ข้าราชการตำรวจ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายไม่ได้จริง ๆ หรือ
ตามที่มีข่าว พ.ต.ท.นายหนึ่ง วิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงเสนอแนะให้การตรากฎหมายเกี่ยวกับรถยนต์กะบะ ที่ห้ามผู้โดยสารนั่งที่กะบะท้ายในเชิงข้อเสนอแนะว่า การตรากฎหมายจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นเสียก่อน
ปรากฎว่ามีการตั้งกรรมการสอบวินัย โดยกล่าวหาว่ากระทำการไม่เหมาะสม ขัดต่อนโยบายรัฐบาล รวมถึงต่อต้านไม่เคารพกฎหมาย ฯลฯ อะไรมากมาย
ผมเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวของผู้บังคับบัญชานั้น ไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย รวมถึงขัดต่อหลักเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น อีกทั้ง หากข้าราชการไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์ หรือวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของรัฐได้เลย ก็จะเป็นการลดทอนความเป็นคนของข้าราชการนั้นเอง ทำให้ข้าราชการ กลายเป็นหุ่นยนต์ หรือเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่มีศักดิศรีความเป็นคนหลงเหลืออยู่เลย
ความจริงแล้ว ข้าราชการ ก็ถือเป็นประชาชนคนหนึ่ง ที่เสียภาษีให้กับรัฐ และมีสิทธิและเสรีภาพเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป แต่จะมีข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะการทำให้เสื่อมทรามทางวินัยอันกระทบต่อความมั่นคงของรัฐอย่างร้ายแรง แต่ถ้าเป็นการแสดงความคิดเห็นทั่วไป ข้าราชการก็จะได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะนับแต่รัฐธรรมนูญ ปี 2550 เป็นต้นมา ได้รับรองสิทธิและเสรีภาพของข้าราชการในการแสดงความคิดเห็นและการรวมตัวเป็นองค์กรแรงงาน เช่นเดียวกับ สหภาพแรงงานด้วย แม้จะมีข้อจำกัดในการใช้สิทธิไม่เท่ากับแรงงานในภาคเอกชนก็ตาม
นอกจากนี้ ข้าราชการ ยังมีสิทธิในการเข้ากลุ่มและทำกิจกรรมกับพรรคการเมืองได้ โดยรัฐบาลไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2499 เป็นต้นมา ได้รับรองสิทธิและเสรีภาพในการเข้าทำกิจกรรมทางการเมืองได้ด้วย ภายใต้ข้อจำกัดบางปรการ ที่เบาบางมาก เช่น
ระเบียบสำนักคณะรัฐมนตรีว่าด้วยยมารยาททางการเมืองของ ข้าราชการพลเรือน ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2499
ระเบียบดังกล่าว กำหนดไว้ว่า ข้าราชการพลเรือนจะนิยมหรือเป็นสมาชิก ในพรรคการเมืองใดๆ ที่ต้งัโดยชอบดว้ยกฎหมาย และจะไปในการประชุมของพรรคการเมืองน้นั เป็นการ ส่วนตวัก็ได้แต่ในทางที่เกี่ยวกบั ประชาชนและในหน้าที่ราชการจะตอ้งกระท าตัวเป็ นกลาง ปฏิบัติตาม นโยบายของรัฐบาลโดยไม่ค านึงถึงพรรคการเมือง และต้องไม่กระทา การอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้าม ดังต่อไปน้ี
(1) ไม่ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองใดๆ เว้นแต่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภท 2 หรือ ข้าราชการการเมือง (2) ไม่ใช้สถานที่ราชการในกิจการทางการเมือง (3) ไม่วิพากษ์จิารณ์การกระทำ ของรัฐบาลให้ปรากฏแก่ประชาชน (4) ไม่แต่งเครื่องแบบราชการไปร่วมประชุมพรรคการเมือง หรือไปร่วมประชุมในที่ สาธารณสถานใดๆ อันเป็ นการประชุมที่มีลักษณะทางการเมือง (5) ไม่ประดับเครื่องหมายพรรคการเมืองในเวลาสวมเครื่องแบบราชการหรือในเวลาราชการหรือ ในสถานที่ราชการ (6) ไม่แต่งเครื่องแบบของพรรคการเมืองเข้าไปในสถานที่ราชการ (7) ไม่บังคับให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือประชาชนเป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใดและไม่กระทา การ ในทางให้คุณให้โทษ เพราะเหตุที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือประชาชนนิยมหรือเป็นสมาชิกใน พรรคการเมืองใดที่ตั้งขึ้นโดยชอบดว้ยกฎหมาย (8) ไม่ทำการขอร้องให้บุคคลใดอุทิศเงินหรือทรัพยส์ินเพื่อประโยชน์แก่พรรคการเมือง 1 มาตรา 82 (9) ต้องวางตัวเป็ นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ราชการและในการปฏิบัติการอื่นที่ เกี่ยวขอ้ งกับประชาชน กับจะตอ้ งปฏิบตัิตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยมารยาททางการเมืองของ ข้าราชการด้วย (9) ไม่โฆษณาหาเสียงเพื่อประโยชน์แก่พรรคการเมือง หรือแสดงการสนับสนุนพรรคการเมือง ใดๆ ให้เป็ นการเปิดเผยในที่ประชุมพรรคการเมือง และในที่ที่ปรากฏแก่ประชาชน หรือเขียน จดหมายหรือบทความไปลงหนงัสือพิมพ์หรือพิมพห์ นงัสือหรือใบปลิวซ่ึงจะจา หน่ายแจกจ่าย ไปยังประชาชน อันเป็ นข้อความที่มีลักษณะของการเมือง (10) ไม่ปฏิบัติหน้าที่แทรกแซงในทางการเมือง หรือใช้การเมืองเป็นเครื่องมือเพื่อกระทา กิจการ ต่างๆ อาทิเช่น วิ่งเต้น ติดต่อกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือพรรคการเมืองเพื่อให้น าร่าง พระราชบญั ญตัิหรือญตัติเสนอสภาฯ หรือต้งักระทูถ้ามรัฐบาล (11) ในระยะเวลาที่มีการสมคัรรับเลือกต้้งสมาชิกสภาผแู้ทนราษฎร ไม่แสดงออกโดยตรงหรือโดย ปริ ยาย ที่จะเป็นการช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกต้ัง และในทางกลับกัน ไม่กีดกนั ตา หนิติเตียน ทับถม หรือให้ร้ายผู้สมัครรับเลือกต้ง
เมื่อวิเคราะห์การกระทำของ พ.ต.ท. รายดังกล่าวแล้ว ด้วยเหตุผลทางวิชาการ กฎหมาย กติกาสากล และเหตุผลที่ต้องการให้มีส่วนร่วมทางการเมืองในการสร้างกติกาประชาธิปไตย การที่ข้าราชการ เป็นประชาชนที่เสียภาษี และการเสนอแนะทางกฎหมายโดยการเสนอแนะให้มีการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนก่อนตรากฎหมายใด ๆ จึงเห็นว่า การวิพากษ์วิจารณ์ของ พ.ต.ท. รายนี้ ไม่ถือเป็นการกระทำที่ผิดวินัย แต่ประการใด และแม้จะมีวินัยห้ามวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ ก็จะต้องถือว่า วินัยนั้น ขัดต่อหลักการรัฐธรรมนูญ และระเบียบสำนักคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น
ผมจึงเห็นว่า การสั่งการให้ตั้งกรรมการวินัยสำหรับ พ.ต.ท. รายนี้ ไม่น่าจะถูกต้องตามกฎหมายใด ๆ
Create Date : 05 เมษายน 2560 |
Last Update : 5 เมษายน 2560 20:49:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 351 Pageviews. |
|
|