ตะลุยไปเรื่อย....กับนายจิวยี่
Group Blog
 
All Blogs
 

อากาศหนาวเย็นที่ฮานอย

ซินจ่าว (สวัสดีภาษาเวียดนาม) อีกครั้งครับ วันนี้ผมจะมาอัพเดตข้อมูลที่ได้ไปเวียดนามซึ่งตรงกับเทศกาล TET (ตรุษจีน) พอดี ในช่วงต้นเดือนกุมภา เลยทำให้ร้านค้าต่างๆปิดค่อนข้างเยอะ แต่เราก็มีเวลาแค่ช่วงนั้นพอดี ก็เลยจำใจต้องไปกัน ดีกว่าอดเที่ยวเนอะ Smiley

ก่อนอื่นก็ต้องจัดทริปกันก่อนเลย สำหรับผู้โดยสารราคาประหยัดทั้ง 7 ท่าน ได้แก่ ตัวผม, จุ๊บจิ๊บ, เจ้, เจ๊ติ๊ก, น้องอ้อม, พี่จอย และเหน่ง เริ่มจากจัดการจองตั๋วนกแอร์ 3 บาท และจองที่พักซึ่งเลือกอยู่นานมาก เนื่องจากไปไฟล์ทดึก กลัวคำร่ำลือในพันทิพย์ที่ว่าโรงแรมที่จองแล้วมีรถมารับมักจะไม่มา จนกระทั่งมั่นใจว่าที่ APT Guesthouse มีความเป็นไปได้ที่สุดที่จะมีรถมารับ ก็เลยจองแบบไม่ต้องเสียมัดจำไป 3 คืน หลังจากมีเมล์โต้ตอบกันอีก 2-3 ครั้ง ก็เรียบร้อย

ถึงเวลาออกบินมุ่งสู่ฮานอย เวียดนามกันเลย เมื่อถึงสนามบินนอยไบเรียบร้อย ก็ยังใจตุ๊มๆต่อมๆว่าจะมีรถมารับรึเปล่านะ เนื่องจากไม่ได้มัดจำไป จนกระทั่งเห็นป้ายชื่อเราก็ค่อยสบายใจว่ามีคนมารับจริงๆ แต่ก็ขอเวลาเค้าแป๊บ รีบวิ่งไป information เพื่อขอแผนที่ที่ฮานอยจะได้สะดวกกับการเดินเที่ยว

หลังจากขึ้นแท็กซี่แล้วพบว่าเค้าไม่เปิดแอร์ เปิดหน้าตาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อากาศก็หนาวเย็นจับใจแล้ว พอดูป้ายที่บอกอุณหภูมิข้างทางก็ตกใจว่าอุณหภูมิตอนนี้ 9 องศาง่ะ หนาวๆๆ หลังถึงที่พักขนสัมภาระ และเช็คอินเรียบร้อย ก็เดินขึ้นไปอีก 3 ชั้น แฮ่กๆๆๆ ลิฟท์ไม่มีแถมบันไดยังแคบอีกด้วยแต่ยังดีที่ห้อง + ห้องน้ำของเราดูสะอาดเกินราคาแฮะ

ว่าแล้วก็ต้องเตรียมตัวออกไปเดินเล่นซักหน่อยถึงแม้จะมืดแล้วก็เถอะ หลังแต่งตัวกันหนาวกันเต็มที่ ก็ออกไปเดินเที่ยวกัน โดยทางโรงแรมก็มีแผนที่แจกให้แต่สู้แผนที่ที่เอามาจากสนามบินไม่ได้ การเดินในช่วงแรกๆยังดูงงๆ ยิ่งเป็นตอนกลางคืนด้วยแล้วทำให้จำทางยากพอสมควร

ที่เวียดนามกลางคืนไม่ค่อยจะมีอะไรขายเท่าไหร่ แถมคนยังน้อยอีกด้วย ไม่รู้ว่าเพราะอยู่ในเทศกาลรึเปล่า คนเลยไปเที่ยวกันหมด แต่เมื่อมองนาฬิกาก็พบว่าดึกมากๆแล้วเลยเดินกลับมาที่โรงแรมดีกว่า จากนั้นก็พักผ่อนหลับเป็นตายเลยเชียว แค่เปิดหน้าต่างแง้มๆไว้ก็เหมือนเปิดแอร์เลยครับ Smiley

เช้าวันต่อมาตอนแรกกะว่าจะไปเที่ยวที่อื่นกันแต่ทัวร์ก็หยุดกันหมด เลยเปลี่ยนแผนเดินเที่ยวในฮานอยแล้วกัน (วันนี้เลยตื่นสายเลย) ทำให้ไม่ได้กินอาหารเช้าที่โรงแรมจัดให้ เลยเดินไปกินอีกโรงแรมที่ใกล้ๆกัน เห็นเขียนหน้าร้านว่าชุดละ 3 เหรียญยูเอสเราก็ว่าแพงแล้วนะ ตอนจ่ายตังมันกลายเป็น 7 ยูเอสไปได้ยังงาย เค้าบอกว่าหน้าเทศกาลของมันแพงซะงั้นอะ โดนจนได้ขนาดร้านใหญ่ๆนะ แถมติดราคาที่หน้าร้านเลยนะเนี่ย แต่ร้านข้างทางกลับไม่เป็น ใช้วิธียกเงินให้เราดูว่าราคาเท่าไหร่

เอาเถอะๆด้วยความผิดพลาดของเราเองที่ไม่ถามให้ดีซะก่อน หลังจากทำใจกันแล้ว ก็ตัดสินใจเดินไปที่ทะเลสาบคืนดาบที่เป็นไฮไลท์ของเรากัน เนื่องจากมีสาวๆไปด้วยหลายคน กว่าจะเดินกันไปได้ก็ออกแนวสโลโมชั่น (แอบแขวะๆ) แวะดูร้านนู้นร้านนี้กันตลอดทาง และแล้วในที่สุดก็มาถึงวัดหงอกเซินที่อยู่ที่ทะเลสาบคืนดาบ

เราจะเห็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นกันตั้งแต่ไกลนั่นคือ สะพานพระอาทิตย์หรือสะพานแดง เราแวะเข้าไปชมภายในวัดหงอกเซิน เสียค่าเข้าชมคนละ 2000 ด่องเท่านั้น ข้างในจะมีเต่าสตาฟท์ ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของทะเลสาบแห่งนี้ จากนั้นเราเดินไปที่อนุสาวรีย์ ลี้ไท้โต ผู้ที่นำดาบมาคืน ผ่านเจดีย์เต่าที่อยู่กลางทะเลสาบ ทำให้รู้สึกว่าเมืองฮานอยเหมือนเมืองในประเทศจีนซะมากกว่า จากบ้านเรือนเกือบทุกหลังที่ประดับประดาด้วยต้นส้มหรือต้นท้อในเทศกาล TET และตัวบ้านที่ดูแนวจีนๆ

จากนั้นก็แวะซื้อกระเป๋าเดินทางที่ว่ากันว่าถูกมากๆ แต่เราไม่เอาเพราะมีเยอะแล้ว แล้วไปต่อที่ที่ทำการไปรษณีย์ ซื้อโปสการ์ดส่งให้เพื่อนๆด้วยความคิดถึง ในตอนแรกว่าจะซื้อตั๋วสำหรับชมหุ่นกระบอกน้ำที่เป็นไฮไลท์อีกอย่าง แต่ปรากฏว่าตั๋วหมดยาวจนถึงวันที่เรากลับเลย เลยทำให้คิดว่าต้องกลับไปเก็บตกอีกซักครั้ง (อดดูง่ะ)

จากอากาศที่เย็นมากๆทำให้เรารู้สึกไม่สบาย ก็เลยขอเพื่อนแยกตัวไปสลีปซักงีบ ส่วนเพื่อนๆก็ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ และวัดเจดีย์เสาเดียวที่อยู่อีกด้านของเมือง (ทำให้คิดว่ายังไงคงต้องกลับไปอีกเพราะพลาดเยอะมากๆ) Smiley ตกดึกก็แวะกินเฝอที่ร้านเฝอ 24 ชั่วโมงที่เป็นร้านขึ้นชื่อ ตามความคิดเราข้างทางอร่อยกว่าเยอะเลย (เพราะผงชูรสเยอะกว่า 5555) เมื่ออิ่มแล้วก็ไปเดินตลาดดองซวน ซื้อเสบียงไว้ตอนกลางคืนแล้วรีบนอน เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องไปวันเดย์ทริปที่ฮาลองเบย์ เดี๋ยวป่วยแล้วจะเที่ยวไม่สนุก

วันที่ 3 วันนี้ตื่นเช้ามาก 7 โมง ก็กะว่ารถจะมารับเร็ว ที่ไหนได้โรงแรมยังไม่เปิดประตูเลย ต้องไปปลุกคนเฝ้าเพื่อมาทำอาหารเช้าอีกต่างหาก หลังกินเสร็จกว่ารถตู้จะมารับพวกเราก็ปาเข้าไป 8.30 น. ก่อนจะวนรับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆอีกจนเต็มรถ (แน่นมากๆ) หลังจากนั้นไกด์ก็อธิบายไปเรื่อย ส่วนเราหลับ เหอๆๆๆๆ

ใช้เวลายาวนานกว่า 3 ชั่วโมงก็มาถึงฮาลองเบย์ ที่นี่ชาวต่างชาติเยอะมากๆ มีทั้งทัวร์วันเดียวแบบพวกเรา ทัวร์ค้างที่นี่ 1 คืน และทัวร์ค้างที่เกาะ cat ba หลังจากไกด์ไปซื้อตั๋วเรือเรียบร้อยแล้วก็ลงเรือกันเลย เรือค่อยๆออกจากท่าซึ่งเราจะเห็นเรือจำนวนมากค่อยๆทยอยกันออกมา หลังจากล่องเรือชมทะเลหมอก 5555 หมอกเยอะมากครับเนื่องจากอากาศเย็น ก็มาถึงถ้ำเด๋าไก๋ ภายในจะมีหินงอกหินย้อยเป็นรูปต่างๆแต่เราไม่ค่อยประทับใจเลยเพราะมีการประดับไฟเป็นสีๆ ส่วนไกด์ก็เดินหายไปเลย เลยไม่รู้เรื่องเลยว่าหินก้อนไหนเหมือนอะไร

หลังจากกลับมาที่เรือ ก็ล่องชมความงามของธรรมชาติไปเรื่อยๆ มาแวะหยุดพักที่แพปลาเพื่อกินข้าวกลางวันซึ่งอร่อยมาก เคยได้ยินหลายๆคนบ่นแต่เราว่าอร่อยทีเดียว ก่อนจะวนกลับให้เราได้นั่งเรือรอดถ้ำชมธรรมชาติแบบใกล้ชิดในราคา 7 คน 20 ยูเอส และได้เห็นโรงเรียนกลางทะเลสำหรับชาวประมงที่มาทำกระชังในทะเลด้วย ชาวประมงที่นี่จะเลี้ยงปลาในกระชังพร้อมทั้งอาศัยอยู่บนแพ ทำให้ไปไหนไม่ได้เลย เลยต้องมีโรงเรียนมาตั้งใกล้ๆแทน จากนั้นก็กลับสู่ท่าเรือและนั่งรถตู้กลับมาที่ฮานอย เราก็หลับตลอดทางเหมือนขาไปแต่คนน้อยลงเยอะนั่งกันสบายเลย

หลังกลับมาถึงฮานอยแวะพักผ่อนในโรงแรมซักพัก แล้วค่อยไปเดินหาของกินข้างทางกัน มีอาหารอร่อยๆหลายชนิดเลย ราคาก็ค่อนข้างแพงนะสำหรับความคิดเรา ได้ไปกินขนมคล้ายๆปากหม้ออร่อยดีจานละ 2000 ด่อง คนเยอะมากด้วย มีน้ำแกงที่ใส่หมูยอช่วยให้คล่องปาก จากนั้นไปกินข้าวมันไก่รสชาติแปลกๆ ไม่อร่อยอะ เหมือนใส่มันสำปะหลังลงไปผสมกับข้าวด้วย หลังกินอิ่มแล้วก็เดินเล่นกันอีกซักพักแล้วกลับเข้านอน

วันสุดท้ายตื่นลงมากินข้าวแล้วเก็บข้าวของลงมาฝากไว้ข้างล่าง เช็คเอาท์และฝากให้เรียกแท็กซี่ให้ ราคาขากลับ 17 ยูเอสแน่ะ แต่เนื่องจากบริการดีเราเลยโอเคไป ก่อนพาสาวๆไปช้อปปิ้งอีกรอบ จนได้เวลาก็ขึ้นรถ และต่อเครื่องกลับบ้าน กลับมาแทบจะไม่สบายกัน แถมอาทิตย์หน้ายังต้องไปเกาหลีที่เย็นเฉียบกว่าอีก ไว้เจอกันอีกทีกับทริปเกาหลีครับ



มาดูรูปกันดีกว่าเริ่มด้วยสมาชิก ขาดไป 2 ก็คนที่ถ่ายรูปกับน้องที่ไปเอาของที่ดิวตี้ฟรีจ้า



ต่อมารูปในห้องนอนที่ APT Guesthouse สะอาดมากๆ และถูกเมื่อเทียบกับราคา



รูปห้องน้ำครับ ก็สะอาดดีครับ เสียอย่างเดียวน้ำไม่ไหลบางครั้งต้องวิ่งลงไปตามเหนื่อยมากๆ แต่ก็เซอร์วิชดีครับ (ไอ้สี่เหลี่ยมใหญ่ๆอะ เครื่องทำน้ำร้อน ใหญ่มากๆ)



ของแถมประจำห้องสวยดีครับ



ออกมาเดินเล่นที่ตลาดดองซวน แต่มันปิดทุกวันที่ไปเลยครับ เพราะตรงกับงานเทศกาล TET หรือตรุษจีนบ้านเรานั่นเอง



อนุสาวรีย์ข้างตลาดดองซวน



ป้ายสถานีตำรวจที่เวียดนาม จะเห็นได้ทั่วไป




ต่อมาก็ตู้เอทีเอ็ม มีอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยจะเห็นคนใช้เยอะเท่าบ้านเรานะ



บรรยากาศบ้านเรือนที่ฮานอย คล้ายๆเมืองจีนเลยเนอะ แต่ไม่เคยไปจีนอะ 5555




ป้ายถนนครับ ทำได้ชัดดี มีแผนที่ก็เดินไม่หลงครับ




มาถึงอาหารเช้าที่สุดแสนจะเจ็บใจเพราะเป็นอันเดียวที่เสียค่าโง่ไป แพงมากๆ เท่าค่าห้องคืนนึงเลยครับ



ร้านสวยๆในฮานอย ซักแช๊ะ



สะพานแดง หรือสะพานพระอาทิตย์ สัญลักษณ์ของวัดหงอกเซิน



ตามด้วยวิวกว้างๆ ของวัดหงอกเซินกับทะเลสาบคืนดาบ



ป้ายไฮเทคหน้าวัดหงอกเซิน



อนุสาวรีย์หน้าวัดหงอกเซิน




อันนี้อะไรก็ไม่รู้ เหอๆๆๆๆ ในวัดหงอกเซิน



สะพานแดง แบบใกล้ๆ



รูปกระถางธูปภายในวัด วันนี้คนมาไหว้กันเยอะมาก ไม่รู้ว่าเยอะแบบนี้ทุกวันรึเปล่า



เจดีย์เต่า ณ ทะเลสาบคืนดาบ



อีกหนึ่งรูปสวยๆ ที่ไม่รู้ว่าถ่ายมาได้ยังไง แต่บางคนอาจจะไม่ชอบครับ



แก๊งค์หัวใจ เหอๆๆๆๆ



จากนั้นก็มารวมสหบาทา ขออภัยที่ไม่สุภาพ ฮี่ๆ



เด็กเวียดนามงง เจ๊นี่ มันเป็นอารายของมานว๊า



อนุสาวรีย์ หลี่ไท้โต ผู้คืนดาบให้กับเต่า ซึ่งเป็นเรื่องเล่าของที่นี่




ส่วนสาวน้อยเวียดนามนางนี้ กำลังหิวโซดูท่ากินเธอดิ อิๆ



สัญลักษณ์ของที่นี่ ธงแดงดาวเหลืองและรถมอร์เตอร์ไซค์



ตู้ไปรษณีย์สำหรับส่งความคิดถึงให้เพื่อน ทั้งๆที่อยู่แสนไกลครับ



พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ที่มีศพของลุงโฮอยู่ภายในแต่ไม่ได้เข้าไปชมเพราะมาเวลาไม่ดี



ส่วนมื้อดึกวันที่ 2 ก็เฝอครับ ที่ร้านเฝอ 24 ชั่วโมง อาหารฮอตฮิตที่เวียดนามแต่แพงชะมัด แถมไม่อร่อยด้วย



ส่วนอันนี้มื้อดึกครับ เป็นเสบียงไว้ค่ำๆ เพราะไม่มีเซเว่นเหมือนบ้านเรา



วันถัดมา เรามาที่อ่าวฮาลอง สัญลักษณ์ของที่นี่ก็คือเรือจำนวนมากแบบนี้ครับ



ออกจากท่าเรือกันแล้วครับ




บรรยากาศสวยๆที่ฮาลองเบย์



เรือจำนวนมากเวลาออกพร้อมกัน จะได้วิวสวยๆครับ



ที่นี่จะมีนกอินทรี เยอะมากๆ กำลังทำมาหากินกันเต็มที่ (จับปลาจ้า)



หินก้อนนี้รูปสุนัข เหมือนมั๊ยครับ



จากนั้นก็จอดเรือทานข้าวกัน กับบรรยากาศที่ฮาลอง



เรือขายผลไม้ของน้องๆ แต่แพงมากๆ เลยไม่ได้อุดหนุน




เด็กน้อยน่ารักที่ไม่ร้องไห้ซักแอะให้ได้ยินเลย น่าเอามาเป็นลูกจริงๆ เลี้ยงง่ายแถมน่ารักอีกต่างหาก (นั่งกินกล้วยเองซะด้วย)



ส่วนรูปนี้เขาพิงกัน เหมือนเคยเล่นมุขนี้ที่ไหนน๊า




บรรยากาศรอบๆ มีบ้านเรือนของคนที่มาอาศัยอยู่กลางทะเล ทำอาชีพเลี้ยงปลาในกระชัง



ส่วนอันนี้หินพ่อไก่กับแม่ไก่




อันนี้รูปปลาวาฬรึเปล่าน๊า (จินตนาการกันเข้าไป)




และจบด้วยรูปเรือที่ท่าเรือครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม ไว้เจอกันทริปหน้า







 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2555 3:02:52 น.
Counter : 992 Pageviews.  


jiwyeefun
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฟังเพลง
Friends' blogs
[Add jiwyeefun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.