บล็อคอิสระตามใจฉันประสาแบ็คแพ็คเกอร์อึนๆ บ่นนั่นบ่นนี่ไปเรื่อย
|
||||
ถนนที่เลือกเดินแล้ว ทุกอย่างจะไม่มีวันหวนคืนดังเดิม One way trip / A glory day
หนังเพิ่งฉายไปไม่นาน "One way trip หรือ A glory day" ตอนแรกนึกว่าหนังจะใสๆ วัยรุ่น coming of age ไรเง้ ดูคลายเครียดซะหน่อย แต่ไม่ค่ะ มันกลายเป็นหนังดาร์คเฉยเลย!!!!!!!!
คือมันทำให้เราเกิดคำถามนะ ว่าถ้าจวนตัวจริง กุจะทำไงวะจะยืนหยัดในความถูกต้องหรือต้องเอาตัวรอดกันนะ เพราะในเรื่องนี้มันทำคุณบูชาโทษสุดๆอ่ะ ด้วยความที่โลกนี้มันไม่มีคนขาวหรือดำสุดๆ 100% กันสักกะคน มีแต่เทา แต่จะเทาเข้มเทาอ่อนก็ว่ากันไป โอ๊ย ดูแล้วเครียดกว่าเดิ๊มมมม ขับรถอยู่เฉยๆ อุโมงค์ก็ถล่มใส่โอป้าใน Tunnel 2016
ช่วงนี้เครียด ดูหนังมันทุกวัน แล้วหนังกุ๊งกิ๊งๆ ใสๆก็ไม่มีด้วยนะช่วงนี้ ไม่เป็นไร น้องดู Thriller ทุกวันก็ด๊ายยยยยยยย .
. ชีวิตก่อนและหลังลาออกของฉัน
รู้สึกอยากลาออกตั้งแต่เริ่มทำงานได้ครบหนึ่งเดือน แต่ก็อดทนทำจนครบหนึ่งปี ซึ่งระหว่างนั้นมีความรู้สึกอยากลาออกตลอดเวลา เพราะเพื่อนร่วมงานค่อนข้างแย่ โดนเอาไปนินทาใส่ร้ายหลายอย่าง ทั้งข่มขู่ ทั้งบลาๆๆ ไม่แปลกใจเลยทำไมคนลาออกกันล้มหลามเหลือทน จนล่าสุดเรื่องมันแรงเกินไป เราเลยแจ้งเจ้านาย ซึ่งหลังจากแจ้งเจ้านายไปแล้วบรรยากาศในที่ทำงานก็ย่ำแย่กว่าเดิม ทีนี้เลยไม่ทนแม่งละ เดินไปบอกเจ้านายว่าขอลาออกค่ะ เจ้านายมีอาการตกใจพยายามยื้อเพราะว่าเราทำผลงานติดท็อปทุกเดือน แต่เราก็ไม่ไหวแล้ว อยู่ต่อเป็นบ้าแน่ ก็เลยออกสิ้นเดือนที่ผ่านมาเลย ออกมาอยู่บ้านเฉยๆ แล้วก็รู้สึกไฮเปอร์ อยู่นิ่งไม่ได้ ปรับเวลากินและนอนไม่ได้ แต่ก็ค่อยๆปรับไป เงินในบัญชีก็มีแค่แสนกว่าบาทเท่านั้น จะไปเที่ยวญี่ปุ่นกับจีนเพื่อผ่อนคลายตัวเองสักพักแล้วค่อยคิดต่อจะทำอะไร ทำงานเป็นลูกจ้างที่คลินิคอื่น หรือเปิดคลินิคเล็กๆเพื่อเลี้ยงตัวเองแถวบ้าน ตอนนี้ยังคิดไม่ออก แต่ในใจอยากหาเงินแล้ว พอไม่ได้ทำงานหาเงินรู้สึกคุณค่าในตัวเองลดลงไปเยอะเลยอ่ะ ขอเวลาสองเดือนคิดดีๆอีกทีนะ เหตุผลที่ฉันรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ มันคงเป็นเพราะเธอ
วันนี้ขอเล่าข้ามจากตอนแรกนานอยู่เนื่องจากเฮิร์ตสัสๆวันนี้ อาจจะเขียนไม่รู้เรื่อง แค่อยากระบายเฉยๆนะ
คือตอนไปฮอกไกโดสองสามปีก่อน ไปชอบผู้ชายคนนึงเข้า ตอนนั้นก็เหมือนจะไม่ได้คิดไปเองนะ ซึ่งต่อมาพอเรากลับไทย เราก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆหน้าแชทของเราจะเด้งตลอดเพราะเค้าส่งรูปเค้า กับข้อความมาตลอดทั้งวัน บางทีส่งขนม ส่งของให้กันในเทศกาลต่างๆ แม้เราจะมีโปรเจค พรีเซนต์เยอะแค่ไหนก็แหกตามาทำของส่งให้ตลอด ง จนกระทั่งเค้าไปเจอเด็กแลกเปลี่ยนกลุ่มใหม่ เราก็คุยกันน้อยลงเรื่อยๆ จนหน้าจอแชทของเราไม่ดังขึ้นอีกต่อไป เราได้แต่เศร้า แม้บางครั้งจะแชทไปเค้าก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนต้องทำใจ ไม่เคยแม้แต่จะตีโพยตีพาย ไม่เคยบอกความรู้สึกใดๆให้เค้ารู้เลย มีแต่เพื่อนเราที่รู้ว่าตอนนั้นแย่แค่ไหน และที่แย่กว่านั้นคือดันจองตั๋วไปฮอกไกโดตั้งแต่ช่วงปีใหม่แล้ว ก็จำใจต้องไป แล้วก็ต้องเจอเค้าอีก ตลอดเวลาที่เจอกันเราได้แต่เครียดและก็ไม่รู้จะทำไง ต้องทำตัวเหมือนไม่คิดอะไรอีก แต่ก็ดูเหมือนทุกคนจะดูเราออก ก็ให้โอกาสเราอยู่กับเค้าสองคน เราคิดว่าเราคุมความรู้สึกตัวเองได้ แต่ไม่เลย พอกลับมาที่โรงแรมเรานั่งร้องไห้จนดึก ตั้งใจตั้งแต่ตอนนั้นว่าจะไม่เจอเค้าอีก ก็เรียนจบทำงานได้ครึ่งปี เค้าก็ติดต่อมาว่าจะมาเที่ยวที่ไทยนะ อยากมาบ้านเรา ก็เชิญตามมารยาท ดันมาจริง ระหว่างนั้นเราเจอเพื่อนคนอื่นๆที่มาเที่ยวไทยก่อน ซึ่งแอบกระซิบเราว่าเค้ามีแฟนอยู่แล้วนะ เราเองก็แอบช็อคแต่ก็ทำไม่สนใจ ก็ไหนๆมาบ้านเราจริงๆแล้ว แม่เราก็ดีใจหาย ทำกับข้าวให้ เช่ารถพาเที่ยว ที่ต่างๆ ระหว่างที่เที่ยวเราคิดว่าเราคิดกับเค้าเป็นเพื่อนได้จริงๆ แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่ เรารู้สึกต้องอดกลั้นตลอดเวลา ไม่สามารถทำตัวตามธรรมชาติได้เลย ตอนที่เล่นที่บ้านนั้นเค้าเจอของบางสิ่งที่ส่งมาหาเรา เราเองก็ลืมไปแล้วว่ามาจากบ้านเค้า แต่เราก็ทำเป็นไม่สนใจเมื่อเค้าทักว่าของที่เค้าส่งมาใช่ไหม เมื่อวานตอนนั่งกันอยู่สองคน ย - ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ แล้วเราจะพบกันอีกรึเปล่า ซ - คงไม่แล้วล่ะ เราคงไม่อยู่ให้เธอเจอแล้ว เราจะไปที่อื่น แล้วก็คงไม่ไปฮอกไกโดอีกแล้ว แม้จะต้องไปที่นั่นอีก ก็คงไม่ติดต่อเธอไป ย - ทำไมล่ะ ซ - นี่เธอไม่รู้เหตุผลจริงๆเหรอ ย - ... เมื่อฉันไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ฮอกไกโด
อยากพิมพ์เรื่องราวไว้ตอนที่ยังคงจำได้
ปล่อยไว้นานๆ เราอาจจะลืมไปมากกว่านี้นะ มันเป็นช่วงชีวิตนึงที่ดีมากๆของเราเลย เมื่อปีที่แล้วเราได้ไปสอบโครงการ AIMS ของมหาลัยที่ไทยกับทางญี่ปุ่น ตอนแรกก็ไม่คิดจะไปหรอก แล้วทีนี้เรียนๆไปแล้วมันเบื่อที่ไทยอ่ะ เลยหาเรื่องไปญี่ปุ่นดีกว่า ไหนๆก็จะจบแล้ว คงไม่ได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไหนอีกแล้ว ก็อ่านหนังสือแกรมม่าก่อนไปสอบคืนนึง ปรากฏว่าข้อสอบเป็นแบบสอบไอเอลไรงี้เลย ฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง คือทำใจละ กุไม่ผ่านแน่นอนข่าาา 555 ปรากฏว่าอาจารย์โทรมาบอกว่าผ่านข้อเขียนนะ มาสอบสัมภาษณ์ซะดีๆ ไปสอบก็เอาฮาอ่า ไม่เครียดอะไร เพราะคิดว่าถ้าได้ไปก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตอนคุยกันอาจารย์ก็ถามเกี่ยวกับทัศนคติอะไรไป อยู่ๆก็นึกศัพท์ไม่ออก เพราะว่าไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษมานานแล้ว ก็กึกๆกักๆ เค้าก้ให้เลือกมหาลัยว่าจะไปที่ไหน มีสามที่ให้เลือกไป โทได รากุโนะกากุเอนที่ฮอกไกโด และม.ฮอกไกโด กุก้เลือกรากุโนะเลยจ้าาา ไม่เคยได้ยินชื่อว้อยย ไปนี่แหละ ประมาณสามเดือนต่อมาอาจารย์ก็บอกว่าได้ไปนะซูซี่ กุก้ทั้งตื่นเต้นและกังวลนะตอนนั้น ระหว่างนั้นก็เตรียมตัวเดินทาง เตรียมของ เสื้อผ้าอะไรไปด้วย เพราะว่าช่วงที่ไปเป็นช่วงหน้าหนาวของเค้าเลย ก็แบบชิบหายละ เงินก็ไม่ค่อยมีจะไปซื้อโค้ตอะไรยังไง ทุนได้เดือนละแปดหมื่นเยน จะพอกินมั้ยเนี่ยแกรรรร แบบกังวลไปหมดเลยข่าาาา ตอนซื้อตั่วเครื่องบินก็มีคาเธ่ที่ราคาโอเคสุด ไปกลับ เวลาทรานสิตโอเค ราคาอยู่ที่ 24,000 ก็แพงนะ แต่ตอนนั้นรีบมาก ก็ซื้อๆไป ทั้งๆที่ตอนไปเกาหลีเราไม่ประทับใจสกบ.นี้แล้ว ปรากฏว่ากุซื้อตั๋วไปสองวัน ไฟลท์แคนเซิลจร้าา แต่ไม่รีฟันด์ เค้าก็ออฟเฟอร์วันอื่นให้แทน แล้วก็ให้รร.นอนฟรีที่หนามบินฮ่องกง ก็จร้าา ได้จร้าาาา ดั๊นนนนให้ smoking room มา นอนไปขมคอไปทั้งคืน
|
กี่วันก็ง่วง
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |