วันที่ฉันป่วย

โดนพิษ "ไข้หวัดใหญ่" เล่นงานซะงอมเลยค่ะ
ตอนแรกก่อนจะเข้ารพ. ในวันอังคารฉันก็ยังไปทำงานตามปกติ
แต่รู้สึกแย่ๆ ในช่วงบ่ายราวๆ สัก 4 โมงเย็น แอบมองนาฬิกาแล้วก็ปลอบตัวเองว่า
อดทน อีก 2 ชม. ก็จะได้กลับบ้านแล้วและในเย็นนั้นเจ้านายถามว่า
จะไปฟังสวดอภิธรรมงานเพื่อนร่วมงานทีเสียชีวิตด้วยไหม?
เพราะเห็นฉันใส่ชุดดำทั้งชุดมาทำงาน
แต่ฉันก็ตอบปฏิเสธ"ไม่ไป" และบอกว่าด้วยว่า เวียนหัวมากเลย

อาการตอนแรก ก็แค่เพียงรู้สึกหนาวๆ มือ-เท้าเย็นเฉียบ เหมือนมีไข้
นอกจากนี้ยังมีอาการเวียนหัว เมื่อขยับหัว หรือ หันไปมองอะไรเร็วๆ
ฉันก็คิดว่า โรคประจำตัวออกฤทธิ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
ถ้าหากไม่สามารถควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติได้
เวลาจะเดิน หรือทำอะไรฉันก็เริ่มระวังตัวมากขึ้น
เพราะกลัวจะเกิดอาการหน้ามืดก่อนกลับบ้าน

เมื่อขึ้นรถรับ-ส่งของบริษัทได้ ..ฉันก็อาศัยนั่งหลับตา (แต่ไม่หลับ) มาตลอดทาง
เพราะเมื่อไรที่ลืมตาขึ้นมา ก็จะเกิดอาการโลกหมุนติ้วๆ...หวิวๆ เคว้งคว้างบอกไม่ถูก
ลงจากรถรับ-ส่ง ก็ต้องข้ามสะพานลอยมาขึ้นรถตู้เพื่อกลับปากเกร็ด ต่อมอเตอร์ไซด์ปากซอยเข้าบ้าน
ถึงบ้าน แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรง ..และคืนนั้นไม่มีปัญญาลุกขึ้นมาคุยกับใครทางเน็ตได้เลย
ทานข้าว ..ทานยาแก้ไข้ และยาหอมแท่งทอง (แก้ลม วิงเวียนศีรษะชะงัดดีนักแล) แล้วก็นอน

รุ่งเช้า ...ฉันไข้ขึ้น อาการเวียนหัวหนักกว่าเมื่อวานอีก
จนต้องให้ที่บ้านโทร.ไปลางานกับเจ้านายแทน แล้วพาไปหาหมอที่ รพ.ใกล้บ้าน (รพ.กรุงไทย)
คนน้อยดี เรียกเข้าตรวจไวมากๆ ได้เจอคุณหมอกิตติพงษ์ คนเดิมที่เคยตรวจคราวที่แล้ว
แต่ก่อนจะเข้าไป ...ฉันขึ้นชั่งน้ำหนัก วัดความดัน 110/70 ชีพจร 74 แต่...ไข้ขึ้น 39.4 แน่ะ

คุณหมอถามอาการขั้นต้น แล้วก็ตรวจดูช่องหู และเอาหูฟังมาแปะกลางหลัง
แล้วสั่งหายใจเข้าแรงๆ ผ่อนลมหายใจออกแรงๆ ทำ 2-3 ครั้ง เพื่อฟังเสียงปอด
...เฮ้อ ..แค่หายใจแรงๆ แค่นี้ ก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ยะ
แล้วหมอก็ให้อ้าปากกว้างๆ เปล่งเสียง "อาาาาาาาา" ยาวๆ
ก่อนจะเอาไม้ไอติมแบนๆ มาแตะที่ลิ้น ...ฉันแทบจะ "อ้อก" ออกมาเลย
หมอส่องไฟ ดึงหนังตาด้านบนขึ้นดู ..แล้วก็มาดึงหนังตาด้านล่าง ..ทั้งสองข้าง

หมอถามว่า ...ระยะนี้ไปเที่ยวไหนมาครับ?
ฉัน "ไปเที่ยวฟาร์มจระเข้สามพรานมาค่ะ"
หมอ "เข้าไปเที่ยวป่ามาบ้างไหม?"
งง สิคะ หมอถามเรื่องเที่ยวทำไม?
ฉัน "ไม่ได้ไปค่ะ....เอ้อ แล้วตกลงป่วยเป็นอะไรเหรอคะ?"
หมอ "ไข้หวัดใหญ่ครับ ที่ถาม เพราะคิดว่าไปเที่ยวป่ามาหรือเปล่าจะได้เช็คเลือดหาเชื้อไข้เลือดออกด้วยเลย"

โอ้โห ...เป็นไข้หวัดใหญ่เหรอเนี่ยะ
หมอถามว่า จะนอน รพ.ไหม?
ฉันรีบปฏิเสธเลยค่ะ ...ไม่จำเป็นไม่อยากนอน รพ. อ่ะ
ไม่ได้กลัวผีหรอกนะคะ แต่เพราะความไม่สะดวกอะไรหลายๆ อย่าง และไม่มีคนคอยดูแลด้วย
แต่ก็ไม่วาย ถามหมอว่า มีวิธีไม่ให้เป็นหนักกว่านี้ไหมคะ แบบว่า อยากหายเร็วๆ อ่ะ
หมอก็บอกว่า กล้าฉีดยาไหม? ถ้าไม่กลัวก็ฉีดยาสักเข็มนะ แต่ว่า คงต้องนอน รพ.สักพัก
เพราะเมื่อฉีดยาแล้วจะทำให้มึนงง มากๆ
เอา... ยอมเจ็บก้น ก็ได้ ...แต่ขอให้หายป่วยเร็วๆ อ่ะ

สักพักผู้ช่วยพยาบาลก็นำยา และเข็มฉีดยาเข้ามา
สั่งให้ฉันขึ้นไปนอนบนเตียง ปลดตะขอ
และรูดซิปกางเกงลงมานอนตะแคงรอเวลาโดนฉีดยา
พยาบาลอีกคนเข้ามา ...แล้วบอกว่า ให้ฉันนอนหงาย
ขอแขนข้างขวา ...ไปหาเส้น เพื่อฉีดยา
ฉันก็งง สิคะ ...อ้าว แล้วให้เราปลดตะขอ รูดซิบทำไมเนี่ยะ?
พยาบาลฟังฉันถามก็คงขำมั้งคะ มีหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า
"ก็ไม่ฉีดสะโพกแล้วค่ะ แต่จะฉีดเข้าเส้นแทน เพื่อให้ยาออกฤทธิ์เร็ว
แต่ว่า เดี๋ยวคุณจะง่วงมากนะคะ งัยก็หลับได้เลยค่ะ หายง่วงแล้วค่อยกลับนะคะ"

หลังฉีดยา ...ฉันรู้สึกง่วงจริงๆ ค่ะ มีปวดแขนตรงที่โดนฉีดยานิดหน่อย
ฉันบอกให้ผู้ช่วยพยาบาลออกมาตามญาติให้เข้าไป เพื่อสั่งเสีย เอ๊ย สั่งให้ไปเคลียร์ค่าใช้จ่าย
และรีบพาฉันกลับบ้าน ก่อนที่จะโดนสั่งให้จองห้อง Admission
หลังชำระค่ายา ค่าตรวจไป 8 ร้อยกว่าบาท ก็รีบขึ้นรถ หลับตั้งแต่รถยังไม่พ้น รพ.เลยด้วยซ้ำ
มารู้สึกตัวอีกที รถจอดเทียบหน้าบ้านแล้วแหล่ะ ..ขึ้นบ้านได้ ฉันก็หลับต่อจนบ่าย
ตื่นมา ทานข้าวเสร็จ ทานยา แล้วก็นอนต่ออีก ..ไม่สามารถนั่งหรือพูดคุยกับใครรู้เรื่องเลย
คืนวันนั้น ...ฉันก็หลับปุ๋ยเพราะฤทธิ์ยาไปจนถึงวันรุ่งขึ้น

รุ่งขึ้น ..ก็ต้องหยุดงานต่ออีก 1 วัน เพราะอาการไม่ได้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานสักเท่าไร
วัดไข้ (มีปรอทวัดไข้ติดบ้านไว้ก็ดีแบบนี้แหล่ะ) ...คราวนี้เหลือ 38 กว่าๆ เรียกว่ายังมีไข้อ่อนๆ
เหมือนเดิมเลย ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า ลุกขึ้นมาทานข้าว ทานยา แล้วก็นอน

เช้าวันนี้ ...ตั้งใจจะไปทำงาน เพราะหมอเขียนใบลาให้หยุด 17-18 เท่านั้น
เวียนหัว เหมือนเคย ....เดินโซเซๆ แล้วก็มาคิดว่า ถ้าฝืนสังขารไปทำงาน
แล้วเป็นอะไรหนักไปกว่านี้ แทนที่จะมีคนชื่นชมในความรับผิดชอบ
เขาอาจจะสมน้ำหน้าซ้ำก็เป็นได้ ...ว่าไม่เจียมสังขารเล๊ย ....55555
ไหนๆ ก็ไหนๆ ...ก็เลยตัดสินใจ หยุดงานต่ออีกวัน ได้ยินเจ้านายอนุญาตก็สบายใจ
ขึ้นเตียงนอนต่อจนสายโด่ง ถึงลุกมาทานข้าวเช้า ทานยา แต่คราวนี้ฝืน ไม่ยอมนอน
นั่งอยู่แบบ ง่วงๆ งงๆ มึนๆ ไปตามฤทธิ์ยา สู้กันสักตั้งเป็นไรไป

พรุ่งนี้ ....พรุ่งนี้ต้องดีขึ้น
ฉันต้องหาย ...ฉันต้องแข็งแรง ..
เชื่อดิ่





Create Date : 19 พฤษภาคม 2549
Last Update : 19 พฤษภาคม 2549 18:33:33 น. 2 comments
Counter : 730 Pageviews.  

 
เข้าใจเลยหละค่ะ เราเคยเป็นไข้หวัดใหญ่สมัยเรียน ตอนนั้นอยู่หอในมหาลัย ห่างบ้าน ห่างพ่อแม่ รู้สึกท้อแท้มากๆ เลย

ส่วนตอนนี้กำลังเป็นอยู่เลยคือเครียดลงกระเพาะ ทานอะไรก็พาลจะอ้อกออกมาซะทุกที

อย่างไรเสีย ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ เราต้องดูแลสุขภาพให้มากๆ พวกเราสมัยนี้ละเลยเรื่องสุขภาพกันเหลือเกิน ต้องกตัญญูต่อสังขารกันหน่อยแล้ว



โดย: นางสาวอาร์ต วันที่: 19 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:07:27 น.  

 
ป้าสู้ ...สู้..สู้

หายไวไวนะคะพี่สาว

พักนี้ฝนตก ไปไหนพกร่มด้วยนะคะ

นี่กู้ก็เจ็บคอแหละ ติดหวัดตอนคุยเอ็มกะพี่แหง


โดย: Smile_Koo วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:40:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PJ Present
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คือฝัน ... บรรยายอารมณ์ในแต่ละช่วงหนึ่งๆ ที่ผ่านพ้นไป ราวกับความฝัน ที่หายไปเมื่อตื่นขึ้นมา จดจำไว้แค่เพียงเวลาสั้นๆ

เก็บความฝัน...รวมเรื่องราวของคนช่างฝันถ่ายทอดผ่านตัวอักษร ร้อยเรียงเป็นเรื่องราว ..ของเรื่องสั้น ด้วยตัวเอง


ยินดีต้อนรับทุกท่าน ...เสมอ

[Add PJ Present's blog to your web]