*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องเล่าจากญี่ปุ่น (ตอน ๓): ไปเที่ยวญี่ปุ่น และกราบหลวงพ่อโต & Kamakura Japan



ประตูทางเข้าวัด Kencho-ji Temple



คราวก่อน ได้เล่าเรื่องลักษณะเฉพาะของชาวญี่ปุ่นบางประการไปแล้ว รวมถึงลักษณะการพูดและภาษาของเขาไปบ้างแล้ว ซึ่งผมต้องกราบขออภัยเพื่อน ๆ ที่ได้อ่าน blog ก่อนไปแล้ว เพราะจริง ๆ ผมเข้าใจผิดบางประการ โดยเฉพาะภาษาพูด ที่ผมได้สรุปไปว่า คำว่า Chotto muste ซึ่งหมายถึง "รอเดี๋ยวนะ" ว่ามาจากภาษาอังกฤษ คำว่า Short ความจริง ไม่ใช่ ครับ คำ ๆ นี้เป็นภาษาญี่ปุ่นของเขาเองครับ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้



วัดนิกายเซน Engakuji Temple ใกล้สถานี Kita-Kamakura



จะว่ากันไปภาษาญี่ปุ่นนี่ ยากจริง ๆ โดยมีลักษณะคำ ๓ แบบ คือ (๒) คาตากานะ ใช้เขียน คำที่มาจากต่างประเทศ (๒) ฮิรากานะ ใช้เขียน คำภาษาญี่ปุ่น (โดยแปลงจากคำคันจิที่ยุ่งยากในการเขียนและจดจำให้ง่ายขึ้นตามแบบฉบับของญี่ปุ่น) และ (๓) คันจิ คือ คำที่รับมาจากภาษาจีน ที่ยากที่สุด เพราะต้องจำเป็นคำ ๆ ไม่น้อยกว่า ๑,๙๔๕ คำ จึงจะอ่านภาษาวิชาการชั้นสูงของญี่ปุ่นได้เข้าใจดี




อีกบรรยากาศหนึ่งของ Enguku-ji Temple ที่ร่มรื่นมาก ๆ



ผมได้ไปท่องเที่ยวต่างเมือง นอกจากโตเกียว มาหลายที่เหมือนกัน คือ ได้ไปที่เมือง Kamakura ที่ห่างออกจากโตเกียวไปสัก ๑ ชั่วโมงนิด กับเมือง Nikko ที่ได้รับการยกย่องเป็น "มรดกโลก หรือ The World Heritage" ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษ ๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ นับว่าเป็นสถานที่สำคัญ ที่ควรจะต้องแวะเยี่ยมเยียนเมื่อมาถึงญี่ปุ่นแล้ว




วัด Kencho-ji Temple ประกอบด้วยอาคาร ไม้ ๔ หลัง
มีรูปพระพุทธเจ้า ขณะทรงบำเพ็ญทุกข์กริยา ในวิหารด้วย
เขาว่าเป็นวัด Zen ที่สำคัญที่สุด รับเอาพุทธศาสนามา
ประยุกต์ตั้งแต่อดีต ประมาณ ค.ศ. 1253




ลองแวะไปเที่ยว Kamakura กับผมก่อนเลยนะครับ ผมไปสถานที่แห่งนี้ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ เมือง Kamakura นี้เคยเป็นเมืองสำคัญของรัฐบาลทหารญี่ปุ่นในอดีต ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๑๙๒ โน่นเลย เก่าแก่มาก มีวัดวาอาราม ตั้งอยู่เรียงรายไปหมดครับ




Goddess Kannon ที่เป็นไม้แกะสลัก มี ๑๑ เศียร
สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๗๒๑ ในวัด Hasedera



การเดินทางในญี่ปุ่น ค่อนข้างจะสะดวกมาก ๆ เพราะมีรถไฟทั้งใต้ดิน บนดิน หลายบริษัท วิงเป็นรวงผึ้งเลย ทำให้คนแทบจะไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวกัน ในกรุงโตเกียว คนส่วนใหญ่ จึงใช้รถจักรยานกันแทนรถยนต์ จอดรถจักรยานแล้วก็ขึ้นรถไฟต่อกันไป สะดวกมาก ๆ แต่สำหรับผมในฐานะคนอ่านและฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ก็อาจจะต้องประสบความยากลำบากมากหน่อย ต้องศึกษาเส้นทางก่อนเดินทางว่า จะขึ้นจากสถานีไหน ไปต่อรถไฟสายไหน สถานีไหน ซึ่งมีรถไฟเชื่อมโยงกันประมาณเกือบ ๒๐ สาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเอกชนเกือบทั้งหมด ใครจะมาญี่ปุ่น โดยไม่มีคนนำทาง จึงควรศึกษา ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ จากเวปไซต์ต่าง ๆ เช่น Tokyo Tourist Information Center จาก //www.tourism.metro.tokyo.jp/ เป็นต้นครับ




ทางเดินกลางถนน Nagamiya-Oji Ave แหล่งชอบปิ้ง ระหว่าง
Tsurugaoka-Hachimangu Shrine & Kamakura Station ซากุระจะบานช่างต้นเมษายน




การเดินทางไป Kamakura ไม่ยากเย็นนัก (ยกเว้นที่สถานีโตเกียว) เมื่อไปถึงสถานีโตเกียว แล้วก็สามารถนั่งรถสาย JR Yokosuka ไปลงที่ Kita-kamakura ค่ารถไฟไปกลับ เที่ยวละประมาณ ๗๐๐ เยน (ซื้อแบบเหมารายวัน) ระหว่างทางมีทั้งเสียงภาคภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษตลอดทาง ที่น่าสนใจระบบรักษาความปลอดภัยของเขา ใช้หลายวิธีที่แตกต่างกัน เช่น เปิดเพลงที่แตกต่างกันในแต่ละสถานี เพื่อให้คนโดยสารรู้ว่า ประตูรถไฟกำลังจะปิดแล้ว แต่ถ้าง่ายหน่อย บางสถานี ก็ใช้เสียงนกหวีด คือ จะมีเจ้าหน้าที่ประจำรถไฟ เดินออกมาสังเกตการณ์ หากเห็นว่าปลอดภัย ก็เป่านกหวีด เพื่อให้รู้ว่า รถไฟออกได้แล้ว



สภาพสวนหลังวัด Kenchoji ร่มรื่นดี



กว่าจะเดินทางมาถึงที่ Kamakura ที่ตั้งอยู่ใน Kanagawa prefecture ซึ่งอยู่ตอนใต้ของโตเกียว ก็ประมาณ ๑ ชั่วโมง แต่กว่าจะขึ้นรถไฟจากสถานีโตเกียวนี่ซิ วุ่นวายพอสมควรเลย เพราะสถานีโตเกียวใหญ่โต สับสนวุ่นวายมาก แต่พอขึ้นรถไฟก็สบายเลย สังเกตว่า รถไฟสายนี้ มันผ่านเมืองสำคัญอย่าง Yokahoma ด้วย ก็ตั้งใจว่าเดี๋ยวถ้ามีเวลาจะแวะมาให้ได้ พอถึงสถานี Kita- Kumakura ผมก็เดินจาก ๐๙.๐๐ น. ไปตามถนน Kamakura-kaido เรื่อยไป จนกระทั่งบ่ายสองกว่า ๆ ได้แวะเข้าชม วัด (Temple) และศาลเจ้า (Shrine) หลายแห่ง ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นวัด จะต้องเสียค่าธรรมเนีย ประมาณ ๒๐๐ ถึง ๔๐๐ เยน รวม ๆ กันแล้ว วันนี้ ผมหมดค่าเข้าชมวัดประมาณ ๑,๗๐๐ เยน




หลวงพ่อโต หรือ Kamakura Great Buddha ที่ Kotoku-in Temple



ผมเพลิดเพลินกับการเดินชม และอ่านประวัติของวัดต่าง ๆ อย่างเหลือเชื่อครับ เพราะวันนี้ ผมเดินไม่ต่ำกว่า ๑๐ กม. ตั้งแต่สถานี Kita-kamakura แวะวัด Engakuji Temple วัดเซน ที่สร้างในปี ค.ศ. ๑๒๘๒ ซึ่งเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่อันดับสอง รองมาจาก Kenchoji Temple วัด Tokeji Temple ที่สร้างในปี ค.ศ. ๑๒๘๕ เพื่อเป็นแหล่งพักพิงให้หญิงในสมัยก่อนราชวงศ์เมจิ ที่ต้องการหย่าจากสามีให้ไปอยู่ที่วัดแห่งนี้ อย่างน้อย ๓ ปี วัด Jochiji Temple และ Kenchoji Temple ที่เป็นวัดเซนที่เก่าแก่ สร้างตั้งแต่ ค.ศ. ๑๒๕๓ และเป็นวัดเซนที่ใหญ่ที่สุด ส่วนวิหารที่สำคัญและสวยงาม สีแดงจัด คือ Tsurugoaka-Hachimangu Shrine สร้างครั้งแรกในปี ค.ศ. ๑๐๖๓ และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ใน ค.ศ. ๑๑๘๐ เพื่อเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนในปกครองของโชกุน ในสมัยที่ Kamakura เป็นที่ทำการของรัฐบาลทหารโชกุนช่วงนั้น


กว่าจะเดินผ่านวัดที่กล่าวมานั้น ก็เที่ยงเศษแล้ว เลยแวะดูตลาดรอบ ๆ สักหน่อย บ้านเมืองเขาสะอาดจริง ๆ เขาสร้างทางเดินขนาดใหญ่ ที่ปลูกต้นซากุระ ปกคลุมร่มเย็น เป็นช่องทางแบ่งเส้นการจราจร ทางเดินขนาดใหญ่ บริเวณกลางถนนนี้ จะสวยงามมาก ในช่วงซากุระบาน ประมาณเมษายน ของทุกปีครับ เสียดายที่ผมไม่ได้เห็น ผมเดินมาตามถนนดังกล่าว จนมาถึงสถานีรถไฟ Kamakura จากนั้น ก็นั่งรถไฟฟ้า Enoshima Electricity Railway จาก Kamakura ไปยัง Hase station ราคาเที่ยวละ ๑๙๐ เยน




Tsurugaoka-Hachimangu Shrine



จุดหมายปลายทางของผม แห่งแรกที่จะไปหลังจากนี้ ก็คือ ไปสักการะ "หลวงพ่อโต" วัด Kotoku-in Temple อันเป็นที่รู้จักกันในนาม The Kamakura Great Buddha ตามตำนาน เล่ากันว่า พระองค์นี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. ๑๒๕๒ ต่อมาใน คริสศตวรรษที่ ๑๕ ได้เกิดคลื่นยักษ์ Tsunami คนไม่ค่อยจะรอด แต่พระรอดจากคลื่นยักษ์นี้ อาคารที่เคยปกป้ององค์พระจากธรรมชาติ ได้ถูกพัดพังทลายไปหมด ทำให้กายเป็นพระกลางแจ้ง ที่มีขนาดใหญ่อันดับสองรองจากพระที่นารา เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น





วัด Hasedera Temple มี ๓ อาคารหลัก สวยงามมาก ๆ



ระหว่างทาง ผมมีเพื่อนสมาชิกตัวน้อยไปด้วยครับ คือ พวกเด็กนักเรียนญี่ปุ่นทั้งระดับประถมและมัธยมต้นครับ ผมเดาว่า ทางโรงเรียนของพวกเขาสอนวิชาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เลยมอบหมายให้เด็ก ๆ มาศึกษาด้วยตนเอง โดยโรงเรียนพานักเรียนมาเที่ยมชมวัด แล้วก็มีแบบสอบถามให้นักเรียนจดหาคำตอบระหว่างการเดินทางชมวัดไปด้วยครับ ผมว่าดีเหมือนกันกับวิธีการเรียนรู้จริง ๆ ที่ไม่ใช่การท่องจำแบบที่เรา ๆ ท่าน ๆ ถนัดครับ




อาคารของพิพิธภัณฑ์


จากนั้น ก็เดินไป Kamakura Literature Museum ซึ่งเดิมเป็นบ้านของเศรษฐี ต่อมาได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วง ปี ค.ศ. ๑๙๘๕ โดยประมาณ ค่าเข้าดู ๔๐๐ เหรียญ ผมบอกตรงว่า เสียดายครับ เพราะ มีแต่อักษาญี่ปุ่น ผมอ่านไม่ออก เลยไม่อาจจะเข้าถึงคุณค่าของมันได้ คราวหน้า คงไม่เข้าพิพิธภัณฑ์ แบบ Literature อีกต่อไป เพราะไม่มีภาษาอังกฤษเลย


ผมเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ พร้อมกับความไม่รู้อะไรมากมาย ได้แต่เก็บภาพมาไว้ในที่ระลึกเท่านั้น เดินกลับไปยังวัด Hasedera (The Hase Kannon Temple) ที่มีพระไม้เก่าแก่ สร้างแต่ยุค ค.ศ. ๗๐๐ โน่น เก่าแก่มากจริง ๆ สวยงามมาก ๆ โดยเฉพาะมองลงเห็นวิวทะเลของชายหาด Yuiganama Beach ผมก็คิดว่า ชายหาดต้องสวยแน่ ๆ จึงได้เดินไปอีกประมาณ ๔๐ นาที ผ่านวัดอีกสองสามแห่ง แล้วก็ไปถึงชายหาด ชายหาดที่นี่ ทรายดำมาก ๆ ไม่สวยงามเลย แถมมีคำเตือนให้ระวังเกี่ยวกับคลื่นยักษ์ Tsunami ไว้ด้วย โดยบอกให้สังเกต อะไรบ้าง แล้วก็หนี แม้ไม่มีสัญญาณเตือนภัย





ภาพถ่ายจากจุดชมวิวของวัด Haseder
มองลงไปเห็นมหาสมุทร สวยงามมาก




เดินกลับมาถึงสถานี Hase station ประมาณ บ่ายสี่โมงเย็น จากนั้นก็นั่งรถไฟฟ้าไปยังสถานี Kamakura ตอนแรกกะว่าจะขึ้นรถไฟไปยังสถานี Kita-kumakura ตามที่จองตั๋วไว้ แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ จึงเดินอ้อม ทาง Hiking ผ่านไป Zeniarai-Benzaiten Shrine ที่เขาเชื่อว่า ถ้าล้างเงินให้สะอาดแล้ว เงินของเราจะเพิ่มเป็นสองเท่า แต่พอไปอ่านประวัติแล้ว จึงรู้ว่า มันเป็นปริศนาธรรมที่ว่า ถ้าคนเราทำงาน ได้เงินมาอย่างบริสุทธิ์ จะทำให้โลกร่ำรวยอย่างเป็นสุขครับ




Yuiganama Beach อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า
Hase station ของ สาย Enoshima Line
เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนและเล่นวินเซริฟมาก



ผมก็ Hiking ไปเรื่อย ผ่านวัด Kaizo-ji Temple วัดเล็ก ๆ ที่ไม่มีคนแวะไปเท่าไหร่ หลังจากเดินผ่านวัดล้างเงิน หรือ วัด Zeniarai-Benzaiten Shrine มาแล้ว จากนั้นใช้เวลาจากวัดนี้ไปถึง สถานี Kita - Kamakura ก็ประมาณ ๓๐ นาที จากนั้น ก็นั่งรถไฟ สาย JR Yokosuka กลับไปยังสถานีรถไฟโตเกียวครับ เหนื่อยมาก จึงอยากกินอะไรอร่อย ๆ เลยแวะไปตลาด Ueno ที่ขายสินค้าราคาประหยัด หยิบใบกระเพราแท้ ๆ มา ๑ กำ ราคา ๓๐๐ เยน รวม ๆ ค่าอาหาร ๒,๐๐๐ เยน สุดยอดครับ ผัดกระเพรา พริกสด ตำเอง แบบขนานแท้ ดั้งเดิม มันช่างแซบหลายจริง ๆ


**************************************



ส่วนภาพต่อไปนี้ คือ ตัวอย่างของ Nikko มรดกโลก ที่อยู่ทางตอนเหนือของ Tokyo ไปทางเหนือ ประมาณ ๑๒๕ กม. เดินทางไปด้วยสาย Tobu Railways ซึ่งต่างจากสาย JR Yokosuka มาก เพราะสาย Tobu Line ไม่ปรากฎเสียงบอกสถานีเป็นภาษาอังกฤษแม้แต่คำเดียวเลย ผมต้องใช้ดูตารางเวลา กับอ่านตลอดทางว่าถึงสถานีไหน เพราะรถไฟญี่ปุ่นนี่ ตรงเวลาสุด ๆ ถ้าตารางบอกว่า จะใช้เวลา ๑ ชั่วโมง ๑๕ นาที ถ้าแน่ใจว่าขึ้นรถถูกขบวน ก็หลับไปได้เลยครับ ได้เวลาก็ตื่นเดินลง ถึงเป้าหมายพอดี .... แล้วเข้ามาติดตามกันตอนต่อไปนะครับ





วัด Toshogu สร้างในยุค Tokugawa Shogunate
ที่ปกครองญี่ปุ่นมากว่า ๒๕๐ ปี จนถึง ค.ศ. ๑๘๑๘







อาคาร Sanbutsudo อาคารหลักของวัด Rinnoji
สร้างโดยพระ Shodo Shonin ผู้เผยแพร่พุทธศาสนา
ในดินแดน Nikko ช่วง คริสศตวรรษที่ ๑๘ ภายในมี
พระพุทธรูป ๓ องค์ขนาดใหญ่ ได้แก่ พระ Amida
พระ Senju-Kannon และพระ Bato-Kanon สวยงามมาก








ผมชอบมากกับการไปสักการะ

พระพุทธรูปที่ Kamakura จริง ๆ

ตั้งแต่ ๗ โมงเช้า ยันเกือบสองทุ่ม

แม้จะเหนื่อยแทบขาดใจ แต่คุ้มสุด ๆ ๆ









หมายเหตุ: ขอขอบคุณข้อมูลจาก เวปไซต์ //www.jnto.go.jp และ คุณ พัชร ที่ให้คำแนะนำในการเดินทางและเอื้อเฟื้อข้อมูลครับ


Create Date : 09 มิถุนายน 2549
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 8:06:26 น. 22 comments
Counter : 1640 Pageviews.

 


โดย: 304 คอนแวนต์ (304 คอนแวนต์ ) วันที่: 9 มิถุนายน 2549 เวลา:11:27:46 น.  

 
อ่านเพลินมาก เอาอีกๆๆๆๆ
รูปสวยๆ แบบนี้น่าเอาไปทำเป็นโปสการ์ด ข้างหลังเขียนด้วยลายมือสวยๆ แล้วส่งไปให้เพื่อนๆ นะครับ เหอะ เหอะ


โดย: BAYROCKU วันที่: 9 มิถุนายน 2549 เวลา:15:31:57 น.  

 
เรื่องเล่าและภาพยอดเยี่ยมมากๆ
ทำให้ผมอยากไปเส้นทางนี้ซะแล้ว
ขอบคุณที่นำมาให้ชมกันครับ


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 9 มิถุนายน 2549 เวลา:18:02:07 น.  

 
น่าไปดีจัง วิวสวยมากคับพี่ อยากไปเที่ยวแบบนี้บ้างงง


โดย: Markabyte วันที่: 10 มิถุนายน 2549 เวลา:10:19:24 น.  

 
ดูบรรยากาศในวัดแล้ว ดูร่มรื่น สงบ ๆ ดีมาก ๆ เลยค่ะ...


โดย: JC2002 วันที่: 10 มิถุนายน 2549 เวลา:10:58:57 น.  

 
ตามอ่านมาตั้งแต่ตอนแรกมาตอนสองและกระทั่งตอนนี้ เล่าเรื่องได้น่าอ่านดีครับ ถ้าเลิอกเป็นตำรวจ เพราะระบบราชการมันโหดร้ายก็มาเอาดีทางเขียนหนังสือได้เลย 555

พี่เขียนจำแนกทั้งด้านดีและเสียของสังคมญี่ปุ่นได้ชัดเจนมากครับ ลักษณะสังคมและคนที่นั่นเป็นแบบนั้นจริงๆ และถ้าอยู่ต่อจะยิ่งเห็นอะไรดีๆยิ่งกว่านี้...

รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆนะครับ

ปล.ที่เขียนในบลอค กลัวผีหรือกลัวพี่ครับ 555

ถ้าผี เป็นตำรวจจะกลัวผีไปทำไมครับ ผีต้องกลัวตำรวจสิ 555

ถ้าพี่ ก็ถูกต้องแล้วครับ ผีต้องกลัวผม เหอๆ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 10 มิถุนายน 2549 เวลา:11:34:53 น.  

 
อยากไปมั้งจัง ขอให้เป็นทริปที่สนุก ประทับใจ ได้ความรู้นะครับพี่


โดย: jamba_juice IP: 75.6.34.22 วันที่: 11 มิถุนายน 2549 เวลา:13:09:28 น.  

 
ไม่มีประสพการณ์ จีบสาวญี่ปุ่นบ้างหรือครับพี่
คริคริ


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า วันที่: 11 มิถุนายน 2549 เวลา:17:11:22 น.  

 
ครั้งนี้พาเที่ยววัด

ครั้งหน้าพาดูสาว ๆ หน่อยนะครับ


โดย: Plin, :-p วันที่: 12 มิถุนายน 2549 เวลา:23:15:56 น.  

 
เข้ามาสักการะหลวงพ่อโต ด้วยคนครับ


โดย: White_Cloud วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:8:18:55 น.  

 
แวะมาทักทาย จขบ. แปะไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวตามมาอ่าน น่าสนใจนะครับ


โดย: T_Ang วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:12:20:00 น.  

 
เยี่ยมเลยครับ เล่าเรื่องละเอียดและได้ความรู้มากทีเดียว ตอนผมไป ผมเข้าไปเดินภายในองค์พระคามาคูระด้วย คุณพล ได้เข้าไปหรือเปล่า?


โดย: yyswim วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:12:23:39 น.  

 
ตามไปเที่ยวครับ

กำลังรอตอนต่อไป...


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:15:30:45 น.  

 
ภาพสวยมากเลยครับ เห็นต้นไม้ต้นโตๆ สูงๆ แล้วรู้สึกดีมากๆ

เฮ่อ...สงสัยอ่านไปอีกสองสามตอนจะต้องทนไม่ไหวรีบตีตั๋วไปญี่ปุ่นแน่ๆ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:15:36:13 น.  

 
น่าไปเที่ยวมั่กๆ


โดย: Dr.Manta (Dr.Manta ) วันที่: 15 มิถุนายน 2549 เวลา:22:11:08 น.  

 
Hai, Uncle Phon san, gengidesu ka? watashi wa tyotoo o nihongo wakarimasu. Nihongo wa muzukashi desu ne! Sayoonara


โดย: Who am I? IP: 71.124.216.28 วันที่: 16 มิถุนายน 2549 เวลา:2:03:36 น.  

 
แวะมาชมด้วยคน ชอบคับสวยทีเดียว


โดย: หากผมรักคุณจะผิดมากไหม วันที่: 16 มิถุนายน 2549 เวลา:10:50:26 น.  

 
ดีจริงๆ
ภาพสวย อ่านเพลิน ได้ความรู้ด้วย


โดย: zmen วันที่: 16 มิถุนายน 2549 เวลา:11:15:59 น.  

 
ฮือ ฮือ ฮือ

อยากไปมั่งอ่ะ...
จะไปซื้อ CD เพลงให้สะใจไปเลย



โดย: คุณหนูลมหวน (zardamon ) วันที่: 20 มิถุนายน 2549 เวลา:15:45:25 น.  

 
มาอ่านรวดเดียว 3 ตอนอย่างเพลิดเพลินเลยครับ

ตอนเรียนหนังสือ ผมเคยลงวิชาภาษาญี่ปุ่น ไม่ได้เข้าเรียนสองครั้ง ต้องไปดร็อปเลย เพราะตามไม่ทัน

เคยได้ยินคนญี่ปุ่นพูดอังกฤษแบบที่สารวัตรบอกเหมือนกันครับ
เช่น bus เขาพูดว่า บะสึ


โดย: <เซ็นเซอร์> วันที่: 23 มิถุนายน 2549 เวลา:0:44:35 น.  

 
เพิ่งไปมาเหมือนกัน ได้ไปทั้งโตเกียว คามาคูระ แล้วก็นิกโก้ เป็น 3 เมืองที่มีความแตกต่างในตัวของมันเอง แต่ทุกที่ก็น่าประทับใจหมด


โดย: หลังจอ วันที่: 1 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:27:48 น.  

 


สวยจังเลยค่ะ ธรรมชาติจัง


โดย: Htervo วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:16:20:38 น.  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.