*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
ทาสในญี่ปุ่น ฯ การเมืองสหรัฐฯ และ เมื่อคุณแก่ตัวลง ...

ช่วงนี้ ที่ รร.กฎหมาย ผมมีการสัมมานาโน่น สัมมนานี่ เต็มไปหมด ตามฟังกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว วันนี้ มี ๓ เรื่อง มาเล่าสู่กันฟังนะครับ ( เอาแบบขำ ๆ ไม่เครียด ๆ )





เรื่องแรก ทาสในญี่ปุ่น



เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๐๐๘ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Daniel Botsman จาก The University of North Carolina at Chapel Hill ได้รับเชิญจาก Department of East Asian Languages and Cultures และ College of Law ของ The University of Illinois มาพูดเกี่ยวกับ Freedom & Slave ในหัวข้อ Freedom, Slavery, and the Law: The Case of the 'Maria Luz' and the Question of Emancipation in Early Meiji Japan ของประเทศญี่ปุ่น เรื่องราวน่าสนใจมากทีเดียว กล่าวโดยสรุป ญี่ปุ่น มีทาสย้อนหลังไปถึง ค.ศ.ที่ ๘ โดยเฉพาะหญิงชาวญีปุ่นนี่ ถูกกดขี่ข่มเหง เสมือนทาส มาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งแนวคิดเช่นนี้ ยังหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ผู้หญิงชาวญีปุ่น ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงยากมาก การซื้อขายทาสในญี่ปุ่น นั้นเป็นเรื่องปกติมากในอดีต

จนกระทั่ง รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ไปเยี่ยมพ่อค้าชาวโปรตุเกสที่บ้านพักภายในประเทศญี่ปุ่นเอง ในช่วง ค.ศ. ที่ ๑๙ แล้วพบว่ามีชาวญี่ปุ่น ถูกล่ามโซ่ เป็นทาสอย่างน่าอเน็จอนาจ รัฐบาลญี่ปุ่น เลยประกาศเลิกทาส โดยเชิญนักกฎหมายจากสหรัฐฯ ร่างกฎหมายและดำเนินการต่าง ๆ ในการเลิกทาส ซึ่งเกี่ยวพันหลายประเทศ รวมถึงเรือซื้อขายทาส ชื่อ Maria Ruj ที่บรรทุกทาสชาวจีนมาเต็มลำเรือ ซึ่งแล่นมาติดเกาะญี่ปุ่นที่ Yokohama ในปี ค.ศ. ๑๘๗๒ และ ทางการญี่ปุ่นเข้าไปยึดและปลดปล่อยทาสเหล่านั้น แต่ว่า รัฐบาลจีน ไม่ได้ยินดีด้วยแม้แต่น้อย เพราะมองการค้าขายแรงงาน เป็นเรื่องปกติอยู่ ในขณะที่ชาวญี่ปุ่นเอง ก็ไม่ได้คิดจะปลดปล่อยทาสอะไรอย่างจริงจังหรอก เป็นเพียงการรักษาหน้าตาของประเทศของเขาเท่านั้น รวมถึง การยกระดับการศึกษาของหญิงและเด็ก การปลดปล่อยแรงงานของเขา ก็เพื่อป้องกันมิให้ประเทศเสียหน้า เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจที่จะปลดปล่อยทาสอะไรจริงจัง ฝรั่งที่บรรยาย ใช้คำว่า "Lose face" น่าฉงนแท้ เขารู้จักคำนี้ด้วยแฮะ ....





เรื่องที่สอง เรื่องการเมืองในสหรัฐฯ ระหว่าง Obama v. Hillary



สมาคมนักเรียนกฎหมายชาวผิวดำ ได้เชิญอดีตศิษย์เก่าของอิลลินอย มาบรรยายในโอกาสที่เขาเรียกว่า “BLACK HISTORY MONTH” ซึ่งเป็นการครบรอบ ๔๐ ปี ของการตายของ Dr.Martin Luther King Jr. ในปี ค.ศ. ๒๐๐๘


นาย Michael Strautmanis สำเร็จการศึกษาจาก College of Law ในปี ค.ศ. 1994 ทำงานใน Law Firm ขนาดใหญ่ในชิคาโก้ แต่สนใจการเมืองมากกว่า จึงได้ร่อนใบสมัครไปยังสภาคองเกรส โดยเขาบอกว่า ได้แต่หวังว่า ใบสมัครของเขาจะได้รับการพิจารณา แน่นอนครับ ความหวังของเขาเป็นจริง ได้เข้าร่วมทำงานในคณะกรรมาธิการต่าง ๆ หลายคณะ เป็นผู้รณรงค์การหาเสียงให้อดีตประธานาธิบดี บิลล์ คลินตัน แต่ปัจจุบัน เขาเปลี่ยนใจ มาเป็น Chief Counsel ให้กับ Senator Barack Obama ในการรณรงค์หาเสียง เพื่อให้ได้เป็น Nominee ในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรค Democrat

ก่อน Obama จะมาสมัครเป็นคู่แข่งกับ นาง Hillary Clinton นั้น ไม่มีคนคาดคิดว่า จะมีใครหน้าไหน อาจหาญ มาต่อกรกับ Hillary แล้ว แต่ Obama ซึ่งเป็นคนผิวสี เป็นสมาชิกวุฒิสภาหนุ่ม จากรัฐ Illinois จบการศึกษาทางกฎหมายจาก รร.ชั้นนำ ได้เสนอตัวเป็นคู่แข่ง เขาถูกมองเป็น Underdog หรือ ประมาณหมูสนาม ที่นอกเหนือความหมาย ในตอนแรก Obama ไม่มีทางต่อกรได้เลย เงินก็ไม่มี ต่างจาก Hillary ที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา ของรัฐ New York มาตั้งแต่เจ็ดแปดปี แล้ว แถมสามีของเธอ ยังเป็นประธานาธิบดี ตั้ง ๘ ปี อีกต่างหาก แต่ตอนนี้ เรื่องของ Hillary ชักไม่ง่าย เพราะว่า เธอพ่ายแพ้ การลงคะแนนของประชาชนในรัฐต่าง ๆ ในการเลือกตัวแทนพรรคในการสมัครเป็นประธานาธิบดี ให้แก่ Obama ต่อเนื่องกันเป็นสิบรัฐ คะแนนที่ได้รับ (Delegate) ตอนนี้ พ่ายแพ้ ไปเกือบ ๑๐๐ ที่นั่งแล้ว ซึ่งยังเหลือเพียงไม่กี่รัฐ ได้แก่ Texas, Ohio, Pennsylvania ซึ่งถ้า Hillary ยังพ่ายแพ้อีก ก็ยังเหลืออีกทางเดียวคือ การประชุมของพรรคในกลางฤดูร้อนที่จะถึงนี้ หากที่ประชุมพรรคเห็นว่า เธอเหมาะสมมากกว่า Obama ที่ประชุมก็อาจจะลงมติให้เธอเป็น Nominee ของพรรคที่จะไปแข่งกับ John McCain จากพรรค Republican ต่อไป ก็ต้องดูว่า คนอเมริกัน จะใจกว้างพอที่จะให้คนดำ หรือ ผู้หญิง เป็นประธานาธิบดีหรือไม่

หากมองในเรื่องความสามารถและประสบการณ์แล้ว Hillary จะเป็นต่อกว่า Obama อยู่หลายขุม ที่ผมได้ฟังและติดตามการเมืองสหรัฐฯ มาตลอด ก็จะพบว่า Obama ไม่ได้แสดงความเฉลียวฉลาดอะไรออกมาสักเท่าไหร่ การรณรงค์ของเขา จะพูดเพียงว่า อเมริกา ต้องการความเปลี่ยนแปลง (Change) และ ประชาชนต้องมีความหวัง (Hope) และเชื่อว่า เขาจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงชีวิตของประชาชนชาวอเมริกัน ไปสู่โลกที่ควรจะเป็น (The World that should be.) เขาไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์อะไรมากมาย มีแต่ Hope & Change เช่นเดียวกับ นาย Michael Strautmanis ที่มาบรรยาย ก็ไม่ได้พูดอะไรมากหรอก นอกจาก Hope & Change 555555 ผมว่า ประเทศมันอยู่ไม่ได้ด้วย Inspiration อย่างเดียวหรอกครับ มันต้องมี Resolution ต่าง ๆ ด้วย ซึ่งผมยังไม่เห็นสมองของ Obama เลยจนถึงปัจจุบัน

จะว่าไปหนทางของ Obama ใช่ว่าจะขาวใส เพราะขณะที่เขากำลังมีคะแนน Hillary อยู่นี่ ก็มีข่าวปูดกันว่า เพื่อนสนิทของเขา คือ Antoin "Tony" Rezko ที่รณรงค์หาเงินให้เขาหลาย ๆ พันเหรียญ ในการรณรงค์เลือกตั้งคราวนี้ ถูกดำเนินการคดีฐานคอรัปชั่น และข่าวก็แพร่กระจายในขณะนี้ พอนักข่าวถามที่ไร Obama ก็ได้แต่ อึ้งกิมกี่ ไปเท่านั้น ไม่แน่ว่า ประชาชนที่ยังลังเลใจในขณะนี้ ยังคงจะเชื่อมันเขาอยู่ต่อไปหรือไม่ นอกจากนี้ Obama ยังคงถูกข่าวลือด้านต่าง ๆ อีก ประมาณว่า เขาเคยไปสาบานตนเป็นอิสลามในสมัยเยาว์วัยกับแม่ รวมถึงการมีคนรักและสัมพันธ์พิเศษกับเพื่อนชายร่วมชั้นในระหว่างเรียนใน รร. กฎหมายชื่อดัง ยาวนานก่อนจะมีภรรยาเป็นชาวผิวสีเช่นเดียวกับเขา อีกทั้ง ภรรยาของเขา ยังพูดไม่ค่อยจะเข้าหู ประมาณว่า "ฉันภูมิใจที่เป็นชาวอเมริกัน" ซึ่งมีคนถามเยอะแยะกว่า เอ ... ทำไม เพิ่งจะมาภูมิใจ ตอนสามี ได้คะแนนนำ ... เมื่อก่อน ไม่ภูมิใจหรือไง ประมาณนั้น ก็ต้องดูกันต่อไปครับ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป สำหรับผม เชื่อว่า คนอเมริกัน ยังใจไม่กว้างพอที่จะยอมรับคนดำ ขึ้นมาเป็นผู้นำ





เรื่องสุดท้าย คือ เรื่องกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุ



เมื่อสองวันก่อน เข้าฟังบรรยายเกี่ยวกับ นโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุในสหรัฐฯ โดยทาง University of Illinois College of Law ได้เชิญ Professor Jon Pynoos จาก USC มาบรรยายเรื่อง AGING IN PLACE, HOUSING, AND THE LAW ซึ่งสนับสนุนโดยกองทุนอดีตศาสตราจารย์ Baum (และครอบครัว ) ที่มอบทรัพย์สินให้แก่ รร. กฎหมายของ Illinois ที่รู้จักกันในนามของ Ann. F. Baum Memorial Lecture ที่มีการบรรยายเป็นประจำ

ศาสตราจารย์ Jon Pynoos ได้ชี้ให้เห็นว่าผู้สูงอายุในอเมริกา รักความเป็นอิสระ ชอบที่จะอยู่บ้านของตนเองโดยไม่ย้ายไปไหน ไม่ไปอยู่กับลูก กับหลาน โดยเฉพาะคนสูงวัยที่มีอายุเกิน ๘๐ ปีแล้ว กว่าร้อยละ ๘๕ เลยทีเดียวที่อยากจะอยู่เป็นอิสระ ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุเพื่อให้ผู้เฒ่า อยู่ที่บ้านของเขาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร มีความเป็นอิสระ ดังที่เขาต้องการ

ปัญหาอุปสรรคส่วนใหญ่ คือ บ้านในสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน จะเน้นการออกแบบที่สวยงาม มีขั้นบันได ที่เป็นเข้าออกได้ลำบาก สำหรับผู้เฒ่า โดยเฉพาะที่จะต้องใช้รถเข็น (ซึ่งในอเมริกานั้นรถเข็นจะยอดเยี่ยมมาก บังคับไปในทิศทางต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากมาย) ทางเข้าออกที่เป็นบันไดหลายขั้น จึงยากที่จะให้เขาอยู่โดยลำพังได้

ผู้บรรยาย ได้กล่าวถึง การผลักดันนโยบายเกี่ยวกับผู้เฒ่าของเขาในสภา Congress มานานกว่า ๒๕ ปี จนปัจจุบัน สภาได้มีนโยบายที่จะพัฒนาบ้านสำหรับผู้เฒ่า โดยออกกฎหมายให้การออกแบบบ้านสมัยใหม่ จะต้องไม่มีขั้นบันได (Zero-step entrance) และ ออกแบบบ้านที่เรียกว่า Universal Model ที่ทำให้คนอยู่ทุกอายุ ทุกวัย รู้สึกว่า ไม่ใช่บ้านผู้เฒ่าเท่านั้น

การกำหนดนโนบายให้คนแก่สามารถอยู่ของตนเองได้อย่างเป็นอิสระ ปัจจุบัน มีจำนวน ๑๙ มลรัฐ ที่ออกกฎหมายภาคบังคับให้ทุกบ้าน จะต้องทำทางเข้าออกแบบ Zero-step entrance เรียกว่า Visitability House คือ บ้านที่พร้อมให้คนเฒ่าคนแก่ คนพิการ มาเยี่ยมเยียนได้ บ้านสร้างใหม่ จะต้องมีทางเข้าสำหรับรถเข็น มีห้องน้ำที่แข็งแรง ใหญ่เพียงพอสำหรับรถเข็น และ มีที่จับที่มั่นคง สำหรับคนเฒ่าคนแก่ และคนพิการ เพราะบ้านในปัจจุบัน ไม่ได้ออกแบบมาให้ มีที่จับมั่นคง เนื่องจาก มีผนังที่บางมาก คล้าย ๆ กับ กระดาษ แล้วพ่นปูนปิดให้ดูเหมือนผนังปูนเท่านั้น หากคนแก่ ต้องการพยุงตัวเอง โดยการจับหรือยึดโดยวัตถุใด ๆ ที่เตรียมไว้สำหรับการแขวนผ้า ผนังก็จะพังลงมา เกิดอันตรายแก่คนแก่ได้ง่าย ถึงตายได้โดยคนในบ้านไม่รู้เรื่องเลยก็เป็นได้




นโยบายสำหรับคนแก่ และคนพิการ ในอเมริกา เป็นเรื่องน่าทึ่ง สำหรับคนเอเชีย โดยเฉพาะคนพิการที่นี่ ได้รับการดูแลอย่างดี ในโรงเรียนกฎหมายผม ก็มีคนพิการหลายคน มีคนหนึ่ง มีสัดส่วนของร่างกาย ปัจจุบัน ไม่ถึงสองฟุต นั่งรถเข็นมาเรียน โดยรถของโรงเรียน มารับเช้าเย็น ไปส่งยังจุดที่ญาติเขาจะมารับ ได้อย่างสะดวกสบาย ที่จอดรถคนพิการนี่ ค่าปรับแพงนัก ถ้าใครทะลึ่งไปจอดละก็ เตรียมไว้เลย ร้อยเหรียญขึ้นไปทั้งนั้น ที่เคยเห็นมา มีสูงถึง ๒๕๐ เหรียญ ถ้าเอารถไปจอดที่คนพิการ เป็นต้น

หากพี่น้องและเพื่อน ๆ เคยดู รายการ วงเวียนชีวิตของช่อง ๓ จะเห็นว่า มีคนแก่จำนวนมากที่ถูกทอดทิ้งโดยลูกหลานชั่ว ๆ ของเขา ให้อดมื้อกินมื้อ รัฐก็ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าจะทำอย่างไร ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงเช่นกัน โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ที่วัน ๆ ทำแต่เรื่องน่าปวดหัว และเหยียบย่ำ หัวใจของคนรักประชาธิปไตย ที่ต่อสู้กับเผด็จการเพื่อให้ประชาธิปไตยได้เริ่มคลานใหม่อีกครั้ง น่าเป็นห่วงเมืองไทยยิ่งนัก พูดแล้วเศร้า....






หมายเหตุ : ข้อความข้างต้น เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ที่เขียนใน Personal Blog เขียนจากความทรงจำฯ โปรดอย่าคาดหวังว่าจะต้องถูกต้อง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์



Create Date : 05 มีนาคม 2551
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 14:38:25 น. 10 comments
Counter : 800 Pageviews.

 
ก็อ่านเก็บเป็นประสบการณ์ ผู้อ่านก็ต้องมีวิจารญานในการรับฟัง และไตร่ตรองอีกที เพราะเจ้าของบ๊อกอุตส่าห์ใจดีมาเขียนเล่าประสบการณ์ ก็ต้องขอบคุณ


โดย: ผ่านเข้ามา IP: 58.8.189.39 วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:11:51:51 น.  

 
ถึงแม้เป็นพียงความคิดส่วนตัวของผู้เขียน แต่ทำให้ผู้อื่นได้มองในมุมที่แตกต่าง แล้วจะแวะอ่านมาอีกค่ะ


โดย: นักศึกษา IP: 118.172.97.146 วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:13:42:02 น.  

 
คิดแบบเดียวกับน้องนักศึกษาเลยคับ
อ่านได้เพลินๆ ดีเหมือนกัน


โดย: Nagano วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:22:14:19 น.  

 
POL you know ? I LOVE your intuitive comment about Obama i.e. so far you have not been proven of his brain/intelligence.

Love it ! Love it ...he he he :))


โดย: M&M IP: 72.85.184.212 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:0:26:39 น.  

 
I still like Hillary....


โดย: The Zephyr วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:1:31:56 น.  

 
ผมก็เชียร์ Hillary เหมือนกัน เพราะ ไม่ได้เห็นสมองของ Obama เลย เมื่อสองสามวันก่อน หัวหน้าทีม รณรงค์หาเสียงของ Obama ก็ประกาศก้อง เรียก Hillary เป็นสัตว์ประหลาด ฯลฯ แต่เธอคนนั้น ก็ลาออกไปแล้ว ไม่งั้น Obama คงจะแย่

เหลืออีกสองรัฐ คือ เพ็นซิลวาเนีย กับ มิซซิสซิบปี้ เท่านั้น ที่จะรู้ว่า Hillary จะตีตื้น จำนวน Delegate ได้เท่าไหร่ น่าเชื่อว่า ที่ เพ็นฯ เธอคงชนะ แบบก้ำกึ่ง แต่ ในมิซซิสซิบปี้ คนดำเพียบ Obama คงจะชนะขาดลอย ก็ต้องดูว่า การประชุมใหญ่ ในกลางฤดูร้อนของพรรคดีโมแครต จะเลือกใคร แต่ผมทำนายว่า คนอเมริกา ยังใจแคบอยู่ คงจะไม่เลือกคนผิวสี เป็นผู้แทนพรรคไปสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีหรอกครับ



โดย: POL_US IP: 98.212.205.201 วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:16:13:03 น.  

 


ว่างเมื่อไหร่ เดี๋ยวเข้ามาอ่านแนวคิดคุณอีกรอบนะคะ

ตอนนี้ปั่นรายงานอยู่ค่ะ


โดย: random-4 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:9:15:17 น.  

 
จะว่าไงดีละ...

เอาเป็นว่า...รักษาสุขภาพแล้วกันนะครับ...
^^

ปล.ผมเองก้แอบเชียร์ Hillary ครับผม


โดย: i-palmy (palmy_yoyo ) วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:14:39:52 น.  

 
ขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บภาษี
จากกิจการรถแท็กซี่ ใน ประเทศสหรัฐและอังกฤษ
natapong.se@rd.go.th ขอบคุณนะครับ


โดย: natapong IP: 202.44.70.53 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:35:39 น.  

 
ขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บภาษี
จากกิจการรถแท็กซี่ ใน ประเทศสหรัฐและอังกฤษ
natapong.se@rd.go.th ขอบคุณนะครับ


โดย: natapong IP: 61.90.165.14 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:36:14 น.  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.