*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
หน่วยงานรัฐ กับ PDPA

เพื่อน ๆ คงได้ประสบพบเจอว่า หน่วยงานของรัฐจำนวนมาก จะมีข้ออ้างเวลาที่มีประชาชนไปขอข้อมูลต่าง ๆ  เพื่อปฏฺิเสธการเปิดเผย โดยอ้างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ว่าให้ข้อมูลแล้ว ตนเองจะทำผิด "พีดีพีเอ"  ประชาชนก็งงเป็นไก่ตาแตก แล้วพลอยคิดว่า อี "พีดีพีเอ" มันร้ายนักฯ  
...
ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น  กฎหมายใด ๆ ออกมาบังคับใช้ต้องมีเหตุมีผล ไม่ใช่ออกมาให้เป็นอุปสรรคในการบริหารราชการ และการบริการประชาชน  เพราะหากว่า "รัฐเกิดมาเพื่อเป็นอุปสรรคทำร้ายประชาชน" แล้ว จะมีรัฐไปทำไมกัน  "รัฐเกิดมาเพื่อบริการประชาชน"  เจ้าของประเทศเสมอ ๆ 
...
ความสมดุลย์ คือ ด้านหนึ่งคือ ประชาชนทุกคนที่อยู่ในสังคม มีสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะจากหน่วยงานของรัฐ หรือบุคคลที่ทำงานให้รัฐ หรือแม้แต่บุคคลที่เป็น บุคคลสาธารณะ หรือ Public Figure  แน่นอนที่สุด บุคคลสาธารณะ ไม่ใช่ดารานักแสดงนะครับ  แต่หมายถึง บคคลที่รับภาษีจากประชาชน หรือบุคคลทั่วไปที่อ้างตนเป็นบุคคลสาธารณะเพื่อวิพากษ์วิจารณ์สังคม คือ ทำตัวให้เป็นบุคคลสาธารณะนั่นแหละ 
....
ในอีกด้านหนึ่ง คนธรรมดาคนหนึ่ง ก็ต้องมีมุมส่วนตั๊วส่วนตัว  หรือ  Right to privacy สามารถหวงกันการเสือกคนอื่นได้เสมอ ๆ  เช่นกัน  เช่น หวงกันชื่อเสียงและความเป็นส่วนตัว มิให้ใครรุกล้ำหรือนำไปใช้ในทางที่ผิด รวมถึงภาพถ่าย และข้อมูลอื่น ๆ ที่รู้สึกหวงแหน 
....
สองด้านนึั หากบรรจบกันเมื่อไหร่ละ ... มันย๊ากส์ เสมอ   เมื่อก่อนยังไม่มี อีตา "พีดีพีเอ" เขากันอย่างไร แน่นอน เขามีกฎหมายข้อมูลข่าวสารราชการ ที่กำหนดว่าทุกหน่วยงานรัฐต้องจัดข้อมูลโดยเฉพาะอำนาจหน้าที่ นโยบาย หรือกฎเกณฑ์ที่กระทบต่อประชาชน ต้องประกาศในเวปไซต์สำนักงานของตนเอง  ต่อมามีกำหนดให้ต้องประกาศในราชกิจจา โดยเฉพาะกฎที่จะบังคับใช้กับคนทั่วไป มิเช่นนั้น บังคับไม่ได้   ในขณะเดียวกัน ก็มีกฎหมายอื่นๆ คุ้มครองความเป็นส่วนตัว เช่น กฎหมายอาญา ห้ามเปิดเผยความลับ หรือกำหนดความผิดสำหรับการกรรโชก หรือกำหนดความผิดทางแพ่ง และทางคอมพิวเตอร์ฯ ต่าง ๆ    แต่ไม่มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะ จนกระทั่ง ค.ศ.๒๐๑๙ หรือ พ.ศ.๒๕๖๒ จึงเกิด อีตา พีดีพีเอ เกิดขึ้น
...
พออีตา "พีดีพีเอ" เกิดขึ้น ก็ว้าวุ่นละครับ ...  อันเนื่องจากความไม่รู้และความกลัว  คือ กลัวจะผิด ยิ่งได้รู้บทขู่ด้วยว่า อีตาพีดีพีเอ  ปรับสูงสุดทั้ง ๕ ล้าน  แล้วก็มีโทษทางแพ่ง ทั้งค่าเสียหายที่แท้จริง และค่าเสียหายเชิงลงโทษ  รวมถึงโทษทางอาญาในฐานที่นำข้อมูลบุคคลอื่นมาเปิดเผย ตามาตรา ๗๙ และมาตรา ๘๐  ก็ยิ่งกลัวกันไปใหญ่ 
...
ความจริง กฎหมายพีดีพีเอ มีกฎเกณฑ์ที่สำคัญ คือ  ถ้ามีกฎหมายอะไรที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ในการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้ว ก็บังคับไปตามนั้นก่อน  แล้วใช้ พีดีพีเอ เป็นส่วนเสริมในการรักษาความปลอดภัย และหลักการบางอย่างเช่น  หลักความจำเป็น หลักการเก็บตามวัตถุประสงค์ หลักการจำกัดเวลาในการจัดเก็บและใช้ข้อมูล ฯลฯ เป็นต้น 
....
เพื่อให้เกิดความกระชับ ก็จงจำไว้ว่า ถ้ามีกฎหมายอะไรเป็นการเฉพาะ ก็ต้องว่าตามนั้นไปครับ เช่น พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องเปิดเผย ก็ไม่มีเหตุอะไรจะต้องปิดบัง  เว้นแต่จะมีข้อจำกัดตามกฎหมากำหนด เช่น มาตรา ๑๔ และ มาตรา ๑๕ ของกฎหมายนั้น นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ ก็กำหนดไว้ ให้ต้องระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล มาตรา ๒๓ ที่กำหนดให้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น เพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐฯ และยกเลิกเมื่อหมดความจำเป็น 
...
มาตรา ๒๓ วรรคท้าย ของกฎหมายข้อมูลส่วนข่าวสารของราชการ ยังกำหนดว่า ให้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงการส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้ผู้อื่นทราบ เว้นแต่เป็นไปตามลักษณะการใช้ข้อมูลปกติ  ส่วนการใช้ฯ ก็ให้ขอความยินยอม เว้นแต่ โดยลักษณะเป็นไปตาม มาตรา ๒๔ คือ ใช้ในหน่วยงานของตนเอง หรือใช้งานปกติตามระบบจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล หรือเกิดประโยชน์วิจัยและสถิติ เป็นการกระเพ่อจำเป็นเพื่อป้องกันอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ หรือการเปิดเผยต่อศาล 
....
มาตรา ๒๕ นอกจากที่กำหนดในมาตรา๑๔ และ๑๕ ที่จะไม่เปิดเผยแล้ว บุคคลย่อมสามารถรู้ข่าวสารเกี่ยวกับตเองได้ จึงขอดูจากหน่วยงานรัฐได้ รวมถึงรายงานแพทย์เกี่ยวกับสุขภาพของตน ก็ให้แพทย์ทำการเปิดเผยต่อแพทย์ที่จะทำการรักษาคนใหม่ เป็นต้น 
...
กฎหมายของส่วนราชการยังมีอีกมาก ต้องดูตาม กม.บริหาราชการแผ่นดิน และกฎหมายเฉพาะของส่วนราชการนั้นเป็นสำคัญ  แล้วใช้  pdpd เป็นส่วนเสริมเท่านั้น  สรุปคือ  pdpa ไม่ใช่ตัวร้าย แต่เป็นพระเอกในการทำให้ข้อมูลมั่นคงปลอดภัยยิ่งขึ้น ฯลฯ 
...
แล้วค่อย ๆ ตามรายละเอียดกันครั้บ 


Create Date : 06 สิงหาคม 2568
Last Update : 6 สิงหาคม 2568 15:04:47 น. 0 comments
Counter : 204 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#21


 
POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ ขาดไม่ได้ แม้มองไม่เห็น "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.