SongKran Festival 2009 @ RaYong
เมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสหลบร้อนทั้งอากาศ และสภาพบ้านเมือง ไปเย็นชุ่มฉ่ำใจที่ระยอง เนื่องด้วยคุนแฟนมีเพื่อนมีรีสอร์ทที่หาดแสงจันทร์ ดีใจจัง ปีนี้จะได้เล่นสาดน้ำด้วย..คนที่นี่จะเล่นในตัวเมืองแค่ 1 วัน คือวันที่ 13 เม.ย. หลังจากนั้นก็จะไปเล่นที่หาดแม่รำพึง หรือไม่ก็ชลบุรีค่ะ บรรยากาศไม่ต่างจากกรุงเทพเลยค่ะ รถติดมากๆ ติดกันเป็นชั่วโมงๆ แต่สนุกมากค่ะ เล่นน้ำกันจริงๆจังๆ ไม่ได้เล่นแป้งแบบกรุงเทพ ชอบจัง วันแรกมาถึงได้ไปกินข้าวที่หาดแม่รำพึงค่ะ มีร้านอาหารทะเลเยอะแยะเลยค่ะ ราคาไม่แพงเลย เรากินทั้งวันไปและวันกลับเลยค่ะ อร่อยมาก โดยเฉพาะปูนึ่ง กับปลาทอดราดน้ำปลาสุดยอด พูดถึงแล้วหิวขึ้นมาทันที อิอิทะเลแถวนี้ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ พัทยา บางแสนสะอาดกว่าค่ะหลังจากได้เล่นสาดน้ำปล่อยแก่ไปแร่ะ ก็ไปซิ่งต่อที่เสม็ดค่ะ เราไปเสม็ดครั้งสุดท้ายแบบว่านานมากกกกกก น่าจะประมาณ 4-5 ปีได้ค่ะ แต่กลับไปอีกครั้งก็ยังประทับใจค่ะ น้ำใส มีปลาตัวน้อยๆ ว่ายไปมา น่ารักเชียว เราพักที่ อ่าวทับทิม บังกาโลวค่ะ ที่พักสะอาด หาดเป็นส่วนตัว อาหารอร่อย โดยเฉพาะผัดกระเพราอร่อยมากกค่ะ (ไปถึงทะเลกินผัดกระเพราะ 555+++) ที่สำคัญราคาไม่แพงเลยค่ะ เราไปเรือ Speed Boat ก็ตกคนละ 200 บาทค่ะ 15 นาที ถึงที่พักเลย สะดวกจิงๆ ที่พักคืนนึง ห้องแอร์ 1,500 บาท ไม่แพงเท่าไหร่โอเคเร้ยยเย็นๆ คุนแฟนชวนขี่มอเตอร์ไซด์ไปดูพระอาทิตย์ตกที่ท้ายเกาะ โรแมนติกจิงๆ แต่ไกลเหมือนกันค่ะ ทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่บรรยากาศดีมากค่ะไปเที่ยวคราวนี้พักผ่อนจิงๆ ค่ะ มีกินกับนอนเท่าน้านนน ขาดแต่เล่นน้ำค่ะ แดดแรงสุดชีวิต ได้แต่ไปเดินเล่นๆ ถ่ายรูปค่ะถ้าใครอยากพักผ่อนแต่มีเวลาไม่มาก แนะนำเสม็ดเลยค่ะ ขับรถแค่ 2-3 ชั่วโมง แต่เหมือนอยู่อีกโลกนึงเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสจะไปอีกแน่นอนค่ะ ชอบ ชอบ
อันนยองฮาเซโย Valentines Trip 2009 @ Korea @^_^@! Part 4
และแล้วก็ถึงวันสุดท้ายที่อยู่ที่นี่แล้ววว ไม่อยากกลับเลย วันนี้ตื่นเต้นมากกกกก ได้เห็นหิมะแบบว่าเพิ่งตก เป็นปุยๆ เห็นเป็นครั้งแรกตื่นเต้นมากก พวกลูกทัวร์ก็ไปถ่ายรูปกันใหญ่ คือจริงๆ ตกตั้งแต่ตอนกลางคืนแล้วค่ะ เสียดายจัง ไม่ได้เห็นตอนตกอยู่ แต่แค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ อิอิ วันนี้อากาศเลยหนาวมากกกกกกกกกกกก ประมาณ -5 ค่ะ แล้วโปรแกรมวันนี้อยู่กลางแจ้งตลอดเลย ตายๆๆๆ ปกติเป็นคนขี้หนาวด้วยอ่าที่แรกที่เราไปวันนี้คือ Blue House ค่ะ เป็นบ้านพักของประธานาธิบดีของเกาหลี แ ต่เราไม่ได้เข้าไปชมด้านในนะคะ ชมแต่ด้านนอก วันนี้อากาศหนาวมากกกกก ลมแรงด้วยค่ะ เดินถ่ายรูปอยู่แป๊บเดียวต้องรีบขึ้นรถเลยค่ะ วันนี้ไกด์ไม่ต้องคอยตามลูกทัวร์เลย 555 หลังจากนั้นนั่งรถไม่นานก้อไปถึง พระราชวังคยองบกกุง หรือตามโปรแกรมทัวร์เรียกว่า เคียงบ๊อก เป็นแหล่งที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง พระราชวังแห่งนี้สร้างมา 600 กว่าปีมาแล้ว นานมากกก และเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุด และเก่าแก่ที่สุด และจุดเด่นจะอยู่ที่พระตำหนักคยองแฮรู สร้างอยู่กลางน้ำเป็นสถานที่ ที่จัดงานเลี้ยงในสมัยนั้น วันที่ไปคนเยอะมากค่ะ ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ จะถ่ายรูปก็ต้องคอยหลบๆ คนหน่อย และในบริเวณพระราชวังคยองบกกุง จะมีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ซึ่งเก็บรวบรวมศิลปะ วัฒนธรรม ของคนเกาหลี ไกด์ชาวเกาหลีก็จะเดินพาดูไปรอบๆ พร้อมกับให้ความรู้ไปด้วยค่ะ จากนั้นก็เดินทางไปที่ศูนย์โสมของรัฐบาลค่ะ ศูนย์โสมแห่งนี้จะขายแต่โสมที่มีอายุ 6 ปีเท่านั้นค่ะ หลังจากฟังเค้าแนะนำสินค้าแล้วน่าสนใจมากค่ะ อย่างโสมที่เป็นผงๆ กล่องนึงจะมี 6 ขวด สามารถกินเดี่ยวๆ หรือผสมน้ำผลไม้ก็ได้ค่ะ และยังสามารถเอามาผสมกับครีมพอกหน้าได้อีกด้วย แต่เห็นราคาแล้วอึ้งไปเลย อย่างต่ำก็ประมาณ 2 หมื่นบาทค่ะ เค้ารับทั้งเงินไทย วอน ดอลล่า บัตรเครดิต ถ้ามีเงินก็น่าสนใจนะคะ เพื่อสุขภาพ เพราะว่าถ้ามาซื้อที่ไทยจะราคาแพงกว่าประมาณ 3 เท่าค่ะ คนจนอย่างเราก็เลยเดินออกมาซื้อขนมกับมาร์คโสมด้านนอกแทนค่ะ อาหารกลางวันมื้อสุดท้ายที่เกาหลีจะเป็นพุลโกกิค่ะ เหมือนสุกี้อีกแล้ว มีหมู และผัก วันนี้เราอยากกินน้ำอัดลมมาก เพราะว่าตั้งแต่มาที่นี่ยังไม่กินเลย ก็เลยสั่งเป๊ปซี่มา 1 ขวด ราคา 2,000 วอนค่ะ ประมาณ 50 บาทค่ะ หลังจากนั้นเราก็ไปช้อปปิ้งต่อที่ชิลล่าดิวตี้ฟรีค่ะ ของที่นี่มีขายมากมายหลายยี่ห้อทั้งแบรนด์เนมต่างชาติ และก็แบรนด์เกาหลี เราก็มาซื้อ Sulwhasoo ที่นี่ค่ะ ใฝ่ฝันมานาน ถ้าซื้อ Etude ที่นี่จะมีส่วนลดด้วยนะคะ แต่ว่าจะไม่ได้ของแถมเหมือนซื้อข้างนอก ของก็ไม่เยอะเท่าข้างนอกด้วยค่ะ บางยี่ห้อจะมีส่วนลดเพิ่มขึ้นอีกค่ะ อย่างกระเป๋า Longchamp บางสีของที่นี่ จะลดเพิ่มให้อีก 30% อย่างรุ่น Cabas จะเหลือประมาณใบละ 1,800 บ. ค่ะ ถูกมากกกกกกกก ตามห้างที่ไทยขายประมาณ 4 พัน ตลาดแอนทีคอินซาดง จะเหมือนประมาณถนนข้าวสาร บ้านเราค่ะ วันอาทิตย์เค้าจะปิดถนนให้เดินดูของค่ะ จะมีพวกของที่ระลึกน่ารักๆ ของพื้นบ้านขาย ราคาไม่แพงค่ะ แต่เราไม่ได้ซื้ออะไรเลยค่ะ เนื่องจากเงินวอนที่แลกมาหมดเกลี้ยงเลย เลยได้แต่เดินดูของไปเรื่อยๆ ท่ามกลางอากาศหนาว วันนี้อากาศดีมากค่ะ ถึงจะหนาวมากกก แต่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มาเกาหลีหลายวัน เพิ่งจะได้เห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้าก็วันนี้เองค่ะ หลังจากนั้นไกด์ก็จะพาไปสลายเงินวอนที่ร้านวอนบินค่ะ (ที่ไกด์เรียกว่าร้านวอนบิน ก็เพราะว่าเงินวอนกำลังจะบินจากเราไปค่ะ 555) เป็นซุปเปอร์มาเก็ตค่ะ มีขายพวกขนม กิมจิ มาม่าเกาหลี สาหร่าย ซอสต่างๆ ที่นี่ถ้าซื้อครบ 3 หมื่นวอน มีบริการแพ็คของลงใส่กล่องให้ด้วยนะคะ จะเอาของที่เราช้อปปิ้งมาจากที่อื่นให้เค้าแพ็ครวมไปเลยก็ได้ค่ะหมดโปรแกรมทัวร์แค่นี้ค่ะ คราวหน้าถ้ามีโอกาสเราจะมาอีกค่ะ แต่คิดว่าคงจะลองมาเอง ถ้าเพื่อนๆ จะมาเองลองซื้อหนังสือมาศึกษาดูนะคะ คิดว่าไม่น่าจะยากค่ะ หรือว่าจะลองไปขอไกด์บุ๊ค หรือรับคำปรึกษาได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี ที่เอสพลานาสดูนะคะ เปิดจันทร์-ศุกร์ ถึง 1 ทุ่มค่ะ ไปขอไกด์บุ๊คก็แค่บริจาคเงินให้เค้าแค่ 20 บาทเองค่ะ อันนยองฮิ คาเซโย..ลาไปด้วยแฟชั่นน่ารักๆ ของเด็กน้อยที่เกาหลี พร้อมกับของที่ช้อปปิ้งมาคราวนี้จ้า
อันนยองฮาเซโย Valentines Trip 2009 @ Korea @^_^@! Part 3
วันนี้...วันวาเลนไทน์ โปรแกรมของเราคือไปสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ ไปถึงก้อไปดูสวนสัตว์ ไปดูไลเกอร์ ดูหมีไปเรื่อยเปื่อย หลังจากนั้นไปเล่น Snow Buster แบบว่ารู้สึกว่าตัวเองแก่มากกกกก มีแต่เด็กๆ ไปเล่น อิอิ แต่ว่าสนุกดีอ่ะ หิมะก้อเป็นปุยๆ ไม่เหมือนที่ลานสกีและแล้ว Hi-Light ของที่นี่ก็มาถึง T-Express เป็นเครื่องเล่นที่ฮิตมากของที่นี่ เหมือนรถไฟเหอะตีลังกาบ้านเรา แต่ของที่นี่รางรถไฟจะทำจากไม้ทั้งหมด ความชันก็จะประมาณ 70 องศาค่ะ ระยะเวลาในการเล่นประมาณ 3 นาที แต่ๆๆๆ ระยะเวลาในการรอ 1 ชั่วโมงกว่าๆ นานมากกกกก รอแล้วรออีก เมื่อยแล้วเมื่อยอีก ไม่เล่นก็ไม่ได้ ถ้าไม่เล่นเหมือนมาไม่ถึงกันเลยทีเดียว อิอิ แต่ว่าสมการรอคอยค่ะ สนุกมากกกกกก ไม่ได้ถึงขั้นน่ากลัวสุดๆ แต่ก็มันส์ใช้ได้เลยค่ะ แฟนเราถือกล้องวีดีโอขึ้นไปถ่ายด้วยค่ะ มีความพยายามสุดๆ 555++ พอเล่นนี่เสร็จหมดเวลาค่ะ ไม่ได้เล่นอย่างอื่นเลย แงแงพอเล่นเสร็จถึงเวลาหม่ำค่ะ อาหารมื้อนี้ประทับใจสุดๆ ในทริปนี้เลยค่ะ หมูย่างเกาหลี หรือ คาลบิ อร่อยมากกกกกก เนื้อนุ่ม น้ำจิ้มอร่อย ผักก็อร่อยไม่เหม็นเขียวเรยค่ะ กรอบด้วย เติมได้ไม่อั้น สุดยอดดดดด แต่ขาเดินออกจากร้านไปขึ้นรถเนี่ยยย หนาวสุดๆๆ เพราะว่าถอดเสื้อไว้บนรถ กลัวเสื้อเหม็น ก่อนขึ้นรถแวะซื้อของที่ระลึกก่อนอีก ซื้อไปหนาวไป 555++หม่ำเสร็จก็ไปนั่งรถไฟหัวมังกรชมป้อมฮวาซอง ซึ่งองค์การยูเนสโก รับรองให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมด้วยค่ะ สุดปลายรถไฟที่พระราชวังฮวาซองแฮงกุงค่ะ เป็นตำหนักพักร้อนของกษัตริย์สมัยนั้น และที่นี่ถ่ายทำซีรีย์เรื่องดังหลายเรื่องค่ะ เช่น แดจังกึม, Princess Hours, Goongs, คิมซูซอน ค่ะ อาหารเย็นวันนี้เป็นไก่ตุ๋นโสมค่ะ หรือภาษาเกาหลีว่า ซัมเกทังค่ะ เวลาเสิร์ฟจะให้คนละ 1 ตัว ข้างในตัวไก่จะมีข้าวเหนียว รากโสม พุทราแดง เกาลัด เครื่องเคียงจะมีขนมจีน เหล้าโสม พริกไทย เกลือ เมนูนี้เราว่าถ้าคนไม่ชอบอาหารมันๆ รสจืดๆ ต้องบอกว่าเลี่ยนแน่นอน เราเองขนาดชอบกินจืดยังว่าเลี่ยนเลยอ่ะ ดีที่ทางไกด์มีน้ำจิ้มแจ่วมาให้เพิ่มรสชาติ ทางไกด์จะมีพวกน้ำจิ้มต่างๆ มาให้ลูกทัวร์ทุกมื้อค่ะ เพราะว่าอาหารเกาหลีรสชาติจะจืดๆ ที่ว่าเผ็ดของเค้านี่ก็ไม่ได้ครึ่งของเราเลยค่ะ หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่เรารอคอยมานาน 555++ ช้อปปิ้งที่เมียงดงค่ะ ใฝ่ฝันมานานแล้วววววว ว่าถ้ามีโอกาสต้องมาซื้อของที่นี่ให้ได้ เพราะเครื่องสำอางค์เกาหลีที่มาขายที่เมืองไทย แพงมากกกกกกกกกก แพงกว่าที่เกาหลี 3-4 เท่าได้ ซื้อที่ชอปเมืองไทยไม่ลงเลยค่ะ อาศัยฝากคนซื้อมาให้จากเกาหลีดีกว่า เครื่องสำอางค์เ สกินแคร์เกาหลี ขึ้นชื่อว่ามีราคาถูก และคุณภาพดี ที่ฮิตกันคงหนีไม่พ้น Etude, The Skin Food แต่ที่คุณภาพดีๆ แต่ไม่เป็นที่นิยมที่เมืองไทยก็มีอีกหลายยี่ห้อค่ะ อย่างเช่น The Face Shop, Hanskin, Hera, Missha, Beauty Credit ฯลฯ แต่ที่เราใฝ่ฝันมานานว่าอยากใช้มากกก คือยี่ห้อ Sulwhasoo ค่ะ เป็นยี่ห้อที่ผลิตภัณฑ์จะผสมด้วยโสมทั้งหมด แต่ราคาค่อนข้างไม่น่ารักค่ะ..อิอิ ราคาสูงพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับสินค้าแบรนด์เคาเตอร์บ้านเรา ก้อพอๆ กันค่ะ ที่เมียงดงจะเหมือนสยามสแควร์บ้านเราค่ะ มีทุกอย่างให้เลือกสรรค์ค่ะ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ รองเท้า กระเป๋า ของกิน มากมายหลายสิ่ง น่าซื้อทั้งนั้น ของที่นี่เมื่อคิดเป็นเงินไทยแล้ว ถูกกว่าบ้านเราพอสมควรค่ะ แม้กระทั่งพวกสินค้าแบบที่บ้านเรามี ก็ยังถูกกว่า อย่างเราไปดูเสื้อกันหนาวของ Addias มาตัวนึง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2 พันกว่าบาท ถ้ามาซื้อที่บ้านเราน่าจะมี 4 พันขึ้นไปค่ะ ยิ่งค่าเงินช่วงนี้ถูกด้วย ยิ่งน่าช้อปปิ้งค่ะ แต่การช้อปปิ้งวันนี้มีอุปสรรคนิดหน่อยค่ะ คืออากาศหนาวมากกกกกก หลังจากที่ฝนตกไป อากาศที่นี่ก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ น่าจะประมาณ 0 องศาเลยค่ะ แต่ความหนาวไม่เป็นอุปสรรคต่อการกินไอศรีม 1 ฟุตของเราค่ะ ใครมาที่เมียงดงต้องกินไอศครีม 1 ฟุต ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง มีให้เลือกหลายรสอยู่ค่ะ หน้าตาเหมือนไอศครีมแม็คโดนัลบ้านเราค่ะ แต่ว่าเนื้อไม่แน่นเท่า ราคา 1,000 วอนเท่านั้นค่ะ (ประมาณ 27 บาท)หลังจากช้อปปิ้งมาหนำใจแร่ะ คราวนี้ถึงเวลาต้องแพ็คกระเป๋าแล้วค่ะ คือปกติแล้ว น้ำหนักกระเป๋าต่อ 1 คนเค้าจะไม่ให้เกิน 20 กิโลค่ะ แต่อาจจะมากกว่านี้ได้ไม่เกิน 5 กิโลค่ะ แต่ขามากระเป๋าเราก็หนัก 18 กิโลแล้วอ่า เลยต้องอาศัยกระเป๋าแฟน แล้วก็เอาพวกของใช้เสื้อผ้าถือขึ้นเครื่องไปอีกค่ะ เครื่องสำอางค์ที่ซื้อมาอย่างมากมายยย ก็ซุกๆ ไว้ตามเสื้อผ้า ช่องซิปต่างๆ พยามยามอย่าเอาไว้รวมๆ กันนะคะ ไม่งั้นเสี่ยงโดนภาษีแน่ๆ กว่าจะเก็บของเสร็จก็เหนื่อยกันเลยทีเดียว
อันนยองฮาเซโย Valentines Trip 2009 @ Korea @^_^@! Part 2
ตื่นเช้ามาฝนยังคงตกอยู่ แงแง... ทำให้อดไป 2 โปรแกรมคือ กอนโดล่าชมวิว กับขี่จักรยานบนทางรถไฟที่เมืองจองซอน ซึ่ง 2 โปรแกรมนี้หวังไว้มากว่าจะได้ไป ดูในรูปสวยมากกก ไกด์บอกว่าฝนตกทำให้ไม่สะดวกที่จะขึ้นไปชมวิว เพราะกอนโดล่าจะไม่ทำงาน แต่เค้าบอกว่าจะปลอบใจเราด้วย ตึก 63 ชั้น ที่ถ่ายซีรีย์เรื่อง My Girl ซึ่งจะไปตอนเย็นๆหลังจากกินข้าวเช้าที่ห้องอาหารหน้าโรงแรมเสร็จ ก็เดินทางไปไร่สตอเบอรี่ค่ะ จริงๆ ไกด์บอกว่าปกติเค้าให้เก็บได้คนละ 5 ลูกค่ะ แต่ทริปเราพิเศษกินได้ไม่อั้นค่ะ สตอเบอรี่ลูกใหญ่มากกกกก รสชาติจะออกหวานอย่างเดียว อย่างของบ้านเราจะมีรสเปรี้ยวนิดๆ เราแอบชอบรสชาติของบ้านเรามากกว่าค่ะ ที่ไร่สตอเบอรี่ถ้าซื้อที่นี่จะมีบริการส่งให้ถึงโรงแรมวันที่เดินทางกลับเลยนะคะ เพื่อความสดใหม่ กล่องนึงจะมี 4 แพ็ค ประมาณ 800 บาทค่ะ แต่เราไม่ได้ซื้อมาค่ะ เนื่องจากไม่ปลื้มรสชาติเท่าไหร่ กับกลัวว่าจะกลายเป็นแยมสตอเบอรี่ซะก่อนที่จะถึงกรุงเทพค่ะอาหารกลางวันวันนี้เป็นเหมือนชาบูอ่ะค่ะ แต่จะเค็มๆ หน่อย คล้ายสุกี้ญี่ปุ่น อาหารจะเค้าคล้ายๆ กันหมดเยยหลังจากนั้นก็เดินทางเข้ากรุงโซลค่ะ ไปตึก 63 ชั้นค่ะ หรือจะเรียกว่า Golden Tower ก็ได้ค่ะ เพราะภายนอกตึกตกแต่งด้วยแก้วสีทอง ข้างล่างตึกจะเป็น Aquarium ค่ะ ปลาไม่ได้เยอะมากมายค่ะ แต่ว่ามีเพนกวิน แมวน้ำด้วย น่ารักดีค่ะ หลังจากนั้นก็ขึ้นลิฟท์แก้วไปชมวิวข้างบนค่ะ ที่ชั้น 60 แต่ๆๆๆ มองวิวแทบไม่เห็นอะไรเลยค่ะ เพราะว่าฝนตก อากาศขมุกขมัวมากมาย หลังจากชมวิว แล้วก็ถึงอาหารเย็นค่ะ วันนี้เป็นข้าวยำเกาหลี หรือบิบิมบับ กับชาบูรวมมิตรทะเล ใส่ทั้งหอย กุ้ง ปลาหมึก แล้วมีซอสสีแดงๆ รสชาติเผ็ดนิดๆ ใส่ด้วยค่ะ ข้าวยำคล้ายๆ ที่บ้านเราค่ะ แต่ว่าไข่ของเค้าจะสุกมาแล้วคล้ายๆ ไข่เจียว หั่นเป็นเส้นๆ ไม่มีเนื้อสัตว์ พอยกมาเสิร์ฟต้องรีบใส่ซอส แล้วคลุกๆๆๆ ค่ะ เดี๋ยวจะไหม้ซะก่อนและแล้วก็ถึงเวลาของสาวนักช้อปค่ะ ตลาดทงแดมุน คล้ายๆ แถวประตูน้ำบ้านเราค่ะ มีหลายๆ ห้างอยู่ติดกันๆ แต่ห้างบ้านเราใหญ่อลังการกว่าเยอะค่ะ ไกด์ให้เวลาช้อปปิ้งแค่ 2 ชั่วโมง จะพอมั๊ยเนี่ยยยยย แค่ซื้อของที่ Etude ก็กินเวลาไป 1 ชั่วโมงแล้วค่ะ คนเยอะมากกกก ส่วนใหญ่เป็นคนไทยทั้งนั้น ของส่วนใหญ่ก็หมดโดยเฉพาะคอลเลคชั่นใหม่ๆ เกลี้ยง พนักงานที่นี่พูดไทยได้ด้วยเจ๋งมากค่ะ ทำให้เห็นว่าคนไทยมาเสียทรัพย์ที่นี่มากแค่ไหน รวมทั้งเราด้วย 555+++ หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นดูเสื้อผ้าค่ะ เสื้อผ้าช่วงนี้ยังเป็นคอลเลคชั่นหน้าหนาวอยู่ ก็เลยไม่รู้จะซื้ออะไร ซื้อมาก็ใส่ที่เมืองไทยไม่ได้ ร้อนขนาดเนี้ยยย ราคาก็ไม่ได้สูงมากนะคะ พอๆ กับที่ไทย แต่คุณภาพจะดีกว่าช้อปปิ้งเสร็จก็เดินทางกลับที่พักค่ะ หลังจากนี้ 2 คืน เราจะพักที่โนโวเทล คังนัมค่ะ โรงแรมสวยสะอาด ไฮโซมากค่ะ ชอบๆ ถ้าไปเองคงไม่ได้พักแบบนี้แน่ๆ แถวโรงแรมจะเงียบๆ หน่อย แต่ถ้าเดินไปอีกถนนนึงจะมีพวกร้านค้า ออฟฟิศ ร้านอาหารเยอะค่ะ เหมือนประมาณสุขุมวิทบ้านเรา คนที่นี่แต่งตัวเริ่ดมากค่ะ เหมือนหลุดมาจากหนังสือแฟชั่นเลย โทนสีที่นิยมก้อเป็นโทนดำ เทา ไม่ค่อยเห็นใส่สีสันกันเท่าไหร่
อันนยองฮาเซโย Valentines Trip 2009 @ Korea @^_^@! Part 1
เมื่อวันที่ 11-15 กุมภาพันธ์ ได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรก ดีใจมากกกตอนที่ตัดสินใจไปเที่ยวที่นี่เพราะ.....ค่าเงินถูกมากกกกกกก เหมาะกับการช้อปปิ้งอย่างแรง ประกอบกับชอบดูซีรีย์เกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ และคุณแฟนก็อยากจะไปเล่นสกี พอตัดสินใจได้แล้ว ก็ลอง search หาข้อมูล ดูทัวร์ที่น่าไว้ใจ ครั้งแรกยังไม่กล้าไปเอง ลองไปกับทัวร์ก่อนดีกว่า วิธีเลือกทัวร์ของเราก็คือ ดูจากระบบการจัดการของเวบไซด์เค้าว่ามีความเคลื่อนไหวตลอดเวลาหรือเปล่า และดูจากโปรแกรมว่าน่าสนใจแค่ไหน พอลองโทรไปที่ บ. ปรากฎว่ามีโปรแกรมว่างช่วงวันวาเลนไทน์พอดี เริ่ดมากกกก ก็เลยมีเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางแค่ 2 อาทิตย์วันที่ 11 ก.พ. เดินทางโดยสายการบินเกาหลีแอร์ไลน์ เครื่องออก 22.45 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง ไปถึงเกาหลีประมาณเกือบ 6 โมงเช้า เวลาของเกาหลี (เวลาของเกาหลีเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมงค่ะ) สิ่งที่น่ากลัวที่สุดกำลังจะมาถึงแล้ว หลังจากอ่านมาหลายๆ ที่ว่า ตม. ที่เกาหลีโหดมากกก ทำงัยดีเนี่ย passport ก็ใหม่เอี่ยม เพิ่งทำมา ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยแข็งแรง กลัวเค้าถามมาตอบไม่ได้อ่ะค่ะ แต่เราเตรียมเอกสารใบรับรองจากที่ทำงานมากันเหนียวด้วยค่ะ เค้าว่าทริกคือ ทำตัวว่าเราดูดีมีเงิน ไม่ได้จะมาทำงานประเทศเค้าอ่ะค่ะ พอถึงตรง ตม. จะมี 2 ส่วนค่ะ ส่วนของคนเกาหลี กับคนต่างชาติ แต่เนื่องจากช่องคนต่างชาติแถวยาวมากกก เค้าเลยให้เรามาต่อช่องคนเกาหลีค่ะ ตื่นเต้นๆๆๆ แต่พยายามทำหน้าเฉยๆ สุดริ้ดดด ปรากฎว่าเค้าไม่ถามอะไรเลยค่ะ ปั๊มผ่านให้เลย ดีใจมากกก คิดในใจแค่นี้เองเหรอเนี่ย 555++หลังจากผ่าน ตม. และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีไกด์ชาวเกาหลีที่พูดไทยได้ (พูดไทยแบบว่าเก่งมากกกกกก ศัพท์เทคนิคแปลกๆ รู้หมดค่ะ นินทาไม่ได้เลย...อิอิ) มาคอยรับอยู่ค่ะ คือทริปเราจะมีไกด์ 2 คนค่ะ คนเกาหลี กับคนไทย ลูกทัวร์ก้อจะมีแค่ 18 คนค่ะ ไม่เยอะไม่น้อยจนเกินไป รถบัสที่ใช้รับส่งก็ 42 ที่นั่งค่ะ สบายมากกกกหลังจากเตรียมตัวใส่ลองจอนเสื้อกันหนาวเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมานอกสนามบินจะขึ้นรถบัส อากาศหนาวววมากกกก ความรู้สึกแรกแบบว่าหนาวสุดๆๆ ที่แรกที่เราจะไปก็คือ เกาะนามิค่ะ ที่ถ่ายซีรีย์เรื่อง Winter Love Songs เดินทางน่าจะประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ก็ถึงเมืองชุนชอน นั่งเรือเฟอร์รี่ไปอีก 10 นาที ก็ถึงเกาะนามิค่ะ ระหว่างทางหมอกลงจัดมากกกก อากาศก็หนาวสุดๆ อุณหภูมิน่าจะประมาณ 3 องศาค่ะ เกาะนี้จะมีรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยน้ำค่ะ เป็นเกาะสำหรับคู่รัก ไปถึงไกด์ชาวเกาหลีซื้อขนมร้อนๆ ให้กินคนละ 1 อัน ไม่แน่ใจว่าเรียกอะไรค่ะ แต่ทำจากแป้ง ข้างในเป็นถั่วแดง หวานสุดๆ หลังจากนั้นก็ถ่ายรูปกันตามสบายค่ะ เกาะนี้จะมี Hi-Light อยู่ที่ทิวสนสูง 2 ข้างทางค่ะ โรแมนติกสุดๆ มีจักรยานให้เช่าขี่เล่นด้วยค่ะ แต่ด้วยเวลาของเราคงไม่มีเวลาอ่ะค่ะ เสียดายจังหลังจากออกจากเกาะนามิ ก็เดินทางไปกินอาหารกลางวันที่เรียกว่า ทัลคาลบิ หรือไก่บาบีคิวผัดซอสเกาหลี เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองชุนชอน ส่วนผสมก็จะมีไก่ กะหล่ำปลี แล้วก็เป็นแป้งเส้นๆ ของเกาหลีค่ะ เรียกว่าต้อก แล้วก็ซอสหวานๆ เผ็ดนิดๆ ผัดในกระทะใบใหญ่ๆ พอกินไปได้สักพัก ทางร้านก็จะเอาข้าวมาให้ผัดไปด้วยกัน หลังจากอิ่มกันแล้ว ก็ไปเดินเล่นช้อปปิ้งย่อยอาหารสักพักนึงค่ะ เรียกว่าย่านตลาดชุนชอนเมียงดงค่ะ เลียนแบบเมียงดงที่กรุงโซลค่ะ แต่ของไม่ได้เยอะเท่าที่เมียงดงนะคะ หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปที่ Yong Pyong Ski Resort เป็นสกีรีสอร์ทที่ใหญ่มาก ถ่ายทำซีรีย์เรื่อง Winter Love Songs ด้วยค่ะ ห้องพักสะอาดมากกกก สวยงาม หลังจากเก็บของเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว เย็นๆ เราก้อเดินทางไปกินชาบู-ชาบูทะเล เป็นอาหารเย็นค่ะถึงเวลาที่รอคอยแย้วววว เล่นสกีครั้งแรกค่ะ ตื่นเต้นๆๆ ค่าเช่าไม้สกี กับรองเท้า 30,000 วอนต่อคนค่ะ เป็นเงินไทยประมาณ 800 บ. ล็อคเกอร์เก็บของ 1,000 วอนค่ะ ตรงที่เราหัดเล่นจะเป็นข้างล่างๆ หิมะจะละลายแล้ว ประกอบกับฝนตกปรอยๆ ทำให้พื้นลื่นมากกกกกกกก พอใส่รองเท้าปุ๊บ ไหลๆๆๆๆๆ ล้มก้นกระแทกเลยค่ะ ลื่นอย่างแรง เบรคก็ยังไม่เป็น กว่าจะลุกได้ต้องรอไกด์มาช่วยค่ะ ลุกขึ้นเองไม่ไหวจิงๆ ขนาดจะขึ้นไปข้างบนเพื่อที่เล่นลงมา ยังต้องให้ไกด์ลากขึ้นไปเลยค่ะ 555++หลังจากเล่นไป ล้มไป ถ่ายรูปไปกลางสายฝน จนเมื่อยได้ที่ ก็ขึ้นไปนอนค่ะ อากาศตอนที่กำลังจะขึ้นไปนอนอยู่ที่ 0 องศาค่ะ หนาวมากกกก ประกอบกับฝนตกด้วยยิ่งหนาวว บรื๋ออออ..