• ข่าวเด่นประเด็นดังทั่วไทย
• ข่าวเด่นประเด็นดังทั่วไทย 2
• ข่าวเด่นประเด็นดังต่างประเทศ
• เรื่องจริง,อุทาหรณ์
• ข่าวกีฬาทั่วไป
• ข่าวอาเซนอล
• ข่าวบาซ่า
• ข่าวบันเทิง,ดารา,นักร้อง,คนดัง,ละคร
• ข่าวดารา,บันเทิง,นักร้อง,คนดัง,ละคร 2
• ข่าวดารา,บันเทิง,คนดัง,นักร้อง,ละคร 3
• ข่าวสารภาพยนตร์
• ดูดวง,ทำนาย,แบบทดสอบ
• ข่าวสารท่องเที่ยวทั่วไทย
• ข่าวสาร,แนะนำที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
• ความรู้ทั่วไป,ความรู้รอบตัว
• ข่าวสารครอบครัว,ความรัก,เพื่อน
• ข่าวสารสุขภาพ
• ข่าวสารแฟชั่น,ความงาม
• สัตว์ทั่วไป,สัตว์เลี้ยงสุนัข,แมว
• สูตรอาหาร,ขนม
• แนะนำร้านอาหาร
• เรื่องแปลก,ลึกลับ,ผี
• เรื่องตลก,ขำขัน
• ข่าวสารแนะนำเกม
• ต้นไม้,ดอกไม้
• ข่าวสารยานยนต์
• ข่าวสารดำเนินกิจการงาน,อาชีพ
• ข่าวสารเทคโนโลยี,คอมพิวเตอร์,อินเตอร์เน็ต,อุปกรณ์สื่อสารทั่วไป
• ศาสนา,ธรรมะ,คติ,ปรัชญาสอนใจ
• กิจกรรม,ศูนย์รวมเรื่องต่างๆที่ ช่วยเหลือสังคม
• บล็อกส่วนตัวจ้า

เมอร์เซเดส เบนซ์ จับมือ การ์มิน ดึงระบบ GPS มาใช้ เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoblog.com          เมอร์เซเดส เบนซ์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า การ์มิน บริษัทเจ้าของระบบนำทางชื่อดัง ได้จับมือกับทางเมอร์เซเดส เบนซ์ อย่างเป็นทางการ และทางเมอร์เซเดส เบนซ์ ก็จะนำระบบนำทางของการ์มินมาใช้ โดยในอีกประมาณ 4 ปีข้างหน้า รถยนต์รุ่นใหม่ทุกคันของเบนซ์ จะมีหน้าจอทัชสกรีน ที่เป็นระบบควบคุมความบันเทิงและระบบนำทางของการ์มิน ซึ่งเป็นระบบที่ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่คุ้นเลย และใช้งานได้ง่าย    ด้านการ์มินกล่าวว่า ระบบดังกล่าวจะรวมทั้งหน้าจอขนาดเล็กอีกหนึ่งจอ เพื่อช่วยบอกข้อมูลเวลาเลี้ยว และผู้ใช้สามารถควบคุมระบบนำทางได้ ผ่านพวงมาลัยหรือใช้เสียงในการออกคำสั่ง และระบบนี้ จะทำงานร่วมกันกับระบบช่วยเหลือคนขับ หรือที่เรียกว่า Mercedes-Benz Advanced Driver Assistance System เพื่อบอกตำแหน่งของรถในกรณีที่รถอยู่ในสถานการณ์คับขัน          ด้านเมอร์เซเดส เบนซ์ เป็นค่ายรถรายใหญ่แห่งที่ 2 ที่ใช้ระบบนำทางของการ์มิน โดยก่อนหน้านี้ ค่ายรถยนต์ ไครสเลอร์ ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีของการ์มินมาใช้ อันเป็นส่วนหนึ่งของระบบ UConnect โดยที่หน้าจอจะมีภาพกราฟฟิกสวยงาม เข้าใจง่าย และสามารถนำทางได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทางไครสเลอร์ ก็คาดการณ์อนาคตของรถยนต์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วอีกด้วย //car.kapook.com/view59886.html   Create Date : 17 เมษายน 2556     Last Update : 17 เมษายน 2556 17:14:21 น. Counter : 786 Pageviews.   0 comment Share Tweet

4 ค่ายรถชั้นนำญี่ปุ่น เรียกคืนรถครั้งใหญ่ 3.4 ล้านคันทั่วโลก เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 4 ค่ายรถชั้นนำญี่ปุ่น โตโยต้า-ฮอนด้า-นิสสัน-มาสด้า เรียกคืนรถครั้งใหญ่ 3.4 ล้านคันทั่วโลก หลังพบปัญหาถุงลมนิรภัยมีปัญหามาจากโรงงานผู้ผลิต           เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2556 เว็บไซต์ egmcartech.com รายงานว่า ค่ายรถชั้นนำของญี่ปุ่น 4 แห่ง ได้แก่ ฮอนด้า นิสสัน โตโยต้า และมาสด้า จะเรียกคืนรถทั่วโลกมากถึง 3.4 ล้านคัน เพื่อตรวจซ่อมถุงลมนิรภัย (แอร์แบ็ก) ส่วนที่อยู่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า หลังพบว่าตัวอัดก๊าซไนโตรเจนถูกอัดความดันมากเกิน จนเสี่ยงเกิดการแตกและอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ รวมทั้งอาจทำให้ถุงลมนิรภัยทำงานไม่เป็นปกติขณะเกิดการชน แต่ยังไม่มีผู้บาดเจ็บจากปัญหาส่วนนี้ สำหรับรถที่เรียกคืน 3.4 ล้านคันนี้ ประกอบไปด้วย    - โตโยต้า 1.73 ล้านคัน ได้แก่ รุ่นโคโรลล่า แมทริกซ์ คัมรี่ และเลกซัส เอสซี (ผลิตช่วงปี 2543-2547)                - ฮอนด้า 1.13 ล้านคัน ได้แก่ รุ่นซีวิค ซีอาร์-วี และโอดิสซี่                - นิสสัน 480,000 คัน ได้แก่ รุ่นคิวบ์ เอ็กเทรล แม็กซิมา และเทียนา (ผลิตช่วงปี 2543-2547)                - มาสด้า 45,463 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถในญี่ปุ่น 4,384 คัน ได้แก่ รุ่นอาร์เอ็กซ์-8 และมาสด้า 6           โดยทางด้านโฆษกของโตโยต้า แถลงว่า บริษัทจะทำการเรียกคืนรถ 1.73 ล้านคัน ที่ติดตั้งอุปกรณ์จุดระเบิดให้เกิดลมเพื่อให้ถุงลมนิรภัยพองออกมา ซึ่งอาจมีชิ้นส่วนที่เรียกว่า propellant wafer บกพร่อง ส่งผลให้ถุงลมไม่พองตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และการอัดก๊าซเข้าถุงลมแบบผิดปกติอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในของรถติดไฟและทำให้เกิดไฟไหม้รถได้อีกด้วย           ทั้งนี้ การเรียกคืนรถครั้งใหญ่ของค่ายรถยนต์ทั้ง 4 แห่ง มีสาเหตุมาจากการใช้ถุงลมนิรภัยจากแหล่งเดียวกันคือ บริษัท ทากาตะ ของญี่ปุ่น ซึ่งก็ทำส่งขายให้ค่ายรถยนต์สัญชาติอื่น ๆ ด้วย เช่น เดมเลอร์ เบนซ์ และฟอร์ด มอเตอร์ อย่างไรก็ดี ขณะนี้หุ้นของทากาตะดิ่งลงอย่างรวดเร็วถึง 11% ในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียว หลังมีข่าวการเรียกคืนรถครั้งใหญ่ เพราะปัญหาที่เกิดกับถุงลมนิรภัย           ทางด้านโฆษกของทากาตะ คอร์ป บริษัทซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงโตเกียว ได้ออกคำแถลงแสดงความเสียใจเป็นที่สุดที่เป็นต้นเหตุทำให้ต้องมีการเรียกรถคืนกลับมาซ่อมแซมเช่นนี้ พร้อมกับระบุว่าจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับพวกผู้ผลิตรถทั้งหลายในการเปลี่ยนส่วนที่บกพร่องด้วยวิธีแบ่งปันกันแบกรับค่าใช้จ่ายบางส่วน //car.kapook.com/view60371.html   Create Date : 12 เมษายน 2556     Last Update : 12 เมษายน 2556 14:38:56 น. Counter : 676 Pageviews.   0 comment Share Tweet

สวยเด็ดเผ็ดร้อนทุกมุมมองกับโฉมหน้าของ LaFerrari 2013 เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก laferrari.com           ได้ฤกษ์เปิดตัวโฉมหน้าอย่างเป็นทางการสักทีกับรถยนต์รุ่นใหม่ค่ายม้าลำพองอย่าง ลาเฟอร์รารี่(LaFerrari) ซึ่งไปเฉิดฉายอยู่ในงานแสดงรถยนต์ Geneva Motorshow 2013 โดยทางเฟอร์รารี่เองภูมิอกภูมิใจกับความล้ำสมัยของยนตรกรรมรุ่นนี้เอามาก ๆ และน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของสาวกที่หลงใหลในซูเปอร์คาร์ทั้งหลายอีกด้วย ถึงแม้ภาพที่ปรากฏออกมาให้ได้ชมนั้นจะไม่แสดงให้เห็นถึงการตกแต่งภายในห้องโดยสารของลาเฟอร์รารี่ทว่าด้วยฝีมือการตกแต่งจากรุ่นที่แล้ว ๆ มา ก็เชื่อขนมกินได้ว่าเฟอร์รารี่คงไม่ทำให้ต้องผิดหวังแน่นอน แต่ที่แน่ ๆ จะเอาใจคนรักเทคโนโลยีด้วยการติดตั้ง iPad Mini เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อให้ความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารเบาะหลังด้วย ส่วนดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นอย่างที่เห็น เท่ โฉบเฉี่ยว และมีความเป็นสปอร์ตในทุกมุมมองตั้งแต่หัวจรดท้าย โดยช่วงล่างด้านหน้าของตัวรถใช้แบบปีกนกคู่ดับเบิลวิชโบน ขณะที่ด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ พร้อมล้อหน้าอัลลอยขนาด 19 นิ้ว ส่วนล้อหลัง 20 นิ้ว ที่ช่วยเสริมลุคที่ดูแข็งแกร่งให้กับตัวรถได้อย่างเหมาะเจาะ           ในส่วนของพละกำลังของลาเฟอร์รารี่นั้นเป็นเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.3 ลิตร ให้กำลังแรงม้าสูงสุดถึง 800 ที่ 9,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน - เมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที โดยทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพิ่มพละกำลังให้อีก 163 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตัน - เมตร ซึ่งเมื่อรวมพลังของระบบขับเคลื่อนทั้งสองแบบไว้ด้วยกันแล้ว ทำให้ลาเฟอร์รารี่มีพละกำลังสูงถึง 963 แรงม้า ที่สำคัญซูเปอร์คาร์จากเฟอร์รารี่รุ่นนี้ยังสามารถทำความเร็วได้สูงสุดมากกว่า 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว มาพร้อมกับระบบเกียร์ DCT 7 สปีด ที่ให้อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที นอกจากเรื่องขุมกำลังที่ทางเฟอร์รารี่ให้ความสำคัญแล้ว ในด้านของความปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่ทางค่ายไม่เคยละเลยแต่อย่างใด โดยติดตั้งเทคโนโลยีสุดล้ำด้วยระบบเบรกที่ทำจากคาร์บอนเซรามิก ดิสก์เบรกขนาด 398 x 223 x 36 มิลลิเมตร และ 380 x 253 x 34 ที่ด้านหน้าและหลังตามลำดับ อีกทั้งยังเสริมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC และระบบป้องกันการลื่นไถล EF1 - TRC เข้าไปอีกด้วย เพื่อให้ผู้ขับขี่ม้าลำพองสีแดงคันนี้มั่นใจในเรื่องระบบความปลอดภัยมากที่สุด           ทั้งนี้ทั้งนั้น เฟอร์รารี่เปิดเผยให้ทราบว่าทางค่ายจะผลิตซูเปอร์คาร์รุ่นดังกล่าวออกมาเพียงแค่ 499 คันเท่านั้น ซึ่งตามแหล่งข่าวจากต่างประเทศรายงานว่ามีผู้สนใจจับจองเป็นเจ้าของมากกว่าที่ผลิตไว้เสียอีก แม้ราคาจะยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าคงสูงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งจะว่าไปก็ไม่น่าแปลกใจนักสำหรับรถที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของโลก คลิป LaFerrari - official launch video โพสต์โดยคุณ ferrariworld สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม ปล. สาวๆอย่างเราเห็นแล้วใจแทบละลาย สวย เท่ห์ เหลือเกิน //car.kapook.com/view58058.html   Create Date : 01 เมษายน 2556     Last Update : 1 เมษายน 2556 16:27:04 น. Counter : 1178 Pageviews.   0 comment Share Tweet

BMW ActiveHybrid 3 ยนตกรรมไฮเทคที่มาพร้อมกับความประหยัด เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก bmwusa.com ทางด้านรถยนต์ค่ายดังจากประเทศเยอรมนี บีเอ็มดับเบิลยู เตรียมเหยียบคันเร่งเจาะตลาดยานยนต์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มตลาดลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการเน้นความประหยัดด้านพลังงาน รวมทั้งช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยในตัว จนในที่สุดบีเอ็มฯ ก็ส่ง "บีเอ็มดับเบิลยู แอคทีฟไฮบริด 3" (BMW ActiveHybrid 3) ออกมาตะลุยตลาดรถอีกหนึ่งรุ่นแล้ว เริ่มต้นกันที่เรื่องของรูปลักษณ์ของ ActiveHybrid 3 กันก่อนเลยดีกว่า แน่นอนว่าสิ่งที่คอรถคาดหวังอยากจะเห็นจากรถรุ่นนี้ หลัก ๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ดูลงตัว ทันสมัย งดงามตั้งแต่ภายนอกยันภายใน เพราะเพียงแค่ได้ยลโฉมเป็นครั้งแรก ก็ทำให้หลงรักได้ไม่ยาก ทั้งในส่วนของไฟหน้าและไฟท้าย ความโค้งมนของตัวรถที่ดูสปอร์ต มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ท่อไอเสียโครเมียมชนิดด้าน รวมทั้งการประทับโลโก้เป็นตัวอักษรที่เขียนว่า ActiveHybrid 3 ซึ่งเป็นการบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ได้เป็นอย่างดี และสำหรับการตกแต่งภายในห้องโดยสารก็ไม่ทำให้ผิดหวังเหมือนเช่นเคย เน้นความเรียบหรู แต่ดูมีเสน่ห์ ยากที่จะหาใครเหมือน ในเรื่องของพละกำลังนั้นเป็นเครื่องยนต์ TwinPower Turbo 6 สูบ 3.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะให้กำลังที่ 335 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน - เมตร ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำอัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 5.2 วินาที สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ระยะทางไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียม - ไอออน ทรงประสิทธิภาพ งานนี้ทางบีเอ็มฯ รับประกันเลยว่าผู้ขับขี่จะได้พบประสบการณ์ที่ดีจากการนั่งอยู่หลังพวงมาลัยของ ActiveHybrid รุ่นนี้แน่นอน ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางค่ายเตรียมปล่อย BMW ActiveHybrid 3 ออกมาให้ผู้คนจับจองกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ BMW ActiveHybrid 3 (ราคา 4,199,000 บาท), BMW ActiveHybrid 3 M Sport (ราคา 4,399,000 บาท) และ BMW ActiveHybrid 3 M Sport พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และช่วงล่าง M แบบปรับตั้งได้ (ราคา 4,499,000 บาท) ซึ่งหากใครสนใจก็ลองติดต่อกับทางศูนย์ตัวแทนจำหน่ายของบีเอ็มฯ ได้ทั่วประเทศ คลิป 2013 BMW 3 Series F30 Electric ActiveHybrid 3 In Detail Commercial โพสต์โดยคุณ Varietiestv สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม //car.kapook.com/view57671.html   Create Date : 22 มีนาคม 2556     Last Update : 1 เมษายน 2556 16:23:11 น. Counter : 1124 Pageviews.   0 comment Share Tweet

เปิดธุรกิจ เช่ารถซูเปอร์คาร์ในไทย ขับ 90 นาที เกือบ 3 หมื่นบาท เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก oneighturbo.com, dreamcars.co.th หลายคนอาจจะมีความใฝ่ฝัน อยากลองขับรถซูเปอร์คาร์ดูสักครั้ง เพราะด้วยรูปทรงที่สวยงาม ล้ำสมัย และยังมีเครื่องยนต์เป็นเยี่ยมเหนือกว่ารถธรรมดาทั่วไป รถซูเปอร์คาร์ จึงเป็นรถยนต์ในฝันของใครหลาย ๆ คน แต่ด้วยราคาที่แพงจนไม่อาจเอื้อม ถึง ตั้งแต่สิบล้านจนถึงร้อยล้าน นั่นจึงทำให้รถซูเปอร์คาร์ เป็นได้แค่เพียงรถในฝันเท่านั้น แต่ตอนนี้ บริษัท ดรีมคาร์ (Dreamcars)ได้เปิดธุรกิจแนวใหม่ ให้เช่ารถซูเปอร์คาร์ไปขับกันได้สบาย ๆ โดยมีสนนราคาที่เริ่มตั้งแต่ 17,900 บาทต่อ 40 นาที ไปจนถึง  29,900 บาท ต่อเวลา 90 นาที           ทั้งนี้ บริษัทดรีมคาร์ คือกลุ่มของหนุ่มสาวนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่หลงใหลในรถซูเปอร์คาร์โดยเฉพาะ และอยากแบ่งปันประสบการณ์การขับขี่สุดยอดรถยนต์ ให้กับทุกคน เพื่อที่จะได้เติมเต็มความฝันให้ เป็นจริง โดยรถยนต์ที่นำมาให้เช่านั้น คือรถลัมโบกินี กัลลาร์โด รุ่นพิเศษ (Lamborghini Gallardo SE) ซึ่งมีเพียง 250 คันทั่วโลก สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลา 4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมกับสีส้มดำอันเป็นเอกลักษณ์สะดุดตา            ส่วนในเรื่องราคานั้น ผู้ที่สนใจสามารถขับรถได้ตามเส้นทางที่กำหนด เช่น เส้นทาง The Circle  40 นาที 25 กิโลเมตร ราคา 17,900 บาท, เส้นทางบางนา 45 นาที 30 กิโลเมตร ราคา 18,900 บาท, เส้นทางรามอินทรา 50 นาที 40 กิโลเมตร ราคา 19,900 บาท, เส้นทางจตุโชค 60 นาที 60 กิโลเมตร ราคา 21,900 และเส้นทางบางปะอิน 90 นาที 90 กิโลเมตร ราคา 21,900 //car.kapook.com/view57559.html   Create Date : 13 มีนาคม 2556     Last Update : 13 มีนาคม 2556 15:59:51 น. Counter : 1243 Pageviews.   0 comment Share Tweet