Group Blog
 
All Blogs
 
เริ่มการผจญภัยในแดนกิมจิ

สวัสดีครับพี่น้อง ในที่สุดกระผมนายจิว ... ก็ได้มาถึงประเทศกิมจิอร่อย สาวสวย แฟชั่นเท่ห์ ซีรี่ส์ดัง สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea) นั่นเอง ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG638 ออกจากกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ ... (ขี้เกียจพิมพ์ต่อ) เวลาตีสองของวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 มาถึงสนามบินอินชอน (Incheon Airport) เวลา 9.15 น. โดยสวัสดิภาพ ในสภาพหลับมาตลอดทาง โดยการเดินทางครั้งนี้ บุพการีที่เคารพทั้งสองของกระผมก็ได้ติดตามมาส่งลูกชายด้วยความเป็นห่วงถึงประเทศสาธารณรัฐเกาหลี กะส่งให้ถึงที่เลยว่างั้นเถอะ

เป็นโชคดีไม่น้อยที่ผมผ่านด่านตรวจมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งที่หอบโปรแกรมจากพันทิพมาตรึม หลังจากเดินออกจากเกทก็พบกับเจ้าหน้าที่ที่มารับจาก SNU ทำให้ทุ่นค่าแท็กซี่ของพ่อแม่ไปได้โข ระหว่างการเดินทางไป SNU คนขับรถก็ชี้ให้ดูสถานที่สำคัญของเกาหลี เช่น รัฐสภาเกาหลี ตึกที่สูงที่สุดในโซล (ตึก 66 ชั้น) และสนามกีฬาโอลิมปิกสเตเดียม จากนั้นเราก็ได้ชมตัวเมืองหลวงโซลอันเป็นที่ใฝ่ฝันของหลายคน สองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คนหน้าตาตี๋ๆ หมวยๆ ตาชั้นเดียว ใส่เสื้อโค้ทหลายๆ แบบต่างกันไปตามฐานะและความนิยมของแต่ละคน

หลังจากฝ่ารถติดมา ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดชั่วโมงครึ่งก็ถึง SNU สถานที่ตั้ง อยู่บนภูเขา มองลงมาเห็นทัศนียภาพของกรุงโซลได้ชัดเจน เจ้าหน้าที่พาผมกับครอบครัวมาส่งที่ Hoam Facility House ซึ่งเป็นที่พักรับรอง เป็นที่ที่ผมจะอยู่ก่อนที่หอจะเปิด ในห้องพักสะดวกหรูหราดีมั่กๆ มีเตียงเดี่ยวสองเตียง ห้องน้ำมีอ่าง อิเตอร์เน็ต ทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้าพร้อมไม้แขวนเสื้อ ผมเลยให้ไปเลย 4 ดาว

พ่อแม่ผมช่างเป็นบุพการีตัวอย่างที่แสนดี อุตส่าห์หอบน้ำปลา พริกไทย โจ๊กสำเร็จรูป จานชาม ช้อนส้อม ถ้วยกาแฟ กาแฟสำเร็จรูป หมูแผ่นหมูหยองใส่กระเป๋าพวกท่านมาให้ เล่นเอาผมอึ้งไปเลยครับ

หลังจากร่ำลากันไปเรียบร้อย พ่อแม่ผมกลับไปพักที่โรงแรม Lotte ในกรุงโซล ท่านจะอยู่อีกจนถึงวันที่ 28 ก.พ. ผมนอนงีบเอาแรงบนเตียง ตื่นขึ้นมาก็ประมาณบ่ายสองโมง อาบน้ำ แปรงฟัน เสร็จสรรพ มีเสียงกริ่งดังขึ้น เมื่อเปิดประตู ผมก็เจอกับผู้ชายรูปร่างสันทัด สูง 170 cm ผมสั้น ผิวขาว จมูกโด่ง หน้าตาแบบอเมริกาใต้ ท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย ยืนอยู่หน้าประตูห้องผม เขาแนะนำตัวว่าเขาชื่อ Sergio มาจากโคลอมเบีย เพื่อนร่วมรุ่นคลาสเดียวกับผม เขาไปถามคนที่ reception เลยรู้ว่ามีคนที่เรียนโปรแกรมเดียวกันเพิ่งมาถึงอีกคนนึง ก็เลยแวะมาหา หลังจากแนะนำตัวกันเรียบร้อย เราตกลงกันว่าจะเดินไปที่ตึก Administration เพื่อดูว่าเราจะทำอะไรกันได้บ้าง

SNU เป็นมหาวิทยาลัยที่กว้างมากแห่งหนึ่งเท่าที่ผมเคยรู้จัก แต่นาย Sergio ก็ยืนยันอยากจะเดินจากที่พักของพวกเราไปที่ตึกนั้น ซึ่งผมเองก็ไม่รังเกียจอะไร จะได้ใช้เวลาสำรวจบริเวณยูไปด้วยซะเลย อากาศตอนบ่ายเย็นสบายๆ ผมกับเพื่อนใหม่เดินไปคุยไปตลอดทาง เค้าบอกว่าเมื่อคืนเค้าคิดถึงลูกสาววัย 10 ขวบชื่อมาเรีย มากๆ เค้าเล่าว่าเค้าร้องไห้เลยล่ะ เมื่อคืนก่อน Sergio เป็นคนอัธยาศรัยดี ดูรักครอบครัว เพิ่งเคยเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก เลยดูสับสนตื่นเต้นอยู่ ภาษาอังกฤษสำเนียงสเปนของเขาฟังง่าย นอกจากนี้เขายังเล่นฟุตบอลในตำแหน่งศูนย์หน้าอีก เราสองคนพูดคุยกันถูกคอดี

ในที่สุดเราก็เดินมาถึงตึก admin หลังจากคลำทางกันมาพอสมควร เราก็ถามทางคนแถวนั้นให้เขาพาไปที่ห้องผู้ประสานงาน ในห้อง เราได้พบพนักงานสาวเกาหลีคนนึง หน้าตาเกาหลีดั้งเดิม (ตาชั้นเดียว ปากแดงบางๆ จมูกแบนๆ แก้มยุ้ยๆ มีคลอเรสเตอรอลสะสมอยู่นิดหน่อย) เธอชื่อ Kim Ok Sun ซึ่งเรารู้ในเวลาต่อมาว่าเธอไม่ได้รับผิดชอบในโปรแกรมที่เราเรียนอยู่จึงไม่รู้อะไรมากนัก แต่เธอก็พยายามติดต่อกับ Bae Hye Sung (ฟังจากพี่แมว คนนี้เค้าว่าน่ารัก) ผู้รับผิดชอบซึ่งเดินทางไป conference ที่เวียตนาม (ที่เดียวกับพี่แมวอยู่ตอนนี้) ให้เรา ได้เรื่องว่าตอนนี้พวกเรายังไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพราะเรื่องการลงทะเบียนก็ต้องรอเปิดเทอรมก่อน ระหว่างนี้จะทำอะไรก็ได้ ตามสบาย ผมกับ Sergio ก็เลยถามถึงธนาคารกับร้านอาหารในยู แล้วเดินจากมา

เมื่อออกมาข้างนอกตึก ตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้ว อุณหภูมิลดลงมาก เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกถึงความน่ากลัวของความหนาวเย็นยามค่ำคืน ผมกับ Sergio รีบเดินกลับที่พักโดยด่วนแบบไม่ต้องอธิบายกันมากความ ระหว่างทางผมเห็นโรงอาหารนักศึกษาอยู่ใกล้ที่พัก จึงชวน Sergio เข้าไปหาอาหารเกาหลีทานกัน ด้วยความสามารถในเชิงภาษากายของผม ทำให้เราสามารถซื้อคูปองแบบสองคนไปนั่งทานกันได้ อ้อใช่ มื้อนี้ผมเลี้ยงคับ เพราะตา Sergio แกไม่มีเงินวอนเลย คนที่นี่เค้าไม่รับยูเอสดอลล่าห์ แถมไม่ยอมพูดอังกฤษซะอีก โชคดีที่พ่อผมแลกเงินวอนให้นิดหน่อยตอนอยู่สนามบิน เราเลยไม่ถึงกับอดมื้อเย็น

เมื่อเดินเข้าโรงอาหาร เราก็ทำอะไรไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ ผมเดินไปที่ที่พวกนักเรียนหยิบถาดไปหยิบอาหาร พวกคุณป้าที่ตักอาหารก็ชี้ไปที่ถาดกับที่วางช้อน ดูๆ แล้ว ป้าๆ พวกนี้ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับคนต่างชาติอย่างพวกเราดี แม้พวกเค้าไม่สามารถพูดสื่อสารกับเราได้ก็เถอะ ยิ่งตอนผมพูดขอบคุณเป็นภาษาเกาหลีแกยิ่งยิ้มใหญ่ เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่า ถ้าเราจดจำภาษาเกาหลีที่จำเป็นได้ ก็พยายามพูดไปเถอะครับพี่น้อง มีประโยชน์มาก เพราะทำให้เราได้รับรอยยิ้มและความร่วมมืออย่างเต็มใจอีกหลายอย่างตามมาแบบที่คิดไม่ถึงเลยล่ะคับ

อาหารเกาหลีมื้อแรกของผมเป็นข้าวเปล่าหนึ่งถ้วย (เหมือนข้าวตาแห้งจับเป็นก้อนธรรมดาๆ) เนื้อราดชีส (อะ อะ อะ อร่อยคร้าบ!) แตงกวาหั่น ผลไม้หั่น และกิมจิ (ตักเอง) ผมใช้ตะเกียบคีบอาหารทานอย่างเอร็ดอร่อย ผิดกับ Sergio ซึ่งใช้ตะเกียบไม่เป็น แถมทานกิมจิไม่ได้ เพราะเผ็ดเกินที่ลิ้นคนอเมริกาใต้จะรับได้

หลังอาหารเราเดินกลับมาที่พัก และเอ่ยคำลาต่อกัน มี Sergio เป็นเพื่อนทำให้ผมได้ฝึกภาษาสเปนมาด้วยสองสามคำ มาเกาหลีคราวนี้ผมได้ภาษาที่ห้าเป็นภาษาสเปนด้วยแฮะ ดีเหมือนกัน ผมเดินไปที่โต๊ะ reception เพื่อยืมสาย network cable กับ adaptor เพื่อต่อกับ laptop บนห้องพัก ตกดึกผมเจอเพื่อนหลายคนที่ไอซีทีที่ยังทำงานกันอยู่ตรึมเลย คงมีแต่คนกระทรวงนี้แหล่ะนะที่ทำงานกันเกินเงินเดือนราชการหลายเท่า ถึงเป็นคนส่วนน้อยที่ทำงานเช่นนั้น แต่ผมก็ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับคนดีๆ เหล่านี้ คืนนั้นผมนั่งจิบกาแฟที่คุณแม่หอบมาให้และก็เล่นเน็ตคุยกับเพื่อนไปด้วย อากาศในห้องไม่หนาว เพราะระบบ heater เค้าดีมาก คืนนั้นผมสวดมนต์ก่อนนอน หลับสบาย ไม่มีใครมาปลุกที่หัวเตียง

จบแล้วครับ คืนแรกของการเดินทางอันยากลำบาก เป็นความประทับใจที่ดีเล็กๆ น้อยๆ ผมถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่เลวเลยแหล่ะ อ้อใช่ ผมได้ตั๋วเครื่องบินเกต D8a ที่นั่ง D11 หรือว่าจะเป็นลางดีสำหรับว่าที่ Doctor กันน้อ

เจอกันในครั้งต่อไปครับ ขอตัวไปหาอาหารเกาหลีใส่ท้องก่อนนะครับ บาย คร้าบ

Good Bye - อันยองฮี กาซิบซิโย - อดิโอส

จิว


Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 7 เมษายน 2551 18:00:36 น. 0 comments
Counter : 317 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

el mago
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นักเรียนไทยในเกาหลี
Friends' blogs
[Add el mago's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.