All Blog
บุญรอดจอมโวย
บุญรอด เด็กน้อยสามสี ที่ได้มาโดยไมคาดฝัน
เธอโตวันโตคืน กินเก่ง ร้องเก่ง และเป็นจอมโวยวายขนานแท้
เวลาเธอตื่น เธอจะร้องเรียกให้มินนี่มาหา
ชูคอตะเกียกตะกาย โวยวายเรียก
คงประมาณว่า แม่จ๋า หนูหิว ๆๆๆๆๆ อะไรแบบนั้น

มินนี่ก็จะรีบวิ่งมาเลียหน้าเลียตา เลียก้นให้ขับถ่าย
และนอนให้นม

แต่ลูกตัวอื่น ๆ ของมินนี่ซึ่งอายุมากกว่า ประมาณอาทิตย์หนึ่ง(มั้ง) ก็จะอยากกินด้วย ก็มีการแย่ง ถีบ จิก กัดกันพัลวัน จะได้ยินแต่เสียงบุญรอดร้องโวยวายอยู่ตัวเดียว
ตัวอื่นเขาไม่ร้องแต่ผลัก ถีบ กัด ตามถนัดแต่ละตัว
ถ้าเสียงเงียบ แสดงว่า ปากน้อย ๆ ของเธอได้ครอบครอง
หัวนมแม่อันใดอันหนึ่งแล้ว แต่หลัง ๆ ไม่ใช่เช่นนั้น
พี่ ๆ ตัวใหญ่กว่าเยอะ เพราะเขากินทั้งนมแม่ นมผง
แตบุญรอดไม่ยอมกินนมผงที่ชงให้ รอกินนมแม่มินนี่อย่างเดียว พยายามฝืนป้อนก็ไม่กิน ดิ้นสุดแรง ร้องเสียงดัง
เหมือนเราจะป้อนยาพิษ ยังไงยังงั้น เห็นอนาคตได้เลยว่า
เธอต้องกินยายากแน่ๆ ก็ขออย่าเจ็บป่วยเลยนะ จะได้ไม่ต้องป้อนยา

อ้อ เล็บเธอเล็ก แหลม คม มาก จิกบนนมมินนี่ร้องจ๊าก
หลายหนแล้ว

ตอนหลัง ๆ ต้องจัดระเบียบ ให้กินทีละ 3 ตัว
จะได้ไม่เบียด ไม่ต้องแย่งกัน ก็ค่อยยังชั่วขึ้น

บางทีก็กินแค่ตัวเดียว ตัวอื่น ๆ เขาอิ่มไปเดินเล่นกันแล้ว

เปรียบเทียบขนาดกับพี่ เวลาเล่นกัน ซ่ามากนะอีหนูน้อย


ตัวจิ๋วเดียว ซ่ามาก ๆ
กินอิ่มแล้วก็นอนหลับอย่างอบอุ่นปลอดภัยกับพี ๆค่ะ

แต่ทำไมขนหนูถึงได้บางนักนะ บางผิดปรกติแมวไทยทั่วไปด้วย


ปิดท้ายด้วยรูปคู่ของ พี่เปียกปูนกับพี่ลูซิเฟอ (เปอเซียหางงอ)



Create Date : 07 พฤษภาคม 2549
Last Update : 7 พฤษภาคม 2549 1:15:35 น.
Counter : 830 Pageviews.

17 comment
สมาชิกใหม่..แบบไม่คาดฝัน
เมื่อวาน ดึกแล้ว กำลังนั่งประคบประหงมเลี้ยงดูเหลน ๆ ทั้ง 5 ที่มินนีคลอดออกมาเมื่อวันที่ 7 เมษายน
อยู่ชั้นบนเพราะยัยตัวแม่ คุณนายมินนี่
อยากไปรับลม ชมวิวที่ข้างล่างที่หน้าบ้าน

ก็ได้ยินเสียงลูกแมวเล็ก ๆ ร้องแง้ว ๆ ดังลั่น
ก็ตกใจว่า เอ๊ะ เหลน ๆ ก็นอนกับเงียบดีนี่นา
มีบิดขี้เกียจเป็นระยะ ๆ

สักพักก็ได้ยินเสียงขึ้นบันไดมา อ้อ เจ้าลูกชายเพิ่งกลับจากไปตีแบด

เสียงเรียก "แม่ครับ" แข่งกับเสียงแมวร้อง มินนี่ก็กระโจนพรวดวิ่งนำหน้าขึ้นมาก่อน

โอ๊ะ..อะไรนั่นในมือลูกชาย ลูกแมวสามสี (เพศเมียแน่ ๆ ฟันธง) ตัวจิ๊ดเดียว ยิ่งอยู่บนมือลูกชายที่อวบใหญ่ ยิ่งเห็นว่ามันตัวนิดเดียว ประมาณอาทิตย์หนึ่งได้มั้ง

ตาเปิดแล้วแต่ยังไม่ลืมเท่าไหร่ ผอมบางร้องเสียงดัง (ท่าทางจะแข็งแรง ปนหิว เอ๊ะยังไง ) กำลังจะอ้าปากถามว่า ไปเอาแมวมาจากไหน ลูกบอกว่า แม่ไปชงนม
มาเดี่ยวนี้เลย (พอดีมีนมผง ลูกแมว kitty milk ที่ซื้อมาเสริมให้หลาน ๆ) ก็รีบลงไปชงนม

เสียงลูกชายตะโกนจากข้างบนว่า มินนี่กำลังเลียปลุกลูก ๆ
ให้ตื่นมากินนม แต่ขู่เจ้าตัวเล็ก พอเอาเข้าใกล้
ก็ตะโกนบอกลูกชายให้ใช้สุตรเดิม คือลูบตัวมินนี่แล้ว
มาลูบตัวเหมียวน้อย แล้วลูบตัวมินนี่อีกที ให้เขาชินกลิ่นกัน

ผมบาง ๆ ใส่แว่นตาด้วยสิ เจ้าเหมียวน้อย

พอชงนมเสร็จ เดินขึ้นมาก็เห็นเจ้าตัวเล็กกำลังกินนมมินนี่อยู่
อ้าว ...ทำไมมินนี่ยอมไวจัง ลูกชายบอกว่า
เอาตัวเจ้าเหมียวน้อย ถูไถไปบนตัวมินนี่เลย
โดยเอามือกันหน้ามินนี่ไว้ก่อน กันเขากัดเจ้าเหมียวน้อย

โดนพี่ ๆ ถีบออก ต้องต่อสู้ดิ้นรนหน่อย
ต้องเข้าไปถึงนมแม่มินนี่ให้ได้





Create Date : 23 เมษายน 2549
Last Update : 23 เมษายน 2549 21:24:02 น.
Counter : 691 Pageviews.

18 comment
สิ่งเล็ก ๆ
......สิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ในคุณค่า...

กรวดเม็ดเล็ก ๆ รวมกันเป็นภูเขาสูงใหญ่

ก้าวเดินก้าวเล็ก ๆ เป็นระยะทางได้หลายกิโล

การกระทำเล็ก ๆ ด้วยความรักความกรุณา

สร้างโลกให้สดใส สดสวยด้วยรอยยิ้ม

คำพูดเล็ก ๆ สามารถบรรเทาปัญหาที่แสนจะยากเย็น
อ้อมกอดเล็ก ๆ เช็ดน้ำตาให้เหือดแห้ง

เทียนไขเล็ก ๆ ส่องแสงนำทางในความมืดมิด

ความจดจำสิ่งเล็ก ๆ คงอยู่นานหลายปี

ความฝันใฝ่เล็กๆ นำไปสู่ความยิ่งใหญ่

ชัยชนะเล็กๆ นำไปสู่ความสำเร็จที่ปรารถนา

สิ่งเล็กๆ ต่าง ๆ ในชีวิต

นำมาซึ่งความสุขอันยิ่งใหญ่

ถ้าเราได้คิดสักนิดถึงสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้แล้วหละก็

ความอบอุ่นเมื่อคิดถึงเธอก็ผุดขึ้นในใจ

มันเป็นความสุขใจอันสุดแสนจะบรรยาย

.....เสมอและตลอดไป ..


รูปเจ้าตัวเล็กที่กำลังหลงหัวปักหัวปำค่ะ
เลี้ยงตั้งแต่คลอดจนตอนนี้ 3 เดือนกว่า ๆแล้ว





Create Date : 25 มีนาคม 2549
Last Update : 25 มีนาคม 2549 19:52:08 น.
Counter : 838 Pageviews.

2 comment
การเลี้ยงดูลูกแมว



การเลี้ยงลูกแมวกำพร้าแม่ ต้องมีตารางประจำวันในการให้อาหารที่เหมาะสม การขับถ่ายการเล่นและการนอนหลับ โดยต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกแมวต้องคำนึงถึง

- โภชนาการและการหย่านม
- สุขอนามัย
- อุณหภูมิและความชื้น
- การป้องกันโรค
- การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม

ลูกแมวสุขภาพดีจะจ้ำม่ำแข็งแรง มีชีวิตชีวา หลับนาน ลูกแมวที่สุขภาพไม่ดีจะมีกล้ามเนื้อที่ไม่สมบูรณ์ ร้องบ่อยถ้าไม่ช่วยเหลือ อ่อนแอ ซึมเศร้า เฉื่อยชา

โภชนาการและการหย่านม
ลูกแมวจะได้รับน้ำนมน้ำเหลืองใน 12 ชั่วโมงแรก ลูกแมวจะดูดซึมภูมิคุ้มกันจากน้ำนมน้ำเหลืองได้ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกนับจากคลอด ในกรณีที่แม่แมวไม่สามารถเลี้ยงดูลูกแมวได้ ลูกแมวต้องดูดนมจากขวดหรือหลอดหยดตามแต่จะหาได้
การให้อาหารแบบหลอดผู้ให้ต้องได้รับการฝึกอย่างดี เพราะอาหารอาจเข้าสู่ปอดอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้หมดสติ การให้อาหารแบบหลอดจึงเสี่ยง อนุญาตให้ใช้เฉพาะในลูกแมวอ่อนแอซึ่งต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ ควรลูบหลังลูกแมวให้เรอ ระหว่างให้อาหารและหลังอาหาร โดยนำแมวพาดไหล่ ให้ตัวตั้งตรงและตบหลังเบา ๆ การให้น้ำนมจากขวดหรือหลอดต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการปอดบวมหรือการสำลักน้ำ

ใน 24-28 ชั่วโมงแรก ลูกแมวต้องการนม 1 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง แต่ละวันเพิ่มจำนวนขึ้น 0.5 มิลลิลิตร จนถึง 10 มิลลิลิตรต่อมื้อ จึงหยุดเพิ่ม ใน 1 วันลูกแมวควรได้รับอาหาร 6-9 มื้อ
ในช่วง 2 สัปดาห์ ให้อาหารลูกแมว 5-7 มิลลิลิตรต่อครั้ง
ช่วง 3 สัปดาห์ จะเริ่มให้อาหารอ่อน 3 เวลาต่อวัน และยังมีการให้นมจากขวดอยู่
ในสัปดาห์ที่ 4 ลูกแมวควรได้รับน้ำนมจากขวด 4-6 ครั้งต่อวันร่วมกับอาหารอ่อน 4-5 ครั้งต่อวัน ลดการให้อาหารช่วงกลางคืนลง
ลูกแมวจะกินอาหารแข็งได้เมื่ออายุ 7 สัปดาห์
สัญญาณแรกของการเจ็บป่วย คือ น้ำหนักลด น้ำหนักของลูกแมวจะเพิ่มขึ้น 50-100 กรัมต่อสัปดาห์ เมื่อลูกแมวอายุ 14 วัน น้ำหนักจะเพิ่มเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด ถ้าลูกแมวน้ำหนักไม่เพิ่มควรให้อาหารเพิ่มขึ้น

สุขอนามัย
ลูกแมวเกิดใหม่จะไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยังเจริญไม่สมบูรณ์ ลูกแมวต้องได้รับการกระตุ้นโดยใช้ผ้าขนหนูนุ่ม ๆ หรือสำลี ชุบน้ำอุ่นลูบบริเวณทวารหนัก จะทำให้ลูกแมวปัสสาวะ อุจจาระภายใน 1-2 นาที โดยปกติลูกแมวอายุ 21 วัน จะขับถ่ายของเสียได้เอง หมั่นสังเกตปัสสาวะและอุจจาระของลูกแมว ปัสสาวะปกติควรมีสีเหลืองอ่อนหรือใส ถ้ามันมีสีเหลืองคล้ำหรือส้มแสดงว่าลูกแมวได้รับอาหารไม่เพียงพอ ปกติอุจจาระจะมีสีน้ำตาลจางหรือเข้ม อุจจาระสีเขียวแสดงถึงโรคติดเชื้อ ถ้าอุจจาระแข็งมากแสดงว่าให้อาหารทีละมาก ๆ แต่ให้ไม่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ท้องอืด มีแก๊ส หายใจไม่สะดวก

อุณหภูมิและความชื้น
ลูกแมวเกิดใหม่ยังไม่สามารถรักษาความร้อนของร่างกาย หรือสั่นตัวเพื่อให้เกิดความร้อนได้ จึงต้องมีที่ให้ความร้อนแก่ลูกแมว เช่น ตู้อบ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถูกออกแบบสำหรับลูกสัตว์เกิดใหม่ จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมและควรระมัดระวังอย่าให้ความร้อนสูงเกินไป ควรมีเทอร์โมมิเตอร์ในบริเวณนั้น เพื่อคอยสังเกตอุณหภูมิ ในสัปดาห์แรกอุณหภูมิควรอยู่ที่ 85-90 องศาฟาเรนไฮต์ ความชื้น 55-65% พอ 3 สัปดาห์ลดอุณหภูมิลงเป็น 75 องศาฟาเรนไฮต์ ลองสังเกตถ้าลูกแมวมาอยู่รวมกันแสดงว่ามันหนาวไป แต่ถ้าลูกแมวอยู่ห่างกันคนละมุมแสดงว่าร้อนไป ลูกแมวที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำควรทำให้อบอุ่นอย่างช้าๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมง จนลูกแมวมีอุณหภูมิร่างกายปกติ 97 องศาฟาเรนไฮต์
ควรรักษาความชื้นโดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำวางเหนือกล่องที่ลูกแมวอยู่ จะช่วยเพิ่มความชื้นได้ ไม่ควนเลี้ยงลูกแมวในที่อับชื้น หรือบนพื้นที่ผุพัง เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งอาจเกิดโรคทางเดินหายใจได้ การควบคุมอุณหภูมินั้นสำคัญกว่าในเรื่องความชื้น ลูกแมวควรอยู่ในที่ที่มีผิวสัมผัสที่ดี เช่น ผ้าห่ม ขนแกะ จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกแมว

การป้องกันโรค
ลูกแมวอาจติดโรคได้ง่าย เช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถ้าหากไม่ได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่ นมน้ำเหลือง 24 ชั่งโมงแรกหลังคลอดจะมีแอนติบอดี้มากมาย ซึ่งแอนติบอดี้จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลูกแมวที่ไม่ได้กินนมน้ำเหลืองจะมีภูมิคุ้มกันโรคน้อย และควรฉีดวัคซีนให้ลูกแมวด้วย ลูกแมวอาจได้รับอันตรายจากพยาธิ จึงควรถ่ายพยาธิให้ลูกแมว เริ่มเมื่อลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์ และถ่ายซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 8 และ 10สัปดาห์



การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม
เราควรลูบขน กอด และให้ลูกแมวเล่นกับคนประมาณ 30-40 นาทีต่อวัน นอกเหนือจากการให้อาหารและทำความสะอาดให้มัน ลูกแมวต้องการการกระตุ้น ควรปูรองพื้นกล่องที่ลูกแมวนอนด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม ลูกแมวจะอบอุ่นและหลับสบาย สิ่งสำคัญคือทำให้เหมือนลูกแมวเป็นสมาชิกในบ้านในช่วง 3-6 สัปดาห์ จำไว้ว่ามันยังเด็ก ต้องจับอย่างทะนุถนอม แต่ต้องเริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับเสียง การขับถ่าย คนแปลกหน้า และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

สรุป ไม่ต้องกังวลว่าการเลี้ยงลูกแมวเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย ลูกแมวสุขภาพดี มีความสุขที่คุณเลี้ยงมาคือรางวัลที่วิเศษที่สุด






Create Date : 18 ตุลาคม 2548
Last Update : 21 ตุลาคม 2548 11:24:54 น.
Counter : 2622 Pageviews.

8 comment
ขอบคุณ...ที่รักกัน
ขอบคุณที่รักกัน

นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอเมริกา

A man came out of his home to admire his new truck. To his puzzlement, his three-year-old son was happily hammering dents into the shiny paint of the truck.
ผู้ชายคนหนึ่งออกมาชื่นชมรถกระบะคันใหม่หน้าบ้าน แต่แล้วก็ต้องเป็นเง็งเมื่อเห็นลูกชายวัย 3 ขวบของเขา กำลังบันเทิงอยู่กับการเอาฆ้อน ทุบให้รถบุบเล่น

The man ran to his son, knocked him away, hammered the little boy's hands into pulp as punishment.
เขาถลันไปที่ลูกชาย ผลักลูกกระเด็น แล้วคว้าฆ้อนมาทุบมือลูกจนน่วมเป็นการลงโทษ

When the father calmed down, he rushed his son to the hospital. Although the doctor tried desperately to save the crushed bones, he finally had to amputate the fingers from both the boy's hands.
พอหายสติแตก พ่อก็ตาลีตาเหลือกพาลูกไปโรงพยาบาล แต่แม้ว่าหมอจะพยายามแบบสุด ๆ แล้ว ก็ไม่สามารถกู้กระดูกที่แหลกเหลวกลับคืนมาได้ จนสุดท้ายก็ต้องจำใจตัดนิ้วเด็กทิ้งจากทั้ง 2 มือ

When the boy woke up from the surgery & saw his bandaged stubs, he innocently said,
"Daddy, I'm sorry about your truck." Then he asked, "But when are my fingers going to grow back?"
พอเด็กชายฟื้นจากการผ่าตัดและเห็นมือของเขาที่กลายเป็นตอกุดด้วยพันผ้าพันแผล เขาก็พูดกับพ่ออย่างใสซื่อว่า "พ่อครับ ผมขอโทษเรื่องรถกระบะของพ่อนะครับ" แล้วเขาก็ถามต่อว่า "ว่าแต่เมื่อไหร่นิ้วของผมจะงอกใหม่หละครับ?"

The father went home & committed suicide.
พ่อกลับบ้าน แล้วก็ฆ่าตัวตาย

Think about this story the next time someone steps on your feet or u wish to take revenge.
Think first before u lose your patience with someone u love. Trucks can be repaired.. Broken bones & hurt feelings often can't.
ครั้งต่อไปที่มีใครมาเหยียบเท้าเรา หรือเราคิดถึงการแก้แค้นเอาคืน ขอให้คิดถึงเรื่องนี้นะ คิดก่อนที่จะหมดความอดทนกับใครสักคนที่เรารัก รถกระบะซ่อมได้ แต่กระดูกหัก และ ใจเจ็บที่ชอกช้ำ หนะ เยียวยาไม่ได้แล้ว

Too often we fail to recognize the difference between the person and the performance. We forget that forgiveness is greater than revenge.
บ่อยครั้งที่เราลืมความแตกต่างระหว่างตัวบุคคลกับการกระทำ เราลืมไปว่า การให้อภัยนั้น ยิ่งใหญ่กว่า การแก้แค้น

People make mistakes. We are allowed to make mistakes. But the actions we take while in a rage will haunt us forever.
เป็นคนก็ต้องมีพลั้งพลาด คนเราทำผิดทำพลาดกันได้ แต่สิ่งที่เราทำขณะตกอยู่ใน โทสะ จริตนั้น
จะตามหลอกหลอนเราไปตลอดกาล

Pause and ponder. Think before you act. Be patient. Forgive & forget.
หยุดคิด ตรึกตรอง คิดก่อนทำ เย็นไว้ รู้จักอภัยและหัดลืม

Love one and all.
รักให้ทั่วหน้า ทั่วหล้า

If you judge people, you have no time to love them.
ถ้าเรามัวแต่คิดตัดสินคนอื่น (ว่าเขาเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ สมควรโดนอย่างนี้อย่างนั้น ฯลฯ)
เราก็ไม่เหลือเวลาที่จะรักเขาได้เลย




Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2548 11:36:22 น.
Counter : 656 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  

Jookjik
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



MY VIP Friend