*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
ฝันร้าย กับสิ่งเพี้ยน ๆ ของผม

เมื่อคืนวันที่ ๑๖ ม.ค. ๔๙ ผมฝันว่า ประเทศไทย มีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย สู้รบกัน แบบสงครามกลางเมือง ฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ รบพุ่งกัน ถึงขั้นเกือบจะแตกหัก กองกำลังฝ่ายเหนือ กับฝ่ายใต้ สู้รบกันมันหยดติ๋ง ๆ มีเพียงลำน้ำกั้นระหว่างสองฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายระดมยิงเข้าหากันตลอดเวลา จำไม่ได้ว่า ฝ่ายใด ที่รวบรวมนักปราชญ์ เพื่อเตรียมหลบหนีแล้วไปสร้างชาติใหม่ ......




ตกใจตื่นทันที ไม่ทราบว่า ทำไมจึงฝันแปลกประหลาดเช่นนั้นได้ ไม่ทราบว่าผมฟังรายการ ที่คุณสนธิฯ พูด มากเกินไปหรือเปล่า หรือ ไม่เช่นนั้น ผมก็คงจะศึกษาเกี่ยวกับ Civil war ที่มีฝ่าย Confederation กับ Federation ของสหรัฐฯ มากเกินไปเป็นแน่แท้ จนทำให้ผมฝันเช่นนั้นไปได้

ที่จริง ผมก็ทั้งอ่าน และฟังรายการของคุณสนธิฯ หลายครั้ง แต่อาจจะทำให้ผมฝันร้าย ก็ตอนที่เขานำผู้คนไปชุมนุมหน้าสถานที่สำคัญ แล้วมีการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ถ้อยคำตอนหนึ่งของคุณสนธิฯ บอกว่า นายกพูดจาหยาบคายไม่ได้ พูด "มึง มา พา โวย วะ" อะไรไม่ได้ เพราะมีวุฒิภาวะสูง ไม่เหมือน คุณสนธิฯ ที่จะพูดจาหยาบคาย อะไร อย่างไร ก็ได้ทั้งนั้น ฟัง ๆ ดูแล้ว ก็เข้าท่าดี เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องมีความอดทนสูง และมีวุฒิภาวะสูง

แต่อย่างไรก็ตาม ผมไม่ค่อยคล้อยตามกับเหตุผลของคุณสนธิฯ ที่ว่า ตัวเขาเองนั้นจะพูดอย่างไรก็ได้ จะหยาบคาย แค่ไหน เพียงใด หรือจะพูดไม่ตรงกับความจริง หรือ จริงแต่ไม่จริงทั้งหมด อย่างไรก็ได้ ผมไม่สบายใจเท่าไหร่ ที่เขาจะคิดเช่นนั้น เพราะเขาคือ "สื่อมวลชน" ซึ่งแม้แต่อดีตพระมหากษัตริย์ของเรา ยังยอมรับว่า เขาคือ ฐานันดรที่ ๔ ของสังคมเลยทีเดียว

สื่อมวลชน มีอิทธิพลสูงต่อสังคมอย่างมาก เพราะสามารถสร้างกระแสต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นในสังคมได้โดยง่าย โดยเฉพาะในภาวะที่คนอยู่ในภาวะไร้เหตุผล หรือถึงขึ้นบ้าคลั่งแล้ว ยิ่งสามารถถูกชักจูงได้ง่าย อีกทั้ง เยาวชน ยังจับจ้องมองสื่อมวลชนอย่างไร หากเขาเห็นว่า การพูดจาหยาบคาย โป้ปด มดเท็จ เป็นเรื่องธรรมดา ที่คนที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี สามารถกระทำได้แล้ว ผมว่าจะเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างมาก

ผมได้ฟังคุณสนธิฯ พูดอีกครั้ง ตอนที่มีครูไปชุมนุมกัน คุณสนธิฯ ใช้สไตล์ การพูดเช่นเดิม ทั้งหยาบคายและไม่จริงหลายส่วน เช่นว่า คุณสนธิฯ ว่า หลังจาก นายกรัฐมนตรีฯ จบการศึกษา ระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัย Sam Houston แล้ว มหาวิทยาลัย ได้ยุบคณะ Criminal Justice ที่นายกฯ จบมาทันที โดยนายสนธิฯ อ้างหลายเหตุผล .... ผมตกใจ รีบคลิ๊ก อินเตอร์เนต ดูข้อมูลทันที นอกจากจะไม่จริงแล้ว มหาวิทยาลัย แห่งนี้ ยังได้ขยายปริญญาเอกทาง Criminal Justice ไปอีกหลายสาขา มีคณาจารย์กว่า ๔๐ คน ซึ่งถือ เป็นคณะอาชญาวิทยา ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ คณะหนึ่ง เลยก็ว่าได้

อีกส่วนหนึ่งที่ นายสนธิฯ พูดถึง คือ นายกรัฐมนตรีฯ ไม่เคยดื่มพิพัฒน์สัตยา ผมเอง ยังเคยดื่มเลย ผมเชื่อว่า ท่านก็เคยดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ที่มีคมหอกคมดาบ ปักไว้อยู่ ที่ผมเคยเข้าพิธีอันสำคัญอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะผม ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อะไรตามที่นายสนธิ อ้างหรอก แต่เพราะ นักเรียนนายร้อยตำรวจ นายร้อย จปร. ฯลฯ ต้องฝึกหลักสูตรกระโดดร่ม หากใครเข้าฝึกหลักสูตรนี้ ก่อนจะได้เป็นนักเรียนพลร่ม จะต้องเข้าสู่พิธีนี้ทั้งสิ้น

ตำรวจพลร่ม ค่ายนเรศวร (ประจวบคีรีขันธ์) ที่ผมไปฝึกมา ตอนอยู่ปี ๑ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้จัดพิธีนี้ ต่อหน้าพระบรมสาธิตลักษณ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะตำรวจพลร่ม มีภารกิจสำคัญ นอกจากจะรบเพื่อชาติแล้ว ยังต้องถวายอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์เสมอมาด้วย นักเรียนนายร้อยตำรวจทุกคนที่ผ่านหลักสูตรกระโดดร่ม จึงต้องเข้าพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้ทั้งสิ้น .... สิ่งที่คุณสนธิฯ พูดจึงคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงไปอย่างมาก

ผม ฟังคุณสนธิ หลายครั้ง แต่ที่แน่ ๆ ผมว่า คนที่ฟังคุณสนธิฯ มาก ๆ จะทำให้มีความอดทนต่อการใช้คำหยาบคาย และการพูดจริง ไม่หมด มากยิ่งขึ้นเป็นแน่แท้ ขนาดผม ยังเก็บเอาไปฝันร้าย ได้ถึงขนาดนั้น ....ไม่น่าเลยครับ ผมจะสรรเสริญ คุณสนธิฯ ในฐานะสื่อมวลที่เปิดหูเปิดตาประชาชนให้ได้รับข้อมูลข่าวสารในอีกด้านหนึ่ง มากขึ้น หากคุณสนธิฯ ไม่ใช่ภาษาหยาบคาย ส่อเสียด ไม่พูดเท็จ หรือ ไม่พูดจาที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ที่สามารถตรวจสอบได้ก่อนพูด แต่ไม่ยอมทำ ซึ่งมีอีกหลายอย่างมาก ไม่อาจนำมาพรรณนาในที่นี้ได้

ผลของการฝันร้าย ทำให้เกิดสิ่งเพี้ยน ๆ ในชีวิตของผมเลย คือ ตอนเดินทางกลับมาอิลลินอยส์ ในวันนี้ (๑๗ ม.ค. ๔๙) เบลอเลยครับ เช็คอินเสร็จ เดินเข้าประตูเครื่องบินของสายการบิน United Airline ก็เดินตรงไป Gate ๑๕ ทันที ทั้ง ๆ ที่ตาก็อ่านในบัตรว่าเป็น Gate ๑๓ รอไปซิครับ ..จนได้เวลา ทำไม ไม่มีคนมาเลย .... ลองควัก(ตั๋ว) ขึ้นมาดูใหม่ แย่เลยครับ รอผิดที่ ..... วิ่งตาเหลือก ไปยัง Gate ๑๓ โชคดีที่ยังทันในวินาทีสุดท้าย เฮ้อ ...ผม ไม่น่าเลยครับ .....

ปล. ผมไม่อยากให้ฝันร้ายกลายเป็นจริง เพราะถ้าบ้านเมืองเกิดสภาวะไร้กติกา ย่อมไม่เป็นผลดีต่อสังคมโดยรวมเป็นแน่ กติกาของประชาธิปไตย คือ การขับไล่คนเลวออกจากระบบการเมืองเป็นระยะ ๆ เช่น บ้านเมืองไทยของเรา ก็มีระบบเลือกตั้งที่ขับไล่ผู้แทนเลว ออกจากรัฐสภาทุก ๔ ปี หากเห็นว่าเขาไม่ดี ไม่ได้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ สมัยหน้าก็อย่าเลือกเขา น่าจะดีกว่า เดินขบวน ทำลายทรัพย์สินส่วนรวม หรือปลุกระดมเป็นแน่ ... อดีตนายกชวนฯ พูดว่า "ผมเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา" คำพูดนี้ ยังอยู่ในใจผมเสมอ .....



Create Date : 18 มกราคม 2549
Last Update : 17 ตุลาคม 2550 4:21:31 น. 38 comments
Counter : 508 Pageviews.

 



no comment ค่ะ....

แวะมาทักทายนะคะ



โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:14:15:44 น.  

 
แม้แต่ฝันก็ยังเป็นเรื่องการบ้านการเมืองนะคะ คุณพี่ ..

โชคดีนะเนี่ย .. ที่ยังไปถึงเกททัน


โดย: ซีบวก IP: 203.147.33.1 วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:14:18:34 น.  

 
ตอนนี้เริ่มเกลียดสนธิอย่างแรงแล้วอ่าครับ

มันไม่ควรจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนอ่ะ - -"

ความคิดส่วนตัว ๆ


โดย: สตอเบอร์รี่นมเขย่า IP: 202.44.135.35 วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:14:28:48 น.  

 
กลับถึงบ้านแล้วสินะครับ

ผมก็เหนื่อยๆ เรื่องไม่สบายใจก็ยังมี

งานก็ยังเยอะ

แต่ก็ยังขี้เกียจทำ

ที่อยากทำตอนนี้ "ไป Boston ครับ"


โดย: Marvellous Boy วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:14:29:54 น.  

 
ศุกร์ที่แล้วฟังรายการคุณสนธิจนหลับไป ฝันร้ายเหมือนกัน แหะ แหะ


โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:17:09:56 น.  

 
ฝันอาจจะเป็นจริงเร็วๆนี้ครับพี่


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:17:17:37 น.  

 
สงสัย จขบ. ดูหนังสงครามกลางเมือง มากไปเปล่า
คะ

แต่ยังไงๆ ก็ไม่ชอบคุณสนธิมานานแล้วค่ะ
ไม่ได้ไม่ชอบเพราะแกอยู่ฝั่งตรงข้ามนายกฯ
แต่ไม่ชอบเพราะแกไม่เคยมีจุดยืนของตัวเองเลย

ดูรายการของแกแรกๆ ก็เชลียร์นายกฯ ออกหน้าออกตามาก
พอผลประโยชน์ขัดกันปุ๊บ ก็ อย่างที่เห็น นั่นแหล่ะค่ะ


โดย: grappa วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:17:54:04 น.  

 
มาอ่านค่ะ
ยังมึนกับงานอยู่ นึกเม้นต์ไม่ออก


โดย: rebel วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:19:26:01 น.  

 
ผมก็ได้ฟังรายการลุงสนธิประจำนะ ปกติก็ฟังเอามันส์เอาฮาไปเรื่อยเปื่อย แถมได้รู้อะไรอีกหลายอย่างด้วย แต่เรื่องดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยานี่มันติดใจผมจริง ๆ ฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆ น่ะครับ ขอบคุณพี่พลมากเลยครับที่ให้ความกระจ่าง

ผมรู้สึกว่าหลาย ๆ ครั้งเหมือนแกพูดไม่หมด คือใช้ข้อมูลเท่าที่จะพอโจมตีได้น่ะครับ แต่หลายอย่างผมก็เห็นด้วยกับแกนะ ส่วนเรื่องคำหยาบไม่ว่าจะเป็นคุณสนธิหรือคุณทักษิณผมว่าก็ไม่น่าพูดทั้งสองท่านครับ อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะรู้สึกตัวว่าสิ่งที่พูดมันต้องผ่านสื่อสาธารณะด้วยน่ะ

หลัง ๆ นี้ผมชักไม่แน่ใจว่าคนเกลียดนายกเพราะสิ่งที่นายกทำจริง ๆ หรือเกลียดเพราะแค่โดนเป่าหูนะครับ เห็นเด็ก ๆ หลายคนเอาผู้ใหญ่รุ่นพ่อมาเล่นเป็นตัวโจ๊กไปแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย ..


โดย: dionysos.exe IP: 220.245.178.133 วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:19:57:04 น.  

 
แวะมาทักทาย เดี๋ยวดึกๆ จะเข้ามาอ่านนะครับ
แล้วก็ ขอบคุณที่เข้าไปฟังเพลงที่บล็อกครับ


โดย: T_Ang วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:20:15:08 น.  

 
นานๆมาที แต่ได้ของดีกลับไปทุกครั้ง
ดีจัง ที่มีคนบ่นแทนใจ
ยังไงก็อย่าให้ฝันร้ายกลายเป็นจริงนะคะ
สงครามกลางเมือง ไร้กติกา...น่ากลัว
ขอบคุณค่ะ...ที่ได้อ่าน


โดย: shadow-of-art วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:21:25:37 น.  

 
มาขอบคุณค่ะ และขอแสดงความยินดีด้วยนะค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:22:50:06 น.  

 
มาทักทายคร้าบ


โดย: เด็กชายก้อง วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:23:03:51 น.  

 
มาทักทายค่ะ...

พูดถึงคุณสนธิ... บางครั้งรู้สึกว่าเขาจะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวหรือเปล่า?

เพราะบางประโยค บางคำ ไม่น่าจะเอามาพูดในที่แบบนั้น เพราะมันไม่สร้างสรรค์

... หรือว่านี่คือวิธีการปลุกระดม อย่างที่เลนินหรือฮิตเลอร์เคยทำ...


โดย: waidhaya IP: 61.91.175.246 วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:23:30:49 น.  

 
ผมเกลียดทั้งสนธิทั้งนายกล่ะครับ เพราะทั้งคู่ต่างก็มีความ "เลว" และ "เอี้ย" ในแบบของตัวเองในระดับที่พอพอกัน...

ทักษิณ ปากไว ด่าได้ไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม ด่าแบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง กูคือผู้ถูกต้องตลอดศก กูคือเจ้าประเทศ กูเป็นทาสอเมริกา และกูจะเป็นประธานาธิบดี..

ส่วนสนธิ ก็ปากไวไม่แพ้กัน แล้วช่วงหลังๆ ก็เริ่มอาศัยการปลุกระดมเอามันส์เข้าว่า แถมยังเอาเบื้องสูงมาจูงใจคนฟัง (ซึ่งช่วงหลังคนเริ่มเอากลยุทธนี้ไปใช้กัน เยอะ...)

แต่มีหลายคนพูดเหมือนกันนะครับ ว่าที่พวกสนธิเข้าไปได้เนี่ย เพราะว่ารัฐบาลจงใจปล่อยให้เข้าไปทำเนียบง่ายๆ ไม่ล็อกประตู ไม่มีเจ้าหน้าที่คุ้มกัน อะไรเทือกนี้...

ก็ไม่รู้จะเชื่อได้ซักเท่าไหร่


โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:0:09:29 น.  

 
ตอนแรกชอบฟังค่ะ

ตอนหลังๆเอียน

ข้อมูลโย้ ภาษาชักจะไม่ไหว



โดย: PADAPA--DOO วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:0:51:36 น.  

 
เรื่องแฮรี่,สโรแชงกับทักกี้ ผมว่าสองฝ่ายพอๆกัน ในสายงานที่ผมทำก็พอจะรู้ข้อมูลทั้งสองฝ่าย เนื้อแท้ไม่ต่างกันมากครับ

เรื่อง Civil war ใหญ่อย่างที่คุณกลัว ยังไงก็คงไม่มีทางเกิดในสมัยกษัตริย์องค์ปัจจุบันซึ่งมีความดีที่ทำให้คนทุกฝ่ายรักท่านแน่อนครับ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:1:19:45 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาครับ

หลายท่านก็วิจารณ์ในทำนองเดียวกันว่า เรื่องปากนี่ พอกันทั้งคู่ ไม่แตกต่างกัน ผมไม่วิจารณ์แล้วกัน เพราะผมเชื่อว่า ใครก็ตาม ถูกด่าทุกวัน ก็ต้องมีน้ำโห กันบ้างแหละ

คือ ผมตั้งใจว่า นับแต่ตั้งบัดนี้ จะไม่ด่าใครอีก ... จะวิพากษ์วิจารณ์ แบบกลาง ๆ แทน เรื่องนี้ ก็เช่นกัน ไม่ได้บอกว่า สิ่งที่คุณสนธิฯ กระทำ จะไม่ดีไม่งามไปเสียทั้งหมด แค่ติติงในเรื่อง การใช้คำพูด กับข้อมูลที่นำเสนอ ในฐานะสื่อมวลชน ควรจะต้องตรวจสอบให้แน่นอนก่อน และควรใช้ถ้อยคำที่สุภาพ

การใช้ถ้อยคำที่สุภาพ ก็ไม่ได้แปลว่า อ่อนแอ หรือ ไร้เหตุผล สักหน่อย ไม่เห็นต้องประชดประชันอะไรกัน หรือ ตีไข่ ใส่ชูรส อะไรกันมากแบบ ตรงกันข้ามกับความจริง หรือ ไม่จริงทั้งหมด แต่ทำให้ดูเหมือนจริง อะไรเทือกนั้น

ปล. ความฝัน คือ ความฝัน แต่ไม่อยากให้เป็นจริงเลยครับ หวังว่า คนสังคมจะหนักแน่น มีเหตุผล รักษากติกา ยึดมั่นในระบบรัฐสภา คัดคนไม่ดีออกจากระบบ ตามกติกา ที่มันควรจะเป็น บ้านเมืองไม่ใช่หนูทดลอง ...นี่ครับ ต้องใช้เวลาพัฒนากันหน่อย


โดย: POL_US วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:5:08:24 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าครับคุณ POL_US

เรื่องคุณสนธิถ้าเป็นแบบนี้ถือว่าแย่มากนะครับ สำหรับเรื่องข้อมูลเท็จ ถือว่าใส่ร้ายกันเห็นๆ เลยล่ะ เรื่องโกหกนี่ยอมไม่ได้ครับ - แม้กระทั่งนายกก็เถอะ!

Quote
"อดีตพระมหากษัตริย์ของเรา ยังยอมรับว่า เขาคือ ฐานันดรที่ ๔ ของสังคมเลยทีเดียว"
เรื่องนี้เป็นอย่างไรเหรอครับ ใครทราบ รบกวนถามหน่อยได้มั้ยครับ คือว่าอยากทราบจริงๆ ครับผม ขอบคุณนะครับ


โดย: BAYROCKU วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:7:33:33 น.  

 
ระยะหลังแกพูดเอามัน เอาเฮ ซะเป็นส่วนมาก ผมก็ยังฟังอยู่ทุกสัปดาห์นะ แต่ก็ฟังไปอย่างนั้นเอง ดูว่าจะไปเอาเรื่องอะไรใหม่ๆ มาด่ากันอีก

ผมไม่รู้ว่าคนที่ร่วมขบวนไปบุกทำเนียบจะมีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นมาบ้างหรือเปล่า หลังจากที่รู้ว่าคนที่นำขบวนหนีกลับบ้านไปก่อนพวกเขา

ผมว่านะ ถ้ามีข้อมูลอะไรที่เพียงพอที่จะหักล้างรัฐบาลได้ ก็ออกมาบอกเลยว่าผมมีข้อมูลเหล่านี้นะ กำลังจะส่งต่อให้ฝ่ายค้านเข้าไปยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภานะ ถ้าหักล้างได้สำเร็จก็เป็นเพราะข้อมูลของเขา ก็ได้เครดิตไป แล้วก็ถูกกติกาของบ้านเมืองด้วย อย่าไปอ้างแต่ว่ารัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภา เพราะประชาชนก็ดูอยู่ ถ้าข้อมูลมีน้ำหนักจริง รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้หรอกครับ ถ้าหน้าด้านอยู่ต่อ ครั้งหน้าก็ไม่มีใครเลือกเข้ามาแล้ว

คนที่อ้างถึงกติกาอยู่เรื่อย กำลังจะไม่ทำตามกติกาเสียเองอย่างที่พี่ว่าไว้นั่นแหละครับ


โดย: เที่ยวนี้ยาวไปหน่อย... (คนทับแก้ว ) วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:13:06:13 น.  

 
ตัวตนเข้มแข็ง ข้นคลั่กจริงๆเลยท่านพี่ ถึงกับเก็บไปฝัน

ปล่อยวาง ปล่อยวาง

สนธิ ทักษิณ คือใคร หากไร้ภาษาเรียกขาน

ตัวท่านคือใครกัน หากไร้ระเบียบแบบแผนที่ถอดรื้อและประกอบตัวท่านพี่ใหม่ จนจิตสำแดงเป็นความฝันทั้งในยามหลับและตื่น

วิสัชชนา วิสัชชนา วิสัชชนา

เพื่อใครกัน เพื่อตัวท่าน หรือใครกัน

รักและเคารพ


โดย: น้องโต คนบ้า IP: 61.90.250.73 วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:17:36:03 น.  

 
เชื่อเค้าเลย เชื่อเค้าเลย
ขนาดฝันพี่พลยังฝันมีสาระ แล้วเอามาเขียนบล๊อกได้อีก
มิ้มไม่เคยฝันมานานละ เว้นตอนดูหนังผีแล้วเก็บเอามาคิด
แต่เป็นฝันออกแนว déjà-vu คือ ฝันเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าซะมากกว่า
ฝันแบบนองเลือด มันส์หยดแบบนี้ไม่เคยแฮะ



โดย: carré de mim IP: 203.155.225.248 วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:21:07:17 น.  

 
010101


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:22:32:48 น.  

 
ที่จริง ไอ้ตัวกระผม เริ่มปล่อยวางมานานแล้วละ ยกเว้นบางเรื่อง ที่ยังยึดถืออยู่ แต่ไม่ใช่เรื่อง ตัวตน คนใดคนหนึ่ง คือ ไม่ใช่ สนธิ หรือ ทักษิณ หรือ พรทิพย์ หรือใครก็แล้วแต่ หากแต่เป็นเรื่องของสถาบันชาติ และความมั่นคงของประเทศ ที่ยังเป็นห่วงอยู่เสมอ .... เหอ เหอ ....

ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่า การฟังรายการของคุณสนธิฯ จะทำให้ผมฝันได้เป็นตุเป็นตะ นี่ถ้าดูรายการ โชว์แก้จน ... (เอ่อ ไม่ขอวิจารณ์แล้วกัน เพราะมีคนวิจารณ์ ไปเยอะแล้ว) ไม่รู้ผมจะฝันอะไรอีก

ตอนนี้ ไปขอดู คุณอา.....อาแนน....ก่อนดีกว่า ..... ( คือว่า อาของผม ชื่อ แนน ครับ จึงเรียกเธอว่า "อาแนน" .....เธอไม่สบายอย่างมาก.. ย้ำ นะครับ อาแนน ไม่ใช่ แอนนา ที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้ .... อิ อิ )


โดย: POL_US วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:4:36:23 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าครับ ;)


โดย: BAYROCKU วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:9:47:51 น.  

 
เข้ามาอ่าน ได้สาระอีกแล้วครับ

ปล ขอบคุณที่ไปอวยพรวันเกิดในบลอกนะครับ


โดย: วัยรุ่นออสซี่ วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:10:26:35 น.  

 
เมื่อคืนพี่ฝันว่าอะไรครับ อิอิอิอิ


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:10:52:32 น.  

 
คุณอาแนน ไม่สบายมากไหมครับเนี่ย


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:11:19:48 น.  

 
Image Hosted by ImageShack.us
มาชวนไปลงชื่อในGuest BooK ค่ะ


โดย: erol วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:11:45:29 น.  

 
งั้นผมถือขอเคล็ดว่า ฝันร้ายจะกลายเป็นดี ก็แล้วกันครับท่าน POL


โดย: กุมภีน วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:11:57:25 น.  

 
เอ .. อาพี่พลชื่อเดียวกับอาผมเลยครับ หุหุ
ว่าแต่วันนี้มีรายการเมืองไทย ฯ ด้วย ระวังเก็บไปฝันนะครับ
ฝันดี ฝันดี ดีกว่า :D


โดย: dionysos.exe IP: 220.245.178.134 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:13:03:39 น.  

 
อ่านแล้วอดเห็นใจเจ้าของ bl มิได้ ใจจริงแล้วอย่าจะบอกว่า อย่าไปคิดมากเลย เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง..

แต่มานั่งๆนึกดูความนึกคิดของคนเรา ผมว่ามันห้ามยากนะครับ ปากอาจจะบอกว่า ไม่คิดอะไรหรอก ไม่คิดมากหรอก แต่ใครจะไปรู้ว่าใจเราคิดไปถึงไหนแล้ว ผมคนหนึ่งล่ะ ทุกวันนี้ไม่พยายามรับข่าวสารบ้านเมืองเหมือนเช่นทุกวัน ทั้งๆที่ทุกวันนี้มีเวลาว่างตลอด 24 ชม.เลย แต่กลับไม่สนใจข่าวสาร มีเหมือนกันนะครับ คนมาชวนไปฟังที่สวนลุม วันนี้ก็มีมาชวนอีก แต่ผมก็บอกปัดไปทุกครั้ง กลัวครับ บอกตรงๆกลัวตัวเอง ของบางอย่างคิดว่าอาจจะแยกแยะได้ แต่พอเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์แล้ว อยู่ท่ามกลางคนคอยเป่าหู กรอกหูตลอด บ่อยครั้งเลยครับที่เหตุการณ์มันพาไป กว่าจะคิดได้ก็เข้าไปอยู่ตรงนั้นเต็มๆแล้ว จะถอยก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่ดี เห็นช้างตัวเท่ามด ก็เคย

คิดแล้วปั่นจักรยานดีกว่าครับ ปั่นเสร็จก็มาให้ข้าวให้ปลาไอ้ไข่นุ้ย ยังจะทำให้จิตใจดีกว่าไปนั่งฟังเรื่องจริงบ้าง เท็จบ้าง ซึ่งเราเองก็ไม่แน่ใจไปด้วยซ้ำว่าอันไหนจริงอันไหนมั่ว ...

ผมก็เชื่อดั่งคำที่นายหัวชวน ผมพูดแหละครับ


โดย: merf1970 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:15:38:37 น.  

 
สวัสดีครับผมเป็นน้องๆ ที่ชื่นชมในสังคมบลอกคนหนึ่ง เช่นบลอกของคุณ polus เป็นต้น ผมเข้ามาแล้วรู้สึกประทับใจในความเป็นอุดมคติของสังคมไซเบอร์ที่ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูแย่ๆ หมกมุ่น พูดพล่าม แต่บลอกในสังคมนี้ยืนยันคุณภาพ50 ดีกรีครับผม

ประเด็นที่ผมเห็นเด่นชัดจากกรณีนี้ คือ ประเด็นเรื่องธรรมชาติของการเสพข่าวสารในสังคมไทย(ผมไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นเช่นไร)

คำว่า "อ่านระหว่างบรรทัด" เป็นแบบที่คุณวินทร์ เลียววาริณทร์ว่าไว้เลยครับ คือพวกเรา(หมายถึงผมและคนที่ไม่อ่านระหว่างบรรทัด) ขาดวิจารณญาณในการเสพข่าวสารขั้นรุนแรง

ผมเป็นคนหนึ่งที่อ่านรายการคุณสนธิในเวบไซต์ทุกครั้งที่มีการจัดงาน ผมเชื่อในหลายประเด็นนะครับในตอนแรก และตกอกตกใจมาก ว่านายกบ้านเราจัญไรขนาดนี้เชียวหรือ (ผมเคยแสดงเจตจำนงค์เป็น1ใน19ล้านเสียงนะครับ)

สุดท้ายการเชื่อโดยไม่ตรวจสอบก็แผลงฤทธิ์เป็นการเดินขบวน-สัญลักษณ์น่าเศร้าในการแสดงออกสำหรับการประท้วงในเรื่องการเมือง เพราะคนจำนวนมากถูกบงการความคิด ด้วยคนกลุ่มเล็กๆ

ถ้าหากมีฐานความรู้อย่างเช่นคุณpolusในกรณีนี้ที่เห็นชัดคือ การดื่มนำพิพัฒฯกับกรณีคณะ criminal justice ของsamhouston เป็นต้น

หากผมฟังหรืออ่านเพียงข้อมูลฝ่ายเดียวผมไม่มีวันรู้ และการได้รับข้อมูลเช่นว่านี้ มีแต่โทสะที่จะก่อเกิด มีแต่ความร้อนที่จะลุกฮือเมื่อปรอทมันแตกแค่นั้น

"ระหว่างบรรทัด" และ "วิจารณญาณ" ยังเป็นคำที่ควรจะแพร่หลายมากกว่านี้ในสังคม

แต่ก็ยังเห็นได้กับกระบวนการสนธิในเชิงโครงสร้างและเนื้อหาบางจุดครับ และก็ยังชื่นชอบนายกในการบริหารงานบางจุด(ถึงแม้จะน้อยหรืออยู่ภายใต้ความเป็นประชานิยมแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรแล้วเห็นการเมืองเป็นiceberg เหมือนเดิม บางทีคิดอะไรที่คิดว่าใหม่ แล้วทำออกมาหากมันดีแย่ยังไง ประวัติศาสตร์มีแนวโน้มที่จะแก้ไขตัวมันเองเสมอ)

สวัสดี(อย่างมีสติ)ครับ



โดย: soulseeker IP: 202.28.88.253 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:17:42:18 น.  

 
แต่มีสนธิ ก้ดีนะ ถึงไม่ชอบนัก แต่ก็ดีกว่าแม้ว..


โดย: สุภาฯ IP: 210.246.64.17 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:22:43:05 น.  

 
เขาไม่ให้เล่าเรื่องฝันอะ


โดย: buo วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:2:49:23 น.  

 
รออ่านผลึกความคิดมีคุณภาพชิ้นต่อไปครับ เราอาจคิดต่างกันได้จากมุมมองของประสบการณ์ แต่ผมชื่นชมคนที่ทุ่มเทในการศึกษาไม่ว่าจะมาจากทางไหน



โดย: นายเบียร์ วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:9:09:03 น.  

 
ผมเอาบทความเรื่อง "ข้อควรคำนึ่งในการเรียกร้อง "รัฐบาลพระราชทาน"" ซึ่งเขียนโดย อ. ชัชพล ไชยพร แห่งคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาโพสต์ไว้ เผื่อใครสนใจอ่านครับ

วิถีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทยเรานั้น มีที่มา วิวัฒนาการ และคุณลักษณะพิเศษต่างไปจากบ้านเมืองอื่นอยู่หลายประการ

ด้วยเหตุนี้ หลายต่อหลายครั้ง เมื่อเกิดความขัดแย้งยุ่งยากใดๆ ในเมืองไทย อันก่อให้เกิดอารมณ์ที่ขุ่นหมองขึ้นในหัวจิตหัวใจ คนจำนวนไม่น้อยจึงหวังอ้างเอาพระบารมีปกเกล้าฯ เป็นที่พึ่ง

จนในบางโอกาส อาจลืมนึกถึงหลักการตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นระบอบที่เราเลือกใช้ และนิยมนับถือกันว่าดีที่สุดนั้น มีวิถีทางเฉพาะอย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อหลักการที่เรายอมรับกันโดยทั่วไปว่าพระมหากษัตริย์ทรงวางพระองค์เป็นกลาง และทรงสถิตเป็นหลักชัยอยู่เหนือการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง

จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ในระยะนี้ ได้เกิดกระแสเรียกร้องรัฐบาลพระราชทานและนายกรัฐมนตรีพระราชทานขึ้นอย่างหนาหู เมื่อฟังเผินๆ ก็ดูคล้ายจะเป็นการแสดงออกซึ่งน้ำใจจงรักภักดี

เช่น การกล่าวอ้างว่าสมควรจะถวายพระราชอำนาจคืนไปยังพระมหากษัตริย์ เพื่อจักได้พระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยชี้ชัดเลือกสรรบุคคลผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐบาล สุดแต่พระราชอัธยาศัยทุกประการ

ท่ามกลางกระแสดังกล่าว ก็เกิดประเด็นสงสัยขึ้นในใจใครหลายคนว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ เป็นจลาจลวุ่นวายถึงขั้นเรียกได้ว่าหมดหนทางเยียวยา กระทั่งกฎหมายสิ้นสภาพบังคับ ถึงขนาดว่าต้องรบกวนเพราะยุคลบาลให้พระองค์ต้องทรงตัดสินพระราชหฤทัย มีพระบรมราชวินิจฉัยชี้ขาดในทางการเมืองแล้วกระนั้นหรือ?

นอกจากนี้ ยังเป็นการสมควรแล้วหรือไม่ที่เราจะปลุกกระแสเรียกร้องขอรัฐบาลพระราชทานจากพระมหากษัตริย์โดยไม่ขวนขวายหาทางแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นใดตามวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ?

รวมทั้งเกิดมีข้อควรคำนึงว่าการพระราชทานรัฐบาลในภาวะวิกฤต เฉกเช่นอดีตสมัยนั้น เป็นพระบรมราชวินิจฉัยที่พระราชทานมาเองในยามที่ทรงพระราชดำริเห็นสมควร มิใช่ธุระของผู้หนึ่งผู้ใดในการรบเร้าร้องขอ เช่นนั้นหรือไม่?

การเรียกร้องรัฐบาลเช่นว่านั้น จะส่งผลดีต่อพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐของพวกเราชาวไทยหรือไม่ ...เป็นเรื่องที่น่าคิดคำนึง และยิ่งน่ากังวลใจ เมื่อพิจารณาอุทาหรณ์ในหลายประเทศ (ที่ไม่ได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย) เช่น บรูไน ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ตั้งคณะรัฐบาลได้โดยพระราชอัธยาศัยของพระองค์เอง จะพบว่าสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการตรวจสอบ หรือวิจารณ์รัฐบาลก็ดำเนินไปได้อย่างไม่ใคร่สะดวก

และแน่นอนว่าเมื่อใดบุคคลที่ได้รับมอบหมายตามพระราชอัธยาศัยให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในคณะรัฐบาลดำเนินนโยบายผิดพลาด หรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ดี พระเดชานุภาพแห่งพระเจ้าแผ่นดินของประเทศเหล่านี้ก็ถูกกระทบกระเทือนโดยตรงเมื่อนั้น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงวางบรรทัดฐานการวางพระองค์ของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยของไทยเรานั้น ทรงถึงพร้อมด้วยพระปรีชาสามารถ แม้จะทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจตามกฎหมายและตามราชประเพณีหลายประการ แต่ก็ทรงบริหารพระราชอำนาจนั้นอย่างมีขอบเขต

หากไม่จำเป็นอย่างยิ่งยวดแล้ว ก็หาได้ทรงนิยมใช้พระเดชเชิงบัญชาสั่งการทางการเมือง ตามลักษณะ 'โองการ' ของเทวราชผู้ทรงอำนาจ หากแต่ทรงใช้พระคุณ โดยเฉพาะพระปัญญาคุณ และพระมหากรุณาธิคุณในลักษณะของธรรมิกราชผู้ทรงธรรมในการพระราชทานคำแนะนำและคำตักเตือนแก่ฝ่ายบริหารเป็นการภายใน เพื่อฝ่ายบริหารจะได้รับใส่เกล้าฯ มาพิจารณาเป็นแนวทางและใช้สติสำนึกในการปฏิบัติ

นับเป็นจุดเชื่อมประสานวิถีประชาธิปไตยกับการมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้อย่างสมานสนิทลงตัว และเป็นหนทางที่ทำให้ทรงดำรงความเป็นกลางในทางการเมืองไว้ได้เสมอมิมีด่างพร้อย

ในรัชกาลปัจจุบัน แนวพระราชดำริต่อหลักการที่ว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้น พระมหากษัตริย์ทรงวางพระองค์เป็นกลางทางการเมือง ปรากฏในพระราชดำรัสที่พระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวในรายการพิเศษเรื่อง 'The Soul of the Nation' ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ บีบีซี ไว้เมื่อพุทธศักราช 2522 ความว่า

'เราพยายามวางตัวให้เป็นกลาง และร่วมมือโดยสันติวิธีกับทุกฝ่าย เพราะเชื่อว่าความเป็นกลางนี้จำเป็นสำหรับเรา...'

ส่วนแนวพระราชดำริในหลักการที่ว่า พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมืองนั้น ปรากฏแจ้งชัดในคราวที่มีการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2517 ซึ่งได้ระบุให้ประธานองคมนตรี เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา

ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน บันทึกพระราชกระแสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2517 มีเนื้อความในข้อ 2 แสดงให้เห็นชัดเจนว่าทรงยึดถือตามหลักที่ว่าพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง ทั้งยังไม่ทรงต้องพระราชประสงค์ที่จะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ทรงเลือก หรือทรงแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัย ไปเกี่ยวข้องพัวพันเสมือนหนึ่งองค์กรทางการเมือง

ขออัญเชิญความตอนหนึ่ง จากบันทึกพระราชกระแสดังกล่าวที่เคยตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์สยามรัฐฉบับวันที่ 7 ตุลาคม 2517 มาเพื่อพิจารณาเป็นแนวทางใส่เกล้าฯ ดังต่อไปนี้

'ตามมาตรา 107 วรรค 2 แห่งร่างรัฐธรรมนูญนี้ บัญญัติให้ประธานคณะองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภานั้น ไม่ทรงเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะประธานองคมนตรีเป็นผู้ที่พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัยตามความในมาตรา 16 เป็นการขัดกับหลักที่ว่าพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง (ในระบอบประชาธิปไตย) ทั้งจะทำให้ประธานองคมนตรีอยู่ในสภาพเหมือนเป็นองค์กรทางการเมือง ซึ่งขัดกับมาตรา 17 ด้วย'

เพียงแนวคิดที่จะให้ประธานองคมนตรีซึ่งเป็นบุคคลที่พระองค์ทรงเลือกและแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัยเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งบุคคลทางการเมือง เช่น สมาชิกวุฒิสภา นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังไม่ทรงเห็นด้วยอย่างยิ่ง

ดังนี้ ผู้ที่กำลังเรียกร้องให้มีรัฐบาลพระราชทานอาจไม่ทันฉุกคิดก็เป็นได้ว่า 'รัฐบาล' ตามวิถีทางแห่งระบอบประชาธิปไตย นั้นก็คือองค์กรทางการเมืององค์กรหนึ่ง ซึ่งย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกเพ่งเล็งสงสัย และถูกตรวจสอบซักฟอกได้ หากมีข้อผิดพลาดในการตัดสินใจก็ดี หรือในปฏิบัติการใดๆ ก็ดี ความรับผิดชอบทั้งนั้นย่อมตกแก่คณะรัฐบาล

'รัฐบาลพระราชทาน' ย่อมอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องถูกเพ่งเล็งวิพากษ์วิจารณ์ได้โดยสาธารณชนดุจกันแล้วเราท่านไม่กังวลกันบ้างหรือว่า คำวิพากษ์วิจารณ์ต่อรัฐบาลพระราชทานหรือบุคคลในรัฐบาลนั้นๆ อาจจะกระทบกระเทือนล่วงละเมิดไปถึงองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นหลักชัยของประเทศ อันจะขัดต่อความในมาตรา 8 แห่งรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า 'องค์พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้'

กล่าวโดยสรุปก็คือ การเรียกร้องรัฐบาลพระราชทานนั้นอาจทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องพัวพันเกี่ยวข้อง และรับผิดชอบโดยตรงในการตัดสินใจทางการเมือง ประหนึ่งเป็นองค์กรทางการเมืององค์กรหนึ่งไปเสียโดยไม่จำเป็น

การใช้พระราชอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ในภาวะวุ่นวายทางการเมืองเช่นที่เคยมีมาในอดีตนั้น ล้วนบังเกิดด้วยพระราชญาณทัศนะอันรอบคอบและแยบคาย เพื่อแก้ไขภาวะจลาจลของบ้านเมืองที่จำเป็นเฉพาะหน้า

เช่น เมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ หากจะรอให้มีการซาวเสียงกันในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็จะเนิ่นช้าไป เพราะเหตุการณ์ในบ้านเมืองขณะนั้นยังวุ่นวายไม่น่าไว้วางใจนัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสัญญา ธรรมศักดิ์ องคมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีประธานสภานิติบัญญัติลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

การตัดสินพระราชหฤทัยพระราชทานนายกรัฐมนตรีในภาวะวิกฤตเช่นนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชวินิจฉัยสอดส่องเห็นสถานการณ์ล่อแหลมอันตรายของประเทศ ในเวลาที่สภาพการบังคับใช้กฎหมายตกอยู่ในภาวะปั่นป่วน เป็นสุญญากาศทางการเมือง แล้วจึงทรงแสดงพระราชบริหารในการนั้นออกมาด้วยดุลพินิจของพระองค์เอง เพื่อผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ มิได้เป็นด้วยกระแสรบเร้า 'ตั้งเรื่อง' ขึ้นไปขอพระราชทานรบกวนเบื้องพระบรมบาทยุคล

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุดของพวกเราชาวไทยทั้งหลายนั้น ทรงเป็นรัตตัญญูผู้รู้ราตรีนาน ทรงมีประสบการณ์ได้ทอดพระเนตรเห็นความเป็นไปในด้านการเมืองการปกครองของไทยในยุคสมัยประชาธิปไตยมามากที่สุด เพราะทรงพบพานกับสถานการณ์ทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ มาตลอดระยะที่ทรงดำรงอยู่ในมไหสูรยราชสมบัติ นับถึงบัดนี้ได้ 60 ปี เนิ่นนานกว่ารัฐบาลทุกยุคทุกสมัยที่เพียงผ่านมาแล้วก็ผ่านไปในระยะเวลาอันสั้น

อาณาราษฎรผู้ได้อาศัยพระบรมโพธิสมภารเป็นที่พึ่งจึงพึงตระหนักในความจริงข้อนี้ เพื่อให้เกิดความอบอุ่นใจและมั่นใจว่า เมื่อได้ทรงพระราชดำริตริตรองด้วยพระราชอัจฉริยภาพทั้งด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์อันสุขุมคัมภีรภาพแล้วว่าบ้านเมืองเดือดร้อนแสนสาหัสถึงขนาด

หากทรงพระราชดำริเห็นสมควรที่จะทรงแสดงพระราชบริหารในการใดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อความผาสุกของประชาชน พระพ่อเมืองของพวกเราย่อมไม่ทรงดูดาย

และด้วยเดชะพระบารมีธรรม และพระราชอำนาจที่ยังทรงมีบริบูรณ์อยู่ตามนัยแห่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กับทั้งพระบรมราชกุศโลบายอันล้ำเลิศ แน่นอนว่า สมเด็จพระบรมธรรมิกมหาราชาธิราชเจ้า พระองค์นั้น ย่อมทรงตัดสินพระราชหฤทัยได้ด้วยพระองค์เอง ที่จะเสด็จลงมาทรงบำราบยุคเข็ญ แก้ไขวิกฤตการณ์นานาได้ ตามสถานและกาลสมัยอันเหมาะสม ดังที่เคยปรากฏมีกรณีตัวอย่างให้เห็นประจักษ์อยู่แล้ว


โดย: POL_US วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:15:41:21 น.  

 
เรารักในหลวงครับ


โดย: มะลิ IP: 61.7.142.37 วันที่: 27 ตุลาคม 2549 เวลา:3:35:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.