คำสั่ง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เรื่อง การอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา ฯลฯ
เรียน พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เนื่องจาก ตร. โดย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.(ฝ่ายกฎหมาย) ได้ริเริ่มเสนอ ผบ.ตร. ให้แต่งตั้ง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ที่ปรึกษากฎหมาย ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อปรับปรุงการทำสำนวน และมาตรการเร่งรัดในการดำเนินการสอบสวนคดี เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และหลักประสิทธิภาพในการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน
ท้ายที่สุด ตร. ได้มีคำสั่ง ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ลง ๑ ก.ค.๕๖ เรื่องการอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา การทำสำนวนการสอบสวน และมาตรการควบคุมตรวจสอบ เร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา ประกาศใช้แล้ว
ผมจึงขอนำเอกสารการสรุปสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งสรุปไว้โดย พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ผบก.กองคดีอาญา ตร. มาปรับปรุงและนำเสนอ ดังนี้
๑. ความเป็นมา แต่เดิมนั้น ตร. ได้ออกบันทึกสั่งการ ระเบียบ คำสั่ง ฯลฯ เพื่อส่งเสริมและควบคุมการปฏิบัติเกี่ยวกับงานสอบสวนให้ถูกต้องตามหลักรัฐธรรมนูญ สิทธิมนุษยชน และหลักประสิทธิภาพในการสอบสวนคดีอาญา เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายและเหยื่ออาชญากรรม อย่างสมดุล
ตัวอย่างเช่น ตร.ได้มีคำสั่งที่ ๙๖๐/๒๕๓๗ลง ๑๐ ส.ค.๓๗ เรื่อง มาตรการควบคุมตรวจสอบ เร่งรัดการสอบสวน คำสั่ง ตร.ที่ ๕๗๒/๒๕๓๘ ลง ๑๖ ส.ค.๓๘ เรื่องการอำนวยความยุติธรรมในการสอบสวน คำสั่ง ตร.ที่ ๗๕๓/๒๕๔๑ ที่ ๔๗๒/๒๕๕๐ เรื่องการทำสำนวนการสอบสวน และหนังสือเวียนของ ตร.กำหนดแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับงานสอบสวนให้ พงส.ถือปฏิบัติเป็นจำนวนมาก คณะทำงานดังกล่าว จึงได้พยายามพิจารณาดำเนินการยกเลิกระเบียบต่าง ๆ และนำมาเรียบเรียง พร้อมกับเพิ่มเติมส่วนที่ขาดอยู่ไว้ในในคราวเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม ระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ในส่วนที่เป็นหลักการสำคัญ ๆ ที่อนุวรรติการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ และ ป.วิ.อาญา อยู่แล้ว ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป
แต่ในส่วนที่สมควรได้รับการปรับปรุงแก้ไข และรวบรวมระเบียบต่าง ๆ ไว้ในคราวเดียวกัน จึงได้มีการประกาศใช้ คำสั่งที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เมื่อวันที่๑ ก.ค.๕๖ ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ ก.ค.๕๖ เป็นต้นไป
คำสั่งใหม่นี้ได้มีการปรับปรุงแก้ไขหลักการสำคัญของคำสั่งตร.ที่ ๙๖๐/๒๕๓๗ และรวบรวมระเบียบคำสั่งต่างๆเกี่ยวกับการสอบสวนได้เป็นหมวดหมู่เดียวกัน แบ่งออกเป็น ๕ บท ได้แก่ บทที่ ๑ บททั่วไป บทที่ ๒การอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา บทที่ ๓ การทำสำนวนการสอบสวน บทที่ ๔ มาตรการควบคุม ตรวจสอบและเร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา บทที่ ๕ แบบพิมพ์ที่ใช้เกี่ยวกับคดี ๒. หลักการสำคัญของคำสั่งที่มีการเปลี่ยนแปลงเช่น ๑. การเสนอความเห็นทางคดี ให้อำนาจดุลพินิจแก่พนักงานสอบสวน ในการเสนอสั่งไม่ฟ้อง หากคดีนั้นไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ ภายใต้เงื่อนไขบางประการ
กรณีนี้ ได้กำหนดไว้ใน บทที่ ๓ ข้อ ๓.๙.๒การทำความเห็นทางคดีของพนักงานสอบสวนสำหรับคดีอาญาแผ่นดินที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน ๕ ปี หากพนักงานสอบสวนเห็นว่าข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนหรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติหรือผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ พ.ศ.๒๕๕๔พนักงานสอบสวนอาจทำความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาและเสนอความเห็นพร้อมสำนวนการสอบสวนไปยังผู้บังคับการหรือผู้บัญชาการสำหรับหน่วยงานที่มีอำนาจสอบสวนซึ่งขึ้นตรงต่อกองบัญชาการหรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่ากองบัญชาการ เพื่อพิจารณามีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องก็ได้(บทที่ ๓ ข้อ ๓.๙.๒)
๒. การกำหนดระยะเวลาการสอบสวนคดี ซึ่งแบ่งได้ ดังนี้ ๒.๑ คดีอาญาทั่วไปและสำนวนคดีจราจรทางบก ๒.๒.๑คดีไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำผิด แบ่งเป็น ๒ ประเภท (๑)กรณีที่พนักงานสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวนแล้วไม่มีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ต้องทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป ก.คดีอาญาทั่วไปและคดีจราจรทางบก ต้องทำการสอบสวนมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ เดือนนับแต่วันที่รับคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ ข.คดีอุกฉกรรจ์ต้องทำการสอบสวนติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปีนับแต่วันที่รับคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ
เมื่อพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนมาตามกำหนดระยะเวลาแล้วให้มีความเห็นงดการสอบสวนหรือเห็นควรให้งดการสอบสวนเสนอสำนวนพร้อมความเห็นไปยังผู้บังคับการ หรือผู้บัญชาการสำหรับหน่วยงานที่มีอำนาจสอบสวนซึ่งขึ้นตรงต่อกองบัญชาการหรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่ากองบัญชาการเพื่อพิจารณามีความเห็นทางคดี
(๒)กรณีที่พนักงานสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวนแล้วมีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ต้องทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อที่จะรู้ตัวผู้กระทำความผิดให้พนักงานสอบสวนทำการสืบสวนได้ภายในอายุความ
ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดตาม (๑) แล้วให้เสนอสำนวนตามลำดับชั้นจนถึงผู้บังคับการหรือผู้บัญชาการสำหรับหน่วยงานที่มีอำนาจสอบสวนซึ่งขึ้นตรงต่อกองบัญชาการหรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่ากองบัญชาการ ภายใน ๓๐ วันพิจารณาอนุมัติขยายเวลาการสอบสวนได้ครั้งละไม่เกิน ๓ เดือนและขออนุมัติขยายเวลาได้ครั้งละไม่เกิน ๓ เดือนจนกว่าเหตุแห่งความจำเป็นจะเสร็จสิ้น
๒.๒.๒คดีรู้ตัวผู้กระทำความผิดแต่เรียกหรือจับตัวยังไม่ได้ (๑) คดีอาญาทั่วไปและคดีจราจรทางบก ให้สอบสวนให้เสร็จสิ้นภายใน ๒ เดือน (๒) คดีอุกฉกรรจ์ให้สอบสวนให้เสร็จสิ้นภายใน ๓ เดือน
กรณีพนักงานสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวนแล้วคดีมีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ต้องทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม ให้ทำการสืบสวนสอบสวนได้ภายในอายุความทั้งนี้ ต้องขอขยายเวลาตามเช่นเดียวกับคดีไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้วมีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ต้องทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม ๓.คดีที่ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาโดยไม่มีการจับกุม ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนให้เสร็จสิ้นภายใน๒ เดือน สำหรับคดีอาญาทั่วไปและคดีจราจรทางบก และภายใน ๓ เดือน สำหรับคดีอุกฉกรรจ์และให้ผู้บังคับการอนุมัติให้ขยายเวลาได้ตามความจำเป็นครั้งละ ๓๐ วัน รวมแล้วต้องไม่เกิน๖ เดือน (บทที่ ๔ ข้อ ๓.๑.๑, ๓.๑.๒ และ ๓.๑.๕ ) อนึ่งคำสั่งนี้ไม่มีผลกระทบถึงการดำเนินการใดๆที่ได้กระทำไปแล้วก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ สำกรับการดำเนินการเรื่องใดที่กำหนดในคำสั่งนี้ซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการได้ในวันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไปจนแล้วเสร็จ โอกาสนี้ จึงขอเรียนแจ้งมายังพนักงานสอบสวนให้ไปทำการศึกษาทำความเข้าใจคำสั่งนี้เพื่อจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และ สามารถดาวโหลดคำสั่งนี้ได้ทางเวปไซด์กองคดีอาญา WWW. CRIMINALAFFAIRS.POLICE.GO.TH
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้จัดทำแผ่นซีดีและหนังสือเพื่อแจกจ่ายไว้ประจำทุกหน่วยงานต่อไป
Create Date : 06 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2558 15:15:42 น. |
|
1 comments
|
Counter : 6983 Pageviews. |
|
|