ตะลุยไปเรื่อย....กับนายจิวยี่
Group Blog
 
All Blogs
 
หลงเสน่ห์ในญี่ปุ่นอีกครั้ง กับญี่ปุ่นหน้าหนาว โอซาก้า เกียวโต นารา

สวัสดีครับพี่ๆเพื่อนๆทุกคนที่ติดตาม หรืออาจจะพึ่งผ่านเข้ามาอ่านกัน วันนี้ผมจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่นในหน้าหนาวกันครับ แต่ในความเป็นจริงก็คงจะไม่หนาวซักเท่าไหร่เพราะโอซาก้าจะอยู่ทางตอนกลางค่อนมาทางด้านล่างของประเทศญี่ปุ่น

สำหรับทริปนี้บังเอิญได้ตั๋วถูก (ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่) จากสายการบินแอร์เอเชียเช่นเคยในราคา 10870 บาทถ้วน ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือชวนใครดันไม่มีใครไปด้วยนี่อะสิ

การจองไฟต์สำหรับบินในครั้งนี้อาจจะยุ่งยากไปซักหน่อย เพราะต้องบินอ้อมไปกัวลาลัมเปอร์เพื่อต่อเครื่อง นั่นทำให้เราเสียเวลาไปแล้วถึง 1 วัน และต้องเสียค่าโรงแรม 1 คืนฟรีด้วย รวมไปถึงการโหลดกระเป๋า ทำให้รวมๆแล้วแทบจะเท่าสายการบินปรกติเลยทีเดียว ประมาณ 15000 บาท แต่เอานะไหนๆก็หลวมตัวจองไปแล้วก็ต้องบินล่ะครับ

สำหรับการขอวีซ่าก็ไม่ยุ่งยากอะไรเพราะขอเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ก็ผ่านตามปรกติครับ แต่สำหรับทริปนี้มามีปัญหาอีกอย่างก็คือการจองโรงแรมนั้นเอง
มีปัญหาเพราะใจร้อนรีบจองไม่ได้ดูทำให้มีปัญหาไม่คอนเฟิร์มห้อง 2 วัน แถมกั๊กวงเงินในบัตรที่มีอยู่น้อยนิดของเราซะด้วย ที่นี้ก็เลยมีปัญหากลัวมันมาเก็บตังไปฟรีๆเลยต้องเสียเวลาคุยเมล์กับเว็ปจองโรงแรมอยู่พักนึง แถมห้องพักที่ต้องการราคาก็เด้งกลับไปแพงซะแว้ว

แต่แน่นอนว่าโชคดีก็เป็นของเราเพราะโรงแรม 5 ดาวมามีลดราคาใกล้ๆก่อนจะเดินทางพอดี แต่ข้อเสียก็มีคือต้องย้ายโรงแรมถึง 4 โรงแรมด้วยกัน ทำให้ส่วนหนึ่งจึงกลายเป็นรีวิวโรงแรมไปด้วย หลังหมดปัญหาก็มาจัดเวลาเดินทางกันดีกว่า

เริ่มต้นก็ค่อยๆเก็บข้อมูลจากคนที่เคยไปมาก่อนพบว่าเราสามารถนั่งรถไฟไปเที่ยวจากโอซาก้าได้ง่ายหลายเมือง ได้แก่ เกียวโต นารา วากายาม่า โกเบ แต่เราตัดสินใจว่าจะไปเกียวโต และนารา ซึ่งเป็นมีประวัติศาตร์มากมาย และมีวัดที่เป็น world heritage จึงได้ทริปออกมาเป็นดังนี้ เกียวโต 2 วัน นารา 1 วัน และโอซาก้า 4 วัน

ซึ่งเราก็ต้องพยายามบริหารเวลาให้ลงล็อก ถึงแม้จะนอนเกียวโตแค่คืนเดียวที่เหลือนอนโอซาก้าก็ตาม เพราะมีการเปลี่ยนโรงแรมบ่อย USJ ต้องพยายามไปวันธรรมดาเพราะคนเยอะ และไคยุคัง (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ) ก็ดันมาปิดบางวันในช่วงที่ไปอีก

แต่สุดท้ายก็ลงตัว เอาล่ะเรามาออกเดินทางกันเลยดีกว่าครับ วันแรกเราออกจากสุวรรณภูมิเกือบไปแปดโมง ไปเสียเวลาต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์อีก 3ชั่วโมง กว่าจะเดินทางถึงสนามบินคันไซก็หมดวันพอดี คือไปถึงเวลา 21.30น. เวลาที่ญี่ปุ่นที่เร็วกว่าบ้านเรา 2 ชั่วโมง กว่าจะฝ่าด่านตม.ออกมาก็ 4 ทุ่มกว่าแล้วเลยต้องรีบวิ่งไปหาเคาเตอร์ขายพาส (บัตรสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อความประหยัดในการท่องเที่ยว)

พอเราไปถึงก็ไปต่อคิว คนก่อนหน้าเหมือนไม่ได้เตรียมข้อมูลอะไรมาเลยก็เลยค่อนข้างช้า เพราะเสียเวลาสอบถามข้อมูลด้วย พอถึงตาเราก็แจ้งบัตรที่ต้องการซื้ออย่างเดียวก็เรียบร้อยครับ เท่ากับทริปนี้จ่ายค่าเดินทางค่าเข้าหลักๆไปเกือบหมดแล้ว (แต่กระเป๋าก็ฟีบลงอย่างรวดเร็วครับ 5555) และหลักจากผมแล้วก็มีอีกคนเข้าไปสอบถามจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ปิดเคาเตอร์ไปเรียบร้อยครับ ยังคิดว่าถ้าผมไปช้าอีก 15 นาทีคงแห้วแน่ๆ เพราะวางแผนจะซื้อพาสต่างๆที่สนามบินอยู่แล้ว ไม่รู้ว่ามีขายในศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวรึเปล่า

บัตรพาสที่ซื้อมาประกอบกับแผนการมีดังนี้ครับ 1.บัตรคันไซพาส 3 วัน 5000 เยน 2.บัตรวันเดย์พาสใช้ในโอซาก้า 2000 เยน 3.บัตรไคยุคังวันเดย์พาส สำหรับเข้าไคยุคังและใช้รถไฟใต้ดินในโอซาก้าได้ใน 1 วัน 2400 เยน 4.บัตรเข้ายูนิเวอร์แซลเจแปน (USJ) 6200 เยน (แล้วจะค่อยๆแจกแจงทีหลังว่าบัตรแต่ละอย่างดียังไงประกอบในวันที่ใช้เดินทางครับ)

สำหรับวันแรกเข้าโรงแรมพักผ่อนอย่างเดียว ซื้อตั๋วธรรมดารถไฟสายนันไค 890 เยน เข้าสู่โอซาก้าที่สถานีนัมบะ และรถไฟใต้ดินจากนัมบะไปสถานีอุเมดะ (ทั้งนัมบะและอุเมดะเป็นย่านกลางเมืองทั้งคู่ ถ้ารถไฟสายเจอาร์จะเรียกสถานีแถวอุเมดะว่าสถานีโอซาก้าครับ) จากการไปเที่ยวญี่ปุ่นคราวที่แล้ว การเดินทางโดยรถไฟและรถไฟใต้ดินสะดวกมากครับ ทำให้เราคิดผิดพลาดบางอย่างไป

นั่นคือแต่ละสถานีทีมีรถไฟสายสีต่างๆต่อกันจะค่อนข้างเดินไกลครับ โดยเฉพาะสถานีนัมบะ และอุเมดะ ที่มีรถไฟและรถไฟใต้ดินหลายสาย แต่ละสายจะมีสถานีของตัวเองอยู่ใกล้กัน (แต่ใกล้กันก็เดินไกลพอสมควร) ประกอบกับอากาศหนาวมากที่ 4 องศาเซลเซียสต้องทั้งลากกระเป๋าแบกเป้ หลงทาง แถมมืดรถไฟใต้ดินก็จะหมด คนก็ไม่ค่อยมี แต่สุดท้ายก็คลำทางจนถึงโรงแรมได้ (โรงแรมก็ดันหลบมุมหายากอีกเหอๆๆๆ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด) โดยโรงแรมที่เราพัก 2 คืนแรกก็คือโรงแรม Hearton Nishi Umeda Hotel ติดกับสถานีเจอาร์โอซาก้าเลยครับ

ที่นี่ราคาค่อนข้างสูงพอๆกับโรงแรม 5 ดาวเลยครับ ภายในห้องก็ดีทุกอย่างครับเสียแต่ห้องเป็นแบบ semi-double คือห้องเล็กเตียงเล็ก แต่โชคดีได้ราคาที่ถูกพอประมาณก็เลยจองไป ไม่แนะนำสำหรับคนที่จองราคาปรกติครับ คืนแรกในโอซาก้าก็หลับสนิทครับ เพราะถึงแม้จะหลับบนเครื่องแล้ว มันก็ไม่ได้ช่วยให้หายเหนื่อยเลยครับ แต่ก่อนนอนก็แวะออกไปเซเว่นเพื่อหาอะไรกินรองท้องก่อนนอน

เช้าวันที่ 2 เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดา ไม่ต้องย้ายที่พักและอยู่ติดสถานีเจอาร์โอซาก้าพอดีเราก็เลยเลือกวันนี้เป็นวันที่ไปยูนิเวอร์แซลเจแปนครับ เพราะการเดินทางไปยูนิเวอร์แซลเจแปนต้องไปลงสถานีเจอาร์ยูนิเวอร์ซิตี้เพียงทางเดียวครับ โดยเราออกจากโรงแรมไม่เช้านักประมาณ 9.30 น.เนื่องจากในหน้าหนาว USJ เปิดและปิดค่อนข้างเร็วครับ คือ 10 โมงเช้า - 5 โมงเย็นเท่านั้น

ก่อนเดินทางถึงสถานีเจอาร์โอซาก้าเราก็แวะซื้อข้าวกล่องและน้ำใส่เป้ไปเพื่อทานกลางวันครับ (สามารถนำเข้าได้ไม่ตรวจครับ ภายในอาหารค่อนข้างแพง) ออกจากเจอาร์โอซาก้า ต้องเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Nishikujo ก่อนถึงสถานียูนิเวอร์ซิตี้ ในราคา 170 เยน โดยรถไฟสาย Nishikujo ที่จะไป USJ เป็นลายการ์ตูนมาร์เวล ตัวการ์ตูนดังๆที่ทุกคนน่าจะรู้จักก็คือสไปเดอร์แมนนั่นเองครับ

ออกจากสถานีรถไฟก็จะเห็น USJ ได้ไกลๆจากรางรถไฟเหาะครับ ทางที่เดินไปก้จะเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายของที่ยั่วยวนให้หลงทางซะแล้ว แต่เราก้มุ่งมั่นที่จะเล่นเครื่องแล้ว เลยมุ่งตรงเข้า USJ กันเลย (จริงๆไม่มีตัง ) เนื่องจากเราซื้อบัตรไว้ก่อนแล้ว หลังจากแวะถ่ายสัญลักษณ์ประจำ US แล้ว (ลูกโลกนั่นเอง) ก็สามารถผ่านประตูได้เลยครับไม่ต้องไปต่อแถวซื้อบัตรอีก

เมื่อเข้ามาแล้วดีใจมากๆที่ตัดสินใจถูกเลือกมา USJ เพราะคนน้อยมากๆครับ ต่อเล่นเครื่องเล่นแต่ละเครื่องไม่ถึง 15 นาที จากปรกติที่ได้ยินมาว่าไม่ต่ำกว่า 30 นาที บางเครื่องต่อกัน 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว เครื่องเล่นแรกที่เราตัดสินใจเล่นก็คือ ไฮไลท์ของที่นี่ครับ สไปเดอร์แมน บางคนเค้าบอกว่าไม่อยากเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไง แต่ผมคิดว่าเล่าไปแล้วไปเล่นก็สนุกเหมือนเดิมล่ะครับ

ภายในระหว่างที่ต่อแถวจะจำลองเป็นห้องสำนักข่าวหนังสือพิมพ์ที่สไปเดอร์แมนทำงานแล้วมีฉายการ์ตูนเนื้อเรื่องย่อยๆฆ่าเวลาตอนต่อแถวเพื่อไม่ให้เบื่อ จะบอกว่าแถวข้างในยาวมากๆ แต่ตอนผมไปข้ามไปเยอะครับ ถ้าเห็นแล้วจะตกใจมากๆครับ สำหรับเครื่องเล่นก็เป็น 4 มิติครับมีแว่นตา 3 มิติให้ใส่ด้วยแนะนำให้นั่งหน้าสุดครับ ผมโชคดีได้นั่งหน้าสุดสนุกมากๆ เหมือนเรานั่งยานแล้วจะมีศัตรูมาทำร้ายเรา แล้วสไปร์เดอร์แมนก็มาคอยช่วยและจับคนร้ายได้หมด มันส์มากๆสมกับเป็นเครื่องเล่นไฮไลต์เลยทีเดียว เสียดายอย่างเดียวคือพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นเลยฟังไม่ออกครับ และทุกเครื่องเล่นเป็นแบบนี้ครับ

ออกมาแล้วเราก็เดินต่อไปเครื่องเล่นถัดไปคือ Back to the future ก็เป็นเครื่องเล่นสไตล์เดียวกับสไปเดอร์แมน แต่กร่อยกว่าเยอะครับเพราะเป็นสองมิติเนื้อเรื่องจะเป็นเราไล่จับผู้ร้ายที่ขโมยรถที่สามารถไปได้ทั้งอดีตและอนาคต ก็เลยขับตามจับไปยังยุคต่างๆ ก็สนุกดีครับ ถ้าไม่ได้เล่นสไปเดอร์แมนมาก่อน หุๆๆๆๆ

หลังเล่นเสร็จ 2 เครื่องเล่นเราก็พักกินข้าวกันเพราะเครื่องเล่นมันกระแทกทำให้ท้องว่างๆของเรารู้สึกอยากอาเจียร หลังหม่ำเสร็จเราก้ไปเล่นเครื่องเล่นไฮไลต์อีกอย่างนั่นคือจูลาสิคปาร์ค ที่นี่ต้องฝากกระเป๋าและต้องซื้อเสื้อกันฝนสำหรับกันเปียกด้วย เสียดายตังมากๆหมดไป 500 เยนแน่ะ ถ้ายังไงพกเสื้อกันฝนไปเองก็ดีครับ ถ้าไม่กลัวเรื่องอากาศหนาวผมคงลุยให้เปียกไปแล้ว เครื่องเล่นอันนี้จะเป็นเหมือนนั่งเรือเข้าไปในจูราสิคปาร์ค จะมีไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ และไฮไลต์ก็คือ โครม เปียก ^^ อุบไว้ไปเล่นเองก็แล้วกันนะครับ

ต่อจากนั้นก็ว่าจะไปเล่นจอว์สต่อ แต่ขณะต่อแถวรู้สึกว่าเครื่องเล่นจะเสียเค้าเลยแจกคูปองเอ็กซ์เพลสให้ไว้กลับมาเล่นจะได้เล่นก่อน เราดูเวลาแล้วก็ได้เวลาโชว์ของวอเตอร์เวิล์ดพอดี โชว์วอเตอร์เวิล์ดมันส์มากๆทั้งแอ็คชั่น ทั้งเอฟเฟค ใครถือกล้องต้องจ้องจะถ่ายตลอดเวลา แต่ก็แทบจะไม่ได้ดูเนื้อเรื่องเลยทีเดียว ใครชอบเปียกเชิญนั่งหน้าเลยครับ ต้องดูเลยครับขอบอก

หลังจบโชว์เราก็เดินกลับไปที่จอว์สอีกครั้งก็เห็นเค้าเปิดตามปรกติเลยไปเล่น ไม่ต้องใช้คูปองเลยครับ รอไม่นานก็ได้เล่นแล้ว เนื้อเรื่องก็ประมาณเรานั่งเรือไปคนขับเรือ (ทั้งบรรยาย ทั้งแสดง) ก็ประมาณว่ามีฉลามจะมากินเรือของเราประมาณนั้น ลองเล่นดูครับ เหมือนไม่มีอะไรแต่สนุกดี ตอนแรกเข้าใจว่าคนขับเรือเก่งที่ไหนได้มันมีรางให้เรือล่องไปครับ อิๆๆๆ

หลังจากเล่นเครื่องเล่นจอว์สเสร็จก็ตั้งใจจะไปเล่นสนู๊ปปี้ แต่ปรากฏว่าปิดวันที่ไปก็มีปิดเครื่องเล่นบางอัน รถไฟเหาะก็ปิดแต่ตั้งใจจะไม่ขึ้นอยู่แล้วอะครับ (กลัว ) เราก็เลยไปต่อแถวรอชมการแสดง Monster live rock and roll show เป็นการแสดงร้องเพลงร็อคแอนด์โรลโดยผี 5 ตัว มีผีสุสาน ผีผู้หญิง วูล์ฟ แดร็กคิวล่า และแฟรงเกนสไตน์ โชว์นี้ก้อลังการดี ชอบที่แสงสวยๆหลากหลายสี

จบการแสดงโชว์เราก็ไปดู เทอร์มิเนเตอร์ 2D ต่อ อันนี้คนที่แสดงเป็นพนักงานบริษัทหุ่นยนต์ฮาดี แสดงเก่งด้วย เนื่อเรื่องเป็นแบบเราดูหนังเทอร์มิเตอร์พระเอกกับหุ่นยนต์ฝั่งดีเข้าไปทำลายบริษัทผลิตหุ่นยนต์ ชอบตรงที่มีคนเล่นเป็นพระเอกกับหุ่นยนต์ด้วยตัดสลับคนจริงกับหนังได้เนียนมากๆ สนุก แนะนำห้ามพลาด

เมื่ออกมาก็เริ่มเย็นแล้ว ตอนแรกว่าจะเข้าไปเล่นสเปรซแฟนตาซี แต่ต้องฝากกระเป๋าประกอบไม่อยากเล่นอะไรที่หวาดเสียวก็เลยพลาดไป สุดท้ายก็กะว่าจะออกแล้วเพราะจะห้าโมงเย็นแล้ว ก็เห็นมีการแสดง sesame street 4-d ก็เลยไปเข้าแถวแถวดันอยู่ด้านนอกอีกเลยยืนตัวสั่นรอ อันนี้ก็สนุกดี แต่ส่วนใหญ่คนดูก็เป็นเด็กเล็กๆทั้งนั้น อันนี้เฉยๆ ใจจริงอยากดูเชร็คมากกว่า ฉายที่เดียวกันแต่คนละเวลา สรุปอดเล่นเครื่องเล่น 2 อย่าง กับโชว์ 4 โชว์ ก็คุ้มกับค่าเข้าดีครับ

พอออกมาก็มืดพอดีเลยแวะถ่ายรูปด้านหน้าอีกทีก่อนจะเดินทางกลับเส้นทางเดิมมาหาอะไรกินแถวๆที่พักเป็นข้าวกับหมูทอด จากนั้นก็พักผ่อนครับ หมดวันที่ 2

เช้าวันที่ 3 วันนี้เราจะย้ายโรงแรมกัน วันนี้เราเลยออกจากโรงแรมสายหน่อยประมาณ 10 โมง อากาศหนาวๆทำให้ตื่นสาย แต่จากโปรแกรมของเราที่ตั้งไว้ชิลๆก้เลยไม่ได้ซีเรียสอะไรเท่าไหร่ หลังจากย้ายโรงแรมและฝากกระเป๋าแล้วก็หาอะไรกินก่อน โดยร้านอาหารที่เรากินก็อยู่ภายในโรงแรม ชื่อร้าน เมนูที่สั่งก็คือชุดข้าวหน้าปลาไหล หลังรอไม่นาน ก็ได้ข้าวหน้าปลาไหลหน้าตาน่าทานพร้อมซุป และเต้าหู้เย็นแก้เลี่ยน ไม่อยากบอกว่าอร่อยมากจริงๆ พอเดินผ่านทีไรก็อยากแวะเข้าไปกินอีก

เมื่ออิ่มแล้วเราก็เดินทางต่อ โดยเป้าหมายวันนี้ของเราก็คือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยุคัง โดยใช้บัตรไคยุคังพาสที่สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าไม่รวม JR ได้ทั้งวัน และสามารถเข้าไคยุคังได้ฟรีด้วย (จริงๆก็ไม่ฟรีครับ เพราะค่าเข้าก็รวมอยู่ในบัตรแล้วนั่นเอง)

วิธีการไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยุคังก็ไม่ยากครับ ให้จับรถไฟฟ้าจากที่พักตรงไหนก็ได้มุ่งหน้าสถานีโอซาก้าโค หลังออกจากสถานีก็แค่เดินตามป้ายที่บอกทางเป็นระยะๆ ก็ถึงไคยุคังได้อย่างง่ายได้ครับ โดยระหว่างทางเราจะเดินผ่าน ชิงช้าสวรรค์ Tempozan ด้วย

หลังจากเราเข้าไปในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเรียบร้อย ลักษณะภายในก็จะเป็นบันไดเลื่อนยาวๆขึ้นไปบนสุด และค่อยๆเดินตามทางลงมา โดยจะมีแทงค์ใหญ่ตรงกลางที่มีพระเอกของไคยุคังแหวกว่ายอยู่นั่นก้คือเจ้าฉลามวาฬนั่นเอง รวมถึงปลาฉลามอื่นๆ ทั้งฉลามหัวฆ้อน ฉลามทราย และปลากระเบนต่างๆ โดยที่นี่จะมี RING OF FIRE เป็นธีมในการจัดแสดง โดยแทงค์รอบๆก็จะเป็นปลา และนกเพนกวินแบบต่างๆ

สัตว์เจ้าเสน่ห์ที่นี่อีกอย่างนั่นก็คือ ปลาโลมาขาว ซึ่งสวยมากๆ ขี้เล่นอีกต่างหากว่ายน้ำได้เร็วมากๆ จับภาพแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว ในแทงค์ที่รวมปลาทะเลสีสันก็สดใสจัดแสงได้สวยมากๆ นั่งมองเพลินๆได้นานทีเดียว ในส่วนของชั้นล่างๆก็จะมีจัดแสดงปู ดอกไม้ทะเล และแมงกระพรุนสีสวยอีกด้วย เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงอย่างอิ่มเอมกับความสวยงามและน่ารักของสัตว์ต่างๆภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยุคังอย่างเต็มที่

หลังจากนั้นก็บ่ายโมงกว่าๆพอดี ก็เลยกะว่าไปเดินในย่าน Dotonbori และ shinsaibashi ซึ่งเป็นย่านช็อปปิ้งมีร้ายขายของมากมาย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และร้านอาหารต่างๆ เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกๆที่มาอยู่แถวนี้ก็เลยยังไม่ได้ซื้ออะไรแค่เช็คของเช็คราคาก่อน ก่อนปิดท้ายด้วยการไปกินข้าวหน้าเนื้อชามใหญ่ใส่ไข่ดิบรสชาติดี แล้วแวะซื้อของกินเล่นติดไม้ติดมือกลับกินที่โรงแรมและพักผ่อน ที่โรงแรม Sheraton miyako hotel

มาถึงวันที่ 4 กันครับ วันนี้ผมจะใช้บัตร kansai 3 days pass ที่สามารถใช้รถไฟภายในเขตคันไซได้เกือบทุกสาย ยกเว้นสาย JR และบางสายเท่านั้น นอกจากนั้นยังสามารถใช้โดยไม่ต้องติดต่อวันกันอีกด้วย

เป้าหมายของเราในวันนี้คือ เมืองนารา เมืองนี้มีจุดเด่นที่สำคัญคือเจ้าพวกเหล่ากวาง ซึ่งเมืองนี้จะให้อิสระกับกวางได้อาศัยปะปนอยู่ภายในเมืองด้วย การเดินทางของเราเริ่มต้นโดยการออกจากสถานีรถไฟ โดยใช้รถไฟสายคินเทสสึ ไปลงที่สถานีคินเทสสึนารา ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

เมื่อถึงสถานีรถไฟที่นาราแล้ว เราก็ออกมาหาอะไรกินกันโดยเลี้ยวเข้าย่านชุมชนกันก่อน แต่ร้านอหารส่วนใหญ่ยังไม่เปิด ถึงแม้จะเป็นเวลาประมาณ 10 โมงกว่าแล้วก็ตาม ดังนั้นเราเลยเลือกทานร้านข้าวห่อไข่เพื่อเปลี่ยนรสชาติกันบ้าง อาหารของผมมื้อนี้เลือกเป็นข้าวห่อไข่กับคร็อกเก้ ออกจะเลี่ยนนิดๆ แต่ก็อร่อยมากทีเดียว ร้านนี้ตกแต่งด้วยสีส้มสดใส พร้อมกับเปิดเพลงคลอไปด้วยช่วยสร้างบรรยากาศให้การทานอาหารได้อร่อยยิ่งขึ้น

พออิ่มกันเรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งตรงสู่เป้าหมายของเราวันนี้ วัดโทไดจิ ระหว่างทางที่เดินไปจะเห็นกวางเดิน เล็มหญ้า นั่ง แล้วก็นอนอยู่เต็มไปหมด เสมือนกับเราอยู่ในสวนสัตว์เลยทีเดียว แต่ต่างกันตรงที่เหมือนเราเป็นสัตว์ในกรงให้กวางมันมองครับ เพราะกวางมันเยอะกว่าคนอีกครับ

พอเราเดินได้ซักพัก (ซักพักประมาณ 5 กิโลเมตร) ก็มาถึงทางเข้าวัด ที่ทางเข้ามีป้าย world heritage ซะด้วย เอาล่ะเราเดินกันด้วยความมั่นใจต่อเลย เดินไปได้ซักพักก็เจอวัด แต่เอ๊ะมันไม่เห็นเหมือนตัวอย่างที่เคยศึกษามาก่อนเลยคงไม่ใช่ที่นี่แน่ๆ หลังถ่ายรูปเสร็จเลยมุ่งหน้าต่อไปทางทางเดินที่มีอยู่ข้างหน้า แต่แล้วก็เอะใจว่าทางข้างหน้ามันเงียบๆไม่เห็นมีคนเดินผิดกับทางเดินที่ผ่านมา ประกอบกับ 2 ข้างทางมีต้นไม้รกๆ เลยตัดสินใจเดินย้อนกลับมาดูแผนที่ และแล้วๆๆๆก็ได้เข้าใจว่ามาผิดทาง

เมื่อรู้ทางแล้วก็เลยต้องเดินย้อนกลับมาจนเห็นร้านขายของมากมาย 2 ข้างทาง แสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว เพราะร้านรวงที่ญี่ปุ่นแบบนี้จะตั้งอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆเพื่อไว้ดูดเงินนักท่องเที่ยวครับ ขนาดผมเองเป็นคนไม่ชอบซื้อยังต้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะเดินผ่านมาถึงประตูทางเข้า

จากประตูทางเข้าต้องเดินเข้าไปอีกไม่ไกลมาก แถมยังมีกวางตัวใหญ่ตัวเล็กให้ดูและลูเล่นได้อีกต่างหาก แต่ขอโทษหากท่านอยากให้มันก้าวร้าวทำได้ไม่ยากเลยครับ เพียงซื้อขนมเซมเบ้เท่านั้นแหละมันวิ่งมาล้อมหน้าล้อมทำเอาคนร้องกรี๊ดๆๆ มาหลายคนแล้ว ขนาดเด็กร้องไห้จ้ายังมีเลยครับ

หลังผ่านเข้ามาชมตัววัดโทไดจิ ก็ได้เห็นความงามและขนาดของตัววัดที่ใหญ่มากๆ ภายในจะมีองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ทำด้วยทองเหลือง เมื่อรวมกับกลิ่นธูป แสงเทียน และบรรยากาศที่ค่อนข้างมืด ทำให้จิตใจรู้สึกสงบขึ้น หลังกลับออกมาและเล่นกัเจ้ากวางน้อยจนพอใจแล้วก็เดินย้อนกลับไปที่สถานีรถไฟเพื่อย้อนกลับมายังโอซาก้า พอมาถึงก็เย็นแล้วเลยกลับมากินข้าวย่านนัมบะที่ร้านเซ็นย่า ที่นี่อยากบอกว่าอาหารอร่อยมาก ทริปนี้กินที่ร้านนี้ถึง 3 มื้อเลย โดยมื้อนี้กินข้าวกับเนื้อสเต็กที่มีมายองเนสแนบมากับซุปด้วย หลังจากอิ่มก็เลยไปเดินเล่นที่ย่านดงโทโบริเหมือนเดิม ไปอ่านต่อวันที่ 5 กันตอนที่ 2 นะครับ แวะดูรูปกันก่อน

คืนแรกเราพักกันที่นี่ครับ



ด้านหน้าโรงแรม



ตัดที่วันถัดมากันเลย วันนี้ไปเที่ยว Universal studios japan ด้วยรถไฟขบวนนี้



ผ่านร้านทาโกยากิ



ร้ายขายของเล่น วันพีช Smiley



มาถึงด้านหน้าทางเข้ากันแล้วครับ



ใกล้จะมีการจัดงานครบรอบ 10 ปีพอดี



สัญลักษณ์ของ universal



เข้ามาก็เริ่มต้นด้วยเครื่องเล่นไฮไลท์สไปเดอร์แมน



ภายในทำเป็นห้องนักข่าวในเรื่องสไปเดอร์แมนด้วย



เล่นเสร็จก็ขอถ่ายซักรูปสนุกมาก



มาต่อที่เครื่องเล่น Back to the future



เดินเข้าสู่โซนจูลาสิคพาร์ค



ด้านหน้าเครื่องเล่น



มีรูปปั้นในเรื่องด้วย



ไดโนเสาร์ที่นี่ก็ดื่มโค้ก



หน้าร้านขายของทำซะสวยเชียว



มีรถสีสันสดใสเป็นที่ให้ถ่ายรูป



ล่นเสร็จก็ไปชมการแสดงที่โซนวอเตอร์เวิล์ด



ฉากอลังการมาก



นักแสดงเตรียมพร้อม



เริ่มแสดงแล้ว



มีเรือลำใหญ่มาพร้อมสายรุ้ง



พระเอกขับเจ็ตสกีหนีผู้ร้าย



ถังรั่วซะแล้ว



อลังการจริงๆ



ระเบิดตู้มต้ามพร้อมกับความร้อน



ในที่สุดผู้ร้ายก็แพ้



ปิดท้ายด้วยฉากระเบิดอีกรอบ



มันส์มากๆ



เดินไปโซนภาพยนตร์จอร์ส



บรรยากาศท่าเรือสวยงาม



เข้ามารอคิวขึ้นเรือ



ฉากทำเหมือนจริงมากๆ



ไม่รู้จะมีใครมาอยู่มั๊ย



ชมเสร็จก็เอาจอร์สมาแขวนซะ



มีเครื่องเล่นสนูปปี้ด้วย แต่ตอนที่ไปปิดบริการ



งั้นไปชมการแสดงมอนสเตอร์ร้องเพลงร็อคแอนด์โรลกันต่อ



ฉากดูน่ากลัวๆ



หลังจากนั้นก็ไปนั่งพักผ่อนที่ร้านอาหาร



ไปเดินต่อที่ร้านขายของ



เจอตัวการ์ตูนด้วย



ตึกสไตล์อเมริกัน



ปิดท้ายด้วยการชมการแสดง 4D



บรรยากาศยามอาทิตย์ตก สวยงาม



สัญลักษณ์ยามดึก



วันต่อมาแวะมากินข้าวที่ร้านนี้



ชุดเทมปุระ



ชุดข้าวหน้าปลาไหล



ถ่ายตอนกำลังหม่ำ



ระหว่างไปพิพิธภัณฑ์เจอชิงช้าสวรรค์



สีสันสดใสจนต้องถ่ายรูปด้วย



มาถึงแล้วด้านหน้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง



แดดดีจริงๆ



มีคำต้อนรับภาษาไทยด้วย



ฉลามวาฬ สัตว์ไฮไลท์ของที่นี่



อันนี้เป็นธีมของพิพิธภัณฑ์ครับ



เริ่มต้นก็เจอกับเป็ดสวยๆ ขอบตาดำเชียวสงสัยไม่ได้นอน Smiley



นากกำลังหลับ



แมวน้ำตัวหย่ายยยย



ปลาปักเป้า คงกำลังจ้องว่าตัวอะไรฟะ



ปลาที่นี่ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น



หนูที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก



นกเพนกวินเพียบ



ชอบตัวนี้มากโลมา



สีสวย ว่ายเร็วมากๆ



เล่นกันสนุกสนาน



กว่าจะได้รูปที่พอดูได้



ว่ายตลอดเวลาไม่มีเหนื่อย



ปลาหมึกยักษ์ (น่าหม่ำ Smiley)



ท่าว่ายน้ำตลกดี



ปลาคีบสีสวย



จะมีตู้ปลาทะเลสีสันสวยงาม



ตู้ใหญ่จะเป็นปลากระเบนเป็นหลัก



ชอบที่สุดก็ตัวนี้กระเบนราหู



บินโฉบไปมา (ว่ายสิเนอะ)



มาแล้ววววว



หน้าตาตลกมาก



อ๊ะๆ เค้ากำลังให้อาหารพอดี



เค้ายิ้มให้นะ Smiley



ตัวนี้ล่ะครับฉลามวาฬ



ตัวใหญ่มากกกก



ว่ายตัดไปมา



แค่หางก็บิ๊กเบิ้ม



ชอบรูปนี้มาก



เด็กเล็กๆมาดูเพียบ



ฉลามธรรมดาก็มี



ตัวนี้ฉลามหัวฆ้อน



ปลาเก๋าราดพริก หุๆๆๆ



ปลาหมึกเพียบ



ปลาตัวนี้หน้าตาไม่รับแขก



ปลาตัวเล็กว่ายรวมกลุ่มวนๆไปมา ของจริงสวยมาก



ปลาดาบว่ายตั้งตรงเชียว



อันนี้ตอนแรกจำไม่ได้จริงๆเป็นรูปถ่ายคนอื่ ถ่ายมาอีกต่อ อิๆ



อันนี้ของจริงตัวใสๆ



ส่วนตัวนี้สีส้มๆ



ดอกไม้ทะเล



ตัวนี้สวยมาก



สีส้มสวยเชียว



น่ากิน อิๆๆ ลวกจิ้มน้ำจิ้มคงอาหย่อย



ออกจากพิพิธภัณฑ์แดดร้อน แวะกินน้ำแข็งใสชาเขียว รสเข้มข้นมาก



ฝาท่อที่นี่สวยจริงๆ



โรงละครคาบูโตะ ไปตอนเลิกพอดีคนเเลยเยอะ



ปูน่ากิน แต่ไม่ได้กินมันแพง



ร้ายขายของ



สรุปมากินที่ร้านนี้



เป็นข้าวหน้าเนื้ออร่อยๆ



หม่ำๆๆๆๆๆๆๆ



ย่านชินไซบาชิ



ย่านดงทนโบริ



แวะเดินไปสถานีรถไฟซักหน่อย



บรรยากาศเงียบเหงา ก็มันดึกแล้วนี่



แต่คนก็ยังรอรถไฟกันเยอะั



คืนนี้พักที่นี่



ล็อบบี้สีสวย



ภายในห้อง



น่านอนมาก



อ่างอาบน้ำ



วันต่อมามาถึงนาราแล้วครับ



อนุสาวรีย์



แวะกินข้าวห่อไข่



ข้้าวห่อไข่กับครีมสดทอด



อันนี้เป็นข้าวห่อไข่หมูทอดกับสปาเก็ตตี้



สิทธิไม่เท่าเทียมเราห้ามทำร้ายกวาง แต่กวางทำร้ายเราได้



เจดีย์สวยๆ



เจอเจ้ากวางน้อยแล้ว



ห้ามให้ขนมมันกินเชียวถูกรุมซะแล้วหนูน้อย



เทพเจ้ากวาง



ที่แขวนคำอธิษฐาน



ระฆังร้อยเป็นแนว



แก็งเดอะกวางเพียบ



ถึงแล้วมรดกโลก



เอ่อ คาดว่าคงหิว โซ่ก็ไม่เว้น



ทางเข้าวัดมีแต่กวาง



หันหลับไปมองก็มีแต่กวาง



สวยจัง



มาถึงแล้ววัดโตไดจิ



ถ่ายกับมรดกโลก



งามมากๆอะ



ใหญ่โตอลังการเราเหลือตัวนิดเดียว



พระภายในวัด



ฝาท่อในเมืองนาราก็ไม่พ้นรูปกวาง



ปิดท้ายกลับมากินข้าวเย็นที่ร้านนี้



อร่อยมากกกกกกก



แวะไปถ่ายรูปป้ายกูลิโกะซักหน่อย



ต้องซักรูป เดี๋ยวหาว่าไม่ได้มา (ไปต่อตอน 2 กันเลยครับ)







Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 เมษายน 2555 9:41:05 น. 0 comments
Counter : 3044 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

jiwyeefun
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฟังเพลง
Friends' blogs
[Add jiwyeefun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.