แมวจะครองโลก
 
สืบคดีเลือดแมวเปอร์เซีย...byนักสืบแมวเหมียว ภาค 6

ช่วงที่นักสืบแมวเหมียวหาแผลอยู่นั้น เราก็ให้ทนายขอหมายไปที่สภาโจ๊กเพื่อขอเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับคดีนี้

ในการพิจารณาคดีก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะต้องเรียกพยานมาเพิ่ม

ระหว่างที่รอเอกสารและรอการพิจารณาคดี เราก็อุทธรณ์คำสั่งของสภาโจ๊กไปที่สภาโจ๊ก (ตรูจะอุทธรณ์กับแก๊งค์นั้นทำไมเนี่ย เราตอบตัวเองว่า บางทีคนเราก็ต้องทำเรื่องโง่ๆบ้าง)

หลักๆที่เราอุทธรณ์ก็คือ สำนวนการให้ถ้อยคำของหมอเวรที่ให้ต่อสภาโจ๊กสวนทางและขัดแย้งกับบันทึกประวัติการรักษาของแมวเรา มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงหลายจุด

และเห็นว่าสภาโจ๊กตัดสินโดยใช้ถ้อยคำของหมอเวร กลับไม่พิจารณาการให้ถ้อยคำของเราซึ่งสอดคล้องกับบันทึกประวัติการรักษา เช่น

ในประวัติการรักษาการผ่าตัดครั้งแรกไม่มีการให้ยาห้ามเลือด(จากที่หมอเวรยอมรับกับเราในวันเกิดเหตุ)
และไม่ปรากฎว่ามีการบันทึกว่ามีการใหยาห้ามเลือดตอนผ่าตัดครั้งแรกในบันทึกประวัติการรักษา
แต่สภาโจ๊กสามารถ... สภาโจ๊กสรุปความเห็นของกรรมการว่า ในการผ่าตัดครั้งแรก เมื่อเห็นว่ามีเลือดออกจากมดลูก หมอเวรได้ให้ยาห้ามเลือดและoxytocin

(เอ่อ... สภาโจ๊กเล่นสรุปเพิ่มเติมให้เสร็จเลย ให้ยานู้นนี้เต็มไปหมด แล้วทำไมไม่ดูบันทึกการรักษาล่ะว่ามีการให้รึเปล่า)

(เราอยากด่าว่า สภาโจ๊กตาบอด อ่านหนังสือไม่ออกรึไง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่สุภาพ)

เลยแค่ขอให้สภาโจ๊กพิจารณาเรื่องร้องเรียนให้ครบถ้วน ตามประเด็นต่างๆ หากการทำงานของเจ้าหน้าที่ในสภาโจ๊กไม่เป็นกลางจะส่งเรื่องร้องเรียนไปศาลปกครองสภาโจ๊กต่อไป

ต่อมาสภาโจ๊กได้ตอบกลับเราเป็นจดหมายว่า ผลการพิจารณาถือเป็นที่สุด(แปลว่าเปลี่ยนไม่ได้)

เราจึงตัดสินใจจะฟ้องสภาโจ๊กต่อศาลปกครองสภาโจ๊ก ทนายของบ้านเราก็ไม่เคยฟ้องคดีปกครองเหมือนกัน เราเลยตัดสินใจจะดำเนินการเองโดยไม่ใช้ทนาย

เราเลยต้องเข้ากูเกิ้ล หาวิธีการฟ้องสภาโจ๊กต่อศาลปกครองดูแลสภาโจ๊กในโทษฐานที่สภาโจ๊กประพฤติตัวไม่เป็นกลาง เลือกปฏิบัติ ออกคำสั่งโดยมิชอบ ไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกต้อง และแก้คำสั่งให้ถูกต้องห้ามสรุปต่อเติมสิ่งที่ไม่มีในบันทึกประวัติการรักษา

การฟ้องต่อศาลปกครองสภาโจ๊กครั้งนี้ทำเราปวดหัวสุดๆ เพราะเราต้องมานั่งอ่านเอกสารเป็นปึกๆใหม่หมดเลย ศัพท์แพทย์ก็เข้าใจยาก

มีการเขียนคำฟ้อง คำให้การ คำคัดค้านคำให้การ อะไรอีกก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามีแต่เรื่องยากๆให้ทำ งงมาก

เขียนคำฟ้องไปก็ว่าจะเลิก ไม่ฟ้งไม่ฟ้องละ ยอมแพ้ละ เอกสารมากมายปวดหัวไปหมดแล้ว(ฮือๆๆๆ ยากจัง เก๊าอยากนอนT T เก๊าอยากดูซีรี่ย์เกาหลีT T เก๊าอยากอ่านการ์ตูนT T เก๊าเหนื่อยอ่ะ)

แต่พอมานึกถึงภาพบาดใจ แมวเลือดท่วม เสียงกรีดร้องโหยหวน การที่เราดิ้นรนหาแมวมาให้เลือดแต่หมอเวรมาต้มเราว่าแมวเราไม่ต้องให้เลือดก็ได้ ทำให้เรามีแรงฮึดสู้ขึ้นมาอีก

ในที่สุดเราก็เขียนคำฟ้องให้ศาลปกครองสภาโจ๊กเสร็จ (เฮ้อ ขอถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ)

เรามานั่งทบทวนคำฟ้องแล้วก็คิดว่า คดีจากแมวตายเนี่ย ศาลจะรับฟ้องมั้ยนะ แล้วศาลจะอ่านที่เราเขียนรู้เรื่องมั้ย
แต่ก็คิดว่าคงพอรู้น่ะเพราะศาลนี้เปิดรับมาก ชาวบ้านก็สามารถร้องเรียนได้ คนไม่รู้หนังสือก็มาร้องเรียนได้ถ้าหากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ

การฟ้องสภาโจ๊กครั้งนี้เราใช้วิธีส่งไปรษณีย์เอาเพราะเราเดินทางไปไหนมาไหนไม่ไหวแล้ว(ก็บอกแล้วว่าเก๊าเหนื่อยT T เก๊าไม่อยากออกจากบ้านแล้วT T)

ไหนๆก็ฟ้องแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว เราเลยซีร็อกคำฟ้องอีกชุดส่งไปสำนักนายกฯกระทรวงคนสวนและต้นไม้(นามสมมติ)ซึ่งเป็นต้นสังกัดของสภาโจ๊กด้วยเลย ส่งไปรษณีย์อีกเช่นกัน

การเขียนคำฟ้องไม่ใช่ว่าเขียนอะไรก็ได้ ต้องมีหลักฐาน ที่มาที่ไปชัดเจนศาลท่านจึงจะรับฟ้อง

และสำนักนายกก็ตอบกลับมา...คดีถือเป็นที่สุด(กะไว้แล้วล่ะ)

ส่วนศาลปกครองสภาโจ๊กตอบกลับมาว่า...ประทับรับฟ้อง(เย้^ ^) ดำเนินการเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีทางการปกครอง

ทางสภาโจ๊กผู้ถูกฟ้องเลยต้องมาโต้ตอบคำฟ้องทางไปรษณีย์กับเราอยู่ประมาณ 3-4 เดือนได้
(ทางสภาโจ๊กใช้ทนายดังเป็นประมาณนายกหรือรองนายกสภาทนายแถวๆนี้แหละมาสู้กับคนติงต๊องมือใหม่หัดฟ้องอย่างเรา อย่าแพ้นะเฟ้ย ถ้าแพ้ตรูจะขำ)

ตอนนี้ก็แค่รอผลพิจารณาคดีปกครอง ซึ่งทุกวันนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกัน

เราไม่ได้ขอให้ศาลลงโทษอะไรสภาโจ๊กหรอกนะ

แค่ขอให้สภาโจ๊กพิจารณาคดีเราใหม่ให้ครบถ้วนและแก้คำสั่งให้ตรงกับบันทึกประวัติการรักษา อย่าต่อเติมสิ่งที่มันไม่มีมา ก็แค่นั้น
(อยากให้หมอเวรถูกก็ให้ถูกไปแต่ห้ามบิดเบือนข้อเท็จจริงเจ๊ไม่ยอม)

มาถึงตอนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อ

เราให้ทนายออกหมายเรียกพยานมา 3 คน

คนแรก สมมติว่าชื่อหมอแท้ เป็นหมอที่ฉีดวัคซีนให้แมวเรา ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเรา

คนที่ 2 เรียกมาจากสภาโจ๊ก สมมติให้ชื่อหมออัลไซ ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเรา

คนที่ 3 เรียกมาจากสภาโจ๊กในฐานะคนที่มาออกความเห็นในคดีเรา สมมติให้ชื่อหมอหัวล้าน ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเราแต่เหมือนเค้าจะเกลียดเรามาจากชาติที่แล้ว

หมอแท้มาให้ข้อเท็จจริงทางวิชาการเกี่ยวกับการรักษาแมว ค่าเลือดแมวตามทฤษฎีและตำราที่ทางหมอคนอื่นๆเขียนและวิจัยไว้

และแล้วก็เกิดเรื่องจนได้

นักสืบแมวเหมียวมารายงานว่าตอนนี้ทางสภาโจ๊กกำลังตามล่าตัวหมอแท้ว่าเป็นใครมาจากไหนถึงมาขึ้นพูดหลักวิชาการ ทฤษฎีให้ฝั่งเรา

พวกเราทนาย นักสืบแมวเหมียว และเราไม่คิดว่าสภาโจ๊กจะกล้า...

ต่อมา นักสืบแมวเหมียวมารายงานทนายกับเราว่า ทางสภาโจ๊กที่เป็นอาจารย์ของหมอเวรให้คนโทรศัพท์มาด่าหมอแท้ ให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ซะ พร้อมกับคำขู่ คำด่ามากมาย

ทนายเราตัดสินใจเตรียมแถลงการณ์ต่อหน้าท่านว่ามีการข่มขู่ คุกคามพยานโจทก์

นักสืบแมวเหมียวไปสืบหาข่าวมาเพิ่ม แต่หมอแท้ฝากบอกมาว่า "ไม่ต้องหรอกค่ะ หมอไม่อยากยุ่งเกี่ยวแล้ว เดี๋ยวทางสภาโจ๊กเค้าจะว่าเอา ที่หมอพูดก็พูดไปตามหลักวิชาการ ก็เท่านั้น หมอก็ไม่คิดว่าจะผิดหรือเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โตขนาดนี้"

คิดเอาเองละกันว่าอำนาจมืดยิ่งใหญ่ขนาดไหน

พยานหมอคนที่2ที่เราเรียกมา คนจากสภาโจ๊ก ผู้ที่เซ็นออกเอกสาร คือหมออัลไซ ทนายเราถามอะไรไปก็ไม่ทราบๆ จำไม่ได้(หรือแกล้งจำไม่ได้ก็ไม่รู้) สรุปไม่รู้จะเรียกมาทำไม

พยานหมอคนที่3 หมอหัวล้าน รายนี้มั่วมาก

เราคุยกับหมอหัวล้านหน้าห้อง เรื่องคดีเรา มีเจ้าหน้าที่บางคนส่งไปออกรายการคดีเด็ด มีการฉายออกทีวีแต่ทำให้ฮาๆ(คดีแปลกๆ)

หมอหัวล้านถามเราว่า "แล้วคุณไปขอแบ่งเงินค่าส่งเรื่องจากเจ้าหน้าที่กี่บาท" (เอ๊ะ หมอหัวล้านพูดจากวนประสาทจริงๆ)

เราบอก "ไม่ได้ขอแบ่ง เค้าอยากเขียนส่งไปก็เรื่องของเค้า และก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่คนไหนส่งเรื่องไป"

เราเล่าให้ทนายฟัง ทนายบอกให้ฟ้องหมิ่นประมาทไปเลย จะฟ้องให้ แต่เราขี้เกียจ เรื่องเล็กน้อย ยอมๆให้กวนไป

ต่อมานักสืบแมวเหมียวไปสืบมาว่า หมอหัวล้านไปเล่าให้อาจารย์คนอื่นฟังว่า เราน่ะเห็นแมวเลือดออกเยอะมากแต่ไม่ยอมให้หมอห้ามเลือดหรือตัดมดลูก เพราะเราอยากให้แมวมีลูกเยอะๆจะได้ขายได้เงินเยอะๆ(ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่แต่งเรื่องได้มันส์มาก)

เอ่อ...พูดจาซี้ซั้วแบบนี้ วันหลังต้องให้นักสืบแมวเหมียวอัดเทปไว้แล้ว (รู้มั้ยคะว่า หมอเวรให้ถ้อยคำว่ายังไงตอนที่เราขึ้นมาเจอแมวมีเลือดออก

หมอเวรเขียนว่า"เจ้าของมาเจอแมวมีเลือดออกรู้สึกตกใจ" คนที่ตกใจมากจะไม่ยอมให้หมอห้ามเลือดเหรอคะ

เอ่อเรื่องที่ใครอาจไม่รู้ ใครก็ตามที่ให้การไว้ที่ศาล เอกสารที่บันทึกคำให้การนั้นถือเป็นเอกสารสาธารณะ ออกโดยราชการ สามารถเผยแพร่ได้ไม่ผิดกฎหมาย

ใครให้การไว้ซี้ซั้ว ผิดหลักทฤษฎี ผิดหลักปฏิบัติ เช่นให้การว่า กรณีที่แมวเสียเลือดมาก ระหว่างการให้เลือดกับให้น้ำเกลือทดแทนกันได้ (แบบนี้ก็ไม่ต้องบริจาคเลือดสิ ถ้าให้น้ำเกลือแทนได้) อนาคตโดนคนอื่นมาแฉไม่รู้ด้วยนะ

ในความเป็นจริงในการขึ้นศาลหรืออะไรก็ตาม พยานที่มาให้การไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับคู่กรณี

เช่นคนที่จะมาเป็นพยานให้จำเลยก็ไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับจำเลย

เพราะถ้ามีความเกี่ยวข้องกันแล้วพยานให้การอะไรไปก็จะขาดน้ำหนัก เหมือนเข้าข้างพวกเดียวกัน

สิ่งที่นักสืบแมวเหมียวสืบ แล้วมารายงานแผล เอ้ย ผลให้เรา แสดงให้เห็นว่าเกี่ยวเสียยิ่งกว่าเกี่ยว

น.ส. xx ที่จะมาให้การเป็นพยานให้หมอเวร กับรพ.ไฮโซ ดันเป็นหุ้นส่วนในรพ.ไฮโซ ถือหุ้นอยู่หลายพันหุ้น แถมยังทำงานในรพ.ไฮโซอีกตะหาก นักสืบแมวเหมียวส่งเอกสารรายนามผู้ถือหุ้นให้เราอ่าน (นักสืบแมวเหมียวไปสืบมาได้ไงเนี่ย)

น.ส. xy เป็นสมาชิกพันทิป เป็นอจารย์ของหมอเวร สนิทสนมกับพวกอาจารย์สภาโจ๊กเป็นพิเศษ ทำงานในรพ.ไฮโซ ได้รับเงินค่าจ้าง
นักสืบแมวเหมียวส่งนามบัตรรพ.ไฮโซของ น.ส.xy ให้เราเพื่อใช้เป็นหลักฐานมัดตัวพยาน

แถมนักสืบแมวเหมียวยังกระซิบอีกว่า น.ส.xy มีข่าวฉาว ปิดกันให้แซดในมหาลัยว่าเอาผลงานของนักศึกษามาใส่เป็นชื่อตัวเอง นักศึกษาคนนั้นเจ็บใจมากแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่อยากสอบตก (ใครไม่ได้ทำก็อย่าเดือดร้อนนะจ้ะ) จริงไม่จริงเราก็ไม่รู้นะแต่นักสืบเค้ารายงานมาแบบนี้

และยังมีความเกี่ยวข้องอื่นๆอีก

สืบมาได้ขนาดนี้ มีหลักฐานมัดตัวขนาดนี้ จะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกันคงไม่ได้

แต่ก็มีคนปากแข็งบอกท่านว่า "ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน" อีก (เฮ้อ...ขนาดพนมมือสาบานว่าจะพูดความจริงกันแล้วนะ)

เราและห้องแมวมีโอกาสได้ไปงาน
Thailand Cat Breeder Seminarโดยรศ.สพ.ญ.ดร.เกษกนก ศิรินฤมิตร คณะสัตวแพทย์ ม.เกษตรศาสตร์
ได้อ่านงานวิจัยเกี่ยวกับความถี่หมู่เลือดแมวในประเทศไทยที่ทำในช่วง กค.-กพ.2543(ของม.เกษตร)
สำรวจจาก กทมและปริมณฑล
ใช้ชุดทดสอบหมู่เลือดจาก Kansas State

แมวไทยพันธุ์แท้ 145 ตัว
มี 143 ตัว(98.6%) มีเลือดกรุ้ป เอ
มี 1 ตัว(0.7%) มีเลือดกรุ้ป บี(พันธุ์วิเชียรมาศ)
มี 1 ตัว(0.7%) มีเลือดกรุ้ป เอบี(พันธุ์วิเชียรมาศ)

แมวไทยพันธุ์ผสม 138 ตัว
มี 138 ตัว(100%) มีเลือดกรุ้ป เอ

แมวพันธุ์เปอร์เซีย 59 ตัว
มี 54 ตัว (91.5%) มีเลือดกรุ้ป เอ
มี 5 ตัว (8.5%) มีเลือดกรุ้ป บี



และจากหนังสือManual of Canine and Feline Haematology and Transfusion Medicine
หน้า 307 กล่าวไว้ว่า ไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่ากรุ๊ปเลือดแมวของประเทศสหรัฐอเมริกาจะเหมือนกับทุกๆประเทศ เช่น

ในประเทศอิตาลี
แมวไทยที่ เลือดกรุ้ปเอพบได้ 96%
แมวเปอร์เซียที่ เลือดกรุ้ปเอพบได้ 97%

ในประเทศสหรัฐอเมริกา
แมวไทยที่ เลือดกรุ้ปเอพบได้ 100%
แมวเปอร์เซียที่ เลือดกรุ้ปเอพบได้ 76%

(การพัฒนาสายพันธุ์แมวเปอร์เซียที่อเมริกามีความหลากหลาย ในขณะที่การพัฒนาสายพันธุ์แมวเปอร์เซียในไทยจะยังไม่หลากหลายเท่าอเมริกา)



จากวารสารสัตวแพทย์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ปีที่ 18 ฉบับที่ 1 2551
ใช้แผ่นตรวจ KU
สำรวจแมวทั้งหมด 89 ตัว
เลือดกรุ้ปเอ 84 ตัว (94.38%)
เลือดกรุ้ปบี 5 ตัว (5.62%)

โดยDSH 27 ตัว กรุ้ปเอทั้ง 27 ตัว
เปอร์เซีย 35 ตัว กรุ้ปเอ 33 ตัว กรุ้ปบี 2 ตัว(น่าจะอยู่ประมาณ6-7%)
และมีพันธุ์อื่นๆอีก



จากCompendium
หน้า 141 กล่าวถึงการศึกษานาน 36 เดือน แมวตัวมาให้เลือด 134 ตัว

มีเลือดกรุ้ปเอ 129 ตัว

มีเลือดกรุ้ปบี 5 ตัว(เป็นพันธุ์เตอกิสแองโกร่า 3 ตัว พันธุ์บริติชช็อตแฮร์ 1 ตัว และพันธุ์Chartreux 1 ตัว)

อายุแมวที่มาให้เลือดอยู่ระหว่าง 6เดือนถึง15ขวบ

มีน้ำหนักระหว่าง 2.7-9กก.

ปริมาณเม็ดเลือดแดงอัดแน่น(HctหรือPCV)ตั้งแต่27-51%

เก็บเลือดแมวตัวให้ระหว่าง 1.8-9.5 มล.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก.

แมวที่มีปริมาณเม็ดเลือดแดงอัดแน่นน้อยกว่า 35% หรือแมวอายุมากกว่า 8 ปีจะให้เลือดได้น้อยลง

มีแมว 1 ตัวตายอย่างไม่คาดฝัน 2 วันหลังการให้เลือด จากการชันสูตรแมวตัวดังกล่าวมีโรคแทรกอยู่

หน้า 143 กล่าวถึงแมวป่วยตัวรับเลือด 86 ตัว
มีเลือดกรุ้ปเอ 81 ตัว
มีเลือดกรุ้ปบี 4 ตัว (พันธุ์Chartreux 2ตัว พันธุ์เตอกิสแองโกร่า 1 ตัว พันธุ์บริติชช็อตแฮร์ 1 ตัว)
มีเลือดกรุ้ปเอบี 1 ตัว (พันธุ์ Chartreux)

จากหนังสือManual of Canine and Feline Haematology and Transfusion Medicine
หน้า 284 กล่าวว่าแนวทางในการพิจารณราให้เลือด ทำการให้เลือดเมื่อค่า PCV น้อยกว่า 20%

Compendium
หน้า 145 กล่าวว่าภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรง(Hct<15%)เป็นข้อบ่งชี้สำหรับทำการให้เลือด

Hct=PCV

พอดีหนังสือManual of Canine and Feline Haematology and Transfusion Medicine ทางหมอเวรเค้าเอามาอ้างอิงค่าเลือดแมวกับเรา เค้าบอกว่าตำรานี้ของทางยุโรปมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าตำราไทยที่เราเอามาใช้อ้างอิง

แต่ว่าหน้า 284 มันโดนฉีกออกไป เราก็เลยสงสัยว่าหน้า 284 มันจะมีเนื้อหาว่ายังไงน้า ทำไมต้องฉีกออกไปด้วย

เราก็เลยให้นักสืบแมวเหมียวไปหาหนังสือเล่มนี้ฉบับเต็มมา และเราก็ได้หน้า 284 ซึ่งเขียนว่า

"แนวทางในการพิจารณาให้เลือดแมว ทำการให้เลือดเมื่อค่า PCV น้อยกว่า 20%"

แล้วมาดูเคสแมวที่ตายไปของเรา ค่าเลือดก่อนผ่า 31% หลังผ่าครั้งแรกเหลือ 15% ต่อมาเหลือ 8%

แล้วที่เราพาแมวมาให้เลือด 5 ตัว แต่หมอเวรบอกแมวอาการดีขึ้นไม่ต้องให้เลือด มันสวนทางกับตำราที่เค้าว่าน่าเชื่อถือรึเปล่า

แมวสายเลือดเดียวกันทั้งบ้าน เลี้ยงแมวไว้เยอะแต่กลับช่วยเหลือแมวตัวเองที่เสียเลือดไม่ได้ (จะมีใครเจ็บใจได้เท่าเรามั้ย)
ตอนพิจารณาคดี ทางเจ้าของรพ.ไฮโซเค้าบอกว่าเมืองไทยไม่มีการให้เลือดแมวเปอร์เซีย มีแต่การให้เลือดแมวไทย

เดือดร้อนเราอีกละ ต้องออกตามหาเคสให้เลือดแมวเปอร์เซีย

ขอไปมีได้มั่งไม่ได้มั่ง ต้องขอบคุณgunusa เจ้าของแมวที่ยอมให้เคสเรามากๆเลยนะคะ

ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยเห็นหน้ากันแต่ก็ยอมให้เคสเรา

ขอบคุณที่โลกนี้มีอินเตอร์เน็ตและเว็ปพันทิป ไม่งั้นเราก็ไม่รู้จะไปขอเคสจากใครเหมือนกัน

การให้เลือดแมวเปอร์เซียมีมานานตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่องกับแมวเราแล้วค่ะ

น้องมอริสโชคดีที่ได้มีโอกาสได้รับเลือดและมีชีวิตต่อไป

//topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/J3382864/J3382864.html

และขอบคุณ คุณเอและคุณเฉาก๋วยอินเตอร์สำหรับข้อมูลและเคสเลือดแมวค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่คอยให้ข้อมูลเราค่ะ










Create Date : 27 สิงหาคม 2552
Last Update : 29 สิงหาคม 2552 21:37:59 น. 0 comments
Counter : 1071 Pageviews.
 
 

aikochan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขี้เกียจพิมพ์
[Add aikochan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com