Group Blog
 
All Blogs
 
คืนแรก วันใช้ชีวิตในหอ

สวัสดีครับพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ทุกคน และแล้วกระผมนายจิว ก็มีเวลากลับมาเล่าเรื่องราวในแดนกิมจิให้ฟังอีกครั้ง คราวนี้เป็นเหตุการณ์ตอนที่ผมย้ายจากที่พักรับรองที่ Hoam Facility House อันแสนสบายหรูหรา ไปยังหอพักนักศึกษา Kwanaksa ที่อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ แต่สภาพความเป็นอยู่ต่างกันลิบลับ คือว่า หอพักนักศึกษาของ Seoul Nation University (SNU) มีอยู่ 2 แห่งด้วยกัน แห่งแรกคือ BK International Dormitory และ Kwanaksa Dormitory แห่งแรกหรือหอ BK นั้น สภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างสะดวกสบายกว่า Kwanaksa มาก มีห้องน้ำและที่ทำอาหารอยู่ภายในห้องเดี่ยวของตัวเอง แต่ที่หอ Kwanaksa ต้องใช้ห้องน้ำรวมและห้ามทำอาหารภายในหอ แต่มีไมโครเวฟที่ใช้แชร์กันให้แต่ละชั้น ห้องที่ Kwanaksa มีทั้งห้องรวมและห้องเดี่ยว (โชคดีที่ผมได้ห้องเดี่ยว) ทั้งสองหอมีราคาต่างกันมาก แต่เมื่อเทียบกับจำนวนเงินทุนที่ผมได้รับจากรัฐบาลเกาหลีแล้ว ผมก็ยังอยู่หอ BK ได้สบายๆ คับ เพียงแต่ตอนนี้ต้องอยู่หอ Kwanaksa ไปก่อน รออีก 6 เดือน (1 เทอม) ถึงจะมีโอกาสย้ายเข้าหอ BK ได้

เช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 ผมตื่นจากที่นอนเวลา 8.00 AM ยืดเส้นยืดสาย บิดตัว วิดพื้น sit up แล้วทานอาหารเช้าด้วยขนมปังทาแยมสตอว์เบอรี่ที่ไปเดินช้อปมาจากมินิมาร์ทเล็กๆ ใกล้ที่พัก อาบน้ำ แปรงฟันไปหูฟังเสียงโทรทัศน์ภาษาเกาหลีช่องอารีดัง (Arirang) ไปด้วย ไม่รู้เรื่องหรอกคับ แต่ขอฟังสำเนียงให้ชินหูไว้ก่อน แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาอำลาที่พักรับรอง Hoam Facility House ไปสู่ที่ที่ควรอยู่ ก็หอพักนักศึกษา Kwanaksa นั่นแหล่ะครับ หลังหวีผมเสร็จก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงปลายสายเป็นของคุณพ่อที่โทรมาจากล็อบบี้ เรียกให้ผมไปหา เมื่อผมเดินลงมาข้างล่างก็เจอคุณพ่อยืนยิ้มรออยู่ที่บันไดที่ผมกำลังเดินลงมา คุณแม่กำลังนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ ที่โต๊ะข้างหน้าท่านมีกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ ความละเอียด 10 เมกกะพิกเซลที่พวกท่านซื้อให้ผมจากห้าง Lotte วางอยู่ในกล่อง ผมรู้สึกดีใจมาก เพราะเพิ่งเอ่ยปากบ่นไปเมื่อวานเองว่าอยากได้ แล้วพวกท่านก็ซื้อมาให้จริงๆ ซาบซึ้งในบุญคุณขึ้นมาทันใดเลยคับ อิอิ

หลังจากทดลองถ่ายรูปกันพักหนึ่ง ผมจึงลาไปเก็บของเตรียมย้ายต่อ ขณะเก็บของเกือบเสร็จเรียบร้อยก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นเสียงของน้อง Jack นักเรียนไทยอีกคนหนึ่งใน Seoul National University ที่มาทำ PhD ในสาขาเกษตร ผิวขาว หน้าตาดี เป็นชาวลำพูนโดยกำเนิด อายุอ่อนกว่าผมปีนึง เรารู้จักกันเมื่อคืนที่ผ่านการแนะนำของพี่แมว วันนี้น้อง Jack อาสามาช่วยขนของย้ายหอให้ผม รวมทั้งทำหน้าที่เป็นไกด์นำทางไปที่หอให้อีกด้วย

เมื่อผมเอากุญแจไปคืนเพื่อ Check out ที่ reception ก็เป็นเวลา 10.00 AM ผมลากกระเป๋าเดินทางใบโตออกจากที่พักรับรองไปหอพัก Kwanaksa ตอนแรกผมนึกว่าหออยู่ใกล้ๆ ที่พักนะครับ แต่ผมคำนวณพลาดมหันต์ หออยู่ห่างออกไปสักเกือบ 700 เมตรได้ แถมระหว่างทางผมต้องลากกระเป๋าเดินทางขึ้นเนินไปตลอด เพราะที่พักอยู่บนเนินสูง แม้อากาศจะหนาวเย็น แต่เหงื่อผมออกชุ่ม ในใจยังนึก เมื่อไหร่จาถึงว้า ให้เราแบกของหนักอยู่คนเดียว แต่อีกใจบอกให้สู้ๆ ต่อไป ยังไม่แก่ซักหน่อย ทำบ่นไปได้ เถียงไปเถียงมาในใจ ในที่สุดก็มาถึงหอเสียทีครับ ผมเดินหอบฮั่กๆ ตามน้อง Jack ไปที่โต๊ะ Admin ประจำหอ เพียงแค่บอกชื่อเสียงเรียงนาม สาวน้อยชาวเกาหลีหน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนไปทำศัลยกรรมมา ก็จดหมายเลขตึกและเลขที่ห้องพักยื่นให้พร้อมรอยยิ้ม ผมยิ้มไปหอบไปแล้วหยิบกระดาษจากมือหล่อนมา จากนั้นผมก็ลากกระเป๋าขึ้นเนิน (อีกแล้ว) ไปยังหอพักหมายเลข 918 ซึ่งอยู่สูงที่สุดบนเนินเขาลูกนั้น
เมื่อถึงหอพัก 918 (ใน Kwanaksa มีอยู่หลายตึกครับ แต่ละตึกก็มีเบอร์ต่างกันไป) เราเข้าไปหาผู้ดูแลหอพัก แจ้งชื่อพร้อมเบอร์ห้องที่จะเข้าพัก ผู้ดูแลหอซึ่งเป็นเด็กหนุ่มเกาหลีที่อาสาสมัครมาทำงานดูแลหอพัก (แต่พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ซะเลย) ก็พาผมไปกรอกแบบฟอร์มพร้อมกับติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ประตูหน้า คราวหน้าถ้าผมจะเข้าหอ ต้องกดเลขที่ห้องพัก แล้วสอดมือเข้าไปในเครื่องเพื่อสแกนผิวหนังหลังฝ่ามือ จึงจะมีสิทธิเข้าหอได้ จากนั้นผู้ดูแลก็มอบตะกร้าผ้าเขียนเบอร์ห้องพร้อมผ้าปูที่นอนให้ 1 ผืน แล้วน้อง Jack ก็พาผมกับคุณพ่อคุณแม่ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสาม ห้อง 315 สิ่งแรกที่เราพบสะดุดตาที่ประตูคือเครื่องกดรหัสครับ หากกดรหัสไม่ผ่านประตูก็ไม่เปิด และแล้วด้วยความช่วยเหลือของน้อง Jack ก็ทำให้ผมสามารถเปิดปิดประตูและตั้งรหัสใหม่ได้

ภายในห้องพักมีเนื้อที่ประมาณ 3x6 ตารางเมตร ไม่ถือว่าใหญ่นัก แต่มีโต๊ะ ตู้เย็น เตียง ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ โทรศัพท์ และ Heater ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับผม คุณพ่อคุณแม่ที่ตามมาดูถึงในหอ ก็ลองมานั่งมานอนบนเตียงของผม ดูพวกท่านพอใจในระบบความปลอดภัยและสวัสดิการของที่พักดี ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง (ผมจะสามสิบแล้วนะคร้าบ จะห่วงอะไรกันนักกันหนา แล้วถ้าผมไปอยู่เรือนหอ จะตามมานั่งมานอนอย่างนี้มั้ยเนี่ย) ส่วนน้อง Jack ผู้น่ารักก็ขอลาไปทำงานต่อที่แล็บ ขนาดปิดเทอมยังทำงานเลยครับพี่น้อง ยูนี้โหดจริงๆ

หลังจากจัดวางของเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาบุพการีทั้งสองไปทานอาหารกลางวันแบบดั้งเดิมของเกาหลีที่โรงอาหารนักศึกษาที่ผมเคยไปทานประจำ รายการอาหารวันนี้มีสเต็กปลา กิมจิและน้ำซุปคล้ายๆ มิโซะ พวกท่านดูจะชอบอาหารเหล่านี้มาก เอ่ยปากชมเป็นระยะๆ ผมก็ดีใจที่ได้พาพวกท่านมาลองทานอาหารพื้นๆ แบบนี้บ้าง (ทานแต่ของในโรงแรมมันเปลือง) นี่เป็นมื้อสุดท้ายในเกาหลีก่อนที่พวกท่านจะบินกลับเมืองไทยตอนเย็นวันนี้ หลังจากทานเสร็จเรียบร้อยเราสามคนพ่อแม่ลูกสวมกอดล่ำลากัน ผมยืนดูพวกท่านขึ้นรถบัสเข้าเมืองไป จากนี้คงอีกนานกว่าจะได้พบกันใหม่ ในใจผมรู้สึกหนาวขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง แล้วหันหลังเดินกลับหอพักไป
ผมนอนพักผ่อนบนเตียงจนเย็น น้อง Jack ก็มาเคาะประตูเรียกหน้าห้องพักชวนไปทานข้าวกัน ผมรู้สึกดีที่นอกจากจะมีพี่แมวเป็นรุ่นพี่ที่คณะแล้ว ยังมีน้องคนไทยอีกคนนึงที่มาช่วยเทคแคร์กัน ทำให้ไม่รู้สึกกังวลกับชีวิตในอนาคตมากนัก เราสองคนเดินไปทานข้าวเย็นที่โรงอาหารอีกแห่งหนึ่งใกล้ๆ หอพัก เป็นคนละที่กับที่ผมไปทานประจำที่อยู่เลยไปอีกหน่อย โรงอาหารที่นี่ก็ใช้ระบบเหมือนกับโรงแรกที่ผมเจอมา มื้อนี้มีไข่พะโล้ (มีแต่ไข่พะโล้คับ ไม่มีน้ำพะโล้) กับข้าวที่ดูเหมือนมัสมั่นไก่ และกิมจิ เราสองคนรีบทานทำเวลากันเพราะวันนี้ น้อง Jack จะพาผมไปซื้อหมอนกับผ้าห่มในเมือง เราต้องรีบไปก่อนร้านจะปิด

เราสองคนต่อรถเมล์สีเขียวสาย 5516 ซึ่งจอดป้ายรออยู่ในยู เข้าไปในตัวเมืองโซล ค่ารถเมล์เงินสด 900 วอน แต่ถ้าใช้บัตรจะถูกกว่า 100 วอน หลังจากลงจากรถ น้อง jack พาผมไปเดินในร้านขายของใช้จำเป็นในบ้าน ผมซื้อถังขยะ แก้วน้ำ ที่ใส่ดินสอ พรมเช็ดเท้า ผ้าเช็ดทำความสะอาดภายใน ไม้แขวนเสื้อ สกอตเทป ที่แคะหู น้ำยาล้างจาน ฟองน้ำล้างจาน ตะกร้าใส่ของเวลาเดินไปห้องน้ำ ฯลฯ เท่าที่นึกได้ในตอนนั้น หมดไปสามหมื่นกว่าวอนครับพี่น้อง

ออกมาจากร้านขายของใช้ในบ้านแล้ว เราเดินออกไปหาร้านขายผ้าห่ม ผมเลือกหมอนและผ้าห่มเข้าชุดสีม่วงมาชุดหนึ่ง ราคา 95,000 วอน โชคดีที่มีน้อง Jack มาด้วยช่วยต่อราคาให้ (เป็นภาษาเกาหลีนะครับ) ไม่งั้นผมอาจซื้อในราคาแสนวอนเลยก็ได้

ขากลับเราเดินผ่านร้านขายผลไม้ สตอเบอร์รี่ที่เกาหลีลูกโตน่าทานมาก แต่ผมเดินไปเลือกซื้อแอ้ปเปิ้ลราคาลูกละ 1,000 วอน มา 3 ลูก (ทดลองก่อน ถ้าอร่อยค่อยซื้อใหม่) คือผมทานแอ้ปเปิ้ลวันละลูกประจำน่ะครับ เพื่อสุขภาพ อิอิ

เราสองคนนั่งรถเมล์สายเดิมกลับมหาวิทยาลัย น้อง Jack เองก็พักอยู่ที่หอเดียวกันอยู่ชั้น 5 ผมอยู่ชั้น 3 เราสองคนพูดจาปราศรัยถูกคอกันดี ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ผมขอบคุณน้อง Jack แล้วแยกย้ายกันกลับห้องของตน

วันนี้ผมเหนื่อยมากเลยครับ ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน เจอกันในครั้งหน้านะครับ



Create Date : 30 มีนาคม 2550
Last Update : 7 เมษายน 2551 18:02:03 น. 6 comments
Counter : 959 Pageviews.

 
แวะเข้ามาทักทาย และขออ่านนะคะ


โดย: nuinuinaka (nuinuinaka ) วันที่: 30 มีนาคม 2550 เวลา:19:56:29 น.  

 
เล่าละเอียดมากค่ะ
อ่านเพลินเลย


โดย: โสดในซอย วันที่: 30 มีนาคม 2550 เวลา:21:17:31 น.  

 


นึกว่า ห้องหอ บ่าว-สาว


โดย: ใครกัน...นั่งอยู่ตรงนี้ วันที่: 30 มีนาคม 2550 เวลา:21:20:17 น.  

 
เราก็เข้าใจว่า เข้าหอ บ่าว- สาว เช่นกัน


โดย: joypla วันที่: 30 มีนาคม 2550 เวลา:23:22:40 น.  

 
ยินดีด้วยนะคะ ที่ได้รับทุนไปเรียนต่อ ขอให้ประสบความสำเร็จ และปรับตัวให้เข้ากับประเทศนี้ได้เร็ว ๆ นะคะ


โดย: edelweiss วันที่: 31 มีนาคม 2550 เวลา:2:27:32 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ ยินดีด้วยที่ได้รับทุนนะค่ะ


โดย: Lee (Hokey ) วันที่: 31 มีนาคม 2550 เวลา:7:07:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

el mago
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นักเรียนไทยในเกาหลี
Friends' blogs
[Add el mago's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.