กินเจ มันไม่ได้ง่าย มารผะจนมานเยอะ

ช่วงนี้เหนื่อยมากเลย ไหนจะทำงาน ไหนจะเรียนหนังสืออีก ตอนแรก ก็เรียนวันเสาร์ง่ายๆดีอยู่แล้ว ไม่ชอบ ไปเรียน ในระดับที่สูงขึ้น ด้วยเหตุอันเกิดมาจาก อาจารย์ท่าน ล่วงรู้ถึง รอยหยักในในสมองของเราที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเป็นปกติของคนทั่วไปนั่นเอง

จากที่เคยเรียน วันเสาร์ ตอนเช้า 9โมง ถึงเที่ยง ก็ว่าเหนื่อยแล้ว นี่ต้องเรียน ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ หกโมงครึ่ง ถึง 2 ทุ่ม ครึ่ง เรียนเสร็จไหนจะต้องขับรถ กลับมาอีก เมื่อวานหลังจากที่เรียนเสร็จ ก็ต้องไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆอีก(เพื่อนของเพื่อนโดนเขาหักอกมา พักนี้คนโดนหักอกเยอะ แฮะ)


ขนาดช่วงนี้ถือศีลกินเจ นะ งานรื่นเริงยังมีบ้าง แต่ก็อดภูมิใจ อยู่ลึกๆ ไม่ได้ เพราะว่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากงานเลี้ยงรุ่นจบไปพร้อมกับ Ticket 600 Bath แต่ขอโทษเถอะ กินได้แค่อาหารเจ


เหล้า ไม่กิน เบียร์ไม่ต้อง พูดจาภาษาดอกไม้.....ทำไปได้นะตัวฉานนน จนเพื่อนๆชักหมั่นไส้ “ถ้าเมิงพูดอย่างงี้ ไปไกลๆ ซ้งตรีนกรูเลย สันดานมันเปลี่ยนกันไม่ได้หรอกเว้ยยยย ” เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผมพูดด้วยความแรดของผมกระมัง ผมคิดในใจ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าสิ่งที่ผมทำไปทำออกไปด้วยส่วนลึกที่กลั่นออกมาจิตใจจริงๆ


ผมรู้สึกดี ที่ได้พูดจาไพเราะ เสนาะหู หน้าตาของผมแจ่มใส ที่ไม่ต้องแตะต้อง อบายมุข ผมภูมิใจที่ผมสามารถรักษาศีล ห้าได้ทุกข้อ(มั้ง) ผมว่าการที่เลิกกับแฟนหนนี้ มันทำให้ตัวของเราเปลี่ยนไป๋ เยอะมากๆเลย โอ้ แม่เจ้า ....ในความโชคร้ายก็มักมีสิ่งดีๆผ่านเข้ามาในชีวิตเสมอๆ จากตอนที่เมื่อก่อนเราเคยคิดว่าเราเป็นคนที่โชคดีที่สุดในชิวิต จนต้องมาประสบกับเหตุการณ์ แบบนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเราต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ในชีวิต


ถ้าหน้าตาฉาน ไม่หล่อ พ่อไม่รวย จบไม่สูง หน้าที่การงานไม่ดี จะไม่ว่าเล้ย ห่างกันแค่ 2 ปีเองทำไม่รอไม่ได้ฟ่ะ ที่ฉานอยู่ที่ญี่ปุ่น มี ผู้หญิงเยอะแยะมากมาย กรูก็เป็นคนดี เหลือร้าย ปฏิเสธมันไปหมด มีแฟนแล้วเฟ้ย ไม่ใช่แฟนธรรมดา แต่เป็นคนที่จะแต่งงานด้วย อย่ามายุ่งกับฉานน ที่พิมพ์ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ แต่ละโค้น แต่ละคน มันน่าเสียด้าย เสียดายเหลือเกิน เราอดใจได้ไงเนี่ย ก็ยังงงตัวเองอยู่ทุกวันๆ ขอพิมพ์ หยาบๆสักนิด แฮะ

ช่างมันเถอะครับเรื่องราวมันผ่านไปแล้ว คิดมากไป ก็รังแต่จะก่อให้เกิดกงกรรมกงเกวียนไปปล่าวๆ ชาติหน้าเราคงได้เจอกันอีก แต่ก็ได้ขอภาวนา ให้ อย่าให้เราต้องทำให้เขาเจ็บอีกเลย ไม่งั้น ก็คงแก้แค้นกันไป แก้แค้นกันมา ไม่รู้จักจบจักสิ้นกันทุกๆชาติไป


มาต่อครับ พอเสร็จจากงานเลี้ยงรุ่น ก็ได้เวลา ที่เราสมควรแก่เวลาที่จะกลับบ้าน ออกจากงานเที่ยงคืน เพื่อนๆ ผมแต่ละคน ก็เป็นคนดีเหลือร้าย รู้ทั้งรู้ว่าเรากะลัง รักษาศีล กินเจ ดันลากไปรัชดา ซอยสี่ จนได้ แล้วคนดีๆ กับความตั้งใจดีๆ อย่างผม จะทนได้สักกี่น้ำกันล่ะเนี่ย ไอ้เราก็คิด คนมันจะดีๆ มันก็ต้องดีให้ตลอด ศกสินะ กับแค่เรื่องแค่นี้ ถ้ามันจะทำให้เราออกเจก่อนถึง เวลาอันควร นั้นก็แสดงถึงว่าจิตใจของเราไม่เข้มแข็งพอ



อีกอย่างถ้าเราสามารถแสดงให้เพื่อนเห็นได้ว่าเราไม่ยุ่งจริงๆ อย่างน้อยๆ มันก็แสดงให้เห็นเจตนารมณ์อันแรงกล้าที่แท้จริงของเรา ว่าของแบบนี้มันเปลี่ยนแปลงกันได้ แต่ไม่รู้ว่านานเท่าไรเท่านั้นเอง (พูดเผื่อๆ เอิ้กๆ )


พอเราเดินไปเรื่อยๆ เพื่อนเราก็ดีใจหาย ยังมีหน้ามาแขวะเราอีก “เอ้ยที่ญี่ปุ่นมีกินเจด้วยเหรอว่ะ.” ผมก็คิดในใจ ว่า เออ จะกินเจนี่มันไปเพิ่มน้ำหนักบนกระหม่อมใครที่ไหนกันด้วยนะ พลันก็คิดไปถึง คำพูดของหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง เวลาที่เราตั้งใจจะทำอะไรด้วยจิตใจอันบริสุทธ์ก็มักมีมารมาลองใจเสมอๆ เมื่อคิดได้ดังนี้ ก็เอาก็เอา แล้วก็เดินย่างก้าวเข้าไปในร้าน



ก่อนที่จะเข้าก็มีตรวจบัตรสักเล็กน้อย ความจริง ไม่ต้องตรวจดูก็สามารถรู้ได้ถึงวัยของผม ที่ผ่านออกมาตามริ้วรอยบนใบหน้า เออ เราก็แก่ตัวลงทุกวันๆ และเอาอะไรมาปั้มที่แขนเราสักเล็กน้อย ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ โดนมานาน สองปีกว่าๆแล้วสิน่ะ ผมสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกเก่าๆ เคยมาร้านแนวๆนี้


ผมก็เดินก้าวย่างตามเพื่อนๆไป พร้อมกับเสียงเพลงที่มันช่างสร้างความเจ็บปวดได้แสบแก้วหูเสียนี่กระไร เพื่อนๆ ก็ยืนคุยกับ เด็กเสริฟได้สักพัก ก็บรรจงเลือกทำเลที่เหมาะต่อการสร้างอาหารตาได้ดีเสียนี่กระไร ผมก็บรรจง หย่อนก้นของผมลงบนเก้าอี้ และนั่งได้สักพัก ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย จะทนได้สักกี่น้ำกันนะ เหมือน ของอยู่กับปาก อะไรเทือกนี้แหละ แต่ในความคิดแบบนี้ ก็มักมีแรงบันดาลใจมาช่วยผมเสมอๆ คือไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับเสียงเพลงหรือในสถานที่อโคจรแบบนี้ โฮะ โฮะ เป็นไปด้ายยย อ้ายต้องเอ้ย ทำตัวเป็นเทพบุตรอีกแล้ว


ผมนั่งไปได้ไม่นาน ก็ลุกออกมานั่งที่หน้าชานนอกร้าน นั่งไปก็ดูสิ่งแวดล้อมไปเรื่อยเปื่อย ผู้หญิงสมัยนี่ น่ารักกันจริงๆเลยแฮะ แต่ในความน่ารัก นั้น มันไม่ได้บ่งบอกสภาพที่เป็นปัจจุบันของตัวเธอเอง บางคน ก็ยืนคุยโทรศัพท์ บางคนก็เมา จะล้มตุ้มปัดตุ๋มเป๋ ผมก็นั่งดูอาหารตาไปเรื่อยเปื่อย แต่ในใจไม่ได้รู้สึกพิศวาสแต่อย่างไร รู้สึกอนาถ เสียมากกว่า น่าเสียดายบุญเก่าของพวกเธอที่ทำไว้ในอดีตชาติที่แล้ว ที่พอมาถึงชาตินี้ก็ต้องโดนยำเละแบบนี้เสียนี่กระไร กว่าการที่เธอจะรู้ตัวหรือเจอครูดีคงต้องใช้เวลาอีกนาน หรือไม่ก็ต้องให้เจอ แจคพอต แบบผมสักครั้งอาจคิดได้ก็ได้ เพราะ ผมก็คงไม่ต่างจากพวกเขา หรือพวกเธอสักเท่าไรในอดีตมากนัก



ผมก็นั่งดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยสักพัก ก็เห็นน้องชายคนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากซอย เพื่อที่จะกลับบ้าน ขณะนั้นเองก็มีชายกลุ่มใหญ่ที่ใส่ชุดดำ วิ่งกรูไปที่ชายคนนั้นอย่างว่องไวและรวดเร็ว....และหายเข้าไปในซอย ผมได้ยินเสียงตุ้บตับออกมาห่างๆ พร้อมๆ กับคิดไปว่า น้องชายคนนั้นคงเจอของแข็งเข้าแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร เป็นมายังไง แต่น้องชายคนนั้นก็โดนคนชุดดำ ลากตัวเดินกลับเข้าไปที่ร้าน ผมไม่รู้หรอกกว่า น้องชายคนนั้นต้องเจออะไรบ้าง แต่รู้ว่าสภาพคงต้องดูไม่จืดอย่างแน่นอน ชายคนนั้นก็ลากน้องคนนั้น เดินหาย ลับตาเข้าไปในซอยที่น้องเขาเดินออกมา



ในเวลา ไม่นาน ก็เป็นเวลา ตี หนึ่งครึ่ง ก็ได้เวลาที่อันสมควร เราก็เจอฝูงชนขนาดใหญ่เดินออกมา บางคนก็เมาหยำเป บางคนก็เพ้อ เออ เอาเข้าไป เหมือนเราในอดีตเลยแฮะ ทั้งหญิงและชายก็ไม่ได้แตกต่างกันเสียซักเท่าไร สักพักเพื่อนผมก็ออกมา สีหน้าแสดงถึงซึ่ง อารมณ์ไม่จอย ที่ผมไม่ได้ไปร่วมสนุกกับมัน เออ ก็บอกแล้วนี่หว่า ว่าไม่อยากมา ไม่อยากมา ยังจะมาบังคับกันอีก เพื่อนผมอีกคน ก็บอก กินเจ แล้วมาทำไมเนี่ย อ้าว นี่คิดว่า เราเหมือนสมัครหรือไง จะได้ กินไปเที่ยวไป เอ้ย บ่นไป ผมไม่อยากเสียเวลาต่อล้อต่อถียงกับเพื่อนผมมากนัก ผมกับเพื่อนก็เดินกันไปเรื่อยๆจนถึงลานจอดรถ ในขณะที่เพื่อนผม จะไปต่อกันอีก แต่งานนี้ผมขอตัวเนื่องจากในวันพรุ่งนี้ ต้องออกไปทำบุญที่บ้านเด็กอ่อน



ยังไง ยังไงก็จะกลับให้ได้ ผมคิดในใจ ก็ยังดีที่ได้เพื่อนอีกคนจะอาสาผมไปส่งที่บ้าน แต่หลังจากที่ผมดูสภาพของมันแล้วก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าสภาพอย่างมันจะไปส่งผมไหวได้ยังไง เพื่อนผมก็อาสาไปส่งผม เนื่องจากเป็นทางผ่าน ความจริงก็ไม่ใช่ทางผ่านหรอก ผมสิเป็นทางผ่านของมันเสียมากกว่า เพราะบ้านมันอยู่ดอนเมืองส่วนผมเลยนวนครไปหน่อย แต่เอาก็เอาส่งก็ส่ง ถ้าชีวิตของเราไม่มีโอกาสได้ทำบุญในวันพรุ่งนี้ ก็ก่อนที่จะตายอย่างน้อยๆ เราก็พอมีจิตใจที่บริสุทธ์เหมือนกันหล่ะน้า ผมคิดในใจ เพื่อนผมมันขับรถ วีออสไป พร้อมกับคุยฟุ้งถึงเรื่องความรงของรถมัน ไปเปลี่ยนกล่องมา ทำช่วงล่างมา ทำโน้นทำนี้ มา โอ้แม่เจ้ามันคงไม่ทำในสิ่งที่ผมคิดนะ



เมื่อแล่นรถไปได้สักพัก เพื่อนผมก็ตบเข้า โทลเวย์ ในเวลาไม่นาน ก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ โอ้ เพื่อนยากเอ้ย มันตบไมล์ไหลไปเรื่อยๆ จนถึง เกือบ ๆ สองร้อย ทำเพื่ออะไร เนี่ย ชีวิตกรูยังมีค่าต่อสิ่งมีชิวตบนโลกใบนี้นะเนี่ย แล้วพรุ่งนี้จะมีโอกาสได้ไปทำบุญไหมเนี่ย เฮ้อ มันต้องมีมารมาผจญเรื่อยๆสินะ แม่เจ้า เมื่อเพื่อนได้ลองเครื่องจนเป็นที่อกสั่นขวัญแขวนของตัวผมเอง พอลงจากทางด่วน ผมก็บอกเพื่อนผมไม่ต้องไปส่งหรอก เดี่ยวกรูกลับ แทกซี่เองได้ พูดทำนองว่ามันไกล เกรงจ้ายเกรงใจ จริงๆ ผมก็ลงจากรถ แล้วก็บอกลามันให้ขับรถดีๆ อย่าเพิ่งให้มัจจุราชเอาชีวิตไปนะ



ผมก็ยืนรอไปสักพัก ลืมนึกไปเลยว่าในเวลาแบบนี้มันจะมี แทกซี่ที่ไหนบ้างเนี่ย ผมรออยู่นานก็มีแท็กซี่มาให้ผมขึ้นรถ ผมนั่งไปได้พอผมบอกจุดหมายปลายทางไป แท็กซี่มันหัวเราะ ฮึๆ ผมคิดในใจ มันจะหัวเราะทำไมเนี่ย ผมก็ไม่ได้สนใจ ก็เอาเข้มขัดนิรภัยมาคาด ในขณะที่ผมกำลังจะคาดอยู่นั้น แทกซี่ก็บอก ไม่ต้องคาดหรอกน้อง ไม่ต้องกลัว เอ้ย ที่คาด นี่ไม่ได้กลัว แต่ทำจนเป็นนิสัยเฟ้ย


ในเวลาไม่นานคนขับก็ถามผม ปกติ น้องขึ้นบ่อยไหม เอ้ย จะมาไม้ไหนเนี้ย แต่เอาก็เอา ต้องพูดว่าบ่อยๆ ไว้ก่อน เดี่ยวมันจะหลอกเอาได้ ผมตอบไปเลยว่าบ่อย ทั้งๆที่ความจริงเคยกลับนับครั้งได้เลย


สักพัก แทกซี่ก็ถามผม บ่อยนะเคยเท่าไร กัน เอ้ย นี่จะมาทำอะไรฉานนเนี่ย จะมาปล้นเรอะ เพิ่งพ้นนรกมาหมาดๆ นี่ต้องมาเจอโจรปล้นอีก เออ ให้มันได้ยังงี้สิน่า ผมก็ตอบไป ปกติเคยขึ้นจากรังสิต ก็ร้อยก่าๆแหละ ผมตอบไปด้วยความบริสุทธ์ใจ พอตอบไป มันยังถามอีก ร้อยกว่านะร้อยเท่าไร เอ้ย แล้วมันจะรู้ไปทำพระแสงด้ามยาวทำไมเนี่ย คุยไปคุยมา มันก็ตอบว่า ถ้าเป็นคนขึ้นประจำ ต้องรู้สิว่าเท่าไร เออ เอาเข้าไปจะมาเอาอะไรจากฉานนเนี่ย เห็นว่าหน้าตาคล้ายคนต่างชาติหรือไงจะได้คิดว่าไถได้ง่ายๆ เมินซะเถอะ เชอะ


แต่พอคุยไปคุยมาก็จึงได้รู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดแต่กว่ารู้ได้นี่ เฮ้อ น่ากลัวจัง กุ้ก คือในความเป็นจริงที่ Taxi เขาหัวเราะ คือเขาขำตัวเขาเอง เพราะก่อนหน้านั่น มีคนเรียกเขาเพื่อที่จะไปส่งสถานที่เดียวกันกับผม แต่ว่าเขาปฏิเสธไป แต่จนแล้วจนรอด ก็มีคนมาเรียกเขาไปส่งจนเลยรังสิตมาสักหน่อยก็เจอผม และผมก็บอก ให้เขาไปจนได้ เขาคงขำในโชคชะตาของเขาเอง
ส่วนที่ถามเรื่องราคาค่ารถนี่ก็เพื่อที่จะบอกเราว่าถ้าคนเคยขึ้นประจำจะรู้ได้ว่าค่าแทกซี่มันไม่ต่างกันหรอก จะโกงกันไม่ได้ พร้อมกับบอกราคาแต่ล่ะระยะมาโดยตลอด เอ่ออ่ะนะ เล่นให้เราเสียววูบเสียววาบ วันนั้นกว่าจะถึงบ้านก็เล่นเอาตี3 เฮ้อ เหนื่อยอ่ะ กว่าจะเขียนจบนี่ก็เหนื่อยอีก เฮ้อ



Create Date : 11 ตุลาคม 2548
Last Update : 12 ตุลาคม 2548 8:23:48 น. 4 comments
Counter : 211 Pageviews.  
 
 
 
 
พรุ่งนี้ต้องกลางวันก็ออกเจแล้วนะ..อดทนอีกนิดเดียวละกันค่ะ..
 
 

โดย: Rainny (BOOTH_FON ) วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:16:57:15 น.  

 
 
 
แหม ไม่ถึงต้องกับอดทนหรอกครับ อยากกินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ให้นานกว่านี้ก็กินได้ครับ แต่เกรงว่าจะไม่มีอาหารเจให้ รับประทานเสียมากกว่า นะสิ
 
 

โดย: จขกท (john13 ) วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:8:12:07 น.  

 
 
 

พระเจ้าช่วย เพื่อนเราช่างเป็นคนดีสะเหลือเกิน
 
 

โดย: ลี IP: 203.107.193.80 วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:11:38:40 น.  

 
 
 

จูไม่ได้กินเจอ่ะ
อยากกินอะไรก้อได้ เหอๆๆ

 
 

โดย: นี่จูนะ IP: 203.155.221.253 วันที่: 19 ตุลาคม 2548 เวลา:15:41:38 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

john13
 
Location :
Fujisawa-shi Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




   
[Add john13's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com