Group Blog
 
All blogs
 
รวมประโยชน์ผลไม้แต่ละชนิด


ในหัวข้อนี้เราจะมาดูกันนะคะว่าผลไม้แต่ละชนิดมีประโยขน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง

1.ข้าวโพด
ทำให้ปัสสาวะได้คล่องไม่ติดขัด ลดอาการความดันโลหิตสูง ช่วยห้ามเลือด หยุดเลือดกำเดาหรืออาเจียนเป็นเลือด บำบัดรักษาโรคไต ไตอักเสบ ลดอาการปวดบวม ช้ำ ตามร่างกาย กระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหาร
2.มะละกอ
เพิ่มน้ำนมหลังคลอดบุตร แก้อาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ทำให้ชุ่มคอดับกระหายและคออักเสบจากอาการไอ รักษาโรคบิด โรคเกี่ยวกับลำไส้ ช่วยถ่ายพยาธิ
3.มะเฟือง
ลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกาย แก้ไข้ รักษาโรคหวัด บำบัดโรคนิ่วที่กระเพาะปัสสาวะและที่ไต รักษาอาการเจ็บคอ คออักเสบและแผลร้อนใน แก้อาการปัสสาวะลำบากและติดขัด ทำให้ระบบขับถ่ายดี รักษาโรคริดสีดวงทวาร ช่วยย่อยอาหารและขับสารพิษออกจากร่างกาย แก้อาการปวดศีรษะ คอแห้งจากการดื่มแอลกอฮอล์
4.ลำไย
แก้อาการวิงเวียนปวดศีรษะ ทำให้มีน้ำมีนวล ลดอาการปวดบวมตามร่างกายหลังการคลอดบุตร
5.มะม่วง
ช่วยย่อยอาหาร ท้องอิด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด แก้อาการผื่นคันและอักเสบบวมที่ผิวหนัง ทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำ แก้คลื่นไส้อาเจียน บรรเทาอาการหายใจไมสะดวก แก้หอบหืดและไอแบบมีเสมหะ รักษาโรคไส้เลื่อนและอักเสบที่อัณฑะ แก้ปวดและเพิ่มพลังงาน
6.แอปเปิ้ล
ช่วยย่อยอาหาร แก้อาการปวดท้อง ท้องเสีย และอักเสบที่ลำไส้ ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง ลดอาการแพ้ท้อง
7.พุทราจีน
บำรุงคุณแม่หลังคลอดบุตร ทำให้สดชื่น ทำให้เจริญอาหารมีน้ำมีนวล บำรุงโลหิตและขับสารพิษออกจากร่างกาย บรรเทาอาการผด ผื่น คัน จากการแพ้ ทำให้นอนหลับสนิท
8.แตงโม
แก้อาการวิงเวียนปวดศีรษะเป็นลมแดด ทำให้ชุ่มคอ ลดอาการขมที่คอและปาก บำบัดรักษาโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและโรคไต บรรเทาอาการปวดศีรษะคอปห้งจากการดื่มแอลกอฮอล์ รักษาอาการปัสสาวะเป็นสีเหลือง ปัญหาปัสสาวะลำบากและติดขัด
9.อ้อย
ลดอาการอาเจียน แก้อาการบวมน้ำระหว่างตั้งครรภ์ กระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและปอด
10.เงาะ
เงาะเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีขายกันอยู่ทั่วไปเป็นผลไม้รสหวานและอมเปรี้ยว รับประทานเงาะสดสามารถแก้อาการท้องร่วงชนิดรุนแรงได้ผลดี นอกจากนี้ผลเงาะนำมาต้มนำน้ำที่ได้มาเป็นยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาอาการอักเสบในช่องปากและโรคบิดท้องร่วง

ข้อควรระวังคือเม็ดในของเงาะมีพิษแม้ว่าจะเอาไปคั่วจนสุกแล้วแต่ถ้ารับประทานมากเกินไปจะมีอาการปวดท้อง เวียนศรีษะมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้นไม่ควรจะรับประทานเม็ด
11.สับปะรด
1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านทานโรคให้แก่ร่าง กายแต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก

2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารอาหารมากซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือดและช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง

3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีสที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของ เซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย  

4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรด มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งรังไข่

5. ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือจะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็งได้ถึง 20%

6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้

7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล

แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ควรกินพอประมาณ เช่น วันละหนึ่งชิ้น และกินผลไม้อื่นๆ ให้หลากหลายด้วย เพราะการกินอะไรที่มากเกินไปก็ย่อมให้ผลเสียทั้งนั้น

12.ฝรั่ง

ผลฝรั่งแก่ เต็มที่มีวิตามินซีสูง จะลดลงเมื่อสุก ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน มีวิตามินเอ วิตามินหนึ่ง บีสอง

และบีหก ธาตุเหล็ก แคลเซียม มีกรดอินทรีย์หลายชนิด และมีน้ำตาลเล็กน้อย ใช้เป็นยามีสารเบต้า - แคโรทีน ช่วย

ลดสารพิษในร่างกายทั้งยังป้องกันไม่ให้ไขมันจับที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดแข็งตัว    

ฝรั่ง : มีวิตามินซีสูงมาก มีน้ำตาลและมีวิตามินเอ ธาตุเหล็ก แคลเซียม

ผลสุก : รับประทานเป็นยาระบายอ่อนๆ 

ใบฝรั่ง : เคี้ยวและอมไว้สักพัก ระงับกลิ่นปากได้

13.กล้วย

กล้วยเป็นผลไม้ที่ช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยในกระเพาะ (Dyspepsia) ได้เป็นอย่างดี การรับประทานกล้วยเป็นประจำจะทำให้กระเพาะแข็งแรง ปัญหาจากกรดในกระเพาะจะลดลง สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องแผลในกระเพาะจะมีอาการดีขึ้น

ส่วนใครที่ชอบกินกล้วยหอม รู้ไว้เลยว่า การกินกล้วยหอมหนึ่งผล ไม่เพียงแต่ทำให้อิ่มท้องเท่ากับข้าวหนึ่งจานเท่านั้น แต่กล้วยยังให้ผลทางยาและสมุนไพรที่ข้าวไม่มี คือสามารถดูแลและรักษากระเพาะอาหารได้

14.ส้ม

จากรายงานการศึกษาของหลายชาติ เรื่องการบริโภคผลไม้จำพวกมะนาว หรือส้ม ให้ประโยชน์แก่สุขภาพ สรุปได้ว่า "กินส้มวันละใบ จะช่วยผลักไสโรคมะเร็งบางชนิดให้พ้นตัวไปได้"

นักวิจัยขององค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเครือจักรภพของรัฐบาลออสเตรเลีย ระบุว่า การกินผลไม้พวกมะนาวหรือส้ม จะช่วยป้องกันมะเร็งที่ปาก กล่องเสียง และกระเพาะลงได้ครึ่งหนึ่ง และยิ่งกินผักผลไม้วันละ 5 มื้ออยู่เป็นประจำแล้ว ก็จะยิ่งช่วยให้ป้องกันอัมพาตได้อีกโรคถึง 19 เปอร์เซ็นต์ด้วย

ผลไม้จำพวกมะนาวหรือส้ม ช่วยป้องกันโรคของร่างกายได้เพราะคุณสมบัติเป็นตัวล้างพิษของมัน พร้อมทั้งบำรุงระบบภูมิ คุ้มโรคให้แข็งแรง ขัดขวางเนื้อร้ายไม่ให้ลุกลาม และรักษาเซลล์เนื้อร้ายให้กลับคืนดีได้อีกด้วย

15.ทุเรียน

ประโยชน์ของทุเรียนมีดังต่อไปนี้

เนื้อทุเรียน

รสหวานร้อน ทำให้เกิดความร้อน แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี - หนอง แห้ง เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ขับพยาธิ

เปลือกหนามทุเรียน

รสเฝื่อน นำมาสับแช่ในน้ำปูนใสใช้ชะล้างแผลที่เกิดจากน้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง หรือนำมาเผาทำถ่าน บดจนเป็นผง คลุกในน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา ลดความบวมพองจากคางทูม และเผาเอาควันไล่ยุงและแมลง

ใบทุเรียน

รสเย็นและเฝื่อน ใช้ต้มน้ำอาบแก้ไข้ แก้ดีซ่านและเป็นส่วนผสมในยาขับพยาธิ

รากจากต้นทุเรียน

ตัดเป็นข้อๆ ต้มให้เดือด ดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วง

16. ส้มโอ

ใบ : เป็นยาแก้ปวดข้อ ท้องอืดแน่น แก้ปวดหัว (ตำพอกที่ศีรษะ)

ดอก : แก้ปวดกระเพาะอาหาร แก้ปวดกระบังลม ขับเสมหะ ขับลม

ผล : แก้เมาสุรา ขับลมในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้เจริญอาหารเหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์เบื่ออาหาร ปากไม่รู้รสอาหาร

เปลือกผล : เป็นยาขับลม ช่วยขับเสมหะ แก้อึดอัด แน่นหน้าอก ไอ จุกแน่น ปวดท้องน้อย ไส้เลื่อน หรือต้มน้ำอาบแก้คัน ใช้ตำพอกฝี

เมล็ด : แก้ไส้เลื่อน แก้ปวดท้อง ลำไส้เล็กหดตัวผิดปกติ

ราก : แก้หวัด แก้ไอ แก้ปวด ปวดท้องน้อยและกระเพาะอาหาร ไส้เลื่อน

17.สละ

สละมีประโยชน์มากมาย เนื้อผลมีกรดอินทรีย์ น้ำตาล วิตามินซี และฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนระกำ มีสรรพคุณ เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ แก่น มีรสขมหวาน จึงมีสรรพคุณขับเสมหะ รักษาอาการเลือดกำเดาไหล และบำรุงเลือด

ปล.เห็นไหมคะว่าผลไม้แต่ละชนิดมีประโยชน์มากแค่ไหน อย่าลืมกินสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ตอบแทนร่างกายของเราบ้างนะคะ

เครดิต

//iam.hunsa.com




Create Date : 25 สิงหาคม 2555
Last Update : 25 สิงหาคม 2555 16:58:58 น. 0 comments
Counter : 9304 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jureeporn
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




src='http://roomsite.freeserverhost.com/blogproject/toolbar.js'>
FC Barcelona


Google
จำนวนผู้ชมบล็อกทั้งหมด คน




















[Add jureeporn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.