ตะลุยไปเรื่อย....กับนายจิวยี่
Group Blog
 
All Blogs
 
สิงคโปร์ เมืองเล็กๆที่แสนวุ่นวาย

สวัสดีครับเพื่อนๆที่รัก กลับมาคราวนี้พร้อมทริปครั้งใหม่ที่เพื่อนๆอาจจะไปกันจนเบื่อแล้ว หรือแม้กระทั่งบางคนบอกว่าไม่เห็นมีอะไรน่าเที่ยวเลย

ทริปที่ไปนี่ก็คือ สิงคโปร์ นั่นเองครับ ในทริปนี้มีสมาชิกถึง 7 คนเลยทีเดียว แต่แบ่งทริปกันไป คือ ทริป 4 วัน 3 คืน 3 คน ส่วนคนที่เหลือตามไปวันถัดไป ดังนั้นตามเคยหลังจัดของเรียบร้อย ตีสี่ก็ออกจากบ้าน ถึงสนามบินตีห้า และเครื่องขึ้นเวลา 7 โมง การที่ได้บินเที่ยวเช้าสุดมีข้อดีคือไฟต์ไม่ค่อยดีเลย์ ตั้งแต่บินหางแดงโชคดีไม่เคยโดนดีเลย์เลย (พูดไปงวดหน้าจะโดนมั๊ยเนี่ย)

ไปถึงสนามบินชางกี ก็ 10 โมงกว่าๆรอเพื่อนที่ตามมาก็บ่ายโมงกว่าพอดี สนามบินที่สิงคโปร์ค่อนข้างจะมีระบบที่สะดวกสบายเชื่อมโยงกันทั้งหมด ทำให้สะดวกในการเดินทางเพื่อไปต่อรถไฟฟ้า จากนั้นก็ซื้อบัตร EZ Link ที่ใช้ได้ทั้งรถเมล์ และรถไฟฟ้า ในราคาไม่เกินเที่ยวละ 2 เหรียญ

เมื่อเรามาลงที่สถานีรถไฟฟ้า Kallang แล้วเดินทางต่อไป 2 แยกก็จะถึงที่พักของเรานั่นก็คือ โรงแรม Fragrance Emerald ก็เกือบๆบ่าย 3 โมง ก่อนเก็บของออกไปหาข้าวกินที่ตึกซันเท็กซิตี้ โดยการไปลงรถไฟฟ้าที่สถานี City hall เมื่ออิ่มกันดีแล้วก็เดินทางต่อเพื่อมุ่งสู่จุดหมายของวันนี้ที่ Night safari โดยการเดินทางไปลงสถานี Ang mo kaio แล้วนั่งรถเมล์สาย 134 จากต้นสายไปลงสุดสาย

ที่ Night safari มีการจัดฉากให้ร้สึกเหมือนเข้ามาอยู่ในอารยธรรมเผ่ามายา ที่ดูลึกลับดำมืด ที่นี่นักท่องเที่ยวเยอะมาก ก่อนอื่นก็ต้องไปซื้อตั๋วเข้า + ตั๋วรถ Tram เผื่อนั่งไปดูโดยจะมีไกด์บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งพวกผมก็งูๆปลาๆ ในระหว่างที่นั่งรถเข้าไปลักษณะ 2 ข้างทางจะเป็นป่าลึกที่ดำมืด ได้ยินแต่เสียงสัตว์ ดูน่ากลัวเหมือนทะลุมิติเข้าไปในจูราสิคปาร์คยังไงอย่างงั้นเลย

ในไนท์ซาฟารี จะมีสัตว์ที่น่าสนใจที่เราไม่ได้เห็นบ่อยๆออกมาหากินกัน เช่น ไฮยีน่า แรด หมูป่ากับลูกๆจำนวนมาก และมีกวางอีกหลายสายพันธุ์
หลังจากนั่งรถไปได้ซักพัก ก็จะให้ลงไปเดินชมสัตว์ในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นเวลาสัตว์ออกมากินอาหาร ที่เป็นไฮไลต์และชอบมากๆก็คือห้องค้างคาว เพราะเค้าสามารถให้เราเดินเข้าไปผ่านค้างคาวที่บินโฉบผ่านหัวไปมา ขนาดเราเองยังกลัวมันจะบินมาชนเลยครับ ตัวใหญ่มากๆ ( ไอ้เราก็จบวิทยาศาสตร์มาก็ลืมไปว่ามันใช่คลื่นเสียงคงบินมาชนเราไม่ได้ง่ายๆหรอก เหอๆๆ)

หลังจากนั้นก็เดินย้อนกลับมารอขึ้นรถต่ออีกรอบ ก็จะเห็นสัตว์อีกหลายชนิด จนครบรอบ กลับออกมาก็มีการแสดงควงกระบองไฟ คล้ายๆที่เสม็ดบ้านเรา ซึ่งก็สนุกสนานดี มีการเชิญฝรั่งขึ้นไปลองด้วย หลังจากนั้นเราก็ออกมารอรถเมล์ที่เดิมที่เราเข้าไป นั่งสายเดิม แล้วต่อรถไฟฟ้ากลับที่พัก

วันที่ 2 วันนี้เราตื่นกันสายหน่อยเพราะที่พักไม่มีอาหารเช้า และเราก็รอเพื่อนๆที่จะตามมากันวันนี้อีกชุดนึง หลังจากนั้นก็พาเพื่อนๆไปเก็บกระเป๋าที่ห้องก่อนออกเดินทางไปกินข้าวกลางวันที่ไชน่าทาวร์ แล้วช็อปปิ้งของฝากเพราะที่นี่ถูกที่สุด

ต่อจากนั้นก็ไปช็อปปิ้งต่อที่มุสตาฟาโดยเราออกจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลิตเติ้ลอินเดียซึ่งค่อนข้างไกล ที่นี่น้ำหอมถูกมากๆซึ่งก็ขึ้นอยู่กับช่วงที่มีลดราคาด้วย หลังช็อปปิ้งกันเสร็จ ก็ย้อนกลับไปทีตึกซันเทคซิตี้เพื่อกินข้าว และรอชมน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง ที่มีการยิงแสงเลเซอร์ไปบนพื้นฉากซึ่งเป็นน้ำพุ พร้อมดนตรีประกอบ เป็นรูปต่างๆ ก่อนช็อปปิ้งสั่งลาด้วยรองเท้าและกระเป๋าแบรนด์สิงคโปร์ Charles & Keith ซึ่งสาวๆบอกว่าถูกกว่าบ้านเราพอสมควร แล้วจึงกลับไปนอน

เช้าวันที่ 3 วันนี้ฝนตกหนักแต่เช้า สำหรับสาวๆที่เมื่อวานเดินช็อปกันจนปวดขาก็ขอพัก ส่วนตัวผมเองก็ออกตะลุยเดี่ยวกลางสายฝนพรำๆ เริ่มต้นจากเอสพลานาด ชมโบสถ์เซนต์แอนดรูว ก่อนจะเดินเรียบริมแม่น้ำชมบริเวณคลากคีย์ ที่มีตึกหลายสี เหมือนลูกกวาด แวะถ่ายรูปท่านเซอร์สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลสีขาว เรียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ จนถึงโรงแรมฟูลเลอร์ตัน และแวะรูปปั้นท่านเซอร์สแตมฟอร์ดสีดำ

ฝนก็เริ่มหลงหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ จนเปียกมะล่อกมะแล่ก แต่ยังไปจนถึงเมอร์ไลอ้อนพาร์คจนได้ ก่อนตัดสินใจเดินข้ามสะพานกลับมาที่ตึกเอสพลานาด เพื่อกลับโรงแรมเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อถึงเวลาใกล้เที่ยงฝนก็ซาลงมากจนเกือบหยุด วันนี้เราตั้งใจจะไปเกาะเซ็นโตซ่ากัน

ทั้งหมดออกเดินทางไปยังตึก vivo city เพื่อกินข้าวกลางวัน (มื้อแรกของวัน เหอๆๆๆ ) หลังทานข้าวเสร็จ เราตัดสินใจจะข้ามไปเกาะเซ็นโตซ่าด้วยกระเช้า ซึ่งต้องเดินไปขึ้นค่อนข้างไกลจากตึก vivo city พอสมควร หลังจากข้ามเกาะมาแล้วเราก็ตัดสินใจไปที่หาด siloso และแวะไปเมอร์ไลอ้อนยักษ์ตัวพ่อโดยรถบัสฟรี

ที่เกาะเซ็นโตซ่าเราไม่ค่อยได้เข้าชมอะไรนักเพราะค่อนข้างแพง อาศัยเก็บบรรยากาศต่างๆมากกว่า ช่วงที่ไปมีการก่อสร้าง uss อยู่พอดี ก่อนจะนั่งกระเช้ากลับมา และตั้งใจจะแวะไปเมอร์ไลอ้อนพาร์คที่เมื่อเช้าผมหนีไปคนเดียวมา มาถ่ายตอนกลางคืน คนเยอะมากๆครับ

สำหรับอาหารเย็นเรากะจะไปกินใกล้ๆโรงแรมก็ตัดสินใจกันซักพัก ในที่สุดก็เลือกบุฟเฟ่ต์สุกี้ หัวละประมาณ 400-500 บาท แต่มีกุ้งตัวใหญ่ และก้ามปู กินกันจนจุใจ ก่อนจะหลับแบบอิ่มมากที่สุดในชีวิต คุ้มราคาที่จ่ายไปแน่นอน

และแล้วก็มาถึงวันสุดท้าย หลังจากเช็คเอาท์และฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว วันนี้ต่างคนต่างแยกกันเดินเพื่อช็อปปิ้งกันตามอัธยาศรัย เนื่องจากเราไม่ใช่ขาช็อปเราจึงตัดสินใจไปสถานีบูกิต เพื่อตามหาบันไดวนสีลูกกวาด หลังเดินวนอยู่พักใหญ่ ก็หาเจอครับ แต่มันถูกบุกรุกด้วยกันสาดของร้านขายของต่างๆจนไม่สวยงามซะแล้ว หรือผมไปผิดด้านก็ไม่รู้ครับ

แล้วก็เลยไม่รู้จะไปไหนดี จึงแวะกินข้าวกลางวันเป็นข้าวหน้าเป็ด ก่อนมานัดเจอกันตอนบ่ายโมง เพื่อแวะช็อปปิ้งย่านถนนออร์ชาร์ดเป็นการปิดท้าย กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม และมุ่งสู่สนามบินชางกี เพื่อบินกลับกรุงเทพ เป็นอันจบทริป ขอบคุณที่ติดตามเช่นเคยครับ ไปชมรูปกันได้เลยครับ





























































































































































































Create Date : 09 กันยายน 2552
Last Update : 6 พฤษภาคม 2555 14:42:45 น. 0 comments
Counter : 304 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

jiwyeefun
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฟังเพลง
Friends' blogs
[Add jiwyeefun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.