ยินดีต้อนรับทุกท่านที่หลงเข้ามาค่า~
Group Blog
 
All Blogs
 
Tag แถก… แฉลึกคนลับ ฉบับหมดไส้หมดพุง!!

ประกาศ หลังจากข้าน้อยได้รับเทียบเชิญแถกคราปีใหม่ แต่กลับมัวระเริงงานหลวง (เคล้าน้ำตา) อยู่นานวัน ละเลยต่อหน้าที่ดูแลโรงเตี๊ยมบล็อกแห่งนี้ไป จนกระทั่งวันนี้ข้าน้อยได้กลับมาทำหน้าที่เต็มยศแล้ว และนี่ก็ได้ฤกษ์เวลาอันเหมาะสม …

จอมยุทธ์ผู้มีนามลือเลื่องดังต่อไปนี้ โปรดมารับ ‘แถก’ ของข้าน้อยโดยด่วน!!


ท่าน Froggie -- จอมยุทธ์ผู้เปิดประเด็นให้ข้าน้อยได้เตรียมตัวแถกอย่างเมามันส์…
ท่านอันปังแนน -- จอมยุทธ์ผู้ใจตรงกันว่าจะ แถกซึ่งกันและกัน ฮี่ๆ.. และวันนี้ข้าน้อยก็ยังไม่เปลี่ยนใจ ไม่ทิ้งนามของ “อันปังแนน” ในบัญชีรายชื่อผู้ถูกแถกของข้าน้อย
และ ท่าน Walkin -- จอมยุทธ์ผู้สมทบ เพื่อเร่งปฏิกิริยาข้าน้อยให้ขยับเขยื้อนมาดูแลโรงเตี๊ยมโดยไว

เนื่องจากข้าน้อยรู้แน่แก่ใจ ว่าใครๆ ก็ย่อมถูกเทียบเชิญ ‘แถก’ ทั่วราชอาณาจักร Bloggang แล้ว จึงถือวิสาสะไม่นำ ‘นิยาม’ ของการแถกมาแปะไว้ที่นี่ แม้จะเป็นการแหกกฎของพรรค(พรรคอะไรหว่า? ) แต่ข้าน้อยได้ใช้วิจารญาณแล้วว่าพื้นที่โรงเตี๊ยมนี้ควรใช้ให้คุ้มค่า เพราะข้าน้อย ‘พล่าม’ มาก จอมยุทธ์หลายท่านอาจจะเมินหมางในความบ้าน้ำลายของข้าน้อยได้

ข้อแนะนำในการรับแถก “ชิมทีละจอกแล้วพัก หรือจะแบ่งอ่านหลายๆ วันก็ได้นะท่าน”


เสี่ยวเอ้อนีรมาลี ขอคารวะจอมยุทธ์ทุกท่านที่มีน้ำใจสละเวลามารับแถก เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลา เชิญระเริงกับแถกห้าจอกนี้ได้เลยขอรับ…

คารวะจอกที่หนึ่ง


(Fade out) จากบรรยากาศโรงเตี๊ยมคร่ำคร่า สู่บรรยากาศเมืองไทย- กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร คลุ้งด้วยหมอกควัน และนีรมาลีที่นั่งหน้าดำอยู่หน้าจอ LCD เคาะแป้นพิมพ์เร็วรัว

1. ต-า-ย-ด้-า-น และความเข้าใจผิดของเพื่อน

หลายๆ ครั้ง เมื่อข้าน้อยคิดไม่ออก อยากหาข้อมูลมาบิ้วอารมณ์ทำงาน หนังสือที่ข้าน้อย ‘ต้องซื้อ’ เป็นอันดับแรกๆ นั้นเป็นแม็กกาซีนผู้หญิงวัยมหาวิทยาลัย – ทำงาน ด้วยหน้าดำๆ กร้านโลกนิดหน่อยอย่างข้าน้อยนี่แหละ เป็นขาประจำของ Cosmo , Elle , Cleo และ Ray (เล่มหลังโปรดมาก) อ่านมันโม้ด จนรู้ว่ากุงเกง T-back และ V–Front นั้นมีตัวตนจริงอยู่ในโลก นอกจากในการ์ตูน (จนชวนคิดว่า ถ้ามันใส่สลับข้างเป็น T- Front และ V-Back แทนบ้าง จะเปนงายหว่า?) แต่ไฉนเลย… เมื่อข้าน้อยพกหนังสือเหล่านี้ไปอ่านที่อื่นๆ ด้วย น้องๆ ที่รู้จักกัน เขาก็มองไล่ตั้งแต่เท้าจรดปลายหัว แล้วเปรยขึ้นมาว่า “(หน้า)อย่างพี่นี่นะ อ่านหนังสือแบบนี้ด้วย???” ….

หลายๆ ครั้ง เมื่อข้าน้อยอยากหาของขวัญให้ตัวเอง ก็จะเดินตรงสู่ร้านหนังสืออีกเช่นกัน มุมที่หยุดสายตาได้นานที่สุด และขัดกับใบหน้าของข้าน้อยมากที่สุด (ในความคิดของข้าน้อยอ่ะนะ) คือ มุมหนังสือธรรมะ ข้าน้อยจะใช้เวลาเพ่งพิจารณาว่า… เล่มไหนเหมาะสมกับสมองลูกโป่งเยี่ยงตัวข้าน้อยบ้าง จนพนักงานบางร้านต้องแอบส่งสายตาพิฆาต ‘Get out!’ อยู่เนืองๆ

หลายๆ ครั้ง ที่เพื่อนต้องสะพรึง โดยเฉพาะในช่วงวัยขบเผาะ ม. 4 ดันทำลายภาพพจน์สาวแว่น ด้วยการท็อปคะแนนวิชาพระพุทธศาสนา พร้อมๆ กับ วิชาสุขศึกษาเรื่อง “เพศศึกษา” เป็นแพ็คเกจคู่ตรงข้าม (เรื่องเพศๆ กับเรื่องพุทธๆ ) อีกทั้งเพื่อนผู้ชายจะไม่ค่อยอาย เมื่อข้าน้อยไปขอยืมหนังสือนู้ดของมันมาทัศนาโดยถ้วนทั่ว (ที่จริงนั้น เอามาศึกษาเพื่อช่วยในการหมุนมุมมองรูปคน ในการวาดรูปต่างหาก)
แถมด้วยปัจจุบันนี้ น้องนุ่งบางคนก็ยังชอบส่งฟอร์เวิร์ดเมลแบบ ‘เปิดเผยจุดยุทธศาสตร์ ของการกำเนิดมนุษย์’ มาให้อีก… กรรมจริง… แค่อยากดูสรีระเพื่อวาดสัดส่วนให้ถูกต้อง ไม่ได้อยากเบิ่งกระบวนการผลิตมนุษย์ซะหน่อยง่ะ ฮ่วย!!…

พอหลายๆ ครั้งและหลายๆ ครั้งผนวกกันเข้า ข้าน้อยก็เริ่มเกิดอาการสับสนกับมุมมองของคนอื่น ‘ไอ้หน้าอย่าง(ข้าน้อย)นี้ – มันยังไงกันแน่(ฟระ)??’


แต่ที่แน่ๆ ข้าน้อยมั่นใจว่า ภาพอ่างอ๊าง..งง นั้นไม่สามารถสั่นสะเทือนอารมณ์บนใบหน้าข้าน้อยได้เลย ไม่ว่าจะรูปชายเดี่ยว หรือ หญิงเปลี่ยว จะชายควบหญิง ชายควบชาย หรือ หญิงควบหญิง ก็ตาม…

ข้าน้อยมองเป็น… "ศพ” ไปหมดแล้ววววว …..
ก็แบบนี้แหละ…..ภาษาชาวบ้านเค้าเรียกว่า “ตายด้าน” …..


อ๊ะ! แต่ว่าอย่าเพิ่งเหมารวม
คำว่า ตายด้านน่ะ อาจจะตาย-- เฉพาะด้าน ‘อ๊าง’ ก็ได้นะ

วันดีคืนดี ข้าน้อยอาจจะส่งเสียงโหยหวนได้ ถ้าพบรูปชายหนุ่มดวงหน้างาม มีเสื้อผ้าใส่บ้างตามอัธยาศัย ทรวดทรงล่ำสันกำลังดี นัยน์ตาฉายแววอ่อนโยน แฝงด้วยความเข้มแข็งพร้อมเป็นที่พึ่งพาได้เสมอ และที่สำคัญ… ต้องเป็นป้อจายแท้ๆ นะฮ้า…


เจอรูป (หรือตัวจริง) เมื่อไหร่ อย่าลืมส่งให้ข้าน้อยร่วมเชยชมด้วยฮ่ะ… !!






คารวะจอกที่สอง


2. “เห็นเป็นเผ่นร้อยลี้ แต่ปรี่มาฆ่าได้ในระยะ 5 มิล”

ภาพในความทรงจำเด็กๆ จากบ้านหลังเล็กๆ ในกรุงเทพฯ ที่ปลูกต้นไม้ร่มครึ้ม ทั้งประตูและตัวบ้านด้านหน้าเป็นกระจกใสยาวตลอดแนว มองออกไปเห็นสวนขนาดย่อม กับบ่อปลาทองขนาดใหญ่ ซึ่งเพาะบ่มให้ข้าน้อยรักธรรมชาติ สร้างภาคภูมิใจทุกครั้งที่เห็นความเขียวขจีของต้นไม้ทุกวันจากห้องนั่งเล่น

หน้าฝนมาเยือนแล้ว… ต้นไม้ในสวนควรชะอุ่มชุ่มชื้น อวดยอดใหม่แตกใบอ่อนของมันเต็มที่ แต่… ที่บ้านข้าน้อย ไม่ใช่!!
ยอดอ่อนยังไม่ทันมีโอกาสได้คลี่ใบ ก็หักกุด เดี้ยงหมด ส่วนใบแก่ๆ ของต้นไม้นั้นมีรูโบ๋ขนาดเอามือเด็กสอดเข้าไปได้
หน้าต่างมุมห้องนั่งเล่นที่ข้าน้อยแสนภูมิใจ ก็ถูกสิ่งมีชีวิตมากกว่าหนึ่งตัวคืบไต่ มันพยุงร่างกายสีน้ำตาลพร้อมเปลือกขนาดใหญ่ วาดลายเมือกไว้เต็มกระจก!!

หอยทากพันธุ์แอฟริกันยักษ์ บุกรุกบ้านเจ้าค่าเอ๊ย!!~~

การคืบคลานของมัน ดวงตาของมัน เนื้อย้วยๆ สีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยรอย Texture ยับย่นของมัน โดยเฉพาะเมือกใสเหนียวที่ลากเป็นทางยาวนั้น สร้างความแขยงแกมพรั่นพรึงอย่างชนิดที่ไม่เคยอุบัติมาก่อน ไม่ว่าจะด้วยอวัยวะ เซลล์ หรือมวลส่วนไหนของมัน หรือจะเป็นคราบที่มันทิ้งไว้ “ข้าน้อยก็รับมันม่ายด้ายยยย~~!!!” ไม่สามารถเป็นสหายร่วมโลกกับมันได้แน่นอน

ฉะนั้นหอยทากจึงกลายเป็นนัมเบอร์วันของความเกลียดชัง แถมท้ายด้วยการเกลียดสัตว์ในสปีชีร์เดียวกันทั้งหมดด้วย อย่าง พวกหอยสังข์ หอยจุ๊บ หอยเชอร์รี่ ฯลฯ และบรรดาสัตว์เอ็นคืบ ไม่มีขา ไม่มีเปลือก อย่าง ปลิง ทากฟ้า ทากดูดเลือด แม้กระทั่งทากทะเลสีเปรี้ยวแปร๊ดก็คบไม่ได้!
ถ้าใครเอาหอยทากมาแหย่ข้าน้อย ข้าน้อยอาจจะหนีไปไกลมากกว่างู เตลิดไปไกลมากกว่าแมลงสาบ (ถ้ามันไม่บิน) ทุกครั้งที่เห็นเป็นเผ่นจริงๆ ล่ะจ้า แต่…

ถ้าเมื่อใดข้าน้อยมี ‘เกลือ’ อยู่ในกำมือล่ะก็….เหอๆๆๆๆ จะพลิกสถานการณ์กลับเป็นฝ่ายรุกทันที ด้วยการส่งเกลือเป็นบรรณาการให้หอยทากในระยะประชิดมาก เล็งแม่นๆ ตรงดวงตาและลำตัวยืดๆ ของมัน ให้เกลือช่วยละลายตัวมันจนเหลือแต่เมือก และเปลือกเปล่า พร้อมส่งรอยยิ้มเย้ยหยันให้มันเป็นครั้งสุดท้าย ก็เป็นอันเสร็จพิธีกรรมโหดเหี้ยมของข้าน้อย

จึงเป็นเรื่องโชคดีมาก ที่เกือบสิบปีมานี้ ข้าน้อยไม่คิดจะทำกรรมนี้อีก และเจ้าหอยทากไม่ปรากฏตัวมาให้เห็นอีกเลย สงสัยจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น?
อาจเป็นเพราะ… รังสีอำมหิตของข้าน้อยที่แผ่ซ่านเป็นบาเรีย ไม่ให้มันเข้าบ้าน?
หรือ มันจะบอกต่อๆ กันว่าอย่าเยื้องกรายเข้าบ้านหลังนี้นะ ที่นี่มันนรกชัดๆ !!
หรือเป็นเพราะ… มันถูกล้างบางจนสูญพันธุ์จากบ้านเราแล้ว?
หรือจะตอบข้อ ง. งู ถูกทุกข้อ??

ป.ล. หากรู้เช่นนี้แล้ว ห้ามส่งการ์ตูนเรื่อง “ก้นหอยมรณะ” มาให้ข้าน้อยอ่านเชียวนะ ไอ้นี่มันสาดเกลือไล่ไม่ได้ แถมยังเป็นศาสตร์การ์ตูนที่ข้าน้อยบูชา…. ฮือ ลำบากจายยย





คารวะจอกที่สาม


3. “อัปรีย์สนาม กับความไม่มีโชค”

ข้าน้อยมิได้นำคำหยาบคาย มาตั้งเป็นหัวข้อนะเออ
คำว่า “อัปรีย์” เกิดจากคำว่า “อะ” (แปลว่า ไม่) สนธิกับคำว่า “ปิยะ” (แปลว่า เป็นที่รัก) แปลรวมกันว่า “ไม่เป็นที่รัก”
คำว่า “อัปรีย์สนาม” จึงแปลได้ว่า ไม่เป็นที่รักของสนามนั่นเอง…
ไม่เป็นที่รักของสนามยังไงล่ะ?


++++++++++

เป็นเรื่องปกติของคอบอลตัวจริงของบ้านข้าน้อย ที่จะส่งเสียงก่นด่านักเตะลีลาไม่เข้าท่า ถ้ามันเหมือนการเล่นเกมวินนิ่งฯ สามารถบังคับให้นักเตะเล่นตามคำสั่งตัวเองได้ ก็คงทำไปนานแล้ว แต่เพราะทำไม่ได้ ก็เลยได้แต่จ้องด่าอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม แต่ไม่ว่าจะด่ายังไง จะเป็นบอลโลก บอลไทย หรือบอลสโมสร สมาชิกในบ้านข้าน้อยก็ยังดูอยู่ดี ยกเว้นตัวข้าน้อยนี่แหละ
ต้องเก็บความอยากเชียร์ไว้เงียบๆ ในใจ เขาเฮที ข้าน้อยก็หันองศาศีรษะไปมองที ที่เป็นเช่นนี้เพราะ…

“เชียร์ทีมไหน ทีมนั้นแพ้หลุดลุ่ย”
แต่เมื่อไหร่ที่ไม่ดู ไม่ออกปากเชียร์ ผลการแข่งขันออกมา..ไม่เสมอ ก็ ชนะซะด้วย?

นี่แล..คือ ชีวิต “อัปรีย์สนาม”

(ผลการพิสูจน์ทฤษฎีอัปรีย์สนามนี้แม่นยำถึง 99 % จนสามารถประกาศเป็นคุณสมบัติส่วนตัวอันไม่พึงประสงค์ได้ …. )


นอกจากความไม่เป็นที่รักในสนามแล้ว ยังประกอบด้วยความอับโชคนานานัปการ อย่างเรื่องการจับฉลากวัดดวง หรือลาภลอยต่างๆ ล้วนแต่ลอยละลิ่วปลิวข้ามหัวนีรมาลีไปทั้งสิ้น ไม่ว่าโอกาสจะมีมากขนาดไหนก็ตาม เอากับเขาสิ!

ของขวัญปีใหม่ที่เขาจับฉลากแลกของขวัญกัน ข้าน้อยก็ยังได้ของที่เสล่อ..ที่สุด เฮ้อ…
ที่บ้านซื้อล็อตเตอรี่มา 4 ใบ แจกให้ลูกๆ 4 คน มี 2 ใบนั้นที่ถูก… ข้าน้อยก็ยังเลือกไม่ถูกอีก
กล่องจับชิงโชค มีรางวัลมาก แต่คนส่งน้อยกระจิด แต่มั้น…มันก็ไม่ถึงมือข้าน้อยอีกนั่นแหละ

…………เหี่ยวเฉามาเนิ่นนาน… ทนกับภาวะ 'ลาภ’ แห้งแล้งซ้ำซาก …………..
จนตอนนี้ข้าน้อยตระหนัก และซึ้งในธรรมะแล้วว่า…

“อลาภา อปรมา โรคยา”
(ความไม่มีลาภ เป็นโรคที่ไม่ประเสริฐ)


อสาธุ…
(ไม่ - ดีแล้ว)





คารวะจอกที่สี่


4. ตาถั่วและสั้น จนใกล้ขั้นแข่งพาราลิมปิก

ความเป็นจริง สายตาของข้าน้อยยังสั้นไม่เกิน 500 ซึ่งจัดว่ายังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ (ถ้าไม่รวมความผิดปกติทางสายตาด้านอื่นๆ อย่าง โรควุ้นนัยน์ตาเสื่อมที่เป็นอยู่) แต่ไอ้ความตาถั่วนี่สิ… ของที่มันควรจะเห็นอยู่โทนโท่ มันก็ไม่มองเห็นซะดื้อๆ ไม่ต่างอะไรจากผู้พิการทางสายตาเลยสักนิด

ครั้งหนึ่งที่หลงทางได้แสนประทับใจ จากความตาถั่วแบบสาหัสสากรรจ์ คือ ตอนข้าน้อยอยากไปติววาดรูปที่ ม. ศิลปากร (เพราะได้ยินว่าถูก และดี) ข้าน้อยก็จรลีจนถึงกำแพงวัดพระแก้ว วนหาทะลุไปถึงวัดมหาธาตุ จนเห็น ม. ธรรมศาสตร์ แล้วยังอ้อมไปออกกรมศิลปากร วนไปวนมาอยู่แบบนี้แหละ ซ้ำยังปากแข็ง ไม่ยอมถามทาง กลัวว่าจะเสียฟอร์มอีก ในที่สุดก็กลับมาที่ป้ายรถเมล์อีกครั้ง ด้วยอาการอ่อนเพลียละเหี่ยใจเหลือกำลัง ทำไมมันไม่เจอซะทีฟระ? ขณะนั้นก็บังเกิดไอเดียว่า ขึ้น รถ ปอ.จากป้ายนี้ แล้วบอกให้กระเป๋ารถบอกเราลงเมื่อถึง ม. ศิลปากรดีกว่า… ใช่ๆ วิธีนี้นี่แหละ ง่ายที่สุด

ใช่ๆ มันคงดูเป็นไอเดียที่กิ๊บเก๋มาก ถ้าป้ายรถเมล์นั้น…
ไม่ใช่ป้ายท่าเตียน!!

(จริงๆ การสตาร์ท จากจุดกำแพงวัดพระแก้ว ก็น่าจะเห็น ม. ศิลปากรแล้วนะ … ยังกลับมาวนที่เดิม แล้วมันยังหาไม่เจออีก อย่างนี้คงต้องเรียกว่าถั่วสองเด้งเลยนะเนี่ย)


ความตาถั่วยังไม่จำกัดอยู่แค่การหลงทางเท่านั้น ยังทวีความปรีชาสามารถเป็นเรื่องอื่นได้อีกด้วย
ครั้งหนึ่ง เมื่อเพื่อนนักเขียนการ์ตูนด้วยกันมาติดแผ่นสกรีนโทนที่บ้านข้าน้อย เนื่องจากต้องทำงานบนโต๊ะเตี้ยเล็ก การนั่งท่าขัดสมาส จึงเป็นท่านั่งบังคับอย่างช่วยไม่ได้ และแล้วข้าน้อยก็ปราดตาไปเห็นรอยสามเหลี่ยมเล็กๆ สีเทา บนปลีน่องขาวอวบของเพื่อน ด้วยความมีจิตใจเมตตาก็เลยเอื้อมหัตถ์ไปแกะให้

เพื่อนร้องจ๊ากสุดเสียง
“นั่นมันสะเก็ดแผลฉ้านนนนน!!!”

(มันคือ แผลจากเตารีดที่แหกโค้ง แล้วเข้าไปเสยเนื้อน่องน่ะ เพื่อนคนนี้รีดผ้ากับพื้น… แหม~ รอยสามเหลี่ยมสีเทา เหมือนลายสกรีนเชียะ!)

นี่แหละ นีรมาลีของแท้ ตาถั่วขั้นซุปเปอร์เอ็กซ์ตร้า






คารวะจอกที่ห้า


5. ลองของ+ ฝึกจิต + ล่าดวง = ชีวิตแห่งการพิสูจน์ (ในเรื่องที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้)

คำเตือน : พื้นที่ตรงนี้ ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน เ ป็ น พิ เ ศ ษ แล้วก็น่าหลับมาก... ถ้าท่านไม่สนใจเรื่องลึกลับเหล่านี้

จากจินตนาการในวัยเด็กที่บรรเจิดเพ้อเจ้อ อ่านเทพนิยาย อ่านการ์ตูนแฟนตาซีก็เยอะ แถมคุณพ่อยังซื้อหนังสือ “โลกทิพย์” ให้อ่านตั้งแต่เด็ก ข้าน้อยก็เลือกอ่านแต่ปาฏิหาริย์พระเกจิ มันส์…ซ้าาา โดยคำสอนนั้นไม่ได้บันทึกลงแรมสมองแม้แต่น้อยนิด.. คิดแล้วก็บาปกรรมจริง
โตขึ้นมา ความเอ๋อ ผนวกกับ ความขี้สงสัยก็ผุดพรายมาเรื่อยๆ

“ผี มีจริงเหรอ?” (อยากเห็นแบบจังๆ อ่ะ…)
“อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ มีจริงเหรอ?” (อยากมีบ้างอ่ะ )
“ดวงชะตา ถูกกำหนดไว้แล้วจริงเหรอ?” (อยากรู้อนาคตอ่ะ)


เมื่อข้าน้อยเรียนจบปริญญา ปลดแอกภาระการศึกษาแล้ว ก็เริ่มขวนขวาย วกกลับมาหาคำตอบที่งึมงัมในใจมานาน

เรื่องผี…
เป็นเรื่องที่ข้าน้อยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะรู้สึกว่าจะสมพงศ์กัน พบปะกันมาตลอดทั้งชีวิต แต่พิสูจน์ไม่ได้สักทีว่าข้าน้อยจิตหลอนไปเองหรือไม่? ก็เลยอยากให้แน่ใจ ตั้งใจไว้ว่าจะไม่แค่พบปะกันเพียงผิวเผินแล้ว แต่จะ ขอ “เสวนา” ด้วยเลย ข้าน้อยจึงหันมาตั้งใจ “ฝึกสมาธิ” (แต่การฝึกสมาธิจากสาเหตุนี้ เป็น ‘มิจฉาทิฐิ’ นะ เพราะเกิดจากความอยากมี อยากเป็น)

ปัจจุบัน… อยากจะเล่า แต่ยาวมากๆ แต่สรุปได้ว่า… วิญญาณนั้น ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หนังผีที่ทำมาน่ะ มันก็เว่อร์เกินไป… ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้ไปทำกรรมหนักๆ ที่ไหนมา ก็ไม่ต้องกลัวเขาหรอก เขาเพียงแต่มาขอความช่วยเหลือเท่านั้นเอง ถ้าช่วยกันได้… ก็ช่วยกันนะ อย่ารังเกียจเขาเลย เพราะไม่แน่… วันหนึ่งเราอาจจะกลายเป็นแบบเขาก็ได้


เรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
แต่เดิม… ข้าน้อยเชื่อว่าพระเกจิท่านมีอิทธิฤทธิ์จริงๆ ครอบครัวข้าน้อยก็เจอเรื่องแบบนี้บ่อยครั้ง แต่ชีวิตจริงคนธรรมดาอย่างเราๆ จะไป ‘มี’ หรือ ‘สร้าง’ ปาฏิหาริย์อะไรได้ยังไง วันหนึ่งคุณป้ามาชวนข้าน้อยไปเรียนพลังจักรวาล ข้าน้อยก็ตามไปเรียน เผื่อว่าจะช่วยเกื้อหนุนด้านสมาธิไปด้วย แต่จุดประสงค์หลักของพลังจักรวาล คือ “การรักษาโรค” พอเรียนไปแล้วก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น (แต่ยังไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเล่าทั้งหมด)

เมื่อจบหลักสูตรขั้นกลาง ของพลังจักรวาล ลองรักษาโรคกับตัวเองและบริวารแล้ว ครั้งหนึ่ง แมวของข้าน้อยถูกรถชน อาการเพียบหนัก เลือดออกทางหู ไหลนองเต็มพื้นถนน จนไม่น่าเชื่อว่าแมวตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งจะมีเลือดได้เยอะขนาดนั้น สันนิษฐานว่ารถชนบริเวณหัวแล้วทับบริเวณลำตัวอย่างแน่นอน ขนาดหมอเห็นแล้วยังคิดว่าไม่น่ารอด บ้านข้าน้อยก็คิดว่า ถ้ามันรอด แล้วต้องพิการควักลูกตาออก ขาเป๋ เป็นอัมพาต อยู่ไปจะลำบากมันมั้ย? ไม่มีใครอยากจะนึกถึงสภาพนั้นเลย… แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้น คือ ช่วยมันทุกทางเท่าที่ทำได้ ข้าน้อยก็ช่วยด้วยพลังจักรวาลนี่แหละ นั่งกำหนดจิต และส่งพลังไปให้ แถมด้วยนั่งสมาธิทางพุทธส่งกุศลไปช่วยมันด้วย ไม่รู้หรอกว่าจะได้ผลมั้ย แต่พยายามส่งใจไปช่วยมันตลอด 7 วันที่มันนอนในโรงพยาบาล

แล้วในวันนี้ …
เจ้าเหมียวผู้รอดตายจากถูกรถชน ตัวกลมป๊อก อ้วนพี… อ้วนกว่าตอนก่อนถูกรถชนมากมายนัก (ก่อนถูกชนนั้นเป็นแมวตัวเล็กผอม) เพื่อนมาบ้านยังทัก “ ไอ้เหมียวหุ่นเปี๊ยนไป๋!?” แม้จะเดินขาลากๆ อยู่บ้าง แต่มันยังสามารถจับหนูมาอวดได้ (เก่งมะ?) ดวงตาก็ไม่ต้องควักออก หน้าตาเลยยังแป๋วแหววเหมือนเดิม แม้เจ้าเหมียวมันจะมองเห็นข้างเดียวก็ตาม

นี่แหละ… ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตข้าน้อย
ดีใจที่ได้ช่วย และช่วยได้
ต่อไปนี้ข้าน้อยก็จะช่วยคนอื่นและสัตว์อื่นๆ ให้มากขึ้น
…ขอปฏิญาณด้วยใจ…



สงสัยเรื่องสุดท้าย “ดวงชะตา”

ข้าน้อยสงสัยกับศาสตร์นี้มานานนับ ว่าทำไมมันถึงอยู่มาได้ 5,000 ปีแล้ว ทำไม้ทำไม? คนเราต้องเชื่อเรื่องดวงชะตาด้วย ดูหนังจีนก็มีคำพูดว่า “…..(จำไม่ได้) หรือจะสู้ฟ้าลิขิต” ไอ้ฟ้าลิขิตนี่แหละ เด็กเอ๋ออย่างข้าน้อย งงเป็นบ้าเลย!!

หรือจะเป็นเพราะฟ้าลิขิตจริงๆ ที่ดลให้พี่ชายของข้าน้อยคนหนึ่งไปเบิกทางให้ก่อน ด้วยการไปเรียนโหราศาสตร์ไทยแบบเป็นชิ้นเป็นอัน จนจบคอร์สได้ใบประกาศรับรองมาครอง (ตอนนั้นเพิ่งรู้ว่าวงการนี้ก็มีแบบนี้ด้วย) หลังจากนั้นก็ไม่ต้องเดา.. ข้าน้อยเรียนต่อจากพี่นี่แหละ ฟรี ถามดะได้ ไม่ต้องกลัวถูกไล่ไปยืนหน้าห้อง เจ้าหนูจำไมซะอย่าง พี่ชายปวดหัวไปแปดสิบอย่าง 555 ถกเถียงหาเหตุผลอยู่อย่างนั้นมายาวนาน ทั้งหาเคสดวงชาวบ้านชาวช่องมาดูหมด เริ่มดูจากคนใกล้ตัวก่อน แล้วลามไปคนไกลตัว จนกระทั่งไม่รู้จักกันเลย ก็ประจักษ์ใจถึงความพิเศษของวิชาสถิติอายุ 5,000 ปีนี้แล้ว

นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวข้าน้อยอ่ะนะ บอกกล่าวเผื่อเป็นอุทาหรณ์คนชอบดูดวงบ่อยๆ ในฐานะที่อุปโลกน์ตัวเองเป็นแม่หมอคนหนึ่ง

การทายอดีต โหราศาสตร์บอกได้
แต่การทายอนาคตนั้น
โหราศาสตร์ยากที่จะแม่นยำ 100%

*โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง ยากที่จะแม่นยำ 100%
ข้อสอบมี 100 ข้อ มีใครบ้างจะทำได้ 100 คะแนนเต็ม? (ห้ามตอบว่า.. ก็อาจารย์ออกข้อสอบไง)
หมอดูทั่วไปก็เหมือนกันน่ะแหละ

ยกเว้นกรณีท่านไปเจอหมอดูเกรด A +++ โคตรอัจฉริยะ แต่อย่าเพิ่งปรามาสว่าหมอดูแบบนี้ไม่มีในโลกล่ะน้า.. เพราะข้าน้อยก็เคยเจอมาแล้วเหมือนกัน โอย ทักมาแต่ละอย่าง น้ำตาพรู…(ไม่ได้หาวนอนนะ) แต่พักหลังก็เจอแบบน้ำตาพรูเหมือนกัน แต่หัวเราะจนน้ำตาไหลน่ะ กราดทายมาไม่โดนสักเป้า…แย่จริง


แต่ยังไงก็ตาม… คำตอบที่สงสัยเกี่ยวกับโหราศาสตร์มานาน ในที่สุดข้าน้อยก็ได้คำตอบจาก “กฎแห่งกรรม” ที่คนพุทธแสนคุ้นเคยนี่แหละ

“รหัสดวงดาวบอกแค่แนวโน้ม(กรรมเก่า) แต่คนเราน่ะพลิกชีวิตตนเองได้ ด้วยกรรมปัจจุบันของตัวเอง”

ย้ำอีกครั้งหนึ่ง… เรื่องศาสตร์ที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้นี้ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ประสบการณ์ใครก็ประสบการณ์มันจริงๆ ถ้าใครอยากรู้ชัดๆ เป๊ะๆ …มันก็ต้องอาศัย “หลัก” เดียวกันกับข้าน้อยล่ะ
"สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าหนึ่งมือคลำ หนึ่งมือคลำไม่เท่า “ลองทำเอง”

ลองดูเถอะ แล้วท่านจะไม่ต้องพึ่งพาคำบอกเล่าของใครอีกเลย!





ตื่นได้แล้วขอรับ ท่านจอมยุทธ์ เช็ดน้ำลายมุมปากก่อน
โรงเตี๊ยมบล็อกแห่งนี้ให้ชิมชา (แถก) อย่างเดียว ไม่ให้ค้างขอรับ 555
ขอปิดท้ายรายการ ด้วยการประกาศรายชื่อเหยื่อของข้าน้อย
จอมยุทธ์ผู้มีนามดังนี้ จะถูกส่งเทียบเชิญแถก ระวังตัวให้ดี!!

ท่านอันปังแนน -- แล้วแต่ดุลพินิจของท่านว่าเห็นสมควรเขียนแถกซ้ำอีกไหม แต่ถ้ายังมันส์ในอารมณ์อยู่ ขอเชียร์ให้เขียนอีก ดูอย่างข้าน้อยสิ ยาวชะมัด ไม่รู้จะเขียนให้ยาวทำไม ในที่สุดก็หาคำตอบ(เข้าข้างตัวเอง)ได้ว่า ก็แถกมาตั้ง 3 ท่าน เห็นสมควรพล่ามซะหน่อย ถ้าถูกใครแถกมาอีก ข้าน้อยจะส่งลิงก์ให้เขากลับไปอ่านแถกเหล่านี้ใหม่ให้หมด เพื่อเป็นหลักฐานว่า มันหมดไส้หมดพุงแล้วจริงๆ!!
ท่าน Killerqueen -- หายต๋อมไปไม่อัพเลย (แต่เข้าใจว่าทำไมอ่ะนะ) เลยส่งเทียบเชิญไปกระตุ้น หากท่านว่างเมื่อไหร่ ค่อยทำก็ได้ อิอิ
ท่าน นารีจำศีล -- ได้ข่าวแว่วๆ ว่าจะประเดิมบล็อก ให้หัวข้อแถกไปเจิมเสียเลย ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักร Bloggang ขอรับ

เหลือเหยื่ออีก 2 ราย ยังตามตัวไม่ได้ เพราะข้าน้อยไม่มีเวลาติดต่อชาวโลกเท่าไหร่ง่ะ (แบ่งเวลาไปวาดรูปหมดแย้ว) ขอแปะไว้ก่อน แล้วจะมาประกาศรายนามอีกครั้ง ถ้าข้าน้อยไม่ลืม…


ประกาศให้แซ่ดโดยทั่วกัน



ลงชื่อ นีรมาลี


10/2/2550






Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2550 12:14:59 น. 8 comments
Counter : 509 Pageviews.

 
แวะมาอ่านแท็กนะคะ
สะ-หนุกดีค่ะ


โดย: ปาล์ม (palmpada ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:03:18 น.  

 
หนังสือธรรมมะพอรู้ แต่หนังสือแฟชั่น........อืม ยุ้ยก็ไม่ได้อ่าน อืม ตอนนี้น้องหิ้ว ray cosmo elle มาให้อยู่

แต่หนังสือโหงวเฮ้ง พวกสักยันต์ของขลัง -*- เหมือนเคยเดินไปอ่านกะใครบางคน ไม่รวมหนังสือบ้านเรือนไทยนะ

ส่วนดวงซวย.........พี่นั่นเรียกซวยเด็กๆ
ตอนประถมยุ้ยจับฉลากอยากได้ขนมจะตาย แต่ได้"อุนจิ"มา1อัน -*- โฮะๆท่าทางสีมันคงเหมือนช็อคโกแล็ตนะ ปีอื่นๆมัธยม...ตุ๊กตากิโมโน,แอ๊ปเปิ้ลปลอม,เทปเพลงเปิดไปละไฟดูด (ไอ้คนเอามามันนั่งหัวเราะตอนเราโดนไฟดูด)

ขำเรื่องตาถั่วน่ะ เล่นแกะสะเก็ดแผลเลยเหรอ มันเหมือนสกรีนโทนตรงไหนเนี่ย

เรื่องดวงชะตา เชื่อว่าลายมือคนเราดูอดีตได้นะ ตอนนั้นนั่งมองเพราะบ้าเรื่องพวกนี้ ดูมือตัวเองละน้ำตาร่วง ไมซวยรันทดงี้หว่า แต่ตอนนี้จะปรับปรุงตัวเองละ ฮึดสู้ๆ

ปล.เป็นคนกลัวสัตว์ทุกชนิด แต่แมวบ้านพี่ท่าทางรู้ตามเชียว - -"เหมือนถูกแมวแกล้ง


โดย: kisara IP: 58.9.67.156 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:06:12 น.  

 
เขียนได้มันส์สุดขั้วจริง ๆ ค่ะ

อ่านไปขำไป

โดยเฉพาะตอน ยืมหนังสือโป๊เพื่อนมาดู

จนได้รับ fwd โป๊ ๆ จากเพื่อน

... สงสัยดูมาก ๆ จะทำให้ชิน ได้เหมือนกันนะคะ


โดย: โสดในซอย วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:56:58 น.  

 
คุณ palmpada --- ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนกันนะคะ

Kisara -- อ่า... ก็นะ คนมันเคยเห็นกันนิ อิอิ ตอนนี้พี่ยังสะสมหนังสือแปลกๆ อยู่นะ ไอ้ตอนแรกก็ว่าจะเป็นข้อมูลเขียนการ์ตูน แต่ไปๆมาๆ ชักชอบจริงๆ แล้วอ่ะ หุหุ
เรื่องดวงซวยๆ ... โอวววว ยุ้ยไม่มีลาภเหมือนกันนี่เนอะ แต่เอาน่า มันต้องมี "ของทดแทน" กันแหละ ในความรู้สึกของพี่ สิ่งที่ลายมือทายแม่นมากๆ คือ เรื่อง "สุขภาพ" กับ "พรสวรรค์" ที่เห็นกันชัดๆ นะ พวก Born to be เลยน่ะ ไปทายมาเจอแล้วหลายคน ไม่น่าเชื่อเลย!! แต่ยังไง ถึงจะมีพรสรรค์แต่คนนั้นขี้เกียจใช้ มันก็เท่านั้นแหละ... พรแสวงจึงจำเป็นกว่าไง

ปล. แมวพี่ก็เป็นแบบนี้แหละ เพื่อนเจ้านายมาก็รับแขกไปซะโม้ด แต่รุ่นนั้นไม่เหลือแย้วอะะ พี่เลี้ยงแมวรุ่นใหม่แล้ว แต่ไอ้พวกนี้ หนีแขก... ฮ่วย


คุณโสดในซอย -- ขอบคุณเช่นกันค่ะ ที่มาเยี่ยมกัน ว่าแต่ เขินจังเลย~~ หรือว่าจะดูมากไปจริงๆ จนเพื่อนฝูงต้องเผื่อแผ่มาให้? (จำได้ว่า ตั้งแต่ตอนดูครั้งแรกๆ ก็มีอาการด้านแบบนี้แล้วค่ะ หงึก.. )


โดย: นีรมาลี วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:11:01:03 น.  

 
โอ้ โห ... แต่ละข้อๆ
น่าจะเอาไปเขียนพอคเก้ตบุคชีวิตตัวเองนะพี่

รับรองว่าขายดี๊ ขายดี 55 5


โดย: อันปังแนน วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:22:09 น.  

 
ตามมาอ่านแท็กค่ะ อิๆ บรรยายเรื่องหอยทากได้อะจึ๋ยมากๆ

ส่วนเรื่องป้ายรถเมลล์ ก๊ากๆๆๆ อุ๊บ ขออภัยค่ะ 55 คือนึกถึงตัวเอง ตอนนั้นเป็นเด็กบ้านนอกเพิ่งเข้ากรุงใหม่ๆ ง่ะ ป้ายแถวนั้นมันก็มึนๆ นะคะ แถมมีรถเมลล์บางสายที่จะวิ่งอ้อมวนจนเกือบจะเป็นวงกลมอีก เคยจะขึ้นรถจะไปสนามหลวง โดนกระเป๋ามองหน้าแปลกๆ ด้วยค่ะ ว่าจะขึ้นมาทำไม ต้องมานั่งรถวนอ้อมกำแพงวัง ท่าช้าง ท่าพระจันทร์ เลียบวัดมหาธาตุ ย้อนวนไปศิลปากรอีกฝั่ง กว่าจะถึงสนามหลวงที่ใกล้โคดๆ (ก็หนูขึ้นรถเมลล์ผิด...)


โดย: vee vee' IP: 222.123.185.54 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:05:13 น.  

 
อ้อ...พูดถึงเรื่องดวง สนใจนะคะ แต่ไม่ค่อยกล้าดูค่ะ ดูแล้วมักไม่ค่อยมีเรื่องดีๆ หรอก แต่เรื่องไม่ดีนี่มักจะแม่น


โดย: vee vee' IP: 222.123.185.54 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:06:12 น.  

 
อันปังแนน -- เหอ? อย่าเลยจ้า~~ พี่กัวสนพ.จะเจ๊งเอาน่ะจิ โต๊ดทีเน้อ ทำให้แนนอ่านตาแฉะเยย ^ ^'

คุณวี่ -- โอ้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอผู้มีประสบการณ์ร่วมกันแถวกรุงเก่า อิอิ จริงๆ เราก็เคสคล้ายๆ ยังนี้อีกอ่ะค่ะ... เคยไปหา "รัฐสภา" ทั้งๆ ที่กำลังเดินเลียบกำแพง "เขาดินวนา"อยู่ ไปเล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง... เขาก็ส่ายหัว (ประมาณว่า.. ปลดปลง ไอ่เด็กนี่มันก็หลงหลายครั้งแล้ว ไม่ยักกะเข็ดสักที) อืมม์... โตมาก็ยังไม่หายค่ะ...


โดย: นีรมาลี วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:14:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Dream Awake
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Blog นี้จะเน้นไปทางเสนองานการ์ตูนของเราเองค่ะ มีทั้งงานสี งานขาว-ดำ...เทคนิคการวาดเล็กๆ น้อยๆ และเรื่องบ่นอีกสารพันตามประสาคนอยากเล่าน่ะจ้า~~

+ป.ล. รักคนอ่านมั่กๆ ค่า...+
#แวะทักนีรมาลีที่หลังไมค์นี้ได้เลยค่า
Friends' blogs
[Add Dream Awake's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.