วันศุกร์ที่ 14 กันยายน 2555 เวลา 09:21 น.
วันนี้ ( 14 ก.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า นครนิวยอร์กกลายเป็นเมืองแรกของสหรัฐ ที่ร่างกฎหมายห้ามจำหน่ายน้ำอัดลมใส่แก้วที่มีปริมาณเกินกว่า 470 มิลลิลิตร หรือให้พลังงานเกิน 200 กิโลแคลอรี ได้รับการอนุมัติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่จะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 12 มี.ค. ปีหน้า โดยทางการให้เหตุผลว่า เพื่อต่อสู้กับวิกฤตโรคอ้วนในหมู่ชาวอเมริกัน
นายไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก เป็นผู้ผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วยตนเอง เพื่อเข้ารับการอนุมติจากคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพของนครนิวยอร์ก เมื่อเดือนมิ.ย. โดยไม่สนใจการต่อต้าน และเสียงประณามจากบรรดาบริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลมยักษ์ใหญ่ ซึ่งนายโธมัส ฟาร์ลีย์ หนึ่งในคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กฎหมายฉบับดังกล่าว อาจเรียกได้ว่าเป็น ประวัติศาสตร์ ของสหรัฐเลยก็ว่าได้
ทั้งนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวระบุให้ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ สนามกีฬา รวมถึงร้านสะดวกซื้อที่จำหน่ายเครื่องดื่ม จำหน่ายน้ำอัดลมใส่แก้วให้ผู้บริโภคได้ไม่เกิน 16 ออนซ์ ซึ่งเท่ากับ 470 มิลลิลิตร หรือครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำอัดลมแก้วใหญ่ที่สุด ที่มีการจำหน่ายตามสถานที่เหล่านี้ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนต้องโทษถูกปรับ 200 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 6,200 บาท )
อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้ครอบคลุมถึงน้ำอัดลมบรรจุขวด กระป๋อง รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่โฆษณาว่า ปราศจากน้ำตาล หรือแม้แต่น้ำผลไม้ และน้ำหวาน ที่เป็นที่ทราบกันดีว่า มีแฝงด้วยปริมาณน้ำตาลกว่า 70% ทว่านายบลูมเบิร์กเชื่อมั่นว่า อย่างน้อยกฎหมายฉบับนี้น่าจะช่วยให้ชาวนิวยอร์กตระหนักถึงสิ่งที่ควรบริโภคมากขึ้น แม้ผลสำรวจจากหนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส เมื่อเดือนส.ค. บ่งชี้ว่า กว่าร้อยละ 60 ของชาวนิวยอร์กไม่เห็นด้วยในกฎหมายฉบับนี้ก็ตาม และต่างกล่าวว่า พวกเขาจะตัดสินใจเองว่าจะดื่มอะไรมากน้อยแค่ไหน
สถิติล่าสุดระบุว่า แต่ละปีจะมีชาวนิวยอร์กราว 6,000 คนเสียชีวิตด้วยโรคอ้วน และปัจจุบัน 1 ใน 8 ของชาวนิวยอร์กมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
//www.dailynews.co.th/world/155091