Group Blog
 
All blogs
 

สธ. เตือนภัย ฟ้าผ่าฝนฟ้าคะนองห้ามใช้โทรศัพท์-ท่องเน็ต


    โทรศัพท์มือถือ


    สธ. เตือนภัยช่วงฝนตกฟ้าคะนอง ห้ามใช้ฮัลโหลทั้งมือถือ โทรศัพท์บ้าน ท่องเน็ต  เสี่ยงฟ้าผ่า!! (กระทรวงสาธารณสุข)

    สธ. ย้ำเตือนภัยฟ้าผ่า ห้ามประชาชนใช้โทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์บ้าน รวมทั้งการเล่นอินเทอร์เน็ต ขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง เสี่ยงถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตได้ แนะหากเส้นขนหรือเส้นผมลุกชัน ขณะที่อยู่ใต้ก้อนเมฆฟ้าฝนครึ้ม ถือเป็นสัญญาณเสี่ยงภัย

              เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงหน้าฝนนี้มักมีข่าวประชาชนเสียชีวิตจากฟ้าผ่าอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ สภาพอากาศร้อนอบอ้าวและมีความชื้นสูง หากมีพายุฝน ฟ้าคะนองจะมีโอกาสเกิดฟ้าผ่าได้ง่าย ดังนั้นในช่วงฤดูฝนประชาชนจึงมีโอกาสอย่างมากจากการถูกฟ้าผ่า

              โดยจากข้อมูลการเฝ้าระวังการบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกฟ้าผ่า (Lightening-related injuries) ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่อยู่ในเครือข่ายการเฝ้าระวังการบาดเจ็บแห่งชาติ 33 แห่ง ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในรอบ 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2551-2555 มีผู้ถูกฟ้าผ่า 180 ราย เสียชีวิต 46 ราย คิดเป็นอัตราตายร้อยละ 26  

              ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นชาย และอยู่ในวัยแรงงานอายุ 20 - 49 ปี หากแยกตามอาชีพจะพบว่าเกษตรกรถูกฟ้าผ่ามากอันดับ 1 ร้อยละ 46 รองลงมาเป็นนักเรียน นักศึกษา ร้อยละ 40 และผู้ใช้แรงงานร้อยละ 9 เหตุมักเกิดในช่วงเวลา 14.00-17.00 น. สถานที่เกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นนา ไร่ สวน โดยพบว่าผู้บาดเจ็บการถูกฟ้าผ่าในปี 2555 ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วยร้อยละ 11 สูงขึ้นจากปี พ.ศ. 2554 ประมาณ 3 เท่าตัว

              นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า ภัยจากจากฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัว และมีอันตรายสูง โดยลักษณะของฟ้าผ่าแบ่งเป็น 4 แบบ คือ

    1. ฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆ
    2. ฟ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆ
    3. ฟ้าผ่าจากฐานเมฆลงสู่พื้นเรียกว่า ฟ้าผ่าแบบลบ
    4. ฟ้าผ่าจากยอดเมฆลงสู่พื้น เรียกว่าฟ้าผ่าแบบบวก

    โดยฟ้าผ่าแบบลบและแบบบวกนั้น จะทำอันตรายต่อคน สัตว์ และสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนพื้นดินหรือพื้นน้ำ ทั้งนี้ ฟ้าผ่าแบบลบจะผ่าลงบริเวณใต้เงาของเมฆฝนฟ้าคะนองเป็นหลัก ส่วนฟ้าผ่าแบบบวกสามารถผ่าได้ไกลออกไปจากก้อนเมฆประมาณ 40 กิโลเมตร ในเวลาอันรวดเร็วภายในเวลา 1 วินาที มักจะเกิดในช่วงท้ายของพายุฝนฟ้าคะนองคือหลังจากที่ฝนซาแล้ว

              "ประชาชนไทยขณะนี้ โดยทั่วไปมักจะไม่มีอุปกรณ์หรือเครื่องมือช่วยตรวจวัดความเสี่ยงของการเกิดฟ้าผ่า แต่มีวิธีการสังเกตสัญญาณความเสี่ยง โดยหากมีเมฆฝนฟ้าคะนองอยู่บนเหนือศีรษะแล้วปรากฏว่าเส้นขนบนผิวหนังลุกชันขึ้น หรือเส้นผมบนศีรษะลุกตั้งขึ้น แสดงว่ากำลังเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่า หรือหากเกิดพายุฝนฟ้าคะนองใกล้ตัวในระยะประมาณ 16 กิโลเมตรแล้วมีฟ้าแลบหรือฟ้าผ่า และได้ยินเสียงฟ้าร้องหลังฟ้าแลบน้อยกว่า 30 วินาที แสดงว่าอยู่ใกล้เขตเสี่ยงฟ้าผ่า ต้องเพิ่มความระมัดระวัง" นายแพทย์ณรงค์ กล่าว


    ฝนตก

    ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วิธีป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากฟ้าผ่ามีข้อแนะนำดังนี้

    1. หากอยู่ในที่โล่งให้หาที่หลบที่ปลอดภัย เช่น อาคารขนาดใหญ่  แต่อย่าอยู่ใกล้ผนังอาคาร ประตูและหน้าต่าง หรือควรหลบในรถยนต์ที่ปิดกระจกมิดชิด แต่อย่าสัมผัสกับตัวถังรถ 

    2. หากหาที่หลบไม่ได้ ให้หมอบนั่งยอง ๆ ให้ตัวอยู่ต่ำที่สุด โดยแนบมือทั้งสองข้างติดกับเข่า แล้วซุกศีรษะเข้าไประหว่างเข่า ส่วนเท้าให้ชิดกันหรือเขย่งปลายเท้า เพื่อลดพื้นที่สัมผัสกับพื้นให้น้อยที่สุด แต่อย่านอนหมอบกับพื้น เพราะกระแสไฟฟ้าอาจวิ่งมาตามพื้นได้  

    3. อย่ายืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้สูงและบริเวณใกล้เคียงกับต้นไม้ หรืออยู่ในที่สูงและใกล้ที่สูง ที่สำคัญอย่ากางร่ม

    4. ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือกลางแจ้งในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เพราะแม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะไม่ใช่สื่อล่อฟ้า แต่ฟ้าผ่าจะเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าเข้ามาในมือถือ อีกทั้งโทรศัพท์มือถือมีส่วนประกอบที่เป็นแผ่นโลหะ สายอากาศและแบตเตอรี่ที่เป็นตัวล่อฟ้า จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่า และยังทำให้แบตเตอรี่ลัดวงจรจนเกิดระเบิด ส่งผลให้ผู้ถูกฟ้าผ่าได้รับบาดเจ็บมากขึ้น

    5. ห้ามใช้โทรศัพท์บ้านหรือเล่นอินเทอร์เน็ตในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เพราะฟ้าอาจผ่าลงมาที่เสาสัญญาณหรือเสาอากาศที่อยู่นอกบ้าน และกระแสไฟจากฟ้าผ่าจะวิ่งมาตามสายโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ทำให้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ รวมทั้งผู้ใช้งานได้รับอันตราย

    6 .ควรถอดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าออกให้หมด เพราะฟ้าอาจผ่าลงที่เสาไฟฟ้าหรือสายไฟฟ้า ทำให้กระแสไฟฟ้ากระชากเครื่องใช้ไฟฟ้า อาจทำให้เสียได้ และควรดึงเสาอากาศของโทรทัศน์ออก เพราะหากฟ้าผ่าที่เสาอากาศบนหลังคาบ้าน อาจวิ่งเข้าสู่โทรทัศน์ได้

    7. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับโลหะทุกชนิด เนื่องจากโลหะเป็นตัวนำไฟฟ้าและอย่าอยู่ใกล้สายไฟ

    8. หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ เพราะเป็นตัวนำไฟฟ้า

    9. ควรเตรียมไฟฉายไว้ส่องดูทาง เพราะอาจเกิดไฟดับหรือไฟไหม้ได้ 

              นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับวิธีปฐมพยาบาลผู้ถูกฟ้าผ่า ให้สังเกตก่อนว่าในบริเวณที่เกิดเหตุยังมีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่าหรือไม่ ถ้ามีให้เคลื่อนย้ายผู้ถูกฟ้าผ่าไปยังตำแหน่งที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันตัวเราเองจากการถูกฟ้าผ่า และสามารถแตะต้องตัวผู้ถูกฟ้าผ่าได้ทันที เนื่องจากคนที่ถูกฟ้าผ่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้าหลงเหลืออยู่ในตัว ซึ่งต่างจากผู้ที่ถูกไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้าช็อต ดังนั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าเราจะถูกไฟฟ้าดูด

    โดยการปฐมพยาบาลผู้ถูกฟ้าผ่าจะใช้วิธีเดียวกับผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อต กล่าวคือ หากหมดสติ ไม่รู้ตัว หัวใจหยุดเต้น และไม่หายใจ ซึ่งสังเกตได้จากอาการที่เกิดขึ้นคือ ริมฝีปากเขียว สีหน้าซีดเขียวคล้ำ ทรวงอกเคลื่อนไหวน้อยมากหรือไม่เคลื่อนไหว ชีพจรบริเวณคอเต้นช้าและเบามาก ถ้าหัวใจหยุดเต้นจะคลำชีพจรไม่ได้ หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ขอให้ช่วยผายปอดทันทีก่อนนำส่งโรงพยาบาล ด้วยการให้ลมทางปากหรือที่เรียกว่า "การเป่าปาก" ร่วมกับนวดหัวใจเพื่อให้ปอดและหัวใจทำงาน โดยให้วางมือตรงกึ่งกลางลิ้นปี่เล็กน้อย

              กรณีทำการปฐมพยาบาลคนเดียวให้นวดหัวใจ 15 ครั้ง สลับกับการเป่าปาก 2 ครั้ง ถ้าทำการปฐมพยาบาลสองคน ให้นวดหัวใจ 5 ครั้งสลับกับการเป่าปาก 1 ครั้ง ก่อนนำผู้ป่วยส่งแพทย์ต่อไป ประชาชนที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคจากการประกอบอาชีพ โทร. 025904395 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422" นายแพทย์โสภณ กล่าว


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2557 19:50:40 น.
Counter : 615 Pageviews.  

แบงก์ 500 แบบใหม่ เริ่มใช้แล้ววันนี้ เผย 8 จุดสังเกต

แบงก์ 500 แบบใหม่ เริ่มใช้แล้ววันนี้ เผย 8 จุดสังเกต


แบงก์ 500 แบบใหม่ เริ่มใช้แล้ววันนี้ เผย 8 จุดสังเกต

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
               แบงก์ 500 แบบใหม่ เริ่มใช้แล้ววันนี้ (12 พฤษภาคม 2557) ธปท. เผย 8 จุดสังเกตดู แบงก์ 500 แบบใหม่ ว่าของปลอมหรือของจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (12 พฤษภาคม 2557) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกธนบัตรชนิดราคา 500 บาท แบบที่ 16 ซึ่งเป็นแบบใหม่ล่าสุด ให้ใช้ในท้องตลาดแล้ว โดยล็อตแรกจะนำเข้าสู่ระบบกว่า 100 ล้านฉบับ

สำหรับธนบัตรใบละ 500 รุ่นใหม่นี้ ทาง ธปท. ได้พัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีรูปลักษณ์สวยงาม ทันสมัย มีความเป็นสากล และได้นำเทคโนโลยีต่อต้านการปลอมแปลงมาใช้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนภาคธุรกิจสถาบันการเงิน รวมถึงผู้มีบกพร่องทางสายตา สามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองและด้วยเครื่องตรวจนับธนบัตรโดยง่าย

ทั้งนี้ แบงก์ 500 แบบใหม่ จะมีขนาดและสีเช่นเดียวกับแบบที่ใช้ในปัจจุบัน คือ แบบที่ 15 ซึ่งมีความกว้าง 72 มิลลิเมตร และยาว 156 มิลลิเมตร และสีโดยรวมเป็นม่วง โดยมีลักษณะการต่อต้านปลอมแปลงที่สำคัญ คือ



1. ลายพิมพ์เส้นนูน ตัวอักษรและตัวเลขแจ้งชนิดราคา คำว่า "รัฐบาลไทย" จะรู้สึกสะดุดเมื่อสัมผัสด้วยปลายนิ้วมือ



2. ภาพซ้อนทับ ตัวเลข "500" พิมพ์แยกบางส่วนไว้บนด้านหน้าในตำแหน่งที่ต่อเนื่องกัน เมื่อยกธนบัตรส่องกับแสงสว่าง จะมองเห็นเป็นตัวเลข "500" เป็นภาพที่สมบูรณ์


3. ลายน้ำ พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์และตัวเลข "๕๐๐" มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ มองเห็นได้ชัดเจนทั้งสองด้านเมื่อยกส่องกับแสงสว่าง



4. หมึกพิมพ์พิเศษสลับสี พร้อมตัวเลขแฝง เมื่อพลิกธนบัตรไปมาลายประดิษฐ์สีทองจะเปลี่ยนสลับเป็นสีเขียว และเมื่อเอียงเข้าหาแสงสว่าง โดยมองผ่านจากมุมล่างซ้ายเข้าหากึ่งกลางธนบัตรจะเห็นตัวเลข "500" ที่ซ่อนไว้



5. หมึกพิมพ์พิเศษสีเหลือบเหลือง เมื่อพลิกเปลี่ยนมุมมอง จะเห็นแถวตัวเลขอารบิก "500" และแถวตัวเลขไทย "๕๐๐" สลับกับลายประจำยาม เป็นสีเหลือบเหลือง



6. แถบฟอยล์ 3 มิติ ผนึกบนเนื้อกระดาษตามแนวตั้ง ภายในแถบมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา5 ธันวาคม 2550 อยู่เหนือตัวเลขอารบิก "500" เมื่อพลิกเอียงแถบฟอยล์จะเปลี่ยนสีและสะท้อนแสงวาววับ และตรงกลางตราสัญลักษณ์ฯ จะมองเห็นตัวเลขอารบิก "500" เปลี่ยนเป็นตัวเลขไทย "๕๐๐"



7. แถบสี่เหลี่ยมเคลื่อนไหวสลับสีฝังในเนื้อกระดาษตามแนวตั้ง เมื่อพลิกธนบัตรขึ้นลงจะเห็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กสีทองเคลื่อนไหวไปมาระหว่างด้านซ้ายและด้านขวา และเปลี่ยนสลับจากสีทองเป็นสีเขียว ภายในแถบมีข้อความ "500 บาท" ขนาดเล็ก สามารถอ่านได้ทั้งสองด้านเมื่อยกธนบัตรส่องกับแสงสว่าง



8. ลายพิมพ์เส้นนูน ใต้ตัวเลขแจ้งชนิดราคามีเส้นนูนแนวนอนเรียงลดหลั่นกันลงมา นำไปสู่ลายพิมพ์เส้นนูนรูปดอกไม้สีม่วงเข้ม 3 ดอก แทนสัญลักษณ์อักษรเบรลล์ "F" ที่ย่อจาก Five Hundred


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2557 18:57:16 น.
Counter : 1200 Pageviews.  

ทีวีดิจิตอล คืออะไร ตอบข้อสงสัยที่คนทั่วไปอยากรู้


ทีวีดิจิตอล

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กสทช.

ทีวีดิจิตอลคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับเรา  แล้วเราจำเป็นต้องซื้อทีวีเครื่องใหม่หรือเปล่านะ หากใครกำลังสงสัยเรื่องของทีวีดิจิตอลอยู่ ตามมาฟังทางนี้เลย...

ช่วงปลายปี 2556 แวดวงสื่อมวลชนให้ความสนใจกับการเปิดประมูลทีวีดิจิตอลเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการโทรทัศน์บ้านเรา ดังจะเห็นได้ว่าแต่ละบริษัทยอมทุ่มไม่อั้นรวมเม็ดเงินกว่า 5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ได้รับใบอนุญาต แต่สำหรับคนทั่วไปอย่างเรา ๆ แล้ว คงจะนึกสงสัยอยู่ในใจว่า "ทีวีดิจิตอล คืออะไร" แล้วถ้าเราจะชมต้องซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่เพื่อให้รองรับระบบดิจิตอลหรือเปล่าล่ะ ทุกคำตอบอยู่ที่นี่แล้ว !


ทีวีดิจิตอล คืออะไรกันนะ ?

           ก่อนจะรู้จัก ทีวีดิจิตอล หรือโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (Digital Television) ต้องรู้ก่อนว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ระบบรับสัญญาณโทรทัศน์ในโลกใช้เป็นระบบอนาล็อก (Analog) แต่ในช่วงหลายปีหลังมานี้ เทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ได้รับการพัฒนาอย่างมาก จึงถูกนำมาผสมผสานกับเทคโนโลยีของระบบรับสัญญาณโทรทัศน์ จนเกิดระบบดิจิตอลขึ้นนั่นเอง

           แล้วรู้ไหมว่า ภาพและเสียงที่ส่งผ่านระบบดิจิตอลจะมีความคมชัดสูงกว่าระบบอนาล็อกมาก และยังส่งข้อมูลได้มากกว่าระบบอนาล็อกในหนึ่งช่องสัญญาณด้วย เรียกว่า "Multicasting" นั่นจึงทำให้หลาย ๆ ประเทศเริ่มเปลี่ยนการรับสัญญาณโทรทัศน์จากระบบอนาล็อกมาเป็นโทรทัศน์ระบบดิจิตอลกันแล้ว อย่างที่เราเห็นว่าช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ มีผลิตภัณฑ์โทรทัศน์ Wide Screen และโทรทัศน์ความคมชัดสูง (HDTV) ออกมาตีตลาดกันมากมายเลยทีเดียว


แล้วทำไมถึงต้องเปลี่ยนจากระบบอนาล็อกเป็นระบบดิจิตอลด้วยล่ะ ?

           มีข้อตกลงตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีสารสนเทศอาเซียน หรือ AMRI (ASEAN Ministers Responsible for Information) ว่าทุกประเทศจะต้องแพร่ภาพโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอลได้ และต้องยุติการออกอากาศระบบอนาล็อกในช่วงปี 2558-2563 ดังนั้น ประเทศไทยก็ต้องเร่งผลักดันให้ทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้

แล้วอย่างที่ทราบแล้วว่า ระบบดิจิตอล จะช่วยให้เรารับชมโทรทัศน์ด้วยคุณภาพสัญญาณที่ดีขึ้น พร้อมเสียงในระบบ Surround ทำให้ปัญหาเรื่องสัญญาณคุณภาพต่ำลดน้อยลง นอกจากนี้ การที่มีทีวีดิจิตอลยังช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนในการรับชมข่าวสาร สาระความรู้มากขึ้น เพราะจะมีช่องรายการเพิ่มขึ้น และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ เนื่องจากต่างชาติจะให้ความสนใจในการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น

ถ้าอ่านแล้วยังงง ๆ อยู่ ลองมาดูการเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของระบบอนาล็อก และระบบดิจิตอลกัน


 ข้อเปรียบเทียบ  ระบบอนาล็อก ระบบดิจิตอล
ความคมชัดของภาพ
 ความคมชัดปกติ (SD)
 ความคมชัดปกติ (SD) และความคมชัดสูง (HD)
 การรับสัญญาณ

-สัญญาณไม่ดี ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีตึกสูง หรือภูเขาบังการรับสัญญาณโทรทัศน์


- เกิดภาพซ้อน หากมีสัญญาณอื่นส่งมารบกวน


- เกิดสัญญาณรบกวน (Noise) ได้ เมื่อสัญญาณถูกขยาย


- ภาพไม่คมชัด หากอยู่ใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือแม่เหล็ก


 - ไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณ แม้อยู่ในพื้นที่ที่มีตึกสูง หรือภูเขาบังสัญญาณโทรทัศน์


 - ไม่เกิดปัญหาภาพซ้อน แม้มีสัญญาณอื่นส่งมารบกวน



- สัญญาณรบกวนน้อย เพราะระบบจะไม่ขยายสัญญาณ แต่จะทบทวนสัญญาใหม่ให้กลับมาเหมือนเดิม


- ไม่มีปัญหาเรื่องความคมชัด หากอยู่ใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือแม่เหล็ก
 การส่งสัญญาณ - ส่งจากเสาอากาศ ดังนั้น เครื่องโทรทัศน์สามารถรับสัญญาณได้เลย


- ส่งสัญญาณข้อมูลได้ช้าและน้อยกว่าระบบอนาล็อก

- ส่งจากดาวเทียม เครื่องโทรทัศน์ไม่สามารถรับสัญญาณได้โดยตรง ต้องมีจาน หรือกล่องแปลงสัญญาณเข้ากับทีวีก่อน จึงรับชมได้

- ส่งสัญญาณข้อมูลได้รวดเร็วและมากกว่าอนาล็อก


 การบีบอัดสัญญาณ  บีบอัดสัญญาณไม่ได้ จึงต้องใช้ความถี่มากในการส่ง ทําให้มีสถานีน้อย เช่น 1 ช่อง ก็ใช้ได้ 1 รายการเท่านั้น  มีระบบการบีบอัดสัญญาณ ทำให้สามารถส่งรายการได้มากขึ้น เช่น 1 ช่อง สามารถส่งทางภาคพื้นดินได้ถึง 4-6 รายการ และผ่านดาวเทียมได้ถึง 8-10 รายการ
 จำนวนช่องสัญญาณ  มีน้อย เพราะบีบอัดสัญญาณไม่ได้  มีได้มาก เพราะบีบอัดสัญญาณได้
 การรับชมรายการขณะเคลื่อนที่  ไม่สามารถรับชมได้
รับชมขณะอยู่ในพาหนะเคลื่อนที่ได้
 ความประหยัด
 เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าระบบดิจิตอล
 ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายกว่าระบบอนาล็อก เพราะเครื่องส่ง 1 เครื่อง ส่งได้หลายรายการ
 จำนวนช่องที่ออกอากาศ  ฟรีทีวี 6 ช่อง (3, 5, 7, 9, NBT, Thaipbs)  ฟรีทีวี 48 ช่อง (6 ช่องเดิมจากอนาล็อก+42 ช่องใหม่)
 ระบบเสียง  Stereo  Surround 5.1
 ขนาดภาพ  4:3  16:9
 การพัฒนาในอนาคต  ไม่สามารถพัฒนาประสิทธิภาพให้เพิ่มขึ้นได้ จึงไม่เพียงพอการใช้งานที่มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
 สามารถพัฒนาประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ เพื่อรองรับโทรทัศน์ในอนาคต เช่น โทรทัศน์จอกว้าง, HDTV




ทีวีดิจิตอล คืออะไร ตอบข้อสงสัยที่คนทั่วไปอยากรู้

ทีวีดิจิตอลของไทยจะมีทั้งหมดกี่ช่อง ?

           สำหรับระบบโทรทัศน์รูปแบบใหม่ของประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2557 นี้ จะใช้ระบบ DVB-T2 ซึ่งเป็นระบบ Mpeg4 เป็นมาตรฐาน โดยทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้กำหนดให้เพิ่มช่องรายการโทรทัศน์ภาคพื้นดินของประเทศไทยเพิ่มเป็น 48 ช่อง แบ่งเป็นช่องฟรีทีวีที่ออกอากาศผ่านระบบเดิม (อนาล็อก) จำนวน 6 ช่อง ส่วนอีก 42 ช่อง จะเป็นช่องฟรีทีวีที่ออกอากาศในระบบดิจิตอล

ทั้งนี้ จำนวน 48 ช่องนี้ ยังแบ่งออกได้อีกตามรูปแบบของช่อง คือ

ช่องรายการทีวีดิจิตอล หมวดสาธารณะ 12 ช่อง

           ออกอากาศทางช่อง 1-12 แต่ในระยะแรกมี 4 ช่อง คือ

ช่อง 1 - CH5 (HD)
ช่อง 2 - NBT (HD)
ช่อง 3 - Thai PBS (HD)
ช่อง 4 - Thai PBS ช่องเด็กและครอบครัว (HD) เริ่มออกอากาศปี 2558

ช่องธุรกิจ 24 ช่อง ประกอบด้วย

ช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัว 3 ช่อง คือ

ช่อง 13 - 3 Family
ช่อง 14 - MCOT Kids and Family
ช่อง 15 - LOCA

ช่องข่าวสารและสาระ 7 ช่อง คือ

ช่อง 16 - TNN24
ช่อง 17 - THV
ช่อง 18 - NEW TV
ช่อง 19 - Spring News
ช่อง 20 - Bright TV
ช่อง 21 - Voice TV
ช่อง 22 - Nation TV

ช่องวาไรตี้ ความคมชัดระดับปกติ (SD) 7 ช่อง คือ

ช่อง 23 - Workpoint Creative TV
ช่อง 24 - True4U
ช่อง 25 - G25 
ช่อง 26 - NOW
ช่อง 27 - CH8
ช่อง 28 - 3 SD
ช่อง 29 - MONO 29

ช่องวาไรตี้ ความคมชัดสูง (HD) 7 ช่อง คือ

ช่อง 30 - MCOT HD
ช่อง 31 - ONE
ช่อง 32 - Thairath TV
ช่อง 33 - 3 HD
ช่อง 34 - Amarin TV HD
ช่อง 35 - BBTV CH7
ช่อง 36 - PPTV 

ช่องบริการชุมชน 12 ช่อง

           คือช่องทีวีเคเบิลท้องถิ่น หรือช่องรายการทีวีดาวเทียมท้องถิ่น ซึ่งแต่ละจังหวัดจะรับชมได้ในรายการที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้น ๆ




จะดูทีวีดิจิตอลได้อย่างไร ต้องซื้อโทรทัศน์ใหม่หรือเปล่า ?

           คำถามยอดฮิตติดอันดับ 1 ที่หลายคนสงสัยกันมากว่าถ้าจะรับชมทีวีระบบดิจิตอล ต้องซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่หรือเปล่า ก่อนอื่นต้องสำรวจทีวีที่บ้านก่อนค่ะว่าเรารับชมโทรทัศน์ในระบบไหนอยู่

หากที่บ้านใช้โทรทัศน์ระบบอนาล็อก

           ก็คือโทรทัศน์ที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบันนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นจอตู้หรือจอแบน ใช้เสาหนวดกุ้งหรือก้างปลา ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโทรทัศน์ใหม่ให้เปลืองเงิน เพราะเพียงแค่ซื้อกล่องแปลงสัญญาณ หรือ Set Top Box ที่เป็นระบบ DVB-T2 มาเชื่อมต่อกับเครื่องโทรทัศน์เดิมผ่านช่อง AV สีแดงขาวเหลือง ก็จะช่วยเปลี่ยนสัญญาณจากระบบอนาล็อกมาเป็นระบบดิจิตอลได้แล้ว โดยมีหนวดกุ้งหรือเสาก้างปลาเป็นตัวรับสัญญาณ (ย้ำว่าต้องเป็นกล่องรับสัญญาณ DVB-T2 เท่านั้น ถ้าเป็นกล่องรับสัญญาณ DVB-T ธรรมดาจะรับสัญญาณไม่ได้นะคะ)

และถ้าทีวีของคุณมีช่องต่อ HDMI ก็จะยิ่งดี เพราะสามารถนำกล่องมาต่อผ่านช่องนี้เพื่อรับชมสัญญาณได้เลย ซึ่งจะให้ความคมชัดสูงกว่าการต่อผ่านช่อง AV แดงขาวเหลืองที่มีในโทรทัศน์รุ่นเก่า ๆ แม้ว่าจะสามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้เหมือนกัน แต่ภาพจะคมชัดน้อยกว่า

           อ้อ ! ที่สำคัญคือ 1 กล่อง ต่อ 1 เครื่องโทรทัศน์เท่านั้น ถ้าที่บ้านมีทีวีหลายเครื่องแล้วอยากดูระบบดิจิตอลทุกเครื่อง ก็ต้องซื้อหลายกล่องไปด้วยนะ

หากที่บ้านใช้ทีวีที่รับสัญญาณดิจิตอลได้อยู่แล้ว

           ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องดูก่อนว่า ที่ว่ารับสัญญาณดิจิตอลได้นั้นเป็นการรับสัญญาณแบบไหน เพราะทีวีดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นนี้จะรับสัญญาณระบบ DVB-T2 ซึ่งเป็นระบบใหม่ล่าสุด แต่เครื่องโทรทัศน์ที่วางขายก่อนหน้านี้มักจะรับสัญญาณดิจิตอลได้แค่ระบบ DVB-T ซึ่งเป็นระบบเก่ากว่า จึงไม่สามารถรับสัญญาณทีวีดิจิตอลระบบใหม่ได้ค่ะ

           ถ้าเช่นนั้น บ้านไหนที่ใช้ระบบ DVB-T ก็ต้องซื้อกล่องรับสัญญาณมาแปลงเช่นกัน แต่ถ้าบ้านไหนเพิ่งซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่มาสด ๆ ร้อน ๆ และมีข้อความระบุว่า เป็น Built-In Tuners ระบบ DVB-T2  ก็สามารถรับชมทีวีดิจิตอลแบบชัด ๆ ได้เลย โดยไม่ต้องซื้อกล่อง เพียงแค่หาเสาอากาศ มาต่อกับทีวี แล้วจูนหาช่องดูได้เลย

ตรวจสอบโทรทัศน์รุ่นไหนเป็น iDTV สามารถชมทีวีดิจิตอลได้เลย

หากที่บ้านรับชมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม หรือเคเบิ้ลทีวี

           ถ้าโทรทัศน์ที่บ้านรับชมผ่านจานดาวเทียม (C-Band) หรือเคเบิล (KU-Band) ไม่ว่าจะเป็นจานดำ จานแดง จานเหลือง จานส้ม ก็สามารถดูทีวีดิจิตอลได้เลยค่ะ ไม่ต้องหาเสาอากาศ หรือกล่องอะไรมาติดเพิ่ม เพียงแค่ถอดปลั๊กแล้วเสียบใหม่ เพราะดาวเทียม หรือเคเบิล คือระบบดิจิตอลอยู่แล้ว และทาง กสทช. ได้กำหนดข้อบังคับตามกฎ Must Carry ให้แต่ละจานส่งสัญญาณดิจิตอลให้สมาชิกได้ชมด้วย หากไม่ทำจะผิดกฎหมาย ซึ่งแต่ละเจ้าจะอัพเดทช่องให้เองอัตโนมัติในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม คนที่ใช้โทรทัศน์ระบบเคเบิลจะสามารถชมรายการได้เพียงแค่ 36 ช่องเท่านั้น (คือ ช่องสาธารณะ 12 ช่อง + ช่องธุรกิจ 24 ช่อง) โดยจะไม่สามารถรับชมช่องบริการชุมชน 12 ช่องได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการออกอากาศในแต่ละพื้นที่ซึ่งระบบจานดาวเทียมและเคเบิลทีวีไม่สามารถดึงสัญญาณภาพไปให้บริการได้      

           แต่เรื่องสำคัญที่ชาวเคเบิลทีวีต้องทราบก็คือ หากกล่องรับสัญญาณที่คุณติดตั้งอยู่ตอนนี้ไม่ใช่กล่อง HD อยู่แล้วก็จะไม่สามารถเปิดดูช่อง HD ได้นะ จะดูได้แต่ช่องธรรมดา ถ้าต้องการดูช่อง HD ด้วยก็ต้องเปลี่ยนเป็นกล่องแบบ HD แทน หรือจะซื้อ Set Top Box DVB-T2 มาใช้แทนก็ได้ ถ้าสัญญาณทีวีดิจิตอลส่งมาถึงค่ะ

หากที่บ้านเป็นเคเบิลทีวีท้องถิ่น

           ในต่างจังหวัด การติดเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นแบบจ่ายรายเดือน เพื่อให้ดูฟรีทีวีได้ชัดเจน ก็เป็นที่นิยมกันหลายบ้าน ซึ่งเมื่อระบบดิจิตอลเกิดขึ้นมา เราก็สามารถดูทีวิจิตอลได้ด้วยการเชื่อมต่อสัญญาณผ่านกล่อง Set Top Box เช่นกัน


Set Top Box ราคาแพงไหม ?

           ทีนี้ หลายคนคงถามต่อไปอีกว่า Set Top Box ราคาประมาณเท่าไร แล้วจะหาซื้อได้ที่ไหน เรื่องนี้อย่าเพิ่งใจร้อนจ้า เพราะทาง กสทช. จะนำเงินส่วนหนึ่งจากการประมูลทีวีดิจิตอลมาทำคูปองส่วนลดค่าซื้อกล่องแจกจ่ายให้กับประชาชนบ้านละ 1 คูปอง ซึ่งก็ต้องรอการเคาะมูลค่าราคาที่จะแจกให้อีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าจะแจกคูปองในราคา 690 บาท โดยคำนวนจากราคาเริ่มต้นการประมูล หารด้วยจำนวณประชากร

แต่หลายคนก็อาจจะสงสัยอีกว่า ทำไมไม่แจกเป็นกล่องแปลงสัญญาณมาเลย ทำไมต้องแจกคูปองส่วนลดด้วย นั่นก็เป็นเพราะ Set Top Box ที่วางขายในท้องตลาดมีอยู่หลายรุ่น แต่ละรุ่นก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานแตกต่างกัน จึงต้องแจกเป็นคูปองให้ประชาชนไปเลือกซื้อ เลือกรุ่นกันตามความพอใจนั่นเอง โดยราคากล่องทั่วไปน่าจะขายอยู่ที่ราคาประมาณ 1,000-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับสเปคและลูกเล่นต่าง ๆ

           ส่วนวิธีการเลือกซื้อนั้น แนะนำว่าในการซื้อให้สังเกตสติ๊กเกอร์รับรองการตรวจสอบมาตรฐานของ กสทช. ที่ติดอยู่บนผลิตภัณฑ์ รวมทั้งโลโก้และมาสคอตดิจิตอลทีวี เพื่อจะได้มั่นใจว่า ถ้าซื้อกล่องมาแล้วนำมาเชื่อมต่อดูทีวีดิจิตอลได้จริง

ตรวจสอบรายชื่อ Set Top Box ที่ กสทช. รับรอง


ถ้าเปลี่ยนเป็นทีวีดิจิตอลแล้ว ฟรีทีวี 3 5 7 9 NBT จะหายไปเลยหรือ ?

           ถึงจะเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลแล้ว ฟรีทีวีเดิม คือ ช่อง 3 5 7 9 NBT ที่ออกอากาศในระบบอนาล็อก ก็ยังสามารถดูได้เหมือนเดิมค่ะ ไม่ได้หายไปไหน และยังจะได้ช่องที่เป็นทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นฟรีทีวีเหมือนกันแถมมาให้ดูเพิ่มด้วย


งั้นจะขอดูแต่ฟรีทีวีแบบเดิม ๆ ได้หรือเปล่าล่ะ ?

หากไม่ปรารถนาจะดูทีวีระบบดิจิตอล เพราะไม่อยากเปลี่ยนทีวีใหม่ และยังไม่อยากซื้อกล่องแปลงสัญญาณด้วย เพราะเห็นว่า ฟรีทีวี 3, 5, 7, 9, NBT ก็มีรายการให้ดูมากพออยู่แล้ว คุณก็ยังสามารถรับชมฟรีทีวีช่องเหล่านี้ได้ตามปกติไปจนถึงปี พ.ศ. 2563

เอ๊ะ...แล้วทำไมถึงดูได้แค่ปี 2563 ล่ะ? นั่นก็เพราะตามข้อตกลงของอาเซียน กำหนดว่า แต่ละประเทศสามารถส่งสัญญาณการแพร่ภาพแบบอนาล็อก ควบคู่ไปกับระบบดิจิตอลได้จนถึงปี 2563 หากพ้นปี 2563 ไปแล้ว แต่ละประเทศก็จะต้องตัดสัญญาณระบบอนาล็อกทิ้ง ถึงตอนนั้น ผู้ที่ไม่มีกล่องแปลงสัญญาณ และไม่มีทีวีที่มีระบบ DVB-T2 จะไม่สามารถรับสัญญาณฟรีทีวีแบบอนาล็อกได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้น อย่างไรเสียในอนาคตก็ต้องเปลี่ยนไปดูทีวีระบบดิจิตอลแน่นอน แต่จะเปลี่ยนช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง


อยากดูทีวีดิจิตอลแล้ว จะเริ่มออกอากาศเมื่อไร อยู่ต่างจังหวัดดูได้ไหม ?

           ปกติแล้ว ทุกประเทศที่เปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิตอลจะยังไม่สามารถส่งสัญญาณให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ 100% ได้ทันที แต่จะใช้วิธีขยายโครงข่ายไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับประเทศไทยค่ะ ลองดูว่า ภายใน 2 ปีแรก ทีวีดิจิตอลจะออกอากาศในจังหวัดได้บ้าง

วันที่ 1 เมษายน 2557  ออกอากาศก่อนใน 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา เชียงใหม่ และสงขลา

วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 ออกอากาศเพิ่มอีก 3 จังหวัด คือ อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี และระยอง

วันที่ 1 มิถุนายน 2557 ออกอากาศครอบคลุมอีก 4 จังหวัด คือ สิงห์บุรี สุโขทัย ขอนแก่น และอุดรธานี

วันที่ 1 สิงหาคม 2557 ออกอากาศเพิ่มอีก 4 จังหวัด คือ ร้อยเอ็ด เชียงราย สระแก้ว นครสวรรค์

วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ออกอากาศเพิ่มอีก 4 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ตรัง ลำปาง

วันที่ 1 ธันวาคม 2557 ออกอากาศเพิ่มอีก 5 จังหวัด คือ สกลนคร สุรินทร์ น่าน เพชรบูรณ์ และประจวบคีรีขันธ์

รวมแล้วในปี 2557 นี้ จะออกอากาศครอบคลุม 24 จังหวัด สามารถรับชมได้ 17.60 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 22.9 ล้านครัวเรือน

ส่วนในปี 2558 นั้น จะมีสถานีเพิ่มอีก 15 จังหวัด ทำให้การรับชมทีวีดิจิตอลครอบคลุมร้อยละ 90-95 ของครัวเรือน ดังนี้

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 ออกอากาศเพิ่มอีก 5 จังหวัด คือ กาญจนบุรี ชุมพร ตราด มุกดาหาร และตาก

วันที่ 1 เมษายน 2558 ออกอากาศเพิ่มอีก 5 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน ระนอง เลย ชัยภูมิ แพร่

วันที่ 1 มิถุนายน 2558 ออกอากาศเพิ่มอีก 5 จังหวัด คือ สตูล อุตรดิตถ์ บึงกาฬ ศรีสะเกษ ยะลา

          สำหรับจังหวัดที่เหลือ คาดว่าจะสามารถรับชมได้ไม่เกินสิ้นปี 2558


ดูทีวีดิจิตอลผ่านสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตได้จริงป่ะ ?

           ยุคนี้สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่สุดไปแล้ว เพราะทำได้สารพัด และกับทีวีดิจิตอลเองก็ยังสามารถรับชมผ่านสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้ด้วย ถ้ามีจูนเนอร์ DVB-T2 ในตัวหรือติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณทีวีดิจิตอล เช่น แบบ USB dongle แต่จะรับชมช่องไหนได้บ้าง ความคมชัดแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับฟังก์ชั่นของเครื่องอีกเหมือนกัน ถ้ามีจูนเนอร์ DVB-T2 ในตัวหรือติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณทีวีดิจิตอลเช่น แบบ USB dongle


คงไม่เจอปัญหาจอดำเวลามีถ่ายทอดสดกีฬาเหมือนทีวีดาวเทียมแล้วใช่ไหม ?

           คนที่ดูทีวีผ่านดาวเทียมคงเซ็งสุด ๆ ที่เจอจอดำทุกทีเวลามีถ่ายทอดสดรายการกีฬาสำคัญ ๆ ถ้าไม่ใช้เสาหนวดกุ้ง หรือก้างปลาก็จะดูการถ่ายทอดสดไม่ได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลแล้ว ปัญหานี้จะหมดไป เพราะอย่าลืมนะคะว่า ทีวีดิจิตอลก็คือ "ฟรีทีวี" นั่นเอง ไม่ต่างจากเสาหนวดกุ้ง หรือก้างปลา จึงไม่ติดปัญหาลิขสิทธิ์ ทีนี้รายการไหน ๆ ก็ไม่เจอปัญหาจอดำอีกแล้ว

ทีวีดิจิตอลยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย แต่ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวทีเดียว ก็ต้องรอติดตามกันดูว่า จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้างในวงการโทรทัศน์บ้านเรา หลังการเปิดตัวของทีวีดิจิตอล


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กสทช. , personnel.psu.ac.th , it24hrs.com ,




 

Create Date : 25 เมษายน 2557    
Last Update : 25 เมษายน 2557 19:15:32 น.
Counter : 762 Pageviews.  

ยุงกัดเพราะจุลินทรีย์บนผิวหนัง

หากคุณใช้เวลากลางคืนนั่งอยู่กลางแจ้งโดยที่ต้องคอยตบยุงตามอวัยวะต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่วายมีรอยถูกอยู่ดีในท้ายที่สุด นั่นเป็นเพราะว่ายุงคงชอบคุณมาก แต่คนโชคดีที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถูกยุงกัดก็มีอยู่เช่นกัน แต่ไม่ใช่เพราะว่าเลือดของบางคนมีรสชาติดีกว่าแต่อย่างใด

ในการประชุมว่าด้วยความบันเทิงและการออกแบบทางเทคโนโลยีประจำปี 2557 ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เมื่อเร็วๆ นี้ ร็อบ ไนท์ นักนิเวศวิทยาจุลินทรีย์ อธิบายว่าแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์บนผิวหนังของเราผลิตสารเคมีที่แตกต่างกัน ซึ่งบางชนิดมีกลิ่นที่น่าดึงดูดสำหรับยุงมากกว่า

จุลินทรีย์นับล้านล้านชนิดที่อาศัยอยู่บนผิวหนังของเรา เป็นส่วนน้อยของจุลินทรีย์ทั้งหมดราว 100 ล้านล้านชนิดที่อาศัยอยู่ในร่างกาย ทว่าพวกมันมีบทบาทสำคัญมากต่อกลิ่นของร่างกายคนเรา หากปราศจากจุลินทรีย์เหล่านี้ เหงื่อของมนุษย์จะมีกลิ่นที่ไม่เหมือนสิ่งใดเลย อย่างไรก็ตาม ชนิดของจุลินทรีย์ที่อยู่บนผิวหนังเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งคนส่วนมากจะมีจุลินทรีย์เหล่านี้เหมือนกันเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

และเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า ยุงจะถูกดึงดูดจากชนิดจุลินทรีย์บนผิวหนังบางชนิดมากเป็นพิเศษ นักวิจัยให้อาสาสมัครผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ 48 คน งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระเทียม อาหารรสจัด และการอาบน้ำเป็นเวลา 2 วัน และให้สวมถุงเท้าไนล่อนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างกลิ่นของผิวหนังที่มีลักษณะเฉพาะ หลังจากนั้นใช้ทรายแก้วขัดที่ฝ่าเท้าของอาสาสมัครเพื่อจับกลิ่นดังกล่าวมาเป็นเหยื่อล่อยุง

กลุ่มตัวอย่าง 9 จาก 48 คนพิสูจน์แล้วว่ามีกลิ่นตัวที่น่าดึงดูดเป็นพิเศษสำหรับยุง ขณะที่มี 7 คนผู้โชคดีที่มีกลิ่นที่ยุงส่วนใหญ่เมิน โดย "กลุ่มที่น่าดึงดูดสูง" มีจุลินทรีย์ 2 ชนิดที่เหมือนกันสูงกว่ากลุ่มตัวอย่างที่เหลือ 2.62 และ 3.11 เท่า ขณะที่กลุ่มที่ไม่ดึงดูดยุง มีชนิดของแบคทีเรียบนผิวหนังทั้งหมดแตกต่างไปจากกลุ่มอื่นโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ นักวิจัยยังบอกด้วยว่า คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ดึงดูดยุงได้ในระดับสูงมากคือนักดื่มเบียร์

//campus.sanook.com/1371142




 

Create Date : 21 เมษายน 2557    
Last Update : 21 เมษายน 2557 18:19:32 น.
Counter : 612 Pageviews.  

อันตราย! เด็กอ้วนนอนกรน โตช้า-สมองแย่-ไม่พัฒนา


ชมรมฯเตือนเด็กอ้วนนอนกรน เสี่ยงกระทบทางเดินหายใจอุดกั้น ทำเด็กโตช้า สมองแย่ แนะออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ลดโอกาสใช้เครื่องช่วยหายใจเวลานอน

เมื่อวันที่ 16 เมษายน นพ.สุรณัฐ แก้วณิมีย์ ชมรมโภชนาการเด็กแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนในชุดโครงการ "รวมพลัง ขยับกาย สร้างสังคมไทย ไร้พุง" ของเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งสนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ทำการศึกษาเรื่อง "เด็กอ้วนนอนกรน" โดยพบว่าอาการนอนกรน เป็นภาวะที่เรียกว่าภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นและหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งหมายถึงการไม่มีอากาศไหลผ่านทางเดินหายใจส่วนบน หรือหยุดหายใจ ร่วมกับมีภาวะพร่องของระดับออกซิเจนในเลือด มีการนอนที่ผิดปกติเกิดขึ้นในขณะที่นอนหลับ ในคนที่สุขภาพแข็งแรงทั่วไปจะพบได้ร้อยละ 3-12 ในจำนวนนี้ ร้อยละ 1-3 จะมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นและหยุดหายใจขณะหลับได้

นพ.สุรณัฐกล่าวว่า อาการที่เป็นผลสืบเนื่องจากการนอนหลับไม่เพียงพอ มีทั้งตื่นมาปวดศีรษะในตอนเช้า คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงหลับผิดปกติในเวลากลางวัน อ่อนเพลีย ส่วนเด็กวัยเรียนอาจส่งผลต่อการทำงานของสมอง และการเรียนรู้จดจำ เช่น สมาธิสั้น ความจำไม่ดี มีผลการเรียนไม่ดี ในบางรายอาจมีอาการคล้ายโรคซนอยู่ไม่นิ่งร่วมกับสมาธิสั้น มีพฤติกรรมก้าวร้าวและแยกตัวออกจากสังคม เด็กที่ไม่ได้รับการรักษามักมีลักษณะอ้าปากหายใจ เสียงขึ้นจมูก ในรายที่รุนแรงจะส่งผลให้การเจริญเติบโตช้า ซึ่งพบว่าในเด็กอ้วน พ่อแม่มักพามาปรึกษาเรื่องอาการนอนกรนอยู่บ่อยครั้ง โดยในเด็กอ้วนจะพบบ่อยกว่าเด็กน้ำหนักปกติ

"เมื่อเด็กนอนกรน หรือมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นระหว่างหลับ จะมีอาการแทรกซ้อนและโรคที่พบร่วมได้คือ การง่วงหลับในเวลากลางวันมากผิดปกติ สมองมีความบกพร่องด้านการเรียนรู้จดจำ ปัญหาพฤติกรรม ส่งผลกระทบต่อการเรียน การทำงาน และคุณภาพชีวิต และยังเพิ่มความเสี่ยงในอนาคตของโรค เช่น ความดันโลหิตสูง การทำงานของหัวใจผิดปกติ กล้ามเนื้อผนังหัวใจหนาตัวผิดปกติ ผนังหลอดเลือดแข็งตัวและความยืดหยุ่นลดลง และสุดท้ายยังทำให้เกิดโรคในกลุ่มอาการเมตาบอลิก ได้แก่ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ และความดันโลหิตสูง" นพ.สุรณัฐกล่าว และว่า การรักษาคือ ต้องควบคุมและลดน้ำหนัก ร่วมกับการรักษาภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ หากมีต่อมทอนซิล (Tonsil) หรือต่อมอะดีนอยด์ (Adenoid) ซึ่งเป็นต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่งมีขนาดโต แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าจำเป็นต้องรับการรักษาด้วยการผ่าตัดต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ ร่วมด้วยหรือไม่ ในบางรายอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเวลานอน




 

Create Date : 20 เมษายน 2557    
Last Update : 20 เมษายน 2557 19:22:46 น.
Counter : 569 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

jureeporn
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




src='http://roomsite.freeserverhost.com/blogproject/toolbar.js'>
FC Barcelona


Google
จำนวนผู้ชมบล็อกทั้งหมด คน




















[Add jureeporn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.