ข่าวฟุตบอล กัปตันเจิด ย้อนรำลึกถึงความหลังครั้งยังเป็นไอ้หนุ่มจอมห้าว สำหรับประสบการณ์หนหลังสุดที่ ลิเวอร์พูล ต้องพบความพ่ายแพ้ต่อ เอฟเวอร์ตัน คา แอนฟิลด์

ภาพ AFP

 สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ลิเวอร์พูล เตรียมนำลูกทีมลงทำศึกนัดสำคัญ ในเกม พรีเมียร์ลีก "เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์" กับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ที่สนาม แอนฟิลด์ ในคืนวันนี้ อังคารที่ 28 มกราคม 

ในการเล่นที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล ไม่เคยแพ้ต่อ เอฟเวอร์ตัน มานานมากกว่า 10 ปี โดยครั้งสุดท้ายเป็นเกมที่ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" บุกมาเอาชนะได้ 1-0 เมื่อปี 1999 ตอนนั้น ราฮีม สเตอร์ริ่ง ยังใส่ขาสั้นเรียนอนุบาล คูตินโญ่ ก็คงยังวิ่งเตะบอลเท้าเปล่า แต่สำหรับ เจอร์ราร์ด เองมีประสบการณ์ตรงกับความพ่ายแพ้หนนั้นเพราะได้ลงสนามเล่นเป็นตัวสำรองด้วย

"กัปตันเจิด" ย้อนรำลึกถึงความรู้สึกเมื่อ 15 ปีก่อนว่า "มันพูดยากนะว่าคุณรู้สึกยังไง เวลาคุณแพ้เกมสำคัญที่ แอนฟิลด์ มันจะรู้สึกแย่ไปหลายวัน แล้วจากนั้นคุณก็ต้องทำใจให้ได้ แต่ถ้าคุณแพ้ เอฟเวอร์ตัน ที่ แอนฟิลด์ มันจะยิ่งเจ็บปวดไปนานมาก ซึ่งมันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับเวลาคุณไปชนะได้ที่ กูดิสัน พาร์ค"

"ถ้าคุณมาถามผมก่อนเริ่มต้นฤดูกาลว่าอยากชนะเกมไหนมากที่สุด ผมก็ต้องเลือกเกมที่ กูดิสัน พาร์ค พอๆ กับที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นั่นแหละ ฉะนั้น การแพ้ เอฟเวอร์ตัน ในสนามของตัวเองมันช่างเป็นความรู้สึกแตกต่างจริงๆ มันคือฝันร้ายชัดๆ "

สำหรับฝันร้ายหนสุดท้ายของ เจอร์ราร์ด ความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณเป็นสองเท่า เพราะหลังจากได้ลงไปเล่นแทน ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ในช่วงเกือบครึ่งชั่วโมงหลังของเกม พอถึงช่วงทดเวลาเจ็บ กัปตันคนเก่งของ "หงส์แดง" ที่ตอนนั้นยังเป็นเด็กหนุ่มจอมห้าวก็โดนใบแดงไล่ออกจากจังหวะที่ไปอัดใส่ เควิน แคมป์เบล หัวหอกของ "ทอฟฟี่เมน"

"หลังจากแพ้นัดนั้น ผมเจ็บปวดรวดร้าวจริงๆ ถึงกับหงอยอยู่นานเลยละ เราแพ้ ส่วนผมโดนใบแดง ความจริงก่อนหน้านั้นผมจองโต๊ะที่ร้านอาหาร อัลเบิร์ต ด็อค ไว้แล้วด้วยนะ กะว่าเราจะชนะแล้วก็ไปฉลองที่นั่น พอแพ้แล้วผมก็ไม่อยากจะไปกินอะไรเลยจริงๆ แต่ก็ไม่อยากผิดนัด ก็เลยต้องปั้นหน้าไปนั่งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร"

"แล้วคุณเชื่อมั้ย? ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ คนแรกที่ผมเจอดันเป็น เควิน แคมป์เบล เขาจัดการถลกกางเกงให้ผมดูว่ารอยสตั๊ดของผมยังแดงเป็นจ้ำอยู่บนต้นขาของเขาเลย"

แล้ว เจอร์ราร์ด จะทำยังไงต่อ? ในฐานะที่เป็นเด็กหนุ่มวัยกระเตาะอายุเพิ่ง 19 ต้องมาเผชิญหน้ากับโจทก์ซึ่งเป็นหัวหอกร่างยักษ์ดีกรีทีมชาติอังกฤษซะด้วย

"ในเมื่อคุณยังเป็นแค่เด็กอายุ 19 แล้วมีผู้ชายตัวใหญ่เบ่อเร่อยืนอยู่ตรงหน้า คุณก็ทำได้อย่างเดียวแหละ ผมบอกขอโทษที่ไปอัดเขาแบบนั้นแล้วก็ขอจับมือกับเขา"

กลับมาที่ เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ในคืนนี้ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะทั้งสองทีม มีแต้มห่างกันคะแนนเดียวเท่านั้น และผลการแข่งขันในเกมนี้ก็มีความสำคัญต่อการลุ้นพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นอย่างยิ่ง

"ใครๆ ก็มองว่า เกมนี้มีความหมายเหมือนการได้คะแนนแบบไป-กลับถึง 6 แต้ม แต่ผมว่ามันยิ่งกว่านั้น คืนนี้ถ้าทีมไหนชนะมันจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับช่วงที่เหลือทั้งฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นใจ หรือกำลังใจทุกอย่างมันส่งผลทั้งนั้น"

"คุณไม่จำเป็นต้องโหมกระแสอะไรเลย เกมดาร์บี้มันยิ่งใหญ่ในตัวของมันเอง แต่คราวนี้คะแนนในลีกมันกำลังไล่บี้กันด้วย มันยิ่งสุดยอดเข้าไปใหญ่ และยิ่งเพิ่มความมันให้กับเกมนัดนี้" เจอร์ราร์ด กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับ เจอร์ราร์ด ผ่านประสบการณ์ เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ มาแล้ว 30 นัด ชนะ 15 เสมอ 10 และแพ้เพียง 5 เกม

//football.kapook.com/news_inside.php?id=18934&key=news