในเป็นหลักกฎหมายในการพิจารณาคดีมรรยาททนายความ กรณีทนายถูกร้องเรียนฯ โดยมี หลักการที่สำคัญที่ทนายจำเลยในสหรัฐฯ จะต้องยึดถืออย่างมาก คือ จะใช้เทคนิคทางกฎหมายอย่างไร ได้เต็มที่ แต่ทนายต้องไม่มีส่วนช่วยเหลือทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือ หรี่ตาข้างหนึ่งแล้วยินยอมให้ลูกความโกหกต่อศาล หากทนายเคยสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ต่อมาจำเลยให้การกลับไปกลับมา โดยมีแนวโน้มกว่าเป็นเท็จ หลักจริยธรรมในสหรัฐฯ คือ ทนายต้องไม่ช่วยนำพยานหลักฐานที่น่าจะเป็นเท็จเข้าสู่กระบวนพิจารณาของศาล

นอกจากนี้ ทนายความ จะต้องเสนอพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง เช่น ลูกความเอาปืนมาให้แล้วสารภาพว่าฆ่าคนตายจริง สิ่งนี้จะต้องถูกเปิดเผยต่อศาล ไม่งั้นทนาย หมดอาชีพแน่ ๆ ในขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐฯ ก็มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลที่จะอาจจะทำให้จำเลยมีโอกาสหลุดพ้นการลงโทษต่อศาลด้วย ... ในกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งกันและกัน

ที่สำคัญที่สุด คือ เมื่อทนายด้วยกัน พบทนายอื่นกระทำผิดกฎระเบียบดังกล่าว ไม่ว่าจะนอกหรือในศาล ก็ต้องรายงานต่อองค์กรควบคุมวิชาชีพนั้น ซึ่งอันนี้ น่าจะถือว่าเป็นระบบตรวจสอบซึ่งกันและกัน อันจะถือได้ว่าเป็นองค์กรวิชาชีพที่มีระบบ Self-regulated organization อย่างแท้จริง เป็นต้น

การควบคุมวิชาชีพนักกฎหมายของสหรัฐฯ ต่างจากไทยมาก เพราะในประเทศไทยนั้น ให้สภาทนายความ ควบคุมกันเอง แน่นอนที่สุด อำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน และเต็มไปด้วยผลประโยชน์ ตำแหน่งนายกสภาทนายความ หรือคณะกรรมการสภาทนายความ ย่อมนำมาซึ่งอำนาจบารมี การสร้างอำนาจบารมี ประการหนึ่ง ก็คือ การทำทาน โดยการช่วยเหลือกันเองนี่แหละ เรื่องร้องเรียนเข้าสู่สภาทนายความ กล่าวหาว่าทนายความทำผิดจรรยาบรรณในไทย จึงเป็นเรื่องที่ไร้สาระไป เพราะร้องอย่างไร ก็คงจะไม่มีผล เพื่อน ๆ ในองค์กรแห่งนี้ และทำงานให้กับองค์กรแห่งนี้ บอกว่า บางส่งเรื่องมา ๕ ปี สภาทนายความ ยังไม่เคยเหลียวหันกลับไปมองเลยด้วยซ้ำ แล้วเรื่องนั้น มันก็หายไปตามกาลเวลา .....

ในอดีต ประเทศไทยเราให้ เนติบัณฑิตสภา เป็นผู้ควบคุมวิชาชีพนักกฎหมาย ตอนนี้ มีอำนาจแต่เพียงตัวอักษร ในฐานะผู้ให้ใบรับรอง การเป็นสมาชิกวิสามัญ เนติบัณฑิตยสภา รับเงินจากการเป็นสมาชิกวิสามัญ แต่ไม่มีบทบาทอะไรเลยในการรับรู้เกี่ยวกับความประพฤติ การปฏิบัติบัติของทนายความที่ตนเองให้คำรับรองฐานะการเป็นสมาชิกนั้น มีเพียงองค์กรสภาทนายความ โดยคณะกรรมการมรรยาททนายความ ที่จะคอยดูแล ....คือ ดู กับ แล ...ครับ

ใครมีอำนาจวาสนา อยากจะให้วิชาชีพเหล่านี้ดีขึ้น คงจะต้องใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหา เพราะรอให้องค์กรวิชาชีพเมืองไทย แก้ไขปัญหากันเอง คงต้องรอกันสัก ๑๐ ชาติมั๊ง ดูอย่างองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนซิครับ มีหลักจรรยาบรรณอย่างสวยหรู ไม่เพิ่มเติมข่าว เป็นกลาง ไม่แทรกอารมณ์ ฯลฯ เห็นมีแต่ถ้อยคำหรู ๆ ที่ปรากฎบนกระดาษเท่านั้น หาได้มีอะไรเกิดขึ้นจริงไม่เลยครับ


Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 8:39:21 น. 20 comments
Counter : 958 Pageviews.

 
ตามมาอ่านต่อครับ

มีท่อนส่วนขยายด้วย ทำยังกับ DVD ชุดเพิ่มเนิ้อหาเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่อง

ที่พิมพ์เรื่องสาบานกับพระเจ้า ผมก็ลืมนึกถึงเรื่องสิทธิในการนับถือศาสนาของระบบอเมริกันไปซะสนิทใจเลย

เรื่องการแก้กฎหมาย ไม่แน่ใจว่าจะมีผู้แทนคนไหนเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ซะด้วยซิ ดูคนที่อยู่และคนที่คาดว่าจะเข้าไป ไม่น่ามีใครใส่ใจกับปัญหาตรงนี้เลย


โดย: นายเบียร์ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:3:03:37 น.  

 


โดย: rebel วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:19:01 น.  

 


โดย: grappa วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:52:14 น.  

 
แวะมาอ่านก่อนนอนจ้ะ


โดย: พีเจี้ยวค่ะ (sutida_jeaw ) วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:11:32 น.  

 


โดย: jingsija วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:51:19 น.  

 
อย่าเป็นเนติบริกรละกัน



โดย: keyzer วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:58:46 น.  

 
น่าสนใจดีค่ะ ... ขอบคุณค่ะ


โดย: VA_Dolphin วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:37:12 น.  

 
ตาสว่างครับ

เข้าใจในความต่างของการคิดอย่างถ่องแท้กับการลอกเค้ามาอย่างเด่นชัด(เรามันปากว่าตาขยิบ)


โดย: อนารยชนโรแมนติก IP: 61.91.97.14 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:07:33 น.  

 
แวะมาเยี่ยม...สวัสดีครับ


โดย: **mp5** วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:09:53 น.  

 
ได้ความรู้ดีมากเลยค่ะ


โดย: Hachi_chan วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:14:22 น.  

 
ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นแฮะ


โดย: IP: 202.57.174.130 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:19:50:45 น.  

 
สาบานไปก็แค่นั้นแหละพี่ คนมันจะทำอะไรมันก็ทำนั่นล่ะครับ การสาบานคงเป็นแค่การอ้างว่าจะพูดจริง แต่จริงๆแล้วก็ไม่จริงน่ะล่ะ เห็นๆกันอยู่ ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธ์มีจริง คงจะลงโทษคนที่ชอบสาบานกันอย่างถ้วนหน้า


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:35:02 น.  

 
ระบบกฏเกณฑ์มันก็ดีอยู่หรอก แต่บทบัญญัติบรรทัดฐานทางสังคมบางทีมันก็น่าจะช่วยได้บ้างเนอะ เช่น มีการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรต่างๆของรัฐ อย่างเช่นถ้าหัวหน้าหลักๆของกระทรวง ทบวงกรม ต่างๆไม่เห็นชอบกับการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ก็น่าจะมีการลาออกประท้วงกันบ้างเนอะ (ไม่เกี่ยวกับ กม เเค่อยากโพส)


โดย: ไอโคโนคลาส IP: 69.227.191.129 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:2:28:18 น.  

 
หึๆ สงสัยต้องเอาระบบไต่สวนดั้งเดิมมาใช้อีกรอบ จะได้รู้สำนึก

"ลงโทษคนบริสุทธิ์สิบคน ดีกว่าปล่อยคนผิดคนเดียว"


โดย: praphrut608 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:2:36:54 น.  

 
สิ่งที่คนไทยไม่เคยได้รับคืออำนาจครับ โดนสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ไม่มีความคิดของตัวเอง พอมีก็ใช้กันไม่เป็น ไม่เคารพตัวเองไม่มีสามัญสำนึก คงรอคนที่ใหญ่กว่ามาบอกทางอีกมั้ง


โดย: แป๊กก วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:5:16:03 น.  

 


โดย: jamba_juice IP: 12.178.137.231 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:6:33:44 น.  

 
ทนายที่อเมริกามี "ชื่อเสีย" พอๆกับนักข่าวเลยค่ะ


โดย: Rive Gauche วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:08:36 น.  

 
ชัดเจนดีจริงๆ ครับ ต่อจากนี้ไป ถ้าใครถามว่าทำไมทนายต้องแก้ต่างให้คนที่ทำผิดด้วย ก็จะได้อธิบายได้แล้ว

ท้ายๆ มีกัดสื่อมวลชนแถมด้วย

แต่ที่พี่กัดก็มีความจริงอยู่มากทีเดียว หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ผมติดตามอ่านเพราะเห็นว่าเป็นกลางที่สุด สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นผู้ชี้นำมวลตัวเอ้เลยทีเดียว หาความเป็นกลางไม่ได้เลย กลับไปอ่านความจริง อ่านเดลินิวส์ต่อไปดีกว่า (ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด แต่ที่อ่านเดลินิวส์ก็เพราะเขาไม่ได้เล่นข่าวชาวบ้านมากจนเกินไปเหมือนฉบับสีเขียว แล้วก็มีหลายครั้งที่คอลัมน์ด้านในให้ความเห็นที่ขัดแย้งกันเองก็มี)

รอดูกันต่อไปว่าทุกฝ่ายที่อ้างบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง จะหยุดสร้างความวุ่นวายกันเมื่อไร


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:45:50 น.  

 
เป็นดังที่ท่าน Rive Gauche ว่าครับ คือ ทนายที่ไม่ดีก็เยอะครับ และที่สำคัญ คดีที่ร้องเรียนเข้าสู่องค์กรวิชาชีพของสหรัฐฯ ก็มีมาตราฐานการพิสูจน์ว่า ทนายความ กระทำผิดมรรยาท ค่อนข้างสูงครับ ซึ่งยากต่อการพิสูจน์มากพอสมควร แต่ทนายเมื่อถูกจ้างให้ทำคดีมรรยาท ก็มักจะทำคดีเต็มที่เช่นกัน ไม่ช่วยเหลือกันครับ ... ต่างจากเมืองไทย ถ้าจ้างทนายความ เพื่อทำคดีมรรยาทแล้ว ไม่มีทางทำให้แน่ ๆ ๆ

แต่ผมเชื่อนะครับ ถ้าคนจิตใจดี ได้รับการปลูกฝังมาดี คำปฏิญาณ ก็ยังมีความหมายไม่น้อยครับ


โดย: POL_US วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:29:27 น.  

 
คำสาบาน คำบูรณาการ ความคิด จริยธรรม จรรยาบรรณ คำทุกคำต้องมีขอบเขต ประชาธิปไตย ก็เช่นกัน สังคมอยู่ได้เพราะมีกฎ ระเบียบ ทำไมคนไทยคนมีอำนาจ คนรวย จึงมีช่องว่างกับคนจนเยอะมาก เพราะมีการเอารัดเอาเปรียบ คนฉลาดมีเงิน เบียดเอากับคนจน คนโง่ คำว่าตกเขียว จึงเกิดขึ้น ทำอย่างไร ให้เงินอยู่ในระบบ คนอยู่ในระเบียบ การได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองต้องมีที่มา ต้องมีวิธีการจัดการ จะทำให้สังคมไทยมีวิวัฒนาการเจริญยิ่งขึ้น อะไรคือคำตอบ ทำไมต่างชาติทำได้ แต่ไทยไม่มี ผู้มีอำนาจทุกครั้งที่ขึ้นไปต้องปราบปรามการทุจริตคอรับชั่น ถามจริง ไม่มีใครจริงใจสักคน อย่าใช้ใจตนเองไปค้ำประกันคนอื่น ว่าบุคคลนั้นจะต้องเหมือนตน วาดโครงสร้างการแก้ปัญหา การกำหนดจุดยุทธศาสตร์ มีแผน มีแม่แบบ ระบบ มีบุคคลรับผิดชอบ ในความอิสระ การตรวจสอบ ควบคุม มาตรการชัดแจน ต่างประเทศเอกชนกับเอกชน การทำธุรกรรมต่างต้องผ่านการกรั่นกรอง ไม่ให้คนรวยกินคนจน ปลาใหญ่กินปลาเล็ก การดำเนินคดีอาญาต้องมีทนายความนั่งฟังการสอบสวน ยุทธการทับซ้อนเพื่อหาผลประโยชน์จึงเกิดขึ้นน้อยมาก ทำไมสังคมคนไทย ผู้มีอำนาจจึงไม่ยอมเล็งเห็นผลในข้อนี้ มัวแต่ทำอะไรก็ไม่รู้ กลัวไม่ได้ทรัพย์ กลัวไม่ได้ผลประโยชน์ ท่านหาได้มา ลูกหลานผลานหมด อนาคตตกแก่ลูกหลาน หากท่านไม่ทำเสียแต่วันนี้ จึงอยากได้คนจริงใจ ในการแก้ปัญหาประเทศชาติครับ ผม 08-6987-2832


โดย: นายสังคม IP: 58.9.78.226 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:12:08:16 น.  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.