Group Blog
 
All Blogs
 
AEC กับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย

ผมคิดว่าประเด็นการเปิดเสรีอาเซียนเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับใครหลายๆคนที่มองเห็นโอกาส ถึงแม้ว่าใครจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว ใหญ่เกินตัว ไร้สาระ หรือไม่สามารถทำได้จริง แต่ผมหวังลึกๆอยากให้ประเทศของเราเจริญก้าวหน้า และหากทำได้จริง มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย ผมใช้เวลาศึกษาคร่าวๆเกี่ยวกับประเด็นนี้และลองเขียนออกมา อ่านกันดูนะครับ :)

เป้าหมายในการเปิดเสรีอาเซียนภายในปีพ.ศ. 2558 คือการสร้างพันธสัญญาระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งยุทธศาสตร์ในการก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนนั้นประกอบไปด้วยการเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน การเป็นภูมิภาคที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงและเท่าเทียมกัน ซึ่งหากแผนการที่ได้วางไว้นั้นสามารถทำให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีแน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศสมาชิกการเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกันจะเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศได้แสดงศักยภาพ และจุดเด่นของประเทศได้มากขึ้นแต่ละประเทศได้ลงมือทำสิ่งที่ถนัดอย่างเต็มที่ การเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีจะทำให้มีการแข่งขันภายในมากขึ้นส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าและบริการซึ่งสินค้าและบริการดังกล่าวก็จะสามารถส่งต่อไปยังประเทศสมาชิกได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วยประเทศที่จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการยกเลิกภาษีก็คือประเทศไทยซึ่งมีอัตราการส่งออกสินค้าสูงตลาดหุ้นไทยมีบริษัทจดทะเบียนที่ส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศสมาชิกเป็นจำนวนมากที่จะได้รับผลประโยชน์นี้มูลค่าการส่งออกที่สูงขึ้นและผลผลิตที่มากขึ้นย่อมทำให้ GDP ของประเทศไทยโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและจะเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้มีกระแสเงินหมุนเวียนดีขึ้นและทำให้ตลาดหุ้นไทยโดยรวมน่าลงทุนและดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติรวมถึงเงินลงทุนจากภูมิภาคอื่นที่มองเห็นถึงอนาคตที่สดใสของประเทศไทยไหลเวียนเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้อีกมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็เป็นได้

นอกจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น การเปิด AEC จะส่งผลในทางบวกต่อหลายกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น

1. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ –การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรีย่อมดึงดูดให้มีแรงงานจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในประเทศไทยมากขึ้นและทำให้อุปสงค์ของที่อยู่อาศัยปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอนโดหรือห้องพักตามตัวเมืองต่างๆ

2. กลุ่มก่อสร้าง –สืบเนื่องมาจากอุปสงค์ในการสร้างที่อยู่อาศัย รวมถึงสาธารนูปโภคต่างๆ ที่มากขึ้นกลุ่มก่อสร้างก็จะได้รับอานิสงค์ที่จะได้รับงานมากขึ้นเช่นกันบริษัทที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้างใหญ่ๆจะมีโอกาสสร้างยอดขายอีกมาก

3. กลุ่ม Logistic –เนื่องจากทำเลที่ตั้งของประเทศไทยนั้นอยู่เป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศสมาชิกและเป็นทางผ่านที่จะเดินทางจากประเทศสู่ประเทศทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งมีโอกาสที่จะแข่งขันมากขึ้น

4. กลุ่มโรงพยาบาล –ปัจจุบันนี้ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีคนไข้จากต่างประเทศเดินทางมาใช้บริการบำบัดรักษาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอัตราค่าบริการที่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ประกอบกับคุณภาพทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับการเปิดเสรีนี้นอกจากจะทำให้มีคนไข้มารักษามากขึ้นเพราะประชากรที่มากขึ้นแล้วยังเปิดโอกาสให้โรงพยาบาลได้จัดหาแพทย์ชาวต่างชาติที่มีความสามารถมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการพยาบาลให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

บริษัทที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์จำนวนหนึ่งก็ได้ลงมือเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสที่จะมาถึงไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขยับขยายสาขาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หรือการหาช่องทางล่วงหน้าในการประกอบธุรกิจกับประเทศสมาชิก ซึ่งผมเองเชื่อว่าบริษัทคุณภาพเหล่านั้นจะเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นไทยให้เติบโตขึ้นด้วยความมั่นคง และจะไม่ล้มเหลวอย่างเมื่อครั้งที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไปโดยปราศจากพื้นฐานมารองอย่างแน่นอน





Create Date : 11 มิถุนายน 2555
Last Update : 11 มิถุนายน 2555 21:34:04 น. 1 comments
Counter : 3906 Pageviews.

 
ขอบคุณคะ บทความดีๆทั้งนั้น
กำลังฝันไปไกลโน้นอีก 10ปี ข้างหน้า เราจะได้เห็น 2000จุดไหมน้อ


โดย: kasara IP: 58.8.28.100 วันที่: 12 มิถุนายน 2555 เวลา:14:28:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jo_oF_GluE
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add Jo_oF_GluE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.