คิดท้อเป็นถ่าน คิดผ่านเป็เพชร
 
 

โรคแห่งความล้มเหลว

โรคภัยไข้เจ็บเป็นโรคทางกาย โรคแห่งความล้มเหลวเป็นโรคทางความคิด เพราะฉะนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จ เราจึงต้องรักษาโรคทางความคิด

โรคที่ร้ายแรงที่สุด และนำไปสู่ความล้มเหลวมากที่สุด คือ โรคชอบแก้ตัว

เรื่องที่เราใช้แก้ตัวกันบ่อยที่สุด 4 เรื่อง คือ สุขภาพ ความฉลาด อายุ และโชค

“ผมทำไม่ได้หรอก ผมต้องพักผ่อนมากๆ สุขภาพไม่ค่อยดี”
“หนูจบแค่ ปวส. คงต้องเป็นหมอ เป็นคนเก่งนั่นแหละ ที่จะทำได้”
“อายุป่านนี้ อีกไม่นานก็ตาย ชีวิตมาได้แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว”
“ให้เก่งยังไง ไม่เฮงเสียอย่างเดียว ไม่มีทางสำเร็จหรอก”

นี่เป็นความเชื่อของคนที่กำลังเดินสู่ความล้มเหลว แต่ความจริงก็คือ

... 4 ใน 5 คน ที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ไม่ได้ป่วย(ทางกาย)อะไรเลย
... นอนวันละ 6 ชั่วโมงก็เพียงพอ นอนมากเกินไปไม่ดีเหมือนกัน
... ไอสไตน์ พิสูจน์ให้เห็นว่า จินตนาการ สำคัญกว่า ความรู้
... จบปริญญาโท ล้มเหลวก็มีให้เห็นเยอะแยะไป
... คนอายุน้อย แม้ขยันแต่ต้องสะสมประสบการณ์หลายปี
... คนอายุมาก ใช้ประสบการณ์ที่มี และเพื่อนฝูงที่มากกว่า สร้างงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
... ความเฮง จะมีประโยชน์เฉพาะกับคนที่ “พร้อม” ในเวลาที่เจอโอกาสที่ดี

โรคที่ฮิตกันมากไม่แพ้การชอบแก้ตัว คือ โรคผลัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนแท้ของโรคขี้เกียจ แต่การรักษาโรคกลุ่มนี้ ต้องใช้ยาแรงกว่า คือ วิกฤตของชีวิต

เมื่อไหร่เราเจอวิกฤตของชีวิต ไม่ว่า โดนไล่ออกจากงาน บริษัทปิดกิจการ หรือ มะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง ... วันเวลาก็จะกลายเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง

//www.inetworksuccess.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=234683&Ntype=2




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2552 16:37:14 น.   
Counter : 423 Pageviews.  


คิดใหญ่

"วันนี้แย่มากๆ เลย”
“วันนี้บรรยากาศดีนะ”

ในเช้าวันเดียวกัน หากมีใครสักคนบ่นประโยคแรกออกมา เชื่อได้ว่า การทำงานของเขาในวันนั้น คงเต็มไปด้วยอุปสรรคมากกว่าคนที่พูดประโยคหลังอย่างไม่ต้องสงสัย

ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะสมองของเรา ก็คือโรงงานผลิตความคิดนั่นเอง โรงงานของคุณจะมี โฟร์แมน อยู่สองคน คนหนึ่งชื่อ นายชนะ อีกคนหนึ่งชื่อ นายแพ้

เมื่อคุณบ่นออกมาว่า “วันนี้แย่มากๆ เลย” นายแพ้ โฟร์แมนตัวร้าย จะช่วยคุณค้นแฟ้มข้อมูล หาเหตุผลนานาประการ เพื่อสนับสนุนว่า ... วันนี้มันห่วยจริงๆ

แต่เมื่อคุณพูดออกมาว่า “วันนี้บรรยากาศดีนะ” นายชนะก็จะเดินออกมาช่วยคุณค้นแฟ้มข้อมูล เพื่อหาเหตุผลสนับสนุนว่า ใช่ ... วันนี้เจ๋งจริงๆ เยี่ยมมากๆ เลย(เจ้านาย)

...

เวลาผ่านจากวันเป็นเดือน เดือนเป็นปี หากคุณใช้บริการโฟร์แมนคนไหนมากกว่า โฟร์แมนอีกคนจะถูกลดบทบาทลงไปเรื่อยๆ จนหมดอำนาจวาสนาในโรงงานความคิดของคุณ

จนวันหนึ่ง คุณพูดออกมาว่า “วันนี้บรรยากาศดีนะ” นายแพ้ กลับเดินออกมาค้นแฟ้มข้อมูลเรื่องไม่ดีทั้งหลาย เพื่อบอกคุณว่า ไม่ ... บรรยากาศวันนี้ไม่เห็นจะดีเลย เซ็งจะตาย

คุณอาจถาม นายแพ้ ว่า อ้าว แล้วโฟร์แมนอีกคนล่ะ ... อ๋อ ไอ้ชนะ น่ะเหรอ ก็เจ้านายไล่มันออกไปแล้วนี่นา ไม่เป็นไรน่า ผมจะดูแลเจ้านายเอง

เห็นมั้ยครับ ลูกจ้างคนไหน เจ้านายไม่รัก ก็โดนไล่ออกเป็นธรรมดา

การแก้ไขง่ายๆ ก็คือ บอกตัวเองว่า“ต้องสำเร็จ” “เราเก่งว่าที่คิด” และ “เราเป็นคนคิดใหญ่”

การบอกตัวเองอย่างนี้ แม้ฟังดูเหมือนบ้า แต่นี่คือการโทร.เรียก นายชนะ กลับมาทำงาน ยิ่งคุณบอกตัวเองอย่างนี้บ่อยๆ นายชนะ จะยิ่งได้ทำงานมากขึ้น ... และในที่สุด นายแพ้จะถูกไล่ออกไป


ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้


//www.inetworksuccess.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=234672&Ntype=2




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2552 16:33:31 น.   
Counter : 231 Pageviews.  


การเปิดใจ

หัวข้อ “การเปิดใจ” มีการพูดกันไม่น้อยในธุรกิจ ทั้งนี้เพราะปัจจัยความสำเร็จในระดับสูงของธุรกิจนี้ คือ ความสามารถในการเปิดใจผู้คนมาร่วมธุรกิจได้

แต่หลายครั้ง ที่พวกเรามักพยายามแสวงหาคำคม วาทะ นิทาน หรือแม้กระทั่งบทกลอน เตรียมไว้ใช้เปิดใจผู้มุ่งหวัง หากเทียบกับกีฬามวยแล้วล่ะก็ คล้ายกับเราพยายามหาจุด(อ่อน)ของผู้มุ่งหวังให้เจอ จากนั้นก็รอจังหวะ รอเวลาที่พอดิบพอดี ... ชกเข้าโป้งเดียวน๊อค! ยังไงยังงั้น

ไม่ผิดหรอก ถ้าจะบอกว่า อาจเป็นเพราะประสบการณ์ของเรานี่เอง ที่ “เปิดใจ” จากคำพูดของใครบางคนเข้าอย่างจัง แล้วธุรกิจก็เข้ามามีส่วนในชีวิตของเรานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สำหรับผม “การเปิดใจ” น่าจะหมายถึงการเปิดใจตัวเราเองให้กว้าง และบอกเล่าความฝัน ความเชื่อ และความมุ่งมั่นของเราให้ผู้มุ่งหวังได้ฟัง และสามารถ “คิดได้” ด้วยตัวของเขาเอง … สรุปว่า ผมมักเล่าให้เขาฟังว่าเรามีความเชื่ออะไร มีความคิดอย่างไร และกำลังทำอะไรอยู่ ส่วนเขาจะเปิดใจหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของเขา

...

หลังจากหนังเรื่องเพื่อนสนิทจบลง ผมและไข่ย้อยก็ได้ข้อสรุปเหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ อย่ารอจังหวะเวลาที่จะเปิดใจมากเกินไปนักเลย ... ถึงแม้ดากานดาจะเปิดใจในท้ายที่สุด แต่เมื่อ“ไม่ถูกเวลา” เรื่องราวหลายอย่างก็พลิกไปอย่างไม่น่าเชื่อ จาก เพื่อนรัก กลายเป็น เพื่อนสนิท ไปเสียฉิบ

“ทำไมมาทำอะไรตอนนี้” ~~~~~~

//www.inetworksuccess.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=225904&Ntype=2




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2552 16:39:02 น.   
Counter : 373 Pageviews.  


โชค

(นิทาน) กษัตริย์ผู้ชาญฉลาดพระองค์หนึ่ง ทรงเกลียดพวกแม่มดและได้จับแม่มดเอาไปขังไวในป้อม แล้วตรัสแก่แม่มดว่า“เจ้าถูกขังแล้ว เจ้ามีความรู้เท่าไหร่ จงเอาออกมาใช้หาทางหลบหนีไปจากป้อมนี้ให้จงได้ข้าจะบอกเจ้าว่า มีทางอยู่ทางหนึ่งที่เจ้าจะหนีออกไปได้หากเจ้าหาพบ เจ้าก็หนีออกไปได้” ตรัสเสร็จแล้วก็เสด็จกลับทันที

แม่มดร่ายเวทมนต์ทั้งคืน จนหมดแรงนั่งร้องไห้ 3 วันต่อไปเมื่อกษัตริย์เสด็จมาที่ป้อมอีกครั้ง แม่มดร้องไห้บอกกับกษัตริย์ว่า“ข้าหาทางออกนั้นไม่พบพระเจ้าข้า”

กษัตริย์ทรงชี้พระหัตถืไปที่ประตู แล้วตรัสว่า“ทำไมเจ้าไม่ดูที่ประตูว่าใส่กุญแจไว้หรือเปล่าประตูไม่ได้ใส่กุญแจไว้เลย หากเจ้าดู เจ้าคงสามารถออกไปได้แล้ว เจ้าตัวสตึ”

ทุกวันนี้ ประชาชนนับเป็นพันๆ ต่างหากันคิดว่าตัวถูกกักขังให้ทำกันแต่งานเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นชิ้นเป็นอันอะไรและไม่มีโอกาสที่จะหนีไปให้พ้นเสียแล้ว ต่างคนต่างก็ทำอะไรกันซึ่งเชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้ แต่หามีคนใดหลุดพ้นออกมาเป็นอิสระได้ไม่

ทั้งนี้เพราะไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว โชคนั้่นคืออะไรและประตูก็ไม่ได้ใส่กุญแจไว้ตลอดปีตลอดชาติถ้าท่านอ่านหนงสือเล่มนี้ ท่านจะรู้ว่า ประตูไม่ได้ใส่กุญแจไว้เลย

ข้อที่ 1 คำนวณโอกาสที่จะได้
ข้อที่ 2 ค้นคว้า
ข้อ 3 ทำเร็ว
ข้อที่ 4 ไปหาโชค
ข้อที่ 5 ทำให้เด่น
ข้อที่ 6 ผจญภัย
ข้อที่ 7 สนใจหลายสิ่ง
ข้อที่ 8 เล่นเกมของท่านเอง
ข้อที่ 9 ทำไป ทำไป
ข้อที่ 10 ผูกมิตร
ข้อที่ 11 เฉลี่ยความสุข
ข้อที่ 12 ซื่อตรง




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2552 15:57:20 น.   
Counter : 185 Pageviews.  


How to win friends and influence people

1. ไม่เอ่ยถึงสิ่งไม่ดีของผู้อื่น นำแต่ส่วนที่ดีเท่าที่ทราบมาพูด
2. ธรรมชาติที่ล้ำลึกที่สุดของมนุษย์ก็คือการโหยหาที่จะได้รับการยกย่อง
จะใช้คำยกย่องที่กลั่นออกมาจากใจจริง คำพูดของเราจะอยู่ในความทรงจำของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเนิ่นนาน ทั้งยังจะย้ำเตือนให้เขาระลึกถึงมันเสมอแม้เราจะลืมไปแล้ว
3. พูดถึงแต่สิ่งที่เขาต้องการและแสดงให้เห็นว่าทำอย่างไรจึงจะได้มัน
4. จงเอาใจใส่ผู้อื่นอย่างแท้จริง
5. จงปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนกันที่ท่านต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน
6. ต้องสอนเขาเหมือนกับคุณไม่ได้สอนและจงเสนอสิ่งที่เขาไม่รู้ ประหนึ่งว่าเขาลืมเลือนมันไป
7. จงเคารพความคิดเห็นของอีกฝ่ายและอย่าบอกว่าใคร (เขา) ผิด
8. จงเริ่มต้นด้วยไมตรีจิต
9. การโต้แย้งถกเถียงจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ผลใด
10. จงทำให้อีกฝ่ายหนึ่งตอบรับทันทีเมื่อเปิดฉากสนทนา
11. จงทำให้อีกฝ่ายบังเกิดความรู้สึกว่าความคิดนั้นเป็นของเขา
12. ทุกคนชมชอบการขอร้อง
13. จงขอร้องด้วยการพูดให้อีกฝ่ายบังเกิดความรู้สึกว่าเป็นเจตนาที่ดีงามต่อกัน
14. อย่าเตือนผู้อื่นอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาผิด
15. เหตุผลมีเฉพาะก่อนเหตุการณ์ หลังเหตุการณ์มีแค่คำแก้ตัว
16. พูดถึงความผิดพลาดของตนเองก่อนเสมอแล้วจึงตำหนิผู้อื่น
17. ไม่มีใครชอบรับคำสั่ง จงขอความเห็นแทน
18. จงอย่าฉีกหน้าอีกฝ่าย
19. จงรักษาหน้าของอีกฝ่ายหนึ่ง

โดย Dr. อัจฉรา เชาวะวณิช




 

Create Date : 19 ตุลาคม 2552   
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 18:37:52 น.   
Counter : 286 Pageviews.  


1  2  

judo13
 
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add judo13's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com