เราเป็นตัวเรานั่นดีที่สุด
Group Blog
 
All blogs
 

ฤ รัก บทที่ 5

ฤ รัก บทที่ 5 ความเข้าใจ
--------------------------------------------------------------


ทุกคนลุกจากโต๊ะพร้อมๆกัน พากันเดินออกมาที่ท้องถนนด้านนอก ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ตลอดสองฝั่งมีของพื้นเมืองหลากหลาย มีร้านขายเครื่องประดับทั้งเครื่องเงินแท้ กับเครื่องเงินของชาวดอยที่ใช้เหรียญเงินมาทำ ผ้าปักนูนสูงใช้ดิ้นกับลูกปัดปักเป็นรูปต่างๆหลากหลายขนาดแล้วแต่ความต้องการ เสื้อผ้าที่วาดลายด้วยสีธรรมชาติ บางชิ้นเป็นผ้าปักที่ทำด้วยมือ ผ้าไหม ผ้าฝ้ายทอมือ งานไม้แกะสลัก บนทางเท้าเองก็มีของขายเต็มไปหมด ทำให้เดินสวนกันลำบากพอควร บางจุดเป็นลานเบียร์ส่วนใหญ่ที่นั่งกันอยู่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ


“พาสคะ ศศิอยากทานไส้อั่ว” ศศิอ้อน พาสเดินนำอยู่ด้านหน้าคอยเอาแขนพาดไปข้างหลังเพื่อป้องกันสาวเปรี้ยวข้างตัวกันไม่ให้พวกที่เบียดเข้ามาโดนหรือฉวยโอกาสเอาได้ ศศิคิดว่าพาสคงไม่ได้ยินที่เธอบอกแต่ไม่รู้สึกน้อยใจสักนิด กลับรู้สึกดีใจที่พาสคอยเป็นห่วงและปกป้องเธอ ตอนนี้ทุกคนต้องเดินเรียงเดี่ยวตามกัน ศศิเดินโอบเอวของพาสไว้แน่น เพราะกลัวถ้าคนนำหายไปเธอจะไปไหนไม่ถูก และถือโอกาสจะได้อยู่ใกล้ๆ ด้วย กลุ่มใหญ่เริ่มแตกกระจายออก


พาสตะโกนแข่งกับเสียงรอบข้าง “โอ๋.... เบน... นาฏดูแลคนใกล้ตัวด้วย...เดี๋ยวไปเจอกันที่ลานเบียร์บล็อคหน้านะ” ด้วยสามคนที่เธอเรียกนั้นเกือบจะเป็นเจ้าถิ่นแถวนี้อยู่แล้ว พาสเดินมาถึงเป็นคู่สุดท้ายสาวห้าวมองมาทางโอ๋ “ที่บ้านป้าทำไส้อั่วไว้บ้างหรือเปล่า”


โอ๋ส่ายหัว “พี่พาสอยากทานเหรอ”


“ไม่ใช่พี่หรอก.. ศศิน่ะ” พาสตอบ


โอ๋ชะโงกมองคนที่อยู่หลังพี่สาว นิ่งไปครู่หนึ่งเธอเห็นช่องทางบางอย่างจึงชวนทุกคนไปเดินตลาดกลางคืนที่มีของกินหลายอย่างขาย ซึ่งต้องเดินไปอีกทางใช้เวลาพอควร


“ใครไม่อยากไปก็กลับไปรอที่รถหรือเดินเล่นแถวๆ นี้ก็ได้นะฮะ” พาสบอกกับคนอื่น เพราะไม่ต้องการทำให้คนที่ไม่อยากไปต้องลำบากใจ


“พิไปค่ะ คงมีของทานเยอะใช่ไหมคะ” พิหันไปถามเบน หนุ่มมาดเข้มยิ้มน้อยๆ


กีกิเข้าประชิดนาฏ “ถ้าน้องนาฏไปผมก็ไปครับ”


นาฏหันมาค้อนก่อนจะเดินไปเกาะแขนโอ๋ กีกิยืนยิ้มด้วยมาดกวนๆ พาสมองมาทางณุ เมื่อเห็นเขาพยักหน้า เธอจึงออกเดินนำหน้าไป ตามด้วยสาวๆ โดยที่สามหนุ่มคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เดินคุยกันมาเรื่อยๆ สักพักก็ถึงตลาด แม่ค้าต่างเชิญชวนให้ซื้อของด้วยภาษาพื้นเมืองเสียงอ่อนหวาน ทุกคนต่างแยกกันดูของ


โอ๋เดินเข้าไปหาพาส“พี่พาสไปซื้อของไว้ทำกินพรุ่งนี้ทีสิคะ ของที่บ้านไม่ค่อยมีอะไร แต่มียอกฝักแม้วของชอบพี่พาสอยู่”


พาสพยักหน้ารับ “อืม... ได้สิ.. งั้นแยกกันไปนะเสร็จแล้วก็ไปเจอกันที่รถเลยแล้วกัน ช่วยดูๆ คนอื่นด้วยนะ”


โอ๋จับแขนศศิไว้ “ศศิอยากทานไส้อั่วใช่ไหมคะ ไปกับโอ๋ดีกว่านะเพราะมีหลายเจ้าจะได้ลองชิมด้วยว่าชอบแบบไหน”


“แต่..” ศศิไม่อยากแยกกับพาส


พาสเห็นด้วยกับโอ๋ “ก็ดีนะไปลองชิมเองจะได้ซื้อที่ถูกใจไงฮะ พาสซื้อของแป๊บเดียวแล้วจะรีบกลับไปหานะฮะ”


“ไปเถอะค่ะ” โอ๋กึ่งลากกึ่งจูงศศิที่ไม่ค่อยเต็มใจนักแยกไปอีกทาง


นาฏที่ตามหลังสามสาวโดนกีกิกวนประสาทมาตลอดทางได้แต่ก้มหน้างุด เพราะพูดอะไรไปก็กลับเข้าตัวทุกที
“เดินดูทางหน่อยสิครับ น้องนาฏเดี๋ยวก็ชนคนเข้าหรอก” น้ำเสียงช่างสดใส


นาฏหันมาค้อน “เรื่องของฉัน” จังหวะที่หันกลับมือเกิดปัดไปโดนกล่องขนมที่จัดเรียงอยู่บนแผงล้มระเนระนาด


“อุ๊ย... ขอโทษค่ะ” นาฏยกมือไหว้ขอโทษแม่ค้า แม่ค้าได้แต่มองนาฏที่ก้มลงเก็บขนมบนพื้น หนุ่มตี๋รีบเข้ามาช่วยรับของเอาไปจัดเรียงคืน ส่วนไหนที่ดูว่าไม่น่าจะขายได้ก็แยกไว้อีกทาง


“ต้องขอโทษจริงๆนะครับ.... ผมขอซื้อส่วนนี้ทั้งหมดเลยแล้วกัน” กีกิชี้ไปตรงของที่เสียหาย


“ได้เจ้า” แม่ค้ายิ้มโล่งอก เธอส่งถุงให้กีกิใส่ของ


“........” นาฎมองหนุ่มตี๋ด้วยสายตาที่แปลกไป เธอไม่คิดว่าเขาจะกุลีกุจอขนาดนี้


นาฏหยิบขนมใส่ถุง โดยที่มือหนึ่งของกีกิคอยจับปากถุงให้ หนุ่มตี๋ส่งเงินให้แม่ค้าพร้อมรอรับเงินทอนพอทุกอย่างเรียบร้อยก็หันมาถามนาฏ “เราจะไปทางไหนดี”


“ไม่รู้สิ” นาฏชะเง้อหากลุ่มที่เดินไปก่อนแต่ก็ไม่เห็นใครเลย


“เอางื้ไหม เราเดินดูอย่างอื่นไปก่อนเผื่อเจอคนอื่น... แต่ถ้าไม่เจอเราก็กลับไปรอที่รถ น้องนาฏคิดว่าไงครับ” กีกิเสนอความคิด ทั้งที่เขามีมือถืออยู่กับตัวแต่ไม่ยอมบอก


“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ” นาฏจำยอมตามนั้น


“น้องนาฏคร้าบ.. เราดีกันนะ” ชายหนุ่มกระแซะไหล่นาฏ สาวน้อยไม่ทันตั้งหลักถึงกับเซจนกีกิต้องรีบโอบเอวไว้


“อีตาบ้า... ปล่อยฉันนะ” นาฏโวยวายใส่ว่าน แต่หน้ากลับแดงเป็นลูกตำลึง


“ก็พี่กลัวน้องนาฏล้มนี่ครับ” เขารู้สึกอยากแกล้งนาฏอีกหน่อยจึงยังไม่ปล่อย นาฏเงยหน้ามองกีกินิดนึง ก่อนที่จะยิ้มมุมปาก “ ไม่ปล่อยใช่ไหม” นาฏบิดเอวกิกอย่างแรง


“โอ๊ย.. เจ็บ.. เจ็บ.. ปล่อยแล้วครับ” กีกิปล่อยแล้วเอามือลูบท้องตัวเองป้อยๆ


“โห..เล่นแรงจัง ทำไมเวลาอายต้องทำรุนแรงด้วยละครับ” ชายหนุ่มยิ้มยียวน


“บ้า.. อีตาบ้า” สาวน้อยไม่ต่อปากด้วย เดินจ้ำอ้าวไม่รอคนที่ถือของตามหลัง


“น้องนาฏครับ... เดินหนีใครเหรอครับ.. แบบนี้ก็ไม่ได้ดูของกันพอดี” เขาส่งเสียงไล่หลัง นาฏหันมาค้อนแล้วรีบจ้ำไปไม่สนใจจนกีกิต้องสาวเท้าตามไปจนทัน


เบนมีอาการกระวนกระวายเนื่องจากพิแวะซื้อของตั้งแต่หน้าตลาดมา ทำให้เดินตามไม่ทันคนอื่น แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรเพราะการที่จะเร่งหรือทิ้งพิไว้คนเดียวคงไม่เหมาะ และนั่นก็ไม่ใช่วิสัยของเขา ชายหนุ่มได้แต่ยืนถือของให้ พิเองก็จะคอยหันมาส่งยิ้มให้เบนตลอด


สักพักเบนหาที่วางของแล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาพาส “พาสเหรอ..”


“นายโทรหาใครละ” เสียงกวนลอดมาตามสาย


“ ฉันอยู่กับคุณพินะซื้อของอยู่.. คงตามไม่ทันไงเจอกันที่รถก็แล้วกันนะ.... เดินระวังระวังละ” เบนมีน้ำเสียงเป็นห่วงเพื่อน


“รู้แล้ว.... แค่นี้นะ” หลังจากเก็บมือถือพาสก็ออกเดินต่อ เธอคุ้นเคยเส้นทางในตลาดเป็นอย่างดี หญิงสาวมาหยุดที่ร้านขายของเจ้าประจำ


“สวัสดีเจ้า.. หายไปนานขนาดนะเจ้า” แม่ค้าสาวกล่าวทักทายอย่างคนคุ้นเคย


“ฮะ พอดีงานยุ่งเลยไม่ค่อยได้ขึ้นมา แต่แม่ค้าสาวของพาสนี่สวยขึ้นทุกครั้งที่ขึ้นมาเลยนะฮะ” พาสหยอดคำหวานแถมยิ้มอย่างเท่ห์ให้


“นี่ถ้าฮู้ว่าจะมาปะน้องพาส จะเอาให้สวยกว่านี้อีก” แม่ค้าสาวยิ้มหวาน


“เท่านี้ก็สวยเกินห้ามใจแล้วฮะ” พาสมองไปทางของสดที่วางอยู่ในถาดอลูมิเนียมขนาดใหญ่ “อืมการขนส่งดีขึ้นของก็สดขึ้นสินะฮะ” พาสนึกถึงสมัยก่อน เวลาที่ของทะเลส่งขึ้นมาทางเหนือทีไรมักจะไม่ค่อยสดนัก


“เจ้า” แม่ค้ายิ้มหวาน


“วันนี้พาสขอเป็นหมึกตัวใหญ่หน่อย เอาปลา...” พาสเลือกส่งให้แม่ค้า


แม่ค้าสาวเหลียวมองคนที่อยู่ข้างหลังพาส “ รอสักเตื้อนะเจ้า”


“ไม่เป็นไรครับ.. มาด้วยกัน” ณุตอบ


พาสที่ไม่ทันได้สังเกตว่าจะมีใครตามมาด้วย ถึงกับต้องหันกลับมามองข้างหลัง ซึ่งณุก็ส่งยิ้มหวานให้


“แหม. มาโต้ยกั๋น มาแอ่วเทือกนี้มีผู้บ่าวมาต้วยนะเจ้า” เธอพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ณุได้แต่ยิ้มเขิน


“พี่ณุตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ” พาสถาม


“ตั้งแต่คุณศศิแยกไปกับโอ๋แล้วครับ” ณุตอบ


“เฮ้อ..” พาสถอนใจกับตัวเอง


ณุเห็นพาสถอนใจก็อดถามอย่างน้อยใจไม่ได้ “พาสไม่พอใจที่พี่ตามมาใช่ไหมครับ”


สาวห้าวถึงกับอึ้งไปนิดกับน้ำเสียงที่ได้ยิน “เปล่าฮะ... คือปกติพาสชอบเดินดูไปเรื่อยๆ อยากซื้ออะไรก็แวะ เลยไม่ค่อยชินเวลามีใครมาเดินด้วย แล้วก็ไม่อยากพะวง..เอ่อห่วงคนที่ต้องมาเดินด้วย ยกเว้นว่าเดินตามคนอื่นน่ะฮะ พี่ณุอย่าคิดมากนะฮะ”


“พี่จะทำตัวดีๆ ตามพาสอย่างเดียวนะครับ” ณุดูกระตือรือร้นขึ้นทันตา


“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกฮะ” พาสเอื้อมมือจะไปรับถุงของ


ณุรีบคว้ามาถือเสียก่อน “ให้พี่เป็นคนถือนะครับ”


พาสพยักหน้าพอหันไปเห็นหน้าแม่ค้ากำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ก็ทำหน้าบึ้งใส่ “ยิ้มอะไรฮะ.. ตกลงเท่าไหร่ค่าของน่ะ” พาสทำเสียงเข้มใส่


“พี่อ้ายเปิ้นน่าฮักหนาเจ้า” แม่ค้าสาวยังคงแหย่


“ไม่เก็บใช่ไหมฮะ... ค่าของเนี่ย” พาสจ้องหน้าถาม


“ตั๊งหมดคิ๊ดสี่ร้อยพอเจ้า.. คนฮู้จักกั๋น”


“ขอบคุณฮะ” พาสส่งเงินให้ “ไปได้แล้วพี่ณุ” พาสเร่ง ณุหันไปยิ้มให้แม่ค้าแล้วรีบเดินตามพาส


พาสซื้อของอีกสามสี่อย่างแต่ละร้านทักทายกันเป็นอย่างดี มีแซวเรื่องหนุ่มที่ตามต้อยๆ แทบทุกร้านจนพาสเริ่มหงุดหงิดชวนณุกลับ “เรากลับกันเถอะฮะ”


ณุมองคนข้างตัวอย่างงงๆ แต่ก็เดินตามอย่างว่าง่าย ทั้งคู่กลับกันมาเส้นทางเดิม หญิงสาวเริ่มอารมณ์ดีขึ้นจึงนึกได้ เธอหันมาเอื้อมมือจะช่วยหิ้วของ “พาสช่วยถือ”
ณุส่ายหน้า “พี่ถือได้”


“ของตั้งเยอะ... เอามาเถอะช่วย” พาสยังตามคว้าถุง


“พี่ถือเองนะครับ” ณุเอาถุงหลบมือพาส


“แล้วอย่ามาบ่นทีหลังนะ” พาสมองหน้าเขานิ่ง เธอหันหลังกลับจะเดินต่อ


ณุสะกิดเรียก “พาสครับ”


“เปลี่ยนใจแล้วละสิ” พาสหันมาถามยิ้มๆ


“ไม่ใช่ครับ.. พี่ขอเดินหน้านะ” ณุบอกเสียงนุ่ม


“ทำไมฮะ” พาสจ้องหน้า


“ก็ต้องเดินเบียดคนเยอะแยะ... พี่ตัวใหญ่กว่าพาสให้พี่เป็นกันชนนะครับ” ณุบอกถึงเจตนา


“โธ่.. แค่เนี้ยพาสเดินมาได้สบายมากไม่เป็นไรหรอกฮะ”


“เถอะนะครับให้พี่เดินนำนะ” ณุทำเสียงอ้อน


“.......” พาสทำไม่สนใจออกเดินต่อ แต่ณุรีบวิ่งไปขวางหน้าไว้


“พาสพี่ขอละครับ”


พาสมองคนตรงหน้าเธออดยอมรับไม่ได้ว่าไม่เคยมีใครที่เธอรู้จักช่างตื้อขนาดตาคนนี้มาก่อน หญิงสาวถอนใจเบาๆ


“เฮ้อ.. ก็ได้ฮะ”


“ว่าง่ายๆ น่ารักจัง” ณุยิ้ม


พาสทำหน้ายู่ใส่หลังของณุ ทั้งสองเดินตามกันไปณุชี้ชวนให้พาสดูนั่นนี่ไปตลอดทาง หญิงสาวขำท่าทางเหมือนเด็กเจอของถูกใจของณุ


“ดูนั่นสิครับ” ณุหันมาชี้ให้พาสดูช้างแกะสลัก พอเขาหันกลับมาก็ต้องหยุดมองหน้าคนที่หัวเราะอยู่นิ่ง “ขำอะไรนักครับ”


“เปล่าสักหน่อย” พาสพยายามกั้นหัวเราะจนหน้าแดง


ณุมองแก้มแดงนั้นเขาอยากหยิกเสียนัก แต่กลัวว่าหญิงสาวจะหนีห่างเขารู้สึกว่าพาสเริ่มให้ความสนิทสนมมากขึ้น จึงได้แต่ชวนคุยเรื่องอื่นๆ กันไปตลอดทางพอมาถึงรถทุกคนต่างก็มากันครบแล้ว


“ขึ้นรถเลยเร็ว... รออยู่คู่เดียวเนี่ย” โอ๋ส่งเสียงเรียก


“พี่ณุนะสิแวะเกือบทุกร้านเลย” พาสหันไปโทษณุที่ทำให้ช้า


“ขอโทษครับ” ณุรับผิดแต่โดยดี ทั้งสองรีบเดินไปที่รถ



พาหนะคันใหญ่มาจอดสนิทที่หน้าบ้าน ทุกคนก้าวลงจากรถต่างช่วยกันหิ้วของที่ซื้อมาเข้าบ้าน และแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว


“พี่พาสอย่าเพิ่งกลับไปที่กระท่อมนะ อยู่คุยกันก่อน” โอ๋ร้องบอกพาสที่กำลังจะเดินไปทางหลังบ้าน


“ขอพี่ไปอาบน้ำก่อนไม่ได้เหรอ.. เหนียวตัวไปหมดแล้ว” พาสต่อรอง


“อาบในห้องโอ๋สิ ชุดเอาของโอ๋ก่อนก็ได้”


“เออ.. ดีเหมือนกัน” พาสจึงเดินขึ้นบ้านไป


เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพาสก็เดินลงมาด้วยเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงขาก๊วยสีฟ้าสด เธอเห็นทุกคนล้อมวงอยู่ในห้องนั่งเล่น มีหนุ่มกีกิกำลังดีดกีต้าร์ร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์ เธอเห็นณุทำตาหวานมองมา หญิงสาวทำเมินเดินมาลงนั่งบนเบาะเอาหลังพิงเก้าอี้ตัวที่นาฏนั่งอยู่


“พี่พาสหมอนไหมพี่” นาฏก้มหน้ามาถาม


“ไม่ต้องหรอก” พาสตอบทั้งที่หลับตาฟังเพลง


“พาสคะ..” ศศิเรียกเบาๆ


“ฮะ” พาสลืมตาขึ้นมองคนเรียก


ศศิส่งถ้วยน้ำชาให้ “ชาแอปเปิลที่พาสชอบค่ะ.....โอ๋เป็นคนเตรียมนะคะ”


“ขอบคุณฮะ” พาสรับมาค่อยๆ จิบจนหมด แล้วส่งคืนให้ศศิที่รอรับอยู่ทั้งสองยิ้มให้กัน


ศศิเดินกลับไปที่ครัวเธอเอาถ้วยไปวางในที่ล้างจาน “ล้างเลยไหมคะ” ศศิถามโอ๋


“ไม่ต้องหรอก... เดี๋ยวให้เด็กมาล้างได้... ศศิไปนั่งกับพวกนั้นเถอะ” โอ๋ที่จัดเก็บของที่ซื้อมาเข้าที่อยู่หันมาบอก


“ไม่เป็นไรค่ะ... มีอะไรให้ศศิช่วยบอกได้นะคะ” ศศิเข้าไปจับถุงที่วางอยู่


“ของสดพวกนั้นโอ๋เรียกเด็กให้มาล้างแล้ว ศศิอย่าทำเลยมันคาว” โอ๋ละมือจากของ มาพาศศิกลับมาหาพี่สาว


“นั่งนี่นะคะ.... เป็นแขกนั่งเฉยๆ” โอ๋พูดยิ้มๆ


“ค่ะ” ศศิยิ้มตอบ เธอลงนั่งข้างๆ พาส


พาสเริ่มหาวหลังจากฟังเพลงมาได้ซักพัก “พาสขอตัวก่อนนะฮะ.... ง่วงเต็มที”


“ศศิก็จะนอนแล้วเหมือนกัน... พาสไปส่งศศิที่ห้องได้ไหมคะ” ศศิอ้อน


“ฮะ...” พาสดึงศศิให้ลุกขึ้น ศศิกอดแขนเอาแก้มซบที่แขนของพาส ทั้งสองพากันเดินขึ้นบ้านไป


ณุมองสองสาวที่ขึ้นบ้านไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ พิมาลงนั่งข้างๆ พี่ชายเธอเข้าใจพี่ชายดีว่าเป็นอย่างไร เพราะเธอก็รู้สึกไม่ต่างไปนักเวลาที่เห็นเบนคอยเอาใจใส่ใจพาส แม้กระทั่งเวลาที่นั่งคุยอยู่กับเธอสายตาเขาก็จับจ้องแต่เพื่อนสาวเท่านั้น


“สู้นะคะพี่ณุ”


“อืม....” ณุหันกลับมาลูบผมน้องสาว

พาสมายืนส่งศศิที่หน้าห้อง “ถึงแล้วฮะ... หลับเร็วๆ นะฮะพรุ่งนี้จะได้สดใส”


“ค่ะพาสก็เหมือนกัน... นอนหลับฝันดีนะคะ” ศศิจับมือพาส


“เช่นกันฮะ” พาสตบที่มือศศิเบาๆ


พาสเดินกลับลงมาบอกกับพวกที่ยังคงนั่งสนทนากันอยู่ ถึงนัดหมายของวันพรุ่งนี้“พรุ่งนี้เที่ยงมีนัดกับพี่วลีเรื่องตุ๊กตาหินนะฮะ ยังไงเราต้องออกซักสิบโมง อย่าอยู่กันดึกนักนะ”


“ฉันไปส่ง / ผมไปส่ง” ทั้งเบนและณุพูดขึ้นพร้อมกัน


“ไม่เป็นไรไปเองได้ฮะ” พาสบอกก่อนจะโบกมือลาทุกคน


หญิงสาวเดินออกมาได้สักครู่หนึ่งณุก็ตามมาจนทัน “รอด้วยครับ”


ณุเห็นพาสไม่ได้หยุดให้แต่ก็เดินช้าลง “ใจร้ายจังไม่รอเลย” ณุต่อว่าไม่จริงจังนัก


“พาสบอกแล้วว่ามาเองได้ ไม่ต้องมาส่งไงฮะ”


“แต่น้องโอ๋บอกว่าพาสกลัวความมืดไม่ใช่เหรอครับ” ณุอ้าง


พาสหันมามองหน้าณุ “ไม่พูดก็ได้นะฮะ เวลาไม่นึกมันก็ไม่เท่าไหร่หรอกฮะ” แล้วออกเดินต่อ


ณุเดินตามหลังมาเรื่อยๆ สักพักก็พูดทำลายความเงียบ “สวนกุหลาบที่นี่สวนดีนะครับ”


“ฮะคุณน้าท่านชอบกุหลาบมาก” พาสนึกถึงหน้าน้าสาวที่แสนจะใจดีทำให้เธอยิ้มออกมา


“ดูท่าพาสจะสนิทกับที่บ้านนี้ดีนะครับ”


“ฮะ... สมัยก่อนคุณอายังทำธุรกิจที่กรุงเทพก่อนจะขายกิจการมาปักหลักที่นี่เพราะที่นี่เป็นบ้านของอาภาภรรยาท่านนะฮะ” พาสหยุดพูด


“ต่อสิครับ”


“ก็ปกติละฮะ พาสกับโอ๋อายุไล่ๆกัน บ้านก็ติดกันไปหากันเป็นประจำ”


“.... ครอบครัวพาสละครับ”


“ก็ปกติทั่วไปฮะพ่อมีธุรกิจเล็กๆ แม่รับราชการ” พาสพูดเสียงเรียบ เธอดูซึมไปเมื่อพูดถึงครอบครัวตัวเอง


“แล้ว.....”


“ถึงแล้ว.. ขอบคุณพี่ณุนะฮะที่มาส่ง” พาสพูดขึ้นก่อนที่ณุจะถามต่อ


พาสฝืนยิ้มให้ก่อนที่จะเดินเข้าห้องไป เขารับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของสาวห้าว หญิงสาวกำลังปิดบังอะไรบางอย่างไว้ ณุเดินคิดมาตลอดทางจนถึงบ้านพอก้าวเข้าไปก็ได้ยินเสียงทัก


“ไปส่งถึงไหนมาคะ คนอื่นเขาไปนอนกันหมดแล้ว” โอ๋ทัก


ณุนั่งลงใกล้ๆ “ดีจัง กำลังคิดถึงอยู่เชียว”


“คิดถึงโอ๋ ทำไมคะไม่คิดถึงคนที่ไปส่งมาหรอกเหรอ” โอ๋ทำท่าตกใจ


“โธ่... คนนั้นน่ะอยู่ในนี้ตลอดเวลาละครับ” ณุเอามือทาบอก


“โห.. เลี่ยนซะ” โอ๋แซว ณุหัวเราะแก้เก้อ


“เปลี่ยนเรื่องดีกว่า พี่จะถามเรื่องที่บ้านพาสนะครับ” ณุดูจริงจังขึ้น


โอ๋มีสีหน้าแปลกใจกับคำถาม “พี่ณุ ทำไมถามเรื่องนี้คะ”


“คือพี่พยายามชวนคุยถึงเรื่องทางบ้านแล้วพาสเขามีท่าทีแปลกไป”


“พี่ณุถามพี่พาสเรื่องที่บ้านเหรอคะ” โอ๋ถามเสียงสูง


“ครับ... มีอะไรครับ” ณุถามด้วยความสงสัย


“พี่พาสยังพูดดีกับพี่ณุไหมคะ” โอ๋ถาม


“ครับ.... ก็ดีนี่ครับ” ณุยิ่งฉงนหนัก


“อืม....” โอ๋มองเลยณุไปทางทิศของกระท่อม เธอมองกลับมาที่ณุ


“ก็นะคะไหนๆ แล้ว คือที่เคยบอกว่าพ่อของพี่พาสหวังมากกับการจะได้ลูกชายหลังจากที่ผิดหวังจากพี่แก้วมาทีแล้ว เลยเลี้ยงพี่พาสมาแบบลูกผู้ชายนะคะ แต่พอมีก้านกลับอยากให้พี่พาสทำตัวให้สมเป็นผู้หญิงผลที่ได้กลายเป็นยังไงพวกเราไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าพี่พาสหนีออกจากบ้านมาอยู่ที่นี่ช่วยงานที่รีสอร์ทอยู่ปีเต็ม จนพี่กานต์แต่งงานนั่นแหละพี่พาสถึงกลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ปิดเทอมก็จะขึ้นมาทำงานเก็บเงินไว้เป็นค่าเทอม สิบปีมานี่พี่พาสไม่เคยกลับบ้านเลย คุณลุงคุณป้าก็คอยถามข่าวคราวจากพวกเรานี่ละค่ะ” โอ๋เล่าจบก็ยกน้ำขึ้นดื่ม


“บ้านที่กรุงเทพละครับ ท่านได้ไปไหม” ณุยังคงซัก


“ไม่ค่ะ... พี่กานต์ไม่อยากให้พี่พาสเตลิดไปที่อื่นค่ะ”


“แล้วพวกท่านไม่คิดปรับความเข้าใจกับพาสอีกสักครั้งหรือ”


“พวกท่านรอค่ะ... รอว่าเมื่อไหร่พี่พาสจะใจอ่อน.... ละทิฐิ” โอ๋เริ่มเสียงเคลือ เธอสงสารพี่สาวและลุงกับป้า


“พาสเขายังโกรธทางบ้านหรือว่า...”


“ไม่ค่ะ พี่พาสโกรธตัวเองที่ทำตัวไม่ดี พี่พาสรักคุณลุงกับคุณป้ามากนะคะ ส่งของลงไปเกือบทุกเดือนแต่ให้บอกว่าพี่กานต์เป็นคนซื้อให้ท่าน ที่พี่พาสไปนอนกระท่อมก็เพราะเขาสามารถร้องไห้ได้ทุกคืน เวลาพี่พาสเผลอเขาก็จะเหมือนคนที่ไปอยู่ที่ไกลๆ ไม่มีใครเข้าถึง นี่ก็ดีขึ้นมากแล้วนะคะ เอาแต่ทำงานไม่หยุด”


“พี่ว่าน่าสงสารทั้งสองฝ่ายนะครับ” ณุพยายามเข้าใจในทั้งสองฝ่าย


“ขอนะคะอย่าแสดงท่าทีอะไรที่ทำให้พี่พาสรู้ว่าพี่ณุรู้เป็นอันขาด” โอ๋เตือน


“ครับ” ณุรับคำ


“ไปเถอะค่ะ ขึ้นนอนดีกว่า” โอ๋ปาดน้ำตาทิ้ง ทั้งสองต่างแยกกันไปด้วยความรู้สึกคล้ายๆ กัน



ณุเดินมาตามพาสที่กระท่อมหลังจากที่เมื่อตอนเช้าหลังมื้ออาหารพาสได้ขอตัวกลับมาเอาของที่ห้อง จนสายเขาก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเธอจะกลับไปที่เรือนใหญ่ ชายหนุ่มเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงเพลงเศร้าแว่วมาตามลมจึงหยุดฟังรอจนเพลงจบซักพักจึงเดินเข้าไปหาพาสหญิงสาวได้ยินเสียงคนเดินมาเธอรีบเอามือปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะหันกลับมาทางเสียง


“พี่แวะมาดูครับเห็นว่าพาสหายมานาน.....” ณุเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้หวายหน้าห้อง


“พอดีนั่งคิดอะไรเพลินไปหน่อยฮะ รอเดี๋ยวนะฮะ” พาสเอากีต้าร์เข้าไปวางบนเตียงจากนั้นเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้า มองหน้าตัวเองในกระจกดูความเรียบร้อย แล้วเดินกลับมาหาณุพยักหน้าให้ณุตามลงจากกระท่อมไป


ทั้งแปดคนมาถึงร้านของพี่วลี พาสให้ทุกคนเดินดูรอบๆ ส่วนตัวเองเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นสำนักงาน


“สวัสดีคร้าบ พี่วลี” พาสยกมือไหว้


“สวัสดีเจ้า” วลีรีบลุกจากที่นั่งมาตีแขนพาสเบาๆ “ไม่ได้มาแอ่วเจียงใหม่นานขนาดนะ”


“ก็มาแล้วนี่ไงฮะ เอ... แต่ปกติเวลาสั่งของใหม่พาสก็ขึ้นมาหาทุกทีนะฮะ” พาสทำเสียงอ้อน วลีค้อนแต่พองาม


“พวกนั้นรออยู่ข้างนอกฮะ” พาสพูดเป็นเชิงชวนวลีออกไปต้อนรับลูกค้า


“มะ ไปโต้ยกั๋น” วลีจูงมือพาสออกมาจากห้อง


ทุกคนที่อยู่ด้านนอกมองวลีที่เดินจูงพาส ทั้งสองพูดคุยเย้าแหย่กันมาตลอดทาง ณุ กีกิ และพิมองคนที่เดินคู่มากับพาส เธอเป็นสาววัยสามสิบเศษที่แลยังดูสาวด้วยผิวที่ขาวแบบคนเหนือ ตาโต ปากบาง ผมมวยสูงแซมดอกลีลาวดีขาว ใส่เสื้อยืดเข้ารูปสีม่วงอ่อนนุ่งผ้าซิ่นไหมสีเปลือกมังคุดเข้ม ชายซิ่นทอลายแบบพื้นเมืองของทางเหนือ คาดเข็มขัดสวมเครื่องประดับที่ทำด้วยแร่เงิน ทำให้ดูสง่าสวยยิ่งขึ้น ลักษณะของเธอสมกับเป็นเจ้าของงานช่างแบบสวยสม


“สวัสดีเจ้า.... ข้าเจ้ายิ๋นดีต้อนฮับสู่เจียงใหม่นะเจ้า” วลีทักทายเป็นภาษาถิ่น


“พูดภาษากลางดีกว่าพี่วลี” พาสกลัวว่าวลีจะพูดแต่ภาษาถิ่น


“อุ๊ย... ขอโทษค่ะ...” วลีรีบขอโทษขอโพย “ยินดีต้อนรับนะคะ”


“สวัสดีครับ / ค่ะ”


“เชิญตามสบายค่ะ...มากันเองเชียวเหรอคะนี่ พี่ชื่อวลีค่ะ.”


“ของที่พาสเห็นจากเมล์อยู่ทางฝั่งไหนฮะ” พาสถามพร้อมกับชี้ไปทางอาคารกับทางโรงเรือน


“ที่คัดไว้อยู่ด้านโรงเรือนนี่ทั้งหมดจ้ะ” วลีผายมือไปทางโรงเรือนโล่ง “ลองเลือกดูนะคะถูกใจชิ้นไหนบอกเด็กๆ ได้เลย ส่วนเรื่องราคาไม่ต้อห่วงถ้ามีแม่คนนี้มาด้วยไม่กล้าขายแพงค่ะ อ้อ.... นาฏเดินห่างๆ ของหน่อยก็ดีนะเราน่ะ”


“โห.. พี่วลี” นาฏทำหน้าตูม


“ฝากเบนกับนาฎรับรองทุกคนแทนพี่ด้วย.... พี่ขอตัวพาสไปคุยให้หายคิดถึงหน่อยนะคะ”


วลีจูงมือพาสจะเดินไปจากตรงนั้นก็หันกลับมาอีกที “ลืมไปกลางวันนี้ทานอาหารด้วยกันนะคะเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ”


ศศิมองพาสอย่างน้อยใจ พาสที่ถูกวลียึดไว้กับตัวเดินผ่านมาจึงพยักหน้าให้ตามไปได้ ศศิยิ้มอย่างดีใจรีบตามทันที ทั้งสามเดินไปทางด้านหลังที่เป็นศาลานั่งเล่น ที่เหลือเดินไปดูของที่วลีคัดไว้ให้ณุมองตามพาสไม่ขยับจนโอ๋ต้องมาลากให้ตามไป


“นี่ศศิเพื่อนอีกคนที่กรุงเทพฮะ” พาสแนะนำอีกครั้ง


“สวัสดีค่ะ” ศศิยกมือไหว้


“สวัสดี... เจ้าตัวดีพาไปเที่ยวไหนมาบ้างหรือยังคะ” วลีลูบหัวพาสที่นอนหนุนหมอนขลิด หยิบฝรั่งใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่สนใจทั้งสองคน


“เมื่อวานเย็นได้ไปเที่ยวไนท์บาซาร์กับตลาดกลางคืนมาค่ะ ของเยอะดีค่ะ” ศศิเล่าให้วลีฟัง


“ดีแล้วล่ะ.. แม่คนเนี้ยทำแต่งานมาก็เรื่องงานเสร็จก็กลับไม่ยอมอยู่เที่ยวเลยสักที” พูดจบก็ตีหน้าผากพาส


“ค่ะพาสมักจะทำแต่งาน ขนาดงานที่ร้านเขาก็ทำทุกอย่างเลยนะคะ”


“พี่อยากให้เขามีใครสักคนมาคอยดูแลปลอบโยนบ้าง... มุแต่งานไม่สนใจอะไรอย่างนี้จะแย่” วลีพูดเป็นเชิงให้น้องสาวหาแฟน


ศศิอึ้งกับคำพูดประโยคนึ้ของวลี เธอเอ่ยอะไรไม่ออกนักทั้งๆ ที่อยากจะเป็นคนที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับพาส แต่เธอก็พอจะรู้ว่าตัวเองคงไม่สามารถเป็นคนนั้นของพาสได้ เธอจึงได้แต่ยิ้มเศร้า


พี่วลีไม่ได้ทันสังเกตุสีหน้าของศศิจึงยังคงพูดไปเรื่อย “พี่ว่าหนุ่มหล่อนั่นท่าทางดีเหมือนกันนา.. พาสว่าไง” วลีมองไปทางณุที่คอยชะเง้อมาทางกลุ่มเธอ


“ใครคะ..” พิเอ่ยถาม ตาเธอมองตามพี่วลี “พี่ณุ... นะเหรอคะ.. ศศินึกว่า...”


“เบน....” วลีเสริมยิ้มๆ “คงไม่หรอกถ้าใช่ก็คงไม่มีสาวมาดแมนคนนี้นานแล้วหล่ะ... คงจะแปลงร่างเป็นสาวหวานไปนานแล้ว”


“แค่ก.. แค่ก...” น้องสาวที่เคี้ยวฝรั่งอยู่เกิดอาการติดคอถึงกับสำลักฝรั่งลุกขึ้นไออย่างเอาเป็นเอาตาย


“พาสเป็นไงบ้าง”ทั้งวลีและศศิรีบเข้ามาป้อนน้ำลูบหลังเป็นการใหญ่


“..........” พาสสั่นหัวแต่น้ำหูน้ำตาไหล


“ดูสิ... เพราะนอนกินถึงเป็นอย่างนี้ สอนไม่จำเลยนะเราน่ะ” ปากก็บ่นแต่ก็เช็ดน้ำตาให้ สาวห้าวซบหน้ากับไหล่ของวลีมีศศิช่วยลูบหลังให้ตลอด


นาฏเข้าไปหาณุแล้วพาเดินดูงานมาเรื่อยๆ โดยมีนายกีกิเดินตามหลัง นาฏเดินผ่านงานปั้นที่เป็นชายหญิงครึ่งท่อนโอบรัดกันว่านรีบทักขึ้น “งานชิ้นนี้ละครับน้องนาฏเรียกว่าอะไร” กีกิทำเป็นสนใจชี้นนี้เป็นพิเศษ


“งานอีโลติก” นาฎสะบัดหน้าใส่กีกิแล้วหันไปชวนณุ


“พี่ณุปล่อยกีกิเค้าดูงานชิ้นนี้ไปคนเดียวเถอะค่ะ เราไปดูงานแผ่นกินรีถือดอกบัวกันดีกว่า” นาฏเดินนำไปที่งานปั้นที่เป็นแผ่นงานชิ้นขนาดหนึ่งเมตรครึ่งยาวสองเมตร งานนูนต่ำรูปนางกินรี นั่งพับเพียบอยู่บนโขดหินหันข้างสองมือชูดอกบัวที่กำลังขึ้นอย่างชื่นชม


“เป็นไงคะสวยไหมทางโน้นก็งานช้างหมอบ ช้างชูงวงพ่นน้ำ มีทั้งแบบธรรมดาและแบบช้างทรง ชิ้นใหญ่นั่นเป็นรูปนางนอนขนาดเท่าคนจริงเลยนะคะ” นาฏชี้ให้ดู


นางนอนที่ณุเห็นเป็นงานปั้นหญิงสาวกึ่งเปลือยนอนตะแครงเกือบคว่ำ โชว์ความอ่อนช้อยรายละเอียดของรูปร่างที่สมจริง


“เป็นไงคะพี่ณุถูกใจชิ้นไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”


“พี่ตามใจพาสเค้าอยู่แล้ว เท่าที่เดินดูมานี่ก็สวยทุกชิ้น”


“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ค่ะ พี่พาสละเอียดกับงานทุกชิ้นค่ะ” นาฏยิ้มอย่างภูมิใจ


“พี่ณุผมหิวแล้วนะ” กีกิเดินลูบท้องเข้ามาหาทั้งสอง


พิกับเบนเดินมาสมทบกับทั้งสามคน“ไปกันเถอะครับอาหารพร้อมแล้ว เมื่อกี้เด็กเดินมาบอก” เบนเดินนำทุกคนไปที่สวนด้านหลัง


วลีรับไหว้จากทุกคนหลังจากทานอาหารกันแล้ว ทุกคนมาลากลับและเดินขึ้นรถไปเหลือแต่พาสที่เข้าไปกอดวลี สาวใหญ่กอดตอบและจูบหน้าผากหอมแก้มทั้งสองข้างก่อนจะปล่อยพาสให้ขึ้นรถ วลีรอจนรถหายลับไปจึงเดินกลับเข้าร้าน

.

ร้านแสนรักวันนี้เปรียวช่วยพี่เออยู่ในห้องจัดเรียงเอกสารเข้าแฟ้ม ทางเอก็นั่งคีย์งานเข้าคอมฯ มีนัทคอยอยู่ข้างๆ เปรียว คอยช่วยหยิบของตามที่สาวน้อยใช้งานอย่างเต็มใจ


“เจ้าพาสมันทำให้ยุ่งยากจริงๆ” เอบ่นพึม


“ทำไมคะทำไว้ไม่ดีเหรอไม่น่า... แต่น่าสงสารพี่พาสออกนะคะ ทำทุกอย่างทั้งดูแลร้านทั้งบัญชี เนี่ยปกติเปรียวไม่เคยเข้ามาช่วยเลยนะคะ แล้ว...”เปรียวพยายามแก้ต่างแทนพี่สาวหน้าตาจริงจัง


“พอๆ เจ้าเปรียว ไม่ต้องกลัวพี่เราถูกติหรอก.. ที่พี่บ่นเนี่ยเพรามันระบุมากเกิน ถ้าทำเหมือนเจ้าพาสเมื่อไหร่จะเสร็จ.. พี่เรามันละเอียดขึ้นทุกครั้งที่พี่มาช่วยเคลียร์... เฮ้อ”


เปรียวยิ้มแก้มปริทำเหมือนเป็นคนถูกชมซะเอง เอกับนัทพากันหัวเราะขำพฤติกรรมของเปรียว สาวน้อยได้แต่ค้อมคนนั้นทีคนนี้ที


“หัวเราะกันเข้าไป.. เปรียวออกไปข้างนอกดีกว่า” พูดจบก็เดินดุ่ยๆ ออกจากห้อง


“ตกลงนี่เจ้าเปรียวมันงอนพี่.. หรือว่ามันหนีงานที่กองอยู่นี่กันแน่” เอมองหน้านัท


นัทได้แต่ส่ายหัว “ผมไม่รู้ครับ แต่ผมขอตัวก่อนนะครับ” หนุ่มน้อยรีบตามเปรียวออกไป


เอมองการกระทำของนัทอย่างรู้ทัน “ดีละอย่างนี้ต้องตบรางวัลเจ้าเปรียว. ใช้สัญญาใจผูกมัดซะเลย ฮะ”


นัทวิ่งตามเปรียวมาจนทัน “เปรียวคร้าบ..งอนผมเหรอ”


“เปล่า.. ทำไมต้องงอนนายด้วย” เปรียวพูดไม่มองหน้านัท


“แล้วที่ทำอยู่นี่เค้าเรียกอะไรครับ” นัทดักหน้าเปรียวไว้ เด็กสาวหันหน้าหนี “หายงอนเถอะนะ เรื่องแค่นี้เอง” นัทพยายามง้อ


เปรียวทำเฉยไม่สนใจทำให้นัทยิ่งพยายามมากขึ้น เปรียวเดินหนีไปนั่งหน้าบาร์ นัทตามติดคอยเอาใจทุกอย่าง ทำให้พนักงานทั้งร้านขำท่าทีของทั้งคู่


พาสก้าวเท้าเข้าบ้านมาก็เรียกหาป้าคำปุนไปทั่วบ้าน หญิงวัยหกสิบต้นๆ เดินออกมาจากห้องนั่งเล่นพาสยกมือไหว้และสวมกอดอย่างรักใคร่ ผู้ที่ถูกกอดนั้นลูบหลังไหล่น้ำตาซึม


“คิดถึงป้าจังค่ะ ป้าคิดถึงหนูไหม” พาสถาม ป้าได้แต่พยักหน้ารับแกดันพาสออกเพื่อมองหน้าหลานสาวให้เต็มตา


“ไม่เอาละจ้องหน้าหนูอย่างนี้ เขินนะนี่ไม่เคยเขินใครเท่านี้เลย” พาสจูงป้าคำปุนให้ไปนั่งที่ตั่ง


“เดี๋ยววันนี้หนูจะแสดงฝีมือทำกับข้าวเองนะคะ” พาสนั่งโอบตัวป้าไว้เธอเอาหน้าแนบแก้มผู้สูงวัย


“ป้าบ่แน่ใจ๋ว่าจะกิ๋นได้” ป้าคำปุนเหย้าแหย่


“ป้าใจร้าย ว่าแต่เมื่อวานนี้ไปหาหมอมาเป็นไงบ้างคะ” พาสโยกป้าไปมา


“ก็โรคคนแก่ พวกความดัน เบาหวานนั่นแหละ”


“แค่นั้นจริงนะ” พาสคาดคั้น


“แต้แต้...” ท่านยกมือที่เหี่ยวตามวัยขึ้นลูบหน้าผมของหลานสาว


“ไงวันนี้พักนะคะ หนูจัดการเองไปหละ” พาสหอมแก้ม แล้วผละขึ้นบ้านไปเปลี่ยนชุด ป้ามองตามหลังหลานสวยคนโปรดไปอย่างรักใคร่


สาวห้าวยืนผัดเปรี้ยวหวานท่าทางคล่องแคล่วทำให้พิและศศินั่งมองตาแป๋ว นาฏกับโอ๋คอยเป็นลูกมือหยิบนั่นล้างนี่ตามคำสั่งของพี่สาวอย่างรู้ใจกันทางด้านสามหนุ่มแยกกันอยู่คนละมุมณุเดินชมสวนกุกลาบแต่ตาคอยมองเข้าไปในบ้าน เบนนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ อีกมือก็คุยโทรศัพท์ดูวุ่นวาย มีพิคอยมาเปลี่ยนน้ำกับขนมให้เป็นระยะ ชายผิวเข้มยิ้มรับไมตรีที่พิคอยยื่นให้ ส่วนหนุ่มหน้าตี๋ยกเก้าอี้มานั่งเล่นกีต้าร์กล่อมสาวๆ ที่หน้าห้องครัว


นาฏเองก็คอยเงี่ยหูฟังเสียงห้าวๆ ที่ร้องเพลงหวานส่งมาสีหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม จนคนที่ผัดของคอยหยิกแกมหยอก


“ไงเรายิ้มไม่หุบเป็นไร...”


“เปล่าซะหน่อย... พี่พาสเนี่ย..................... ว้าย” นาฏเขินจนทำถ้วยล่วง ดีว่าเป็นถ้วยพลาสติก


“เอาเข้าไปน้องฉัน... ฮึฮึ”


พาสหันมามองศศิแล้วยิ้มให้ “เบื่อหรือยังฮะ มานั่งอยู่ในครัวแบบนี้”


“ไม่เบื่อค่ะเพลินดี ได้เห็นพาสทำอาหารด้วย” ศศิลุกมายืนใกล้ๆ


“ศศิช่วยพาสจัดโต๊ะได้ไหมฮะ” พาสอยากให้ศศิรู้สึกว่าตัวเองก็มีประโยชน์


“ค่ะ ได้สิคะ” สาวเปรี้ยวรับคำ รีบกุรีกุจอไปที่ตู้เก็บจานชาม หยิบออกมานำจำนวน


“โอ๋ช่วยค่ะ” เจ้าของบ้านสาวเสนอตัว


“ค่ะ” ศศิยิ้มรับ สองวันเธอรู้สึกว่าโอ๋ดีกับเธอหลายอย่าง โอ๋พูดจาด้วยเป็นอย่างดีเทคแคร์เธอทุกอย่างไม่ผิดกับพาส เธอเข้าใจสิ่งที่พาสพยายามบอกมาเสมอคือถ้าเธอเริ่มต้นกับคนอื่นอย่างไรก็จะได้รับสิ่งนั้นกลับมา ไม่มากก็น้อยต้องทำใจยอมรับและยิ้มรับในสิ่งนั้น


นาฏถือกับข้าวออกมาจากครัวกีกิรีบวางกีต้าร์เข้ามารับจานจากมือนาฏแล้วเอาไปวางที่โต๊ะอาหาร นาฏยืนมองกีกินิ่งพอเค้าหันกลับมาหญิงสาวก็กวักมือเรียกให้เข้าไปช่วยขนต่อในครัว ทั้งสองช่วยกันจัดวางกับข้าว ส่วนศศิกับโอ๋ช่วยกันเรียงจานช้อนทั้งสี่คุยกันสนุกสนานไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนเดินเข้าครัวไป


ณุยืนมองด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังล้างของอยู่ ภาพที่เขาไม่เคยได้เห็นจากสาวห้าวคนนี้ เธอคนนี้สำหรับเขาดูช่างเป็นคนที่มีเรื่องให้ค้นหาอีกมาก ณุเดินเข้าไปใกล้ตัวพาสมากขึ้น


พาสหันมามองยิ้มให้เขา “พี่ณุตามกลิ่นกับข้าวมาผิดที่แล้วฮะ นาฏกับกีกิยกออกไปหมดแล้ว”


“พี่จะเข้ามาช่วยทำอะไรบ้างนะครับ อยู่เฉยๆ เกรงใจ” ไม่พูดเปล่าเขาเดินเข้ามารับจานที่พาสล้างเสร็จแล้ว “เอาไว้ไหนครับ”


พาสชี้จุดให้ เธอคิดว่าถ้ามัวแต่ชี้คงไม่เสร็จแน่ “เอางี้ดีกว่าฮะพี่ณุล้างน้ำนี่ ส่วนพาสจะเช็ดเก็บเข้าที่เอง”


“ก็ได้ครับ” ณุเข้าไปสลับที่กับพาส


พินั่งคุยกับเบนในเรื่องต่างๆ ของงานที่วางแผนไว้ เบนเลื่อนจอคอมฯ มาทางพิชี้ให้ดูภาพร่าง พิฟังเบนพูดตาคอยเหลือบมองหนุ่มมาดเข้มตรงหน้า เบนเองสามารถรับรู้ได้เขาไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา เขาไม่ปฏิเสธในความปราถนาดีที่พิมีให้ แต่เขายังคงห่วงอาทรสาวอีกคนที่ไม่ใช่พิ




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2549 12:56:40 น.
Counter : 221 Pageviews.  

ฤ รัก บทที่ 4

ฤ รัก บทที่ 4 สร้างความคุ้นเคย


“นาฏ....... นาฏ.........ตื่นสิยายขี้เซา” เปรียวทั้งผลักทั้งดึงเพื่อน


“อือ....” นาฏยื่นมือออกมานอกผ้าห่มควานหาตุ๊กตาตัวโปรดมากอดแนบอก ไม่มีทีท่าว่าจะลุกง่ายๆ


“นี่ตื่น......” เปรียวลงนั่งข้างๆ หยิบหมอนมาวางไว้ที่ตัก


“อื้อ... นี่มันวันอาทิตย์นะจะรีบปลุกไปไหนเล่า..” นาฏบ่นหงุงหงิงไปเรื่อย


“ก็วันนี้ต้องไปบ้านพี่พาสไง... ทำไมขี้ลืมนักนะ.... เร็วสิ...... พี่พาสใกล้จะมาถึงแล้ว” เปรียวขยับตัวตั้งท่าจะทำอะไรสักอย่าง


“อืม.... ขอแป๊บนึง” นาฏพูดทั้งที่หลับตาจึงไม่เห็นว่าตอนนี้เพื่อนขึ้นมายืนคร่อมตัวเธออยู่


“ได้....ไม่ลุกใช่ไหม” เปรียวทิ้งตัวลงมาพร้อมกับเอาหมอนลองตัวไว้ ทับไปบนตัวสาวร่างบาง


“โอ้ย......” นาฏร้องเสียงหลง เธอพยายามดิ้นรนสู้แรงเพื่อนที่กดทับอยู่


“ว่าไง.... ลุกได้ยัง” เปรียวถาม


“ลุก.... ลุกแล้ว..... หลบไปสิกระดูกจะหักแล้ว” นาฏร้องบอก


“ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เปรียวผละจากเพื่อน รีบไปเปิดประตู


พอประตูเปิดออกเปรียวเห็นพี่สาวยืนเอามือล้วงกระเป๋า แต่พี่สาวกลับไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพังกลับมีพี่ปุ๊กผู้จัดการหอพักเกาะแขนตามมาคุยด้วย


“พี่ปุ๊กมาทำอะไรชั้น 4 นี่คะพี่... ตรวจความเรียบร้อยเหรอ” เปรียวแซว


“แหม... น้องเปรียวนี่ถ้าน้องพาสไม่ขึ้นมา พี่ปุ๊กคงไม่ขึ้นมาหรอกจ้ะ... พี่ไปก่อนนะคะน้องพาส” ปุ๊กพูดเสร็จก็เดินนวยนาดจากไป


“พี่พาสนี่เสน่ห์แรงจริงๆ” เปรียวหลีกทางให้พี่สาวเข้าห้อง


“พูดมาก” พาสเขกหัวน้องสาวก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง



หลังจากรับสองสาวมาจากหอพักพาสก็ขับรถดิ่งตรงกลับบ้าน สักพักรถคันน้อยก็เคลื่อนตัวมาจะถึงหน้าบ้านอยู่แล้วก็เห็นรถคนหนึ่งจอดสนิทอยู่ก่อนแล้ว


“รถพี่ณุนี่คะ” นาฏชี้มือให้พาสดู


“เออ... ตาพี่ไม่บอดน่า..” พาสขมวดคิ้วมองรถข้างหน้า “มาทำไมอีก..”


“มาหาพี่พาสไง” เปรียวตอบคำถามที่พี่สาวพึมพำ


“ไม่ได้ถามเฟ้ย...” พาสหันมาทำตาขวางใส่น้อง


“ก็นึกว่าอยากรู้..” เปรียวยิ้มยั่ว


“ไป...ลงไปเลย... ขนของตัวเองลงไปด้วย” พาสจอดรถต่อท้ายคันหน้า


ณุที่นั่งคุยอยู่กับสองสามีภรรยาเมื่อได้ยินเสียงรถของหญิงสาวเขาก็รีบขอตัวลุกไปดักรอที่หน้าประตูรั้ว เมื่อเห็นสองสาวหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโต ชายหนุ่มจึงรีบเข้ามาช่วยทันที


“มาครับ... พี่ช่วยนะ” ณุคว้ากระเป๋าจากมือเปรียวและนาฏ ส่วนตาของเขามองเลยสองสาวไปทางพาสที่เดินตามหลังมา เขายิ้มให้เธอก่อนจะหันหลังเดินนำเข้าบ้าน


“โห... สุภาพบุรุษจัง” นาฏหันมาบอกกับพี่สาว


“เชอะ...” พาสทำหน้าเบ้ “ไป... เข้าบ้าน” เธอกอดคอน้องสาวทั้งสองพากันเดินเข้าบ้าน


พาสพาสองสาวเดินเข้าไปหาพี่สาวกับพี่เขยที่ม้าหิน “ไปเอาตัวมาแล้วฮะ”


“คิดถึงพี่เอกับพี่กานต์จัง” นาฏกับเปรียวเข้าไปกอดพี่กานต์


“ทำเป็นปากหวานตามพี่เราเชียว” กานต์โอบน้องทั้งสอง


“ปากบอกคิดถึงพี่ไม่เห็นเคยมากอดพี่สักที” เอแกล้งบ่น


“ไม่ล่ะค่ะ... เราสองคนกลัวเดี๋ยวเข้าบ้านนี้ไม่ได้” เปรียวหันไปยิ้มยิงฟันให้เอ


“ใช่... แต่ไม่ใช่สองคนนี้นะที่เข้าบ้านไม่ได้” กานต์ชำเลืองมองสามี


ณุที่เอากระเป๋าไปเก็บในบ้านกลับออกมาสมทบกับทุกคน เขาเข้ามายืนใกล้ๆ กับพาสพยายามส่งยิ้มให้กับเธอ


“สวัสดีฮะ... คุณ..... เอ่อพี่ณุ...... วันนี้มาทำไมเหรอฮะ” พาสถามเสียงเรียบ


“ยายปลา... ถามอะไรอย่างนั้นหะ” กานต์โวยน้องสาว


“ไม่เป็นไรครับพี่กานต์....” ณุหันไปบอกกานต์ ก่อนจะตอบพาส “วันนี้พี่มาคุยกับพี่กานต์น่ะจ้ะ พอดีวันนี้พี่ว่าง”


“อ้อ... ฮะ... ถ้าอย่างนั้นคุยกันไปนะฮะ พาสขอตัวต้องไปจัดกระเป๋าเตรียมของอีกหลายอย่าง” พูดจบสาวห้าวก็เดินตรงเข้าในตัวบ้านทันที โดยมีน้องสองคนลุกตามไป


ณุเหลียวมองหญิงสาวจนลับตา เขาหันกลับลงนั่งกับพี่ทั้งสองเขาพยายามปรับสีหน้าจ๋อยๆ ให้สดชื่นขึ้น


“พี่ขอโทษแทนเจ้าพาสด้วยนะ... ณุ” เอยิ้มปลอบชายหนุ่ม


“สงสัยรถติดน่ะ.... ขานี้เวลาอารมณ์เสียจากไหนมาก็เป็นอย่างนี้หล่ะแก้ยากหน้านิ่วตลอด” กานต์แก้ต่างแทนน้องสาว


“ครับผมเข้าใจ..” ณุยิ้มให้กับคนทั้งคู่


“เมื่อกี้เราคุยถึงไหนแล้ว... ใช่ใช่... เรื่องงานของณุที่ว่าเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสินะ...” เอชวนคุยเรื่องที่ค้างไว้แทน


“ครับ...คือทางบริษัท..............”


หลังจากณุลากลับไปแล้วกานต์ก็ตรงขึ้นมาที่ห้องของน้องสาวตัวแสบ ที่ทำตัวไม่น่ารักซะเลย


“ลูกปลาไปพูดกับพี่เขาอย่างนั้นได้ไง...” กานต์มานั่งตรงข้ามกับน้องสาวที่จัดกระเป๋าเดินทางอยู่


“ปลาแค่ถามเฉยๆ เอง...” สาวห้าวตอบพี่สาวไปจัดกระเป๋าไป เธอพยายามไม่สบตาพี่สาว


“นี่แน่ะ..... ถามเฉยๆ” กานต์ตีมือน้องสาว


“พี่กานต์นะ.... เขามาแค่ครั้งเดียวไปเข้าข้างเขาแล้ว” พาสกระเง้ากระงอด


“ไม่เกี่ยวเลยกับใครก็ไม่ควรทั้งนั้นแหละพี่ไม่ชอบ... ทีหลังอย่านะ” กานต์ทำตาเขียวใส่น้อง


“ค่ะ..” พาสก้มหน้ารับคำ เธอเองก็คิดว่าตัวเองทำเกินไป ทั้งที่ปกติแล้วเธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะพูดแบบนี้กับใครสักคน


เช้าวันจันทร์มาถึงพาสลากกระเป๋าเดินทางมาวางรวมกับของนาฏที่มานอนด้วยตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อสะดวกในการเดินทางส่วนเปรียว พาสให้มาพักที่บ้านในช่วงที่นาฏไม่อยู่ เธอไม่อยากให้เปรียวพักที่ห้องคนเดียวเพื่อความปลอดภัย


“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่พาส” นาฏกับเปรียวช่วยกานต์จัดโต๊ะทัก เมื่อพาสเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ติดกับเอ


“อืม..”


“ชาค่ะพี่พาส” นาฏยกถ้วยชามาวางให้ตรงหน้า


“ข้าวต้มสักหน่อยไหมคะ” เปรียวที่ตักข้าวต้มให้คนอื่นๆ อยู่ถาม


“ไม่เอาดีกว่า กลัวไปทำเลอะบนเครื่อง” พาสส่ายหัว


“ไปยอมเค้าทำไมก็ไม่รู้” เปรียวไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ตั้งแต่รู้ว่าพาสที่กลัวความสูงอย่างหนักต้องไปทางเครื่องบิน


“เอาน่าบ่นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พี่ตกลงเขาไปแล้วทำไงได้” พาสโบกมือให้น้องหยุด


“ก็มันน่าโมโหนี่... เห็นทุกทีพี่พาสดื้อจะตายไม่เคยยอมสักที... คราวนี้อะไรก็ไม่รู้” เปรียวยังบ่นไม่เลิก


“...........” พาสมองน้องอย่างปลงๆ ในความขี้บ่น


“หวังไว้แล้วกันนะว่าจะได้นั่งโซนกลางๆ” เอให้ความหวัง


“อย่าทิ้งพี่ละนาฏ” พาสเริ่มทำเสียงอ้อน


“เอ๊ะ.. ว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ” นาฎทำหน้าเจ้าเล่ห์


“เออได้ทีเอาใหญ่เลย” พาสพูดประชด


“เอาละ.. ไปกันได้แล้วเดี๋ยวสาย” เอตัดบท ทุกคนเดินตามกันมาหน้าบ้าน


“รักษาตัวนะ” กานต์ลูบผมพาส ก่อนจะปล่อยน้องให้ตามคนอื่นออกไป


พาสเดินออกมาหน้าบ้านได้ยินเสียงนาฏกับเปรียวกำลังเถียงกับใครบางคนที่ช่างคุ้นเสียงเสียเหลือเกิน


“พาสคะ” ศศิผลักสองสาวให้พ้นทาง


“ศศิ” พาสมองสาวเปรี้ยวตรงหน้าอย่างงงๆ


“พาส.. ศศิไปด้วยค่ะ” ศศิตรงเข้ามากอดเอวพาส


“ไปไหนฮะ” พาสยังเบลอไม่หาย


“เชียงใหม่ไงคะ” ศศิส่งยิ้มหวาน


“ไปได้ไงฮะ พาสไม่ได้เป็นคนบุ๊คตั๋ว” สาวมาดเท่ห์ตกใจอยู่ไม่น้อยที่ศศิรู้


“เรียบร้อยแล้วค่ะ เพื่อนที่สนามบินจัดการให้” ศศิทำหน้าภูมิใจอย่างมาก


“ไปค่ะ เดี๋ยวสายนะ” ศศิจูงมือพาสไปที่รถ สาวเปรี้ยวเปิดประตูพร้อมกับฉุดพาสให้นั่งกับเธอที่ด้านหลัง เปรียวกอดนาฏฝากให้นาฏดูแลพาสเรื่องนั่งเครื่องบิน นาฏรับรู้ก่อนขึ้นรถไป


พาสหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรังเข้าไปในสนามบินไม่สนใจ ศศิกับนาฏที่เดินขว้างฆ้องใส่กันมาตลอดทาง นาฏชอบแกล้งศศิเสมอถ้ามีโอกาส ซึ่งศศิเองเป็นลูกคุณหนูที่มักจะถูกตามใจ ทั้งสองจึงไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรพาสสอดส่ายสายตาหากลุ่มที่มาถึงก่อน หญิงสาวเห็นทุกคนนั่งกันอยู่ที่ล๊อบบี้เธอจึงมุ่งตรงเข้าไป


ทางณุกับเบนหันมาเห็นสามสาวเดินเข้ามาจึงรีบลุกเดินเข้าไปหาทั้งสองต่างช่วยหิ้วกระเป๋าให้ทั้งสามสาว


“ขอบคุณนะฮะ” วันนี้พาสพูดกับณุดีๆ เพื่อแก้ตัวที่พูดไม่ดีกับเขาเมื่อวาน


“ครับ...” ณุถึงกับยิ้มกว้าง เมื่อคืนเขาแทบจะไม่ได้นอนเพราะเฝ้าแต่คิดถึงคำพูดชวนปวดใจของเธอ แต่พอเธอพูดนุ่มลงเพียงเท่านี้เขาก็เป็นสุขเสียเหลือเกิน


“สวัสดีฮะทุกคน” พาสยิ้มให้กับทั้งกลุ่ม


“สวัสดีครับ/ค่ะ”


เบนกระซิบถาม “ยายศศิมาได้ไง”


“ม่ายรุ” พาสทำหน้าเบ้ ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจแต่เธอรู้นิสัยเอาแต่ใจของศศิดี กลัวจะไปมีปัญหากับคนอื่น


“สวัสดีค่ะ” นาฏยิ้มให้ทุกคน แต่ทำเป็นไม่สนกีกิที่ส่งยิ้มอยู่ก่อนแล้ว


ศศิเข้ามาคล้องแขนพาส ไม่สนใจคนรอบข้างเลย “พาสคะ ศศิเมื่อย”


“ศศิฮะ” พาสทำเสียงดุ “ทุกคนฮะนี่คุณศศิเป็น...” พาสกำลังนึกว่าจะแนะนำว่าอะไรดี


“คนรู้ใจค่ะ” ศศิรีบตอบ พาสถึงกับนิ่งยิ้มไม่ค่อยออก


“นี่คุณณุ.. คุณพิ.. คุณกีกิครับ” เบนแนะนำทุกคนแทนเพื่อน


“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ศศิยิ้มให้ทุกคนเพียงแว่บเดียว ก่อนที่จะลากพาสไปหาที่นั่งพัก ปล่อยให้ที่เหลือมองตามตาปริบๆ ณุพูดคุยกับคนอื่นๆ ไปตาก็คอยเหลือบมองทางพาสที่ถูกศศิออดอ้อนอยู่เป็นระยะ


ถึงเวลาที่ทั้งกลุ่มต้องขึ้นเครื่องพาสเดินหลังสุดกับนาฏและศศิ ศศิลงนั่งที่ริมหน้าต่างแล้วรีบกวักมือเรียกพาสให้มานั่งกับเธอ นาฏเดินเข้าไปนั่งข้างศศิซะเอง พาสมองตามน้องสาวงงๆ


“นี่.. นี่เป็นที่นั่งของศศิกับพาสนะ นาฏมานั่งได้ไงล่ะ” ศศิโวย


“ก็พี่พาสเค้ากลัวความสูงคงจะยอมนั่งนี่หรอกนะ ลืมหรือไง ฉันแลกที่นั่งกับพี่พาสแล้วด้วย” นาฏทำสีหน้าเยาะนิดๆ


“ไม่ลืมหรอกย่ะ.. งั้นหลีกไป ศศิจะไปขอแลกที่นั่งกับคนที่นั่งข้างพาส” ศศิขอทาง


“วุ่นวายน่า...... นั่งทีซะทีเหอะ...” นาฏว่าศศิ ส่วนณุเพิ่งจะนั่งลงตรงโซนกลางส่วนที่นั่งด้านหลังกีกินั่งกับผู้โดยสารท่านอื่น พิบอกเบนว่าจะขอคุยงานด้วยเธอจึงแลกที่นั่งกับณุ ทั้งสองจึงนั่งอีกฝั่งหน้าต่าง พาสเลยจำใจลงนั่งข้างณุอย่างเลี่ยงไมได้


“นั่งซะทีสิศศิ” นาฏสะกิด ศศิกระแทกตัวลงนั่งทำหน้าบึ้งตึง


สักพักเครื่องก็เริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ จนเริ่มทะยานขึ้นฟ้า พาสเริ่มมีอาการเกร็ง หน้าขาวๆ ซีดลง ณุซึ่งคอยสังเกตหญิงสาวอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าคนที่ดูเหมือนไม่กลัวอะไรคนนี้จะกลัวความสูงได้มากขนาดนี้ เขาสงสารเธอจับใจถ้าแก้ไขได้เขาก็อยากพาเธอลงไปจากเครื่องเดี๋ยวนี้เลย เบน นาฏและศศิเองก็เป็นห่วงพาสมากแต่จะเข้าไปหาก็ไม่เหมาะ


ณุจับมือพาสเอามากุมไว้แน่น “ไม่ต้องกลัวนะครับ... พี่อยู่นี่”


“ทำใจให้สบายอย่าไปนึกถึงนะครับคนดี” เสียงนุ่มกระซิบที่ข้างหู ในสมองหญิงสาวได้คิดถึงเรื่องความสูงกับเครื่องบินเท่านั้น จึงได้แต่นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก พาสหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดพยายามปล่อยใจให้ว่างไม่คิดอะไร


ณุค่อยๆ สอดแขนที่ว่างอยู่โอบไหล่พร้อมขยับตัวให้ศรีษะของพาสแนบซบกับอกของเขา หญิงสาวถึงกับลืมตาขึ้นมองเธอพยายามเอาแขนข้างที่โอบออก


“พาสไม่เป็นไรฮะ” พูดยังไม่ทันจบเครื่องที่กำลังบินเกิดตกหลุมอากาศทำให้เครื่องมีการกระตุกและสั่น แค่นั้นก็สามารถทำให้คนที่กลัวเครื่องบินอย่างพาสผวาตกใจ เธอก้มหน้าซุกแนบกับอกกว้าง


“โอ๋โอ๋... ไม่ต้องกลัวนะครับพี่อยู่นี่” ชายหนุ่มฉวยโอกาสรวบตัวหญิงสาวมากอดไว้เต็มสองแขน


ภาพคนทั้งสองคนที่ทุกคนเห็นช่างเป็นความน่ารัก แต่สำหรับเบนกับศศิแล้วทั้งสองมีสีหน้าที่เครียดเอามากๆ


“คุณณุ.. คุณณุ” พาสเริ่มหายกลัวแล้วจึงนึกได้ว่าถูกชายหนุ่มกอดไว้ เธอผลักอกณุดันตัวเองออก


“คุณณุฮะ.. เอ่อ.” พาสพูดไม่ออก


“ครับ.. เมื่อกี้พาสเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” แทนที่จะปล่อยณุกลับกอดกระชับแน่นขึ้น


“.. พี่ณุปล่อยพาสได้แล้วฮะ พาสดีขึ้นแล้ว” หญิงสาวไม่ยอมสบตาชายหนุ่ม


“ยังไม่ถึงเลยนะครับ” ณุกระซิบที่ข้างหู


“เครื่องคงที่แล้ว ไม่เป็นไรแล้วปล่อยเถอะฮะ” พาสเงยหน้ามองณุ


ยิ่งเห็นแก้มนวลมีสีระเรื่อยิ่งทำให้ณุอยากกอดหญิงสาวให้แน่นกว่านี้ แต่ไม่อยากให้พาสรู้สึกว่าเขาจ้องจะเอาเปรียบณุจึงยอมปล่อยเธอ สีหน้าของเขาบอกชัดถึงความเสียดาย


“ขอบคุณฮะ” พาสพูดเสียงแผ่วเบา


สาวห้าวที่ตอนนี้แก้มยังเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความอายผสมขายหน้า เอนหลังพิงเบาะหลับตานิ่งเพราะไม่อยากสบตากับณุที่คอยส่งยิ้มให้



ทั้งเจ็ดคนมาถึงสนามบินเชียงใหม่พิกับเบนเดินนำออกมาก่อน พาสคอยห้ามทัพระหว่างนาฏกับศศิตั้งแต่ตอนลงเครื่องมา ส่วนณุและกีกิเดินตามมาหลังสุด นาฏเข้ามาสะกิดพี่สาว


“พี่พาส”


“หืม.. ว่าไงนาฏ” พาสหันไปมองน้องสาว


“ไปห้องน้ำกัน” นาฏขยับเดินนำไป พาสมองเห็นศศิมองมาอย่างน้อยใจเธอจึงพยักหน้าให้


ศศิรีบเข้ามากอดแขน “พาสขา ศศิห่วงพาสมากเลยตอนเครื่องขึ้น”


“ขอบคุณฮะ”


พาสแวะเข้าไปหาเบนก่อน “ไปห้องน้ำก่อนนะ... พาไปรอที่ประตูทางออกแล้วกันเดี๋ยวตามไป”


“อืม..” เบนพยักหน้า


ณุชะเง้อคอมองตามสามสาวที่พากันเดินไปทางอีกทาง สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่สาวมาดเท่ห์อย่างห่วงใย


“อะแฮ้ม..” เสียงก่อกวนมาจากคนข้างๆ ทำเอาณุที่มองตามพาสไปต้องหันกลับมายักคิ้วให้


พอเดินมาถึงประตูทางออกพาสให้ทุกคนรออยู่ก่อนเธอหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาใครบางคน ไม่ถึงห้านาทีก็มีรถตู้มาจอดเทียบตรงที่พาสยืนอยู่ ประตูเปิดออกคนที่ก้าวลงจากรถมาคือโอ๋สาวตาคม ผมยาวเกือบถึงเอวดูเป็นสาวหัวสมัยออกแนวเซอร์ๆ ท่าทางคล่องแคล่ว เธอตรงเข้ามากอดพาสแน่น


“ง่อมหาขนาด”


“เออ.. พี่ก็คิดถึงแก” พาสกอดตอบ


“นิวละ.. ไม่มาด้วยเหรอ” โอ๋ถาม เมื่อไม่เห็นคนที่เธออยากเจอ


“นี่เจ้าโอ๋ นิวมันเพิ่งกลับลงไปเมื่อเดือนก่อนเองนะ.. แล้วนี่มันไม่ได้บอกเหรอว่าไม่มา” พาสค่อนเอา


“บอกแต่ว่าดูก่อน” โอ๋ทำหน้าง้ำ


“ดี...... ช่างเหอะไว้ไปต่อว่ากันเองละกัน...มานี่” พาสพาโอ๋มาที่กลุ่ม “ทุกคนฮะ.. นี่ญาติสนิทพาสชื่อโอ๋”


“สวัสดีครับ/ค่ะ”


“เราค่อยไปแนะนำตัวกันต่อในรถดีไหมคะ.. เชิญค่ะ” โอ๋กลัวเสียเวลาเธอจึงตัดบท เธอพาทุกคนมาที่รถ ทีแรกโอ๋กะจะเข้าไปนั่งกับพาสด้านในแต่ศศิเบียดตังเองเข้าไปนั่งคู่เสียก่อน โอ๋เลยไปนั่งหน้ากับคนขับแทน รถออกจากสนามบินมาสองข้างทางดูไม่ต่างจากกรุงเทพมากนัก เส้นทางที่รถขับมาสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนจากตัวเมืองที่การจราจรติดขัดออกสู่ถนนมีแต่เขากับต้นไม้ ยิ่งไปเรื่อยๆ ถนนเริ่มหักศอกทางที่คดเคี้ยวบอกถึงความชำนาญของคนขับได้เป็นอย่างดี ตลอดทางจะได้ยินเสียงแตรรถเป็นระยะ เพื่อเป็นการบอกกล่าวกับรถที่จะสวนมา


“หมากฝรั่งค่ะ เผื่อใครเมารถ” เจ้าบ้านส่งหมากฝรั่งให้มาแบ่งกัน


พาสใช้วิธีมองออกไปไกลๆ ไม่มองทางข้างหน้า ผ่านไปชั่วโมงเศษรถก็มาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ตีนดอยอ่างขาง อำเภอฝาง ทุกคนลงจากรถขนของเข้าบ้าน


“โอ๋เตรียมห้องพักไว้ให้แล้วนะคะ แต่ถ้าอยากไปพักที่โรงแรมเดี๋ยวให้น้าเอี้ยงพาไปได้ค่ะ” ครอบครัวโอ๋เป็นหนึ่งในเจ้าของรีสอร์ทระดับสามดาวอยู่บนดอยอ่างขาง บนดอยมีการจับจองทำรีสอร์ทกันหลายกลุ่ม ยังมีรีสอร์ทของโครงการหลวงซึ่งสมเด็จย่าเป็นผู้ทรงดำริไว้


“เราพักที่ไหนก็ได้ครับ” ณุกล่าวอย่างเกรงใจ


โอ๋พาทุกคนขึ้นบ้านมาที่ห้องมุมติดบันได “คุณณุกับคุณกีกิห้องนี้ค่ะ”


“ครับ” ณุเปิดประตูเข้าไปวางกระเป๋าบนที่นอน ก่อนจะไปที่หน้าต่างห้องเห็นทิวทัศน์ด้านนอกที่เป็นสวนดอกไม้แลดูสดชี่นสบายตา


“สวยครับ” กีกิหันกลับมากล่าวกับเจ้าบ้าน เธอยิ้มรับคำชม


“ส่วนห้องนี้คุณพิกับนาฏนะคะ” โอ๋ชี้ไปที่ห้องติดกัน


พิถามเมื่อไม่เห็นเบนตามขึ้นมา “คุณเบนไปไหนซะแล้วละคะ”


“เบนห้องเขาอยู่ข้างล่างน่ะฮะ” พาสตอบแทนเจ้าบ้าน อย่างรู้ใจพิ


“แล้วศศิกับพาสพักห้องไหนคะ” ศศิถามโอ๋


“คุณศศินอนห้องฝั่งตรงข้ามนี่ละค่ะ” โอ๋เดินมาเปิดห้องให้


“ไปค่ะ ” ศศิจูงพาสไปที่ห้อง พาสเอากระเป๋าศศิไปไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วเลยไปเปิดหน้าต่างให้ลมเย็นพัดเข้ามา


“กระเป๋าพาสอยู่ไหนคะ” ศศิถามเมื่อเห็นแต่ของตนเอง


“เบนเอาไปเก็บให้แล้วฮะ” พาสตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จ กำลังจะเดินออกจากห้อง


“พาสไม่ได้พักกับศศิหรือคะ” ศศิถลามารั้งพาสไว้


“พาสพักที่บ้านพักด้านหลังสวนดอกไม้ฮะ.. ศศินอนพักที่นี่ดีแล้วนะมันสะดวกกว่า พักเถอะนะเดี๋ยวให้คนมาตาม... ออกไปเที่ยวกันตอนค่ำ” พาสแกะมือศศิออก


“แต่ว่า...” ศศิทำหน้าบึ้งทำท่าจะท้วง


“ศศิคนดีนอนที่นี่นะฮะ.....” พาสยิ้มให้


“ทำไมพาสไม่พักกับศศิที่ห้องนี้ละคะ” ศศิต่อรอง


“พาสนอนที่นั่นจนเคยแล้วฮะ...... ของส่วนตัวพาสก็อยู่ที่นั่นหมด... นะฮะ....” พาสขอร้องเสียงนุ่ม


“ก็ได้ค่ะ” ศศิตอบอย่างไม่เต็มใจนัก


“งั้นพาสไปก่อน.... เดี๋ยวพบกันนะฮะ” เธอปิดประตูห้องให้ศศิ


พาสออกจากห้องลงมาชั้นล่างตามติดด้วยนาฏที่จัดของเข้าที่แล้วเดินตามหลังมาปล่อยให้พิพักผ่อนอยู่ในห้อง


“ว่าไงคะ สุดหล่อมาคราวนี้พาสาวติดมาด้วย” โอ๋แซวพี่สาว


“พี่ยังเบลออยู่เลยว่าเค้ารู้ได้ไง” พาสล้มตัวลงนอนที่ตั่งไม้ในห้องรับแขกหัวหนุนตักโอ๋


นาฏแวะเข้าไปในครัวเดินถือถาดผลไม้มาสมทบกับพาส นาฏวางถาดตรงหน้าโอ๋ แล้วนั่งลงเอาหลังพิงไหล่สาวเซอร์


“นี่ทั้งตักทั้งไหล่เนี่ยมีเจ้าของนะ” โอ๋โวยไม่จริงจังนัก ส่วนมือก็หยิบส้มมาปลอกเปลือก


“ก็เจ้าของมันอยู่ไกล ขโมยใช้ก่อนแล้วกัน.... อุบ” โอ๋เอาส้มใส่ปากพี่สาว


“แค่ก.. เดี๋ยวก็ตายกันพอดี” พาสสำลัก “ดูมันกะจะฆ่าพี่ได้ลงคอ.. ไปดีกว่าเรา” พาสลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือหยิบส้มมาถือไว้สองผล ตามองไปรอบห้อง “กีต้าร์พี่อยู่ที่โน่นใช่ไหม”


“จ้ะ” โอ๋ใช้ไหล่ดันหลังนาฏที่พิงอยู่ให้ลุก โอ๋เดินไปที่ตู้เก็บของ


“งั้นพี่ไปแล้วนะ...... เออ... ให้ทุกคนที่นี่เตรียมตัวไว้ด้วยสักสี่โมงเย็นมาพร้อมกันที่นี่นะเราจะไปไนท์บาซาร์กัน” พาสที่ยืนอยู่หน้าประตู ชะโงกหน้ามาบอก


“พี่พาสเดี๋ยว.. เอาผ้านวมไปอีกผืน” โอ๋ส่งถุงผ้านวมให้


“ป้าอยู่ที่ห้องหรือเปล่า” พาสถามหาป้าคำปุน


“ไปหาหมอเย็นๆ คงกลับจ้ะ ก็โรคประจำตัวกับมีไข้นิดหน่อยน่ะไม่ต้องห่วง” โอ๋ตอบ


“อืม.. ” พาสเดินอ้อมไปทางด้านหลังบ้านผ่านสวนดอกไม้


เบนวิ่งตามมาทันที่ดงดอกกุหลาบ “พาส... พาส” เบนคว้าถุงที่มือเพื่อน “มาช่วยถือ” ทั้งสองเดินเคียงกันไปตามทาง


คนที่ยืนมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างเห็นคนสองคนเดินเลยสวนดอกไม้ไป เขารีบเดินออกจากห้องลงมาข้างล่าง ณุเจอนาฏตรงประตูหลังจึงตรงเข้าไปหา


“นาฏ... พาสไปไหนหรือ พี่เห็นเค้าเดินไปด้านหลังสวน” ท่าทางณุดูกระวนกระวาย


“อ๋อ.. พี่พาสไปพักที่กระท่อมหลังสวนค่ะ” นาฏยิ้มขำ


“พักที่เดียวกับคุณเบนหรือ” เขายังคงสงสัย


“ไม่ใช่ค่ะ.. สงสัยพี่เบนคงเดินไปเป็นเพื่อนพี่พาสมั้งคะ. พี่ณุตามไปก็ได้นี่คะ” นาฏยุส่ง


“ขอบใจนะ.. งั้นพี่ไปขอดูหน่อยละกัน” ณุรีบเดินตามไปไม่รอให้บอกซ้ำ


“ท่าจะเอาจริงแฮะ” นาฏยิ้มกับตัวเอง


"พี่โอ๋” นาฏวิ่งเข้าบ้านมาเรียกหาโอ๋เสียงดัง


ณุเดินมาจนถึงกระท่อมหลังน้อยที่ปลูกบนเนินรอบๆ ปลูกกล้วยไม้ป่าหลากสายพันธุ์ ต้นช้างแคระดอกกำลังผลิบาน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น แต่ที่เขามองกับเป็นสาวห้าวที่ยืนจับกระถางกล้วยไม้ที่มีช่อสีเหลืองนวลเป็นช่อยาว พาสจับตะขอไว้กำลังจะเอาขึ้นแขวนกลับที่เดิม ก็เหลือบมาเห็นณุเข้าพอดี


“อ้าว......... พี่ณุมาได้ไงฮะ...... ขึ้นมาสิฮะ” พาสยังคงพยายามเอาตะขอเกี่ยวกับขอบกันสาดที่หลังคา


“พี่ช่วยครับ............หวา.....” ณุเข้าไปรับกระเช้ากล้วยไม้จากมือพาส แต่เกิดสะดุดขอบไม้ไผ่ที่ใช้ปูพื้นเข้าจึงเซปะทะหญิงสาว


“เฮ้ย.....” พาสเองก็ตกใจไม่น้อยรีบยกมือทั้งสองข้างดันหน้าอกณุไว้


ชายหนุ่มสวมกอดพาสไว้แน่นพยายามพยุงตัวไว้ไม่ให้ล้ม หน้าเขาแนบอยู่กับเรือนผมนุ่มเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของหญิงสาว


พาสเองก็ได้กลิ่นโคโลญจ์อ่อนๆ จากร่างกายชายหนุ่ม เธอรู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนผ่าว หัวใจเต้นระรัวทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับเบนหรือเพื่อนชายคนอื่น หญิงสาวยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกมือทั้งสองยังคงค้างอยู่ท่าเดิม


เบนที่เดินมาจากด้านหลังกระท่อมเห็นเข้าถึงกับก้าวเท้าค้างนิ่งคิดเป็นครู่ว่าจะเข้าไปหาหรือถอยกลับดี แต่ดูท่าเท้าจะไวกว่าความคิดเบนก้าวขึ้นมาบนระเบียง


“คุณณุ.... มาด้วยหรือครับ” เบนเรียกเหมือนเตือนณุกลายๆ


ณุเมื่อได้ยินเสียงของเบนเข้าจึงค่อยๆ ปล่อยพาสอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แล้วจึงหันมาทัก “คุณเบน เอ่อ..พอดีผมจะช่วยพาสแขวนกระเช้ากล้วยไม้น่ะครับ แต่เกิดสะดุดพื้นกระดานซะก่อน” ณุพยายามอธิบาย


“ครับ พื้นไม้ไผ่ก็แบบนี้ละครับเดินต้องระวังหน่อยนะครับ” เบนเดินเข้าไปหาพาสที่ยืนนิ่งอยู่ ค่อยๆปลดที่จับตะขอเหล็กจากมือเพื่อนมาถือไว้


“จะแขวนต้นเอื้องหลวงนี่ที่เดิมหรือเปล่า” เบนถามเพื่อนด้วยเสียงทุ้มนุ่ม


“อื้อ” พาสรับคำ


“เอาล่ะ........ เสร็จแล้ว” เบนยืนเล็งผลงานนิดหน่อย


“ขอบใจนะ” พาสที่ยืนอยู่ใกล้ตบไหล่เบน


“พี่ณุ.... นั่งตรงนั้นก่อนนะฮะ” พาสชี้ไปที่เก้าอี้หวายหน้าห้องพัก


“........” ณุเดินไปลงนั่ง เขามองไปรอบๆ กระท่อมหลังน้อยที่ปลูกไว้เล็กๆ มีห้องเพียงห้องเดียวช่างเรียบง่าย ดูเงียบสงบต้นไม้ให้ร่มเงาอากาศเย็นสบาย ดอกไม้หลายสีสัน เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการผ่อนคลายสมองอย่างมาก


“เบนอยู่คุยเป็นเพื่อนพี่ณุด้วยนะ...เดี๋ยวพาสขอล้างหน้าเก็บของแป๊บนึง” พาสสะกิดบอกเพื่อน


“อืม...” เบนรับคำ


พอพาสเดินเข้าห้องไปหนุ่มมาดเข้มก็เข้าไปยืนพิงรั้วระเบียง เขายืนนิ่งพยายามคิดหาเรื่องคุยกับคนตรงหน้าที่บอกชัดถึงความเป็นคู่แข่งทางหัวใจ


ณุหันมายิ้มให้เบน “พี่ขอเรียกเบนเฉยๆ นะครับ... จะได้สนิทกันหน่อยเรียกคุณมันห่างเหิน”


“ไงก็ได้ครับ..” เบนขยับมาลงนั่งที่เก้าอี้หวายตัวติดกัน


ทั้งสองคุยกันได้พักใหญ่สาวห้าวก็สะพายกระเป๋าเป้ใบย่อมออกมา เธอเข้าไปยืนข้างๆ เพื่อนหนุ่ม


“พวกเรากลับไปที่เรือนใหญ่กันดีกว่าฮะ ค่ำนี้พาสว่าจะพาไปเดินเที่ยวไนท์บาซาร์กัน” พาสบอกแผนเที่ยวของวันนี้ หญิงสาวสะกิดเพื่อนให้ลุกขึ้น


“ไปฮะ... พี่ณุ” พาสดันหลังเพื่อนให้เดินนำ ณุตามหลังรั้งท้าย ทั้งสามเดินตามกันมาเงียบๆ จนถึงเรือนใหญ่


พิ กีกิ นาฎ โอ๋ นั่งคุยกันอยู่ทางหนึ่ง ส่วนศศิคอยแต่ชะเง้อมองไปทางหลังบ้านตลอด จนเจ้าบ้านทนไม่ไหวต้องเข้ามาหา


“ศศิ... ไปนั่งคุยกันดีกว่า.... เดี๋ยวพี่พาสก็มา” โอ๋ตรงเข้ามาจับมือจูงศศิ


“แต่...” ศศิไม่มีทีท่าว่าอยากจะตามโอ๋ไปสักนิด


“เถอะนะ.... ยืนไปก็เมื่อยเปล่า” โอ๋ลากศศิพามานั่ง
คล้อยหลังศศิเพียงครู่พาสกับสองหนุ่มก็เดินมาถึง นาฏรีบลุกเดินเข้าไปคล้องแขนพี่สาว “พี่พาสทำไรอยู่... ทำไมช้าจัง”


“พี่ไปจัดของไม่ใช่เรานี่..... ของมาไงก็ปล่อยให้อยู่อย่างนั้นจัดซะบ้างนะ” พาสเหน็บน้องสาว


“แหม... แค่นี้ต้องว่าด้วย” นาฏหน้าง้ำ


“ไม่ได้ว่าพูดเรื่องจริง” พาสพูดยิ้มๆ


“พี่พาสนะ......” นาฏกระโดดขึ้นล็อกคอพี่สาว


“เฮ้ย..... กระดูกแทงหลัง” พาสร้องเสียงดัง


ทุกคนพากันหัวเราะสองพี่น้องแม้แต่ศศิเองก็อกขำไม่ได้ เธอหันไปหัวเราะกับโอ๋ “ดูสิคะ... พาสน่ารักจัง”


“ค่ะ สองคนนั้นชอบแกล้งกันประจำ” โอ๋ยิ้มให้ศศิ สาวเซอร์มองศศิดีขึ้นว่าสาวเปรี้ยวคนนี้คงเป็นอย่างที่พาสบอกคือลูกคุณหนูที่ถูกตามใจ สนใจเฉพาะคนที่ตัวเองคิดว่าเข้ากับตัวเองได้ แต่ถ้าพยายามเข้าหาศศิดีๆ ก็จะรู้ว่าสาวตรงหน้านี้น่าคบไม่น้อย


“ไปค่ะ...” โอ๋สะกิดศศิให้เดินตามไป


“ถ้ามาครบแล้วก็ไปกันเถอะ” พาสเรียกทุกคนขึ้นรถ



ด้านร้านแสนรักวันนี้มีแขกเข้ามาไม่ขาดสาย พนักงานที่ร้านยังสามารถยิ้มแย้มต้อนรับอย่างดี ไม่แสดงความเบื่อหน่ายให้ลูกค้าได้เห็น ช่วงหัวค่ำเป็นหน้าที่ของนิวหนุ่มหน้าหวานผู้มีแซคเป็นอาวุธคู่กาย ลูกค้าต่างชื่นชมเขาไม่แพ้เจ้าของร้าน ในห้องทำงานเปรียวกำลังรื้อหาเอกสารบนโต๊ะของพาสอีกมือก็คุยโทรศัพท์


“ไม่เห็นเลยนะคะพี่เอ” เปรียวกรอกเสียงไปตามสาย


“สวัสดีครับเปรียว” นัทเข้ามาทักเปรียวเห็นเธอหาอะไรวุ่นอยู่ “หาอะไรครับ”


เปรียวยกมือเบรกนัท “ค่าพี่เอ.. เปรียวจะหาต่อแล้วไงจะโทรบอกอีกทีนะคะ.. ค่ะ”


“หวัดดี ฉันกำลังหาแผ่นซีดีให้พี่เอหน่ะ” เปรียวบอกแต่มือยังคงรื้อไม่หยุด


“ผมช่วย.. แผ่นเป็นยังไงครับ” นัทเข้ามาข้างๆ


“ไม่ต้อง... มีอะไรก็ไปทำเหอะ” เปรียวปฏิเสธความหวังดี


“ให้ผมช่วยเถอะนะ... สองคนช่วยกันดีกว่า” นัทยังคงตื้อ เขายิ้มจนเห็นฟันขาวให้เปรียว


เปรียวมองหน้านัทใช้ความคิด “ก็ได้”


“ดีครับ.... ตกลงแผ่นที่หานี้มีอะไรพิเศษบ้างล่ะ” นัทยิ้มกว้างก่อนจะถามถึงลักษณะของแผ่นซีดี


เปรียวบรรยายลักษณะแผ่นงานให้นัทฟัง ทั้งคู่ค่อยๆ รื้อเอกสารทีละจุด ปรากฏว่าแผ่นซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มโปรดของพาส


“เจอแล้ว... เอ๋.. เมื่อกี้ก็หยิบดูนี่นา” เปรียวดีใจที่เจอ แต่ก็อดสงสัยตัวเองไม่ได้


“คงเพราะใจเย็นขึ้นมั้งครับ” นัทยิ้มให้เปรียว


“คงใช่.. โทรหาพี่เอก่อนนะ” เปรียวกดเบอร์แป้นโทรศัพท์


หลังจากคุยกับเอเรียบร้อยเปรียวก็หันมาขอบคุณนัท “ขอบใจนะ.. เออ.. จะถึงคิวฉันแล้ว ไปก่อนนะ”


นัทมาดักหน้าเปรียว “นัทขอไปฟังเปรียวร้องที่หน้าร้านได้ไหม”


“ไปสิ.. ใครห้ามละ” เปรียวเดินนำหน้าไป


“ดุจัง” นัทบ่นพึมพำ แต่ก็รีบสาวเท้าก้าวตาม


ประตูเปิดทุกคนก้าวลงจากรถลงมาต่างพากันบิดตัวแก้เมื่อย นาฏโอ๋และพิ ต่างชี้ชวนกันว่าจะหาอะไรทานที่ร้านไหนดีจนลืมศศิเสียสนิทปล่อยให้ศศิตามติดพาสแจ หนุ่มตี๋ก็คอยยืนกวนอารมณ์นาฏอยู่ใกล้ๆ เบนกับณุต่างก็ยืนมองพาส


“ติ๊ด.. ติ๊ด” พาสหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์ก่อนจะกดรับสาย “สวัสดีครับ คนสวย”


ณุหันมองหน้าพาสเมื่อสาวห้าวทำเสียงหวานใส่โทรศัพท์ พาสเดินปลีกตัวจากกลุ่มมีศศิเดินกอดแขนตามไปด้วยนาฏหันไปเห็นก็ตั้งท่าจะเข้าไปลากศศิออกจากพี่สาว


“ปล่อยเขาบ้างเถอะนะครับน้องนาฏ” กีกิดึงแขนแล้วส่ายหน้าห้ามไว้


“...........” นาฏไม่ตอบ เธอพยายามแกะมือกีกิออก


“นาฏไปหาของกินกัน.... ไป” โอ๋จับไหล่น้องให้หันหลังพาเดินไปที่ศูนย์อาหาร


“พี่โอ๋นะ...” นาฏงอแง ทำหน้าตูมเดินกระแทกกระทั้นอย่างไม่สบอารมณ์


“เด็กหนอเด็ก” กีกิมองสาวร่างบางที่ทำตัวเหมือนเด็กโดนแย่งพี่สาวอย่างขำๆ


พาสยังคงคุยติดพัน “ฮะ.. พรุ่งนี้พาสจะเข้าไปเลือกของนะฮะ ฮะ... แล้วเจอกันพี่วลี” คุยจบเธอก็เก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง


“วลีเป็นใครคะ” ศศิถาม เธอเอาแก้มซบไหล่พาสพร้อมทำเสียงกระเง้ากระงอด


“ศศิฮะ.. พาสบอกหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอฮะว่าทำอย่างนี้ไม่น่ารัก” พาสพูดอย่างนุ่มนวลที่สุด


ศศิทำหน้าเศร้า “ศศิจำได้ค่ะ แต่พาสก็รู้ว่าศศิพยายามอยู่ มันเลิกกันง่ายๆก็คงจะดี” น้ำตาเริ่มปริ่มจนพาสต้องล้วงเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้


“เอาฮะ.. อย่าร้องเลยนะ”


ศศิยิ้มทั้งน้ำตา “พาสอย่าโกรธศศินะคะ” สาวเปรี้ยวร้องขอ


“พาสไม่ได้โกรธศศิ แต่ก็อยากให้ศศิทำตัวน่ารักๆ จะได้มีเพื่อนเยอะๆ นะฮะ” พาสเห็นศศิยังน้ำตาร่วงอยู่ “ทำยังไงศศิถึงจะหยุดร้องละฮะเนี่ย” สาวห้าวถามแกมขอร้อง


ศศิรีบปาดน้ำตาทิ้ง “พาสยังค้างเรื่องแม่... เอ่อ.. คุณวลีว่าเป็นใคร”


พาสถอนหายใจยาว “ถ้าบอกแล้ว จะหยุดร้องใช่ไหมฮะ”


ศศิพยักหน้า “ค่ะ”


“พี่วลีเป็นเจ้าของโรงงานรูปสลักหินทราย พวกงาน SAND STONE เจ้าใหญ่ของเชียงใหม่ฮะ พาสรู้จักกับพี่เค้าตั้งแต่ช่วงที่มาอยู่ที่นี่” พาสหยุดพูดหันมาแตะแขนศศิพาเดินกลับไปที่ศูนย์อาหาร


“เล่าต่อสิคะ” ศศิคะยั้นคะยอ


“ก็ได้ไปของานพี่เค้าทำ ได้รู้จักกันก็สนิทกันมาตลอด”


เบนเห็นเพื่อนเดินมาก็ส่งเสียงเรียก “พาส.. มากินข้าวได้แล้ว คุณศศิด้วยนะครับ”


“เช็ดคราบน้ำตาให้หมดฮะ อายเค้า” พาสโอบปลอบศศิพากันมาทางเบน ศศิมองมือพาสที่โอบไหล่ด้วยรอยยิ้ม แต่ณุกลับนิ่งอึ้งกับท่าทางของพาสที่สุดแสนจะเดาได้ยาก


ทุกคนนั่งทานข้าวกันอย่างสนุกสนาน พิกับกีกิต่างก็พยายามทำคะแนนกับคนที่แอบชอบ ณุได้แต่มองศศิที่คอยเอาใจพาส โอ๋เข้ามาสะกิดณุให้ลุกตามออกไป พาสเหลือบมองทั้งสองคนนิดหนึ่ง


ณุตามโอ๋ออกมาจนพ้นระยะ “โอ๋มีอะไรกับพี่หรือครับ” ณุสงสัย


สาวเซอร์จ้องเข้าไปในตาณุ “พี่ณุชอบพี่สาวโอ๋จริงหรือเปล่าคะ”


ณุนิ่งกับคำถามที่ตรงไม่มีอ้อมค้อมของโอ๋ “ครับ พี่รักเขา”


“รัก....” โอ๋จ้องหน้าณุ เธอนึกไม่ถึงกับคำตอบนี้


“ครับ.... พี่มั่นใจว่าพี่รักเขา” ณุยิ้มกับปฏิกิริยาที่ได้รับจากคนตรงหน้า


“งั้นก็ดีค่ะ.. ขอให้เข้าใจก่อนนะคะว่าโอ๋รักและหวังดีกับพี่สาว.. ไม่ใช่ว่าใครเข้ามาก็จะสนับสนุนซะหมด”


“ครับเข้าใจ” ณุยิ้มบางๆ


“พี่พาสเค้าเป็นคนที่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กให้ทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะคุณลุงท่านหวังว่าจะได้ลูกชาย”โอ๋เงียบไปครู่


“แต่ตัวตนของพี่เค้าเป็นคนอ่อนไหวง่ายถ้าเข้าถูกจุด อย่างศศิเนี่ยเค้าใช้น้ำตาเข้าช่วยแล้วก็ได้ผลทุกที”น้ำเสียงเจือความหมั่นไส้ในท้ายประโยค “กับพี่ณุเอง พยายามต่อไปแล้วกันนะคะ โอ๋ว่าพี่พาสไม่ได้รังเกียจพี่ณุแน่นอน”


“จริงหรือครับ น้องโอ๋พูดจริงใช่ไหมครับ” ณุจับแขนโอ๋เขย่า


“หยุดเขย่าซะที โอ๋เวียนหัว” โอ๋โวย


ณุยิ้มแหยๆ ก่อนจะคลายมือออก “พี่ขอโทษ แต่พี่ไม่ค่อยเข้าใจพาสเลยว่าเค้าคิดยังไงกับพี่บ้าง ” ณุมองกลับไปที่กลุ่ม


“เชื่อโอ๋เถอะค่ะ ที่พี่ณุเป็นอยู่ก็ดีแล้ว ไม่ค่อยมีใครกล้าแหย่กล้าหวานจนเลี่ยนกับพี่พาสขนาดพี่ณุหรอกค่ะ”


“เอ๊ะ.. พี่ควรคิดว่าเป็นคำชมไหมครับเนี่ย” ณุสะดุ้งกับคำพูดของโอ๋


“แล้วแต่จะคิดค่ะ โอ๋ว่าพอดีกับพี่พาสที่แสนดื้อรั้นละค่ะ” โอ๋ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ส่วนศศิพวกโอ๋จัดการเอง”


“ขอบคุณนะครับ” ณุยิ้มตาหวาน


“ไม่ต้องมาหวานกับโอ๋หรอกค่ะไปทำกับพี่พาสคนเดียวเหอะ.. อ้อ.. ห้ามรังแกพี่สาวโอ๋นะขอเตือน” โอ๋ขู่


ขณะที่กลับมาเข้ากลุ่มณุถามถึงเบน “ แล้วคุณเบนละครับ”
โอ๋ยักไหล่ “อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พี่ณุคงต้องจัดการเองนะคะ”


“อ้าว..” ณุทำเสียงเหวอ


“กับพี่เบนโอ๋ช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ... พี่เบนก็เป็นพี่ที่โอ๋นับถือและเป็นคนดีด้วย” โอ๋ออกเดินต่อ จนมาหยุดที่หัวโต๊ะพร้อมส่งเสียงถาม “เสร็จกันหรือยังจะได้ไปเดินกัน”




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2549 12:50:55 น.
Counter : 279 Pageviews.  

ฤ รัก บทที่ 3

ฤ รก บทที่3 เพียงพูดคุย
-----------------------------------------------------------


ช่วงสายของวันใหม่ในห้องนอนของพาส นาฏกับเปรียวนอนหลับอุตุมือเท้าก่ายกันเป็นปลาหมึก ส่วนเจ้าของเตียงหนีลงมานอนที่โซฟาในห้องนั่งเล่นตั้งแต่ตอนดึกเมื่อคืน พี่กานต์ที่ตื่นมาเจอก็คอยแวะเวียนมาดูน้องสาวเป็นพักๆ


“ปลา.. ปลา... ตื่น... จะเที่ยงแล้ว” พี่กานต์เข้ามาสะกิดที่หลังน้องสาว


“อูยย....... ” น้องสาวเอี้ยวตัวหนีมือที่แตะลงมา เพราะยังไม่ตื่นดีทำให้พาสเผลอร้องออกมา


“ทำไมถึงร้องแบบนี้.... หลังเราเป็นอะไรยายปลา” พี่สาวเอื้อมมือจะถกเสื้อขึ้นดู


พาสทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งทันที หลังไปสีเข้ากับโซฟายิ่งทำให้เจ็บหนักเข้าไปอีก “โอ๊ยยย....”


“เป็นอะไรไป........... หันมาเดี๋ยวนี้” กานต์จ้องน้องตีหน้าเข้ม


“ไม่เป็นอะไรเลย.... ปลาไปอาบน้ำดีกว่า” พาสตั้งท่าจะลุกหนี


“ไม่ต้องหนี... นั่งซะดีๆ” กานต์กดไหล่ทั้งสองข้างของน้องไว้ไม่ให้ลุก


“พี่กานต์.... เดี๋ยวปลาไปทำงานสาย” พาสบ่ายเบี่ยง


“สายก็สาย.... หันมา...เร็ว” กานต์ในเวลาปกติดูเป็นพี่สาวที่ใจดี แต่บทจะดุก็น่ากลัวไม่น้อย


“........” พาสหลบสายตาพี่สาวที่มองมา เธอจำต้องหันหลังให้พี่สาว


กานต์ถลกชายเสื้อขึ้นเบาๆ เพราะที่พาสร้องเมื่อครู่แสดงว่าน้องต้องเจ็บเอาการ ไม่งั้นคงไม่ส่งเสียงให้ได้รู้แน่ เปิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเธอก็เห็นว่าเนื้อขาวๆ มีรอยช้ำเขียวเป็นจ้ำ กานต์ค่อยๆ ปล่อยชายเสื้อลง


“ไปโดนอะไรมา.... บอกมาตามตรงนะ... เมื่อวานเข้าไปคุยเรื่องนี้กับพี่เอใช่ไหม” กานต์มานั่งข้างหน้าน้อง


“ค่ะ... คือว่า....” พาสเหลือบตามองพี่สาวอย่างเกรงๆ


“พูดมาสิ...” กานต์ลดน้ำเสียงที่ดุลง


“พอดีมีลูกค้าขี้เมาจะลวนลามเปรียว.. พาสเลยเข้าไปช่วยน้อง” พาสพูดตะกุกตะกัก


“เลยเจ็บตัวกลับมา....” กานต์ถาม


“ค่ะ”


“ไปอาบน้ำซะ... แล้วเดี๋ยวจะขึ้นไปทายาให้” กานต์พูดเสียงเรียบ


“ค่ะ” พาสรีบลุกไป เธอรู้ว่าพี่สาวยังคงอารมณ์ไม่ดีนัก ยิ่งรู้ว่าพี่เอรู้แล้วไม่บอกมีหวังแย่แน่


“เปรียว... นาฎ...” กานต์เรียกสองสาวที่แอบซุ่มอยู่


“ขา... พี่กานต์” ทั้งสองเดินตัวงอเป็นกุ้งเข้ามานั่งใกล้


“เล่ามาให้หมด..” น้ำเสียงยังคงเรียบจนน่ากลัว


“คือ.....” เรื่องทั้งหมดถูกถ่ายทอดจากปากของสองสาวน้อย หลักๆ ก็มาจากเปรียว


เมื่อฟังจบกานต์ก็เดินขึ้นบ้านไป ปล่อยให้สองสาวนั่งจ๋อยอยู่ในห้องนั่งเล่น ทั้งสองก็ไม่ค่อยคุ้นกับภาพพี่กานต์ในลักษณะนี้นัก


กานต์ถือกล่องยาเดินเข้าห้องมา เมื่อมองไปรอบๆ ไม่เห็นก็กลับมาเคาะประตูห้องน้ำ “ปลา.. เปิดประตูอาบน้ำเสร็จแล้วใช่ไหม”


“ค่ะ...” ประตูถูกแง้มออก พี่สาวจึเบี่ยงตัวเข้าไป


สักพักกานต์ก็กลับมาที่ห้องนั่งเล่น เธอยิ้มให้กับสองสาวบางๆ กานต์เองก็ไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดใคร น้องทั้งสองคงเสียใจเช่นกันยิ่งกับเปรียวด้วยแล้วทั้งตัวเองจะขวัญเสีย กับพี่สาวต้องเจ็บตัว


“พี่ขอโทษเราทั้งคู่ด้วยนะ ที่อารมณ์เสียใส่”


“ไม่หรอกค่ะพี่กานต์ พวกหนูเข้าใจ” นาฎกับเปรียวเข้าไปกอดพี่กานต์


“เปรียวคงขวัญเสียแย่สินะ” กานต์ลูบผมเด็กสาว


“..............” เปรียวซุกหน้านิ่งในตามีน้ำซึมออกมา เธอห่างจากพ่อแม่มาทำงานและเรียน แต่เธอก็มีคนบ้านนี้ที่มอบความอบอุ่นให้เธอ ยิ่งกับพาสด้วยแล้วเด็กสาวรู้สึกปลื้มใจในสิ่งที่ได้รับ


“ติ้งต่อง.....ติ้งต่อง” เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น


“เปรียวไปดูเองค่ะ” เปรียวผละลุกขึ้นพอเดินพ้นห้องมาเธอก็เอาหลังมือเช็ดน้ำตาทิ้ง


“ใครนะมาตอนนี้” พี่กานต์ชะเง้อมอง


“อาจเป็นพี่เบนหรือพี่วุ่นก็ได้ค่ะ” นาฏเดา


ที่ประตูหน้าบ้านเปรียวที่วิ่งมา เห็นเป็นณุก็รู้สึกแปลกใจ “พี่ณุมาถูกได้ไงคะ”


“พี่ไปที่ร้านมา เด็กบอกว่าคุณพาสจะเข้าเย็น.. พี่เลยถามทางมานี่ละ” ณุยิ้มให้เด็กสาว


“ปกติเห็นพี่ณุไปร้านตอนค่ำๆ อยู่แล้วนี่คะ” เปรียวปิดประตูเดินนำณุเข้าบ้าน


“คือ... พี่เป็นห่วงคุณพาสน่ะครับ ไม่รู้ว่ายังเจ็บอยู่ไหม” ณุบอกถึงความตั้งใจที่ไปที่ร้านแต่หัววัน


“อือ.. ค่ะ” เปรียวพาณุมาที่ห้องนั่งเล่น “เชิญค่ะ”


ณุเห็นสาววัยสามสิบเศษนั่งมองมาที่เขา ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”


“สวัสดีค่ะ” พี่กานต์รับไหว้จากชายหนุ่มแปลกหน้า


“พี่กานต์คะ นี่พี่ณุเป็นคนที่ช่วยพี่พาสเมื่อคืนนี้” นาฏแนะนำ


“ขอบคุณนะคะที่ช่วยยายลูกปลา” กานต์เผลอเอ่ยชื่อเล่นน้องสาว


“ลูกปลา” ชายหนุ่มทวนชื่อ เขายิ้มบางๆ นึกถึงผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางอยู่บนที่นอนของเขา


“เป็นชื่อเล่นของพี่พาสค่ะ แต่เรียกได้เฉพาะในบ้านเท่านั้นค่ะ” เปรียวรีบบอก


“อ้อ.... ผลไม้ครับ” ณุวางกระเช้าบนโต๊ะรับแขก


“อุ๊ย....... ขอบคุณค่ะ.. คราวหน้ามาแต่ตัวก็พอของไม่ต้อง แล้วนี่คุณเป็นคนช่วยยายปลายังจะหิ้วของมาอีก” พี่กานต์มีท่าทีเกรงใจ


“เป็นของฝากให้พี่กานต์นะครับ” ชายหนุ่มยิ้มประจบ


“... นั่งก่อนค่ะ” กานต์เชื้อเชิญ


“ครับ” เขานั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง


ส่วนเปรียวกับนาฏที่ตามกันเข้ามาในครัวต่างพูดถึงการมาเยี่ยมของณุ และช่วยกันจัดน้ำกับขนมเพื่อใช้รับแขก


“คิดว่าไงกับการที่พี่ณุมาหาพี่เราถึงบ้าน” เปรียวเปิดประเด็น


“ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ฉันว่าพี่เบนมีคู่แข่งแล้วละ” นาฏเริ่มห่วงหนุ่มมาดเข้ม


“นาฏแกเชียร์ใคร” เปรียวถามเพื่อน


“ไม่รู้สิอย่างพี่เบนเนี่ยนิ่งซะเหลือเกิน แต่พี่ณุนี่ท่าทางเอาจริงใช้ได้เลยนะ” นาฎแสดงความเห็น


“เอาเป็นว่าเราเป็นกลางละกันดีไหม” เปรียวสรุปเสียเอง นาฏพยักหน้าเห็นด้วย


ทั้งสองถือถาดน้ำกับขนมมาจ๊ะกับพาสที่ลงมาจากห้อง สาวห้าวเข้าไปช่วยถือถาดน้ำจากนาฏเพราะกลัวน้องสาวจอมเปิ่นจะทำของแตก พาสไม่ได้ถามอะไรเพราะนึกว่าพี่สาวมีแขกสองสาวน้อยเดินตามหลังไปติดๆ หันมองหน้ากันยิ้มๆ


“พี่กา...” พาสเรียกพี่สาวค้าง เมื่อเห็นหน้าณุ “เอ่อ.... สวัสดีฮะคุณณุ”


“สวัสดีครับ... คือผมมาเยี่ยมครับ” ณุยิ้มหวานให้พาส


“ฮะ...... ขอบคุณ” เธอวางถาดลง แล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พี่สาว


“พวกเราไปเก็บของก่อนนะพี่พาส” นาฏสะกิดเปรียวให้ตามออกไป


กานต์เอ่ยชวนณุให้ร่วมทานอาหารกลางวัน “ยังไงอยู่ทานข้าวกลางวันด้วยกันก่อนกลับนะคะ”


“เกรงใจจังครับ” ท่าทีของชายหนุ่มช่างต่างกับคำพูดเสียเหลือเกิน


“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ บ้านนี้ไม่ค่อยมีหนุ่มๆ มาทานข้าวนานแล้ว ตั้งแต่ก๊วนตาเบนไปปลักหลักกันที่ร้านโน้นน่ะ บางทีอยู่บ้านคนเดียวก็เหงาพอดูเชียวค่ะ” กานต์นึกถึงสมัยเมื่อสามสี่ปีก่อนที่หนุ่มๆ สถาปัตย์มายึดที่บ้านเป็นแหล่งนัดพบ ช่วงนั้นบ้านดูครึกครื้นเอามากๆ


“งั้นคราวหน้าผมแวะมาคุยด้วยดีไหมครับ” ณุรีบเสนอตัว


“ดีสิคะ... เอแต่จะรบกวนคุณนะสิคะ”


“สำหรับพี่กานต์ได้เสมอครับ” ณุทำปากหวาน เขามัวแต่คุยกับพี่กานต์เลยไม่ทันสังเกตสีหน้าพาสที่ทำท่าจะอ้วกในความเลี่ยนของณุ


กานต์ทำตาขวางใส่น้องสาว แล้วหันมาทางณุ “พี่ขอตัวไปจัดโต๊ะก่อนนะคะ คุยกันไปเรื่อยๆ ละกันเดี๋ยวเสร็จแล้วจะมาตาม” เธอลุกขึ้น

“พาสไปช่วยด้วยดีกว่าฮะ” น้องสาวขยับตาม


“ไม่ต้องจ้ะ ปลาอยู่เป็นเพื่อนพี่เขาเถอะ” เธอกดตัวน้องสาวให้นั่งลงตามเดิม


พาสมองตามหลังพี่สาวไปก่อนจะหันกลับมาทางณุ ซึ่งชายหนุ่มเองก็จับจ้องเธอไม่วางตาและไม่คิดจะหลบสายตาที่มองมา


“ ขอบคุณอีกครั้งนะฮะที่ช่วย / คุณพาสเป็นอย่างไรบ้างครับ” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมๆ กัน ณุเลยผายมือให้พาสพูดก่อน


“เอ่อ.. ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกฮะ นี่ก็ค่อยยังชั่วแล้ว”


“ผมเป็นห่วงมากเลยนะครับ... เมื่อคืนทำเอานอนไม่หลับ” ณุมีสีหน้าที่จริงจัง


“ทำไมเหรอฮะ.. กลัวไม่มีคนทำงานให้หรือฮะ” พาสพูดติดตลก


“โธ่ ผมเป็นห่วงคุณพาสจริงๆ นะครับ ผมรู้สึกชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้วละครับ” ณุทำตาหวานให้พาส


“ขอบคุณฮะ ที่ให้ความรู้สึกดีๆ กับพาส” สาวห้าวพยายามไม่คิดไปไกลกับคำพูดของคนตรงหน้า


กานต์เดินเข้ามาเรียกทั้งสองให้ไปทานข้าวทั้งห้าคนทานข้าวกันไปคุยกันเรื่อยเปี่อย กานต์ถามเรื่องต่างๆ ของณุ ซึ่งชายหนุ่มเต็มใจตอบทุกอย่างโดยมีพาสเป็นผู้ฟังอย่างเดียวเมื่อทานเสร็จ สามสาวช่วยกันเก็บจานชามไปล้างปล่อยให้พี่กานต์คุยกับณุที่หน้าบ้าน



นั่งคุยกันอยู่ซักพักพี่เอก็ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เขามองรถที่จอดหน้าบ้านอย่างแปลกใจ เมื่อเดินเข้าบ้านมายิ่งต้องแปลกใจที่มีหนุ่มรูปหล่อมานั่งคุยกับภรรยาสุดสวยของตน จึงรีบเดินเข้าไปหาภรรยาสุดที่รัก


“กลับมารับเจ้าปลาเหรอพี่เอ” กานต์ทักสามี


“อืม..” เอพยักหน้า “นี่ใคร” เขาถามเสียงเข้ม


ณุรีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับ ผมณุครับ”


“อ้อ... คนที่ช่วยเจ้าพาส.. สวัสดี” เอปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ


พาสได้ยินเสียงรถก็รู้ว่าพี่เขยมาแล้วจึงชวนน้องๆ ออกไปที่หน้าบ้าน ทั้งสาวเดินมาหาคนที่นั่งคุยกันอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้าน


“พี่เอโดดงานมาเร็วจัง” พาสแซวพี่เขย


“พูดดีนะไอ้แสบ งั้นไปทำงานเองละกันพี่กลับไปทำงานก็ได้” เอทำท่าหยิบกุญแจรถ


“โอ๊ะ... โอ๊ะ... คนแก่ขี้ใจน้อยไม่ดีนะฮะ” พาสรีบเข้าไปโอบคอเอ


“คุณดูมัน มันว่าผมแก่” เอหันไปฟ้องภรรยา


“ก็แก่จริงไม่ใช่เหรอคะ” กานต์ช่วยซ้ำ เธอยังมีเรื่องต้องเคลียร์กับสามีอีก


พาสหัวเราะเสียงดังจนคนอื่นๆ พลอยหัวเราะไปด้วย ณุมองสาวตรงหน้าที่หัวเราะอย่างเต็มที่เขารู้สึกชอบเวลาที่เธอยิ้มดูโลกช่างสดใส ชายหนุ่มเหมือนคิดอะไรได้เขาจึงรีบแทรกขึ้น


“เอ่อ... ขอโทษครับ.... ถ้าไม่รังเกียจผมขอเป็นคนไปส่งคุณพาสได้ไหมครับ”


ทุกคนหันมามองณุเป็นตาเดียว เจ้าของบ้านทั้งสองยิ่งจ้องเหมือนจะให้ทะลุถึงใจถ้าเป็นไปได้ ณุยิ้มหน้าตายให้ทุกคน แถมท้ายยังทำตาหวานใส่กานต์อย่างไม่แคร์สายตาคนอื่น พี่เอยักคิ้วกับภรรยาก่อนเอ่ยปาก


“ก็ดี... พี่จะได้พักไม่อยากไปผจญกับการจราจรข้างนอกเหมือนกัน”


“ผมรับรองครับว่าจะส่งให้ถึงที่” ณุยิ้มอย่างเท่ห์


“ดีเลยค่ะ.. งั้นพวกเราไปกันเถอะ.. ไปค่ะพี่พาส” นาฏดึงแขนพี่สาว


“ผมไปก่อนนะครับ วันหน้าจะมาเยี่ยมใหม่” ณุไหว้พี่ทั้งสอง แล้วรีบไปเคลียร์รถให้สาวๆ


พาสหันมาทำหน้าบูดใส่พี่เขยเธอไม่อยากไปกับคนอื่น พี่เอทำไม่สนใจหันจะไปจูงมือศรีภรรยาเข้าบ้าน แต่ก็ถูกตีมืออย่างแรง กานต์เดินดุ่ยเข้าบ้านไป


“อะไรละกานต์....” เอถึงกับงงเขาหันกลับไปมองน้องภรรยา พาสทำมือปาดคอตัวเองใส่พี่เขย


“ตายละ.....” เอรีบตามภรรยาเข้าบ้าน เขารู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ภรรยาไม่พอใจแล้ว “กานต์.... พี่ขอโทษ”


หนุ่มรูปงามขับรถเข้ามาจอดในร้านทุกคนก้าวลงจากรถ นาฏกับเปรียวกล่าวขอบคุณแล้วรีบเข้าร้านไปก่อนโดยไม่สนใจจะรอพี่สาว ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้พาส


“คุณพาสครับ” ณุเรียกเสียงหวาน


“ขอบคุณนะฮะที่มาส่ง” พาสหาทางตัดบท เธอยังไม่ชินกับการถูกรุกแบบนี้ซักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาก็มักจะกลัวมาดแมนของเธอจนต้องถอยไปทั้งนั้น


“ผมชอบคุณพาสจริงๆ นะครับ” ณุขยับเข้าใกล้กว่าเดิม


“คุณณุ..คุณยังไม่รู้จักตัวตนของพาสจริงๆ เลย พาสว่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่าไหมฮะ” พาสบอกออกมา


“งั้นเริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อนก็ได้ครับ แล้วค่อยๆ ปรับกันว่าคุณพาสจะยอมรับผมหรือไม่นะครับ”


“ตามใจคุณณุแล้วกันฮะ” พาสไม่อยากเถียงกับณุ เธอรู้สึกดีขึ้นหน่อยเมื่อเขาขอเข้ามาในฐานะเพื่อน


“งั้นขอเปลี่ยนสรรพนามได้ไหมครับ จะได้ดูเป็นกันเองกว่านี้..น้องพาสเรียกพี่ว่าพี่ณุนะครับ.. เพราะพี่น่าจะอายุมากกว่า” ณุขยับเข้าใกล้มากขึ้น


“ฮะ ยังไงก็ได้ฮะ” พาสถอยฉาก


“พี่เรียกลูกปลาได้ไหมครับ” ณุไม่เลิกราเช่นกัน เขาทำตาหวานยิ้มอ้อนหญิงตรงหน้า


“ไม่ได้ฮะ ชื่อเล่นของพาสเรียกเฉพาะคนในบ้านกับที่สนิทกันเท่านั้น พาสขอนะฮะอย่าเรียกชื่อนี้” เธอพูดเสียงเรียบแววตาดุ


“ครับไม่ให้เรียกก็ไม่เรียก.... น้องพาสจะไม่ชวนพี่เข้าร้านเหรอครับ” ณุยิ้มหวาน


“ก็เห็นว่ามาบ่อยแล้วนี่ฮะ เผื่อวันนี้จะเบื่อ” พาสพูดกวนๆ


“ไม่เคยเบื่อเลยครับ เลี้ยงน้ำพี่สักแก้วนะครับ” ณุอ้อน


พาสมองชายหนุ่มตรงหน้าชั่วครู่ก่อนเอ่ย “เชิญฮะ” พาสเดินนำหน้าเข้าร้านไป


“หึหึ...” ณุยิ้มบางๆ รีบเดินตามหญิงสาวไปติดๆ


บ่ายวันถัดมาพาสมาที่ร้านพร้อมกับพี่เขยที่จะมาช่วยติชมนักร้องน้องใหม่ ที่นิวผู้นักร้องหนุ่มเดียวของร้านจะพามาลองเสียง ทั้งพาสและเอมานั่งรอซักพักนิวหนุ่มร่างสูงตัวบาง บุคลิกท่าทางอ่อนโยนสะพายกล่องใส่แซกโซโฟนคู่ใจเดินนำหน้าหนุ่มน้อยหน้าตาเหมือนเด็กเกาหลีตัวไม่สูงนักเข้ามาหา


“พี่เอ... มารอนานยังพี่” นิวไหว้พี่เอ ก่อนหันไปสะกิดเด็กหนุ่มที่ตามหลังให้ไหว้ตาม


“มาได้ครู่นึงแล้ว นั่นเหรอเด็กที่ว่า”


“สวัสดีครับ ผมนัทครับ” เด็กหนุ่มแนะนำตัวเอง


“ดีจ้ะ.. พี่พาสนะ ส่วนนี่พี่เอ” พาสยิ้มให้


“นัทเป็นรุ่นน้องที่มหาลัยครับ มันอยากทำงานหาเงินใช้เอง ทั้งที่บ้านมันก็มีใช้ไม่เดือนร้อน” นิวตบบ่านัท


“พี่ว่าดีนะ จะได้รู้ค่าของเงินที่หาได้” เธอชอบคนที่มีความตั้งใจดี


“งั้นเดี๋ยวร้องต่อจากเปรียวเลยแล้วกัน” เอชี้ไปทางเวที


หนุ่มน้อยมองตามมือเห็นเปรียวเต็มตา เขาเคยได้ยินนิวพูดถึงคนที่ร้านให้ฟังบ่อย ยิ่งมาเห็นเปรียวกับตาเขาว่าเธอน่ารักกว่าที่ได้ยินจากนิวเสียอีก อีกเหตุหนึ่งที่อยากทำงานมาจากเปรียว นัทได้ยินว่าสาวน้อยตัวเล็กคนนี้หาเงินเรียน ช่วยเหลือตัวเองมาตลอดนั่นทำให้เขามุ่งมั่นว่าตนก็ต้องทำได้


“นัท.. เฮ้ย... นัท” นิวสะกิดหนุ่มรุ่นน้อง


“ค... ครับพี่นิว” นัทตื่นจากภวังค์


“นั่นเปรียวจะร้องจบแล้ว.. ไปกัน” นิวพานัทมาที่เวที เปรียวกำลังเดินลงมาจากเวทีเห็นหนุ่มตัวเล็ก ที่ยืนอยู่กับมิวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาที่เธอ เด็กสาวทำเป็นไม่สนใจกลับทักทายนิวแทน


“พี่นิว... หวัดดีพี่..”


“ดีจ้ะ... เปรียว... นี่นัทรุ่นน้องที่พี่บอกว่าจะพามาเทสต์เสียง” นิวกอดรอบบ่านัท


“สวัสดีครับ.... เปรียว...” นัทยิ้มหวานไม่หุบ


“หวัดดี.... เปรียวไปหาพี่พาสก่อนนะพี่นิว” เปรียวมองนัทเพียงแว่บเดีย แล้วเบี่ยงตัวเดินหลบสองหนุ่มตรงไปหาพี่สาว


นิวเข้ามายืนที่หน้าไมค์เขามีแซกโซโฟนคู่กายคล้องคอขึ้นไปด้วย เขาดันให้นัทไปยืนที่ไมค์กลางเวที “ผมขอแนะนำน้องใหม่ของร้านนะครับ น้องนัทครับ”


“สวัสดีครับ.. ผ.. ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ” นัทมีอาการตื่นเวทีอย่างเห็นได้ชัด เขาหันไปทางนิวเพื่อนรุ่นพี่พยักหน้าให้


พาสปรบมือให้กำลังใจ ชั่วครู่ทุกคนก็ช่วยกันปรบมือตาม นั่นกลับยิ่งทำให้นัทรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น หนุ่มน้อยเอามือกำขาตั้งไมค์ไว้แน่นเหงื่อออกเต็มมือทั้งสองข้าง เสียงแซกฯ ดังขึ้นแล้วแต่นัทกลับไม่สามารถจะเปล่งเสียงออกมาได้ จนพาสต้องไปที่เวทีก้าวขึ้นไปยืนเคียงคู่ช่วยร้องเธอโอบไหล่นัท ทั้งสองหันมายิ้มให้กันพอจบเพลงแรกพาสตบไหล่เบาๆ ให้นัทโค้งให้ผู้ฟัง ที่ปรบมือให้กับทั้งสองคน


“ขอบคุณฮะ.. น้องนัทยังมีเพลงให้ทุกท่านฟังอีกเพลงนะฮะ” พาสพูดจบก็พยักหน้าให้นัทก่อนลงจากเวทีกลับมานั่งที่โต๊ะ เธอรับน้ำจากเปรียวขึ้นดื่มแล้วหันไปตั้งใจฟังเพลง พาสพอใจกับเสียงของเด็กหนุ่ม จึงคุยกับเอเรื่องค่าแรงกับกำหนดตารางการทำงานของนัท โดยมีเปรียวนั่งฟังอยู่ด้วย


“ตกลงว่าจะให้นัทร้องช่วงหัวค่ำแทนเปรียว เพราะยังไงเปรียวกับนาฏก็รอกลับพร้อมกานต์อยู่แล้วนี่ใช่ไหมเจ้าเปรียว” เอถามสาวน้อยที่กอดแขนอ้อนพาสอยู่


“ค่า” เปรียวขานรับเสียงใส


“เออ.. พี่ว่าจะถามหลายทีแล้ว เปรียวกับนาฎเอาเวลาตอนไหนมาอ่านหนังสือหะ” พี่เอถามต่อ


“พี่เอเข้าห้องทำงานบ่อยๆ ไม่สังเกตเหรอฮะว่าตู้ริมสุดเนี่ยมีแต่หนังสือของเจ้าสองตัวนี่ทั้งนั้น” พาสเขกหัวน้องเบาๆ


“พี่พาสเค้ากลัวว่าพวกเราจะไม่อ่านหนังสือ พวกหนูเลยเอามาอ่านให้เห็นจะๆ” เปรียวเอาหน้าแนบแขนพี่สาว


“อ้อ.. งั้นก็อู้งานมาอ่านหนังสือ” เอแกล้งแซว


“เปล่านะคะ.. อ่านตอนว่างต่างหาก” เปรียวสวนทันควัน


“เอาล่ะไม่ต้องแก้ตัว.......ไปตามนาฏไป นัทร้องจะจบเพลงแล้ว” พาสเอานิ้วจิ้มหน้าผากเปรียว


“ได้ค่ะ” เปรียวรีบลุกไปทันที


เปรียวเดินผ่านหน้าเวทีเธอเห็นนัทมองและส่งยิ้มให้ สาวน้อยแยกเขี้ยวใส่แล้วรีบจ้ำไปหลังร้าน สักพักก็กลับออกมาพร้อมนาฏ เปรียวเลี่ยงกลับมานั่งกับพาสส่วนนาฏขึ้นไปแจมบนเวทีกับนัท พอเพลงจบนัทโค้งให้แขกแล้วกลับมาที่โต๊ะ


“เสียงใช้ได้นี่.. หายตื่นแล้วใช่ไหม” พาสถาม เธอยิ้มให้กำลังใจเด็กหนุ่ม


“ครับ.. ดีขึ้นแล้วครับ” นัทยกมือไหว้พาส “ขอบคุณพี่พาสที่ช่วยนะครับ” เขารู้สึกว่าพี่คนนี้ใจดีมาก


“นั่งเถอะ.. ยืนนานเดี๋ยวเมื่อย” เอขยับที่ให้นัทลงนั่งข้างๆ


“ขอบคุณครับ” นัทนั่งลงตามองไปที่เปรียวตลอดเวลา


ทั้งกลุ่มนั่งคุยกันสักพักถึงรายละเอียดทั่วๆ ไปเกี่ยวกับงาน เอยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดู “พี่จะกลับบ้านก่อนนะพาส เรากลับเองต้องระวังตัวด้วยรู้ไหม”


“คร้าบ.. ไม่ต้องห่วง” พาสลากเสียงยาว “พี่เอช่วยพานัทไปส่งด้วยนะฮะ”


“อืม.. ก็กะไว้เหมือนกัน.. ไปนัทเดี๋ยวพี่ไปส่งยังไงเจ้านิวยังต้องอยู่ร้องเพลง”


“ผมกลับเองก็ได้ครับ เกรงใจ” นัททำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม


“ไม่ต้องคิดมาก.. ไป” เอตบบ่านัท


เอกับนัทเดินยังไม่ทันพ้นโต๊ะก็เห็นณุเดินตรงเข้ามา วันนี้ชายหนุ่มพาสาวสวยมาด้วยหนึ่งคนและมีหนุ่มร่างสูงตัวหนา ตาตี่ท่าทางกวนๆ เดินตามหลังมา


“สวัสดีครับพี่เอ... นี่จะไปไหนกันครับ” ณุทักทาย สองคนที่ตามมายกมือไหว้


“พี่จะกลับบ้านน่ะ... ตามสบายนะคุณณุ” เอยิ้มให้ทั้งสามคน


ณุหลีกทางให้เอกับนัทเขามองตามไปนิดหนึ่งก่อนจะหันเดินมาทางพาส ซึ่งสาวเท่ห์มองตรงมายังทั้งกลุ่มอยู่แล้ว ณุส่งสายตาหวานให้เขาเดินนำคนทั้งสองมาที่โต๊ะ


“สวัสดีครับสาวๆ วันนี้พี่พาเพื่อนมาด้วย”


“สวัสดีฮะ.. คุณคงเป็นคุณพิ ส่วนคุณ.. เอ่อ.. คุณกีกิไช่ไหมฮะ เคยได้ยินเบนพูดถึงอยู่”


“ค่ะ / ครับ” ทั้งคู่พยักหน้ารับ


“เชิญฮะ นั่งก่อน... จะรับอะไรดี” พาสเชื้อเชิญแขก


เปรียวลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อหลีกทางให้ทั้งสี่ได้คุยกัน เธอยิ้มให้ณุเมื่อเขามาลงนั่งแทนที่ตนเอง เปรียวเรียกพนักงานมารับหน้าที่ดูแลแทน จากนั้นก็เดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์จัดเครื่องดื่มนำกลับมาเสริฟที่โต๊ะ


“น้ำแอปเปิลของพี่พาส ของพี่ณุชามะนาว ส่วนของคุณพิกับคุณกีกิเปรียวเอาน้ำผลไม้รวมมาให้ค่ะ จะเปลี่ยนก็ได้นะคะ”


“ของพี่สองคนทานได้ทุกอย่างละจ้ะ เรียกพวกพี่ว่าพี่ก็พอไม่ต้องคุณหรอกค่ะน้องเปรียว” พิยิ้มเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้า


“ค่ะ พี่พิ” สาวน้อยยิ้มกว้าง


“พิขอเรียกพี่พาสด้วยนะคะ” พิหันมาทางพาส


“ผมก็เหมือนกันนะครับ ” กีกิรีบพูดทันที


“ได้สิฮะ” พาสยิ้มให้ทั้งสอง


“อ้าว.. พี่พาสพี่เบนมาด้วยละค่ะ” เปรียวเห็นหนุ่มผิวเข้มเดินเข้าร้านมา


พาสหันไปกวักมือเรียกเพื่อน เธอรอจนเบนเข้ามายืนใกล้ๆ “นัดกันไว้ทำไมไม่บอกก่อนละ” เธอถามเพื่อน


“เฮ้ยเปล่า...” เบนรีบตอบปฎิเสธเพื่อน


"ผมจำได้ว่าไม่ได้นัดกันวันนี้นี่ครับคุณณุ” เบนมองหน้าณุ


พิรีบพูดแก้แทนณุทันที “คือพิเองค่ะที่อยากมา เห็นพี่ณุบอกว่าร้านนี้อาหารอร่อยเพลงก็เพราะ และจะได้มาทำความรู้จักกับพี่พาสด้วยน่ะคะ”


“อย่างนั้นเหรอครับ” เบนยังคงมองมาที่ณุ เขาหันไปลากเก้าอี้จากโต๊ะด้านหลังมาลงนั่งข้างๆ พาส “สั่งอาหารกันหรือยังครับ”


“สั่งแล้ว.. เบนอยากกินอะไรพิเศษหรือเปล่าล่ะ” พาสเอาใจใส่เพื่อนเสมอ


“ไม่ละ...” เบนพูดเสียงนุ่ม “นายสั่งอะไรฉันกินได้หมดแหละ”


พิมองการกระทำของเบนอยู่เงียบๆ เธอเริ่มเข้าใจอะไรดีขึ้นว่าทำไมหนุ่มมาดเข้มคนนี้ถึงยังคงนิ่งต่อความรู้สึกที่เธอแสดงออกให้เขาเห็นมาโดยตลอด


พาสสังเกตเห็นว่าพิเงียบไปจึงชวนคุย “พิเป็นอะไรหรือเปล่าฮะ ทำไมเงียบไป”


“เปล่าค่ะ พี่พาสพิกำลังคิดว่าพี่พาสเก่งจังค่ะ ที่ตกแต่งร้านได้ขนาดนี้” พิพูดจากใจจริง


“ขอบคุณฮะที่ชม แต่จริงๆ ต้องขอบคุณหุ้นส่วนทุกคนที่ให้โอกาสด้วย” พาสหันไปยิ้มกับเบน


“เขาเก่งครับทั้งที่ไม่ได้เรียนมาสักนิด”


“ก็อยู่กับพวกเด็กสถาปัตย์ไม่เก่งตามได้ไง” พาสอวยเพื่อน


“พวกเราเชื่อมั่นในตัวนายอยู่แล้ว” เบนโอบไหล่เพื่อน


“เรื่องบัญชีด้วยเปล่า...หะ” พาสหันไปทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วให้เพื่อน


“เออ... โกงได้ก็เชื่อละ” เบนเปลี่ยนจากโอบไหล่มาโยกหัวเพื่อนแทน


“ไม่เอา.... ผมเสียทรงหมด..” พาสปัดมือเพื่อนออก


ณุมองคนทั้งสองที่ทำยังกับมีกันเพียงสองคนแล้วให้เจ็บในใจ เขาหันมองคนข้างตัว รุ่นน้องสาวทำเมินหน้าไปทางเวที ณุก็สงสาวน้องอยู่ไม่น้อยเขาหันกลับมามองคนตรงข้าม


“เอ่อ.... ในเมื่อทุกคนก็มากันครบแล้วคุยเรื่องงานกันเลยวันนี้ดีไหมครับ...น้องพาส”


พาสหันกลับมองทางณุ “ฮะ..... ได้..... เดี๋ยวทานเสร็จค่อยคุยแล้วกันฮะ”


ดังนั้นเมื่ออาหารมาเสริฟทุกคนจึงลงมือทานกันไปคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย ณุกับพิทานไปต่างก็มองดูเบนที่คอยใส่ใจดูแลเพื่อนสาว


“นี่น้ำซุป... ระวังนะยังร้อนอยู่” เบนวางถ้วยต้มยำตรงหน้าพาส


“อืม...” พาสตักน้ำซุปมาจ่อที่ปากเป่าเบาๆ ให้น้ำซุปเย็น


พาสเหลือบตามองไปฝั่งตรงข้ามเห็นณุจ้องมา เธอก็เสมองไปทางพิเห็นสาวหมวยดูไม่สดใสเหมือนตอนที่เข้าร้านมาแรกๆ พาสมองตามสายตาของพิก็ต้องยิ้มบางๆ ออกมา


“พิฮะ.... ทานต้มยำไหม.... อร่อยนะ.... เบนตักให้พิหน่อยสิ” พาสเอาศอกกระทุ้งแขนเพื่อน


“อ้อ.... ได้สิ” เบนทำตามที่เพื่อนสาวบอก เขาตักต้มยำใส่ถ้วยแล้วเลื่อนส่งให้กับพิ “ นี่ครับ”


“ขอบคุณค่ะ...” พิยิ้มหวานให้เบน แต่ในใจเธอกลับตรงข้าม


เธออยากถามเขาเหลือเกิน ‘นี่ถ้าพี่พาสไม่บอกคุณคงไม่ตักให้พิใช่ไหมคะ’


พนักงานเข้ามาเคลียร์โต๊ะเมื่อทานกันเรียบร้อยแล้ว พาสเรียกพนักงานให้มาใกล้ๆ “บอกพี่เปรียวนะว่าพี่ขอชาร้อนเพิ่ม ให้เอาผลไม้มารับรองแขกด้วย แล้วบอกนาฏเอางานที่พี่วางไว้มาให้พี่หน่อย ขอบใจนะ”


“ค่ะพี่พาส”


เปรียวและนาฏจัดการทุกอย่างตามที่พี่สาวสั่งไม่มีขาดตกบกพร่อง แล้วมายืนข้างๆ เบน พาสแจกแบบพิมพ์ให้กับทุกคน


กีกิเอาแต่จ้องมองสาวหุ่นแบบบางตาคม เขาชอบความสดใสบนเวทีตอนเธอร้องเพลง ดูเธอสนุกสนานได้ตลอดเพลง


นาฏยิ้มให้ทุกคนที่นั่งอยู่แล้วก็ต้องมาสะดุดที่หนุ่มตี๋ที่มาทำหน้าทะเล้นมองเธอ นาฏทำหน้ายุ่งใส่


“ก่อนอื่นนะฮะ พาสขอแนะนำให้รู้จักกับนาฏและเปรียวสองคนนี้เป็นคนสนิทของพาส ซึ่งนาฏมีหน้าที่ตรวจชิ้นงานด้วยนะฮะ เปรียวรับหน้าที่ดูแลทั่วๆ ไป”


ทั้งสองยกมือไหว้ทุกคนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง “สวัสดีค่ะ”


“ไม่มีอะไรแล้ว เปรียวกับนาฏมีอะไรค้างก็ไปทำเถอะ” พาสยิ้มให้น้องทั้งสอง


“ค่ะ” นาฎกับเปรียวเกี่ยวแขนพากันเดินไปทางหน้าเวที ทั้งสองโบกไม้โบกมือ โยกไปตามจังหวะเพลงของนิวบนเวที นิวที่เป่าแซกฯ อยู่ได้แต่ยักคิ้วให้


พอสองสาวไปแล้วพาสจึงเริ่มคุยงานตามที่เธอวางแผนไว้ โดยมีเบนคอยช่วยตอบคำถามที่ทุกคนมีข้อข้องใจ เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันดี บรรยากาศที่โต๊ะจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม


“ตกลงตามนี้นะครับ” เบนสรุป “ช่วงนี้ผมกับพาสจะไม่อยู่ถ้าทางคุณณุมีอะไรก็ฝากเรื่องไว้กับวุ่นหรือปั้นได้เลยนะครับสองคนนั้นเข้าใจทุกอย่างดีอยู่แล้ว หรือจะโทรเข้ามือถือเราสองคนก็ได้ เบอร์พาสอยู่หลังนามบัตรที่ผมให้ไว้กับคุณพิตั้งแต่แรกนั่นละครับ”


“อ้าวพิมีเบอร์น้องพาสทำไมไม่บอกพี่เลย... หะ...” ณุหันมาถามน้องสาว


“ขอโทษค่ะ... พิเองก็ยังไม่เคยพลิกดูด้านหลังนามบัตรสักที” พิควักกระเป๋าหยิบนามบัตรมาส่งให้ณุ


“..........” ณุรับมาพลิกดู ก่อนเก็บใส่กระเป๋าตัวเอง


“พี่พาสกับคุณเบนจะไปไหนกันคะ” พิแสดงท่าทีอยากรู้


“พิไม่ต้องใช้คุณกับเบนหรอกฮะ เรียกเบนเฉยๆ ก็ได้จะได้ดูสนิทสนมกันหน่อย” พาสบอก


“ได้เหรอคะ...” พิมองไปทางเบน


“ครับ...” เบนพยักหน้าน้อยๆ


“ตกลงพี่พาสจะไปไหนกันเหรอครับ” กีกิถามบ้าง


“คือพี่ นาฏและเบนจะขึ้นเหนือกันฮะ เราจะไปตรวจรับของกัน”


“ผมขอตามไปด้วยได้ไหมครับ” กีกิกระตือรือร้นเมื่อรู้ว่านาฏไปด้วย อีกอย่างเขาก็เป็นคนชอบเที่ยวไปทั่วเหมือนกัน


“พิก็ขอไปด้วยค่ะ กำลังอยากไปเที่ยวอยู่เชียว” เธออยากใกล้ชิดกับเบนมากกว่านี้เผื่อเขาจะใจอ่อน


“จะไปกันนี่กลัวพาสโก่งราคาหรือเปล่าฮะ” พาสแกล้งแหย่


“โธ่ ไม่เลยค่ะพี่พาสพิอยากไปจริงๆ”


“แต่พวกพี่ขับรถกันไปเอง จะเสียเวลาพวกคุณหรือเปล่า” พาสนึกสภาพถ้าขับรถขึ้นดอยโดยมีผู้โดยสารเพิ่ม


“ทำไมเราไม่ไปเครื่องบินละครับ แล้วค่อยไปเช่ารถตู้เอาที่นั่น” กีกิเสนอทาง


“คือพาสเขากลัวความสูงก็เลยพาลกลัวการขึ้นเครื่องไปด้วย” เบนแจงเหตุผล


“น้องพาสกลัวมากหรือครับ” ณุหันมาถาม


“ถ้าเลี่ยงได้.. ก็เลี่ยงละฮะ” พาสอ้อมแอ้มตอบ


“พี่พาสจะไปกี่วันคะ.. รวมทั้งไปและกลับน่ะค่ะ” พิถามด้วยสีหน้ากังวล


“ถ้าขับรถไปเองก็คง.. อืม ประมาณสิบกว่าวันฮะ” พาสยกนิ้วขึ้นมานับ


“พิคงไม่ได้ไปแน่เลย เพราะทางบ้านไม่เคยให้ไปไหนเกินหนึ่งอาทิตน์สักครั้ง” พิพูดเสียงอ่อย สายตาเธอจ้องไปทางหนุ่มผิวเข้มอย่างเศร้าๆ


“เอ่อ.. ถ้าจะไปกันจริงๆ เราไปทางเครื่องก็ได้ฮะ จะได้เร็วขึ้นไม่เหนื่อยด้วย จะได้ทอนวันให้พอดีหนึ่งอาทิตย์ดีไหมฮะ” พาสสงสารพิ เธอพอจะมองออกว่าพิชอบเพื่อนของเธอ พาสเองก็อยากให้เพื่อนมีใครข้างกายสักที เพราะคนเฉยๆ อย่างเบนได้คนแบบพิน่าจะดี


“แต่.. พี่พาสกลัวไม่ใช่เหรอคะ” พิกลับมาเป็นห่วงพาส


“คงไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้ฮะ.. ลองสักตั้งหนึ่ง” พาสพูดเหมือนให้กำลังใจตัวเอง


“พาส..” โจตั้งใจจะค้าน


“เอาน่า.. พาสว่าก็ดีนะฝึกไว้” สาวห้าวพูดตัดบท


โจรู้นิสัยเพื่อนว่าชอบตามใจคนอื่นเสมอ แต่เขาไม่เข้าใจตั้งแต่ก่อนมาเธอไม่เคยยอมแม้สักครั้ง ทำไมครั้งนี้ถึงยอม


“พาสจะออกเดินทางเช้าวันจันทร์นี้ ทุกคนคิดว่าพร้อมไหมฮะ” พาสถาม ซึ่งทุกคนต่างพยักหน้ารับ


“เรื่องตั๋วเครื่องบินทางพี่ขอเป็นคนจัดการเองนะครับ” ณุอาสา


“ยังไงก็ได้ฮะ ส่วนเรื่องรถตู้ที่จะใช้ทางนั้นไม่ต้องห่วงนะฮะ พาสจัดการเองได้”


“เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะครับ... ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนพอดีมีธุระที่อื่นอีก” เบนลุกขึ้นลาทุกคนพยายามพูดเสียงเรียบที่สุด “ไปนะครับทุกคน”


“โชคดีครับ พี่เบน” กีกิยกมือไหว้


“กลับปลอดภัยนะคะเบน” พิยิ้มหวานส่ง


“ครับ... ขอบคุณ” เบนตอบเสียงเรียบแล้วหันมาทางเพื่อน “พาส.....” เบนเดินนำออกไป


“พาสขอตัวสักครู่นะฮะ” พาสลุกตามเบนไป


ณุกับพิต่างมองเบนที่หันกลับมาโอบไหล่พาสพากันออกไปนอกร้าน หนุ่มหน้าตี๋ไม่ได้สนอะไรเอาแต่มองตามนาฏที่ทำงานง่วน


พอออกมาพ้นเบนก็ปล่อยพาสเขาเดินนำเธอมาที่รถ เบนพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองให้นิ่งแล้วหันกลับมามองหน้าเพื่อนสาวที่ยืนยิ้มสู้เสือ


“เฮ้อ.. ไม่เข้าใจ ทำไมไปตกลงกับพวกนั้นง่ายๆ ไม่คิดถึงตัวเองเลย”


“ใจเย็นก่อนนะ.. พาสคิดดีแล้วถึงตัดสินใจอย่างนั้น คิดสิถ้าขับรถไปมีพวกเขาไปด้วย มากคนมันจะมากความเอานะ” สาวห้าวพยายามให้เหตุผล


“ทำไมพวกเขาถึงอยากไปด้วยนักก็ไม่รู้ แต่ก็อีกนั่นแหละฉันห่วงพาสมากกว่านะ” เขาจ้องหน้าเพื่อน


“พาสมีเบนกับนาฏอยู่ด้วยก็ลดความกลัวได้เยอะแล้วละ.... ว่าแต่วันนี้เบนมาที่ร้านทำไมเหรอ” พาสถาม


“เออใช่.. เดี๋ยวนะ” เบนเปิดประตูรถเอื้อมมือไปหยิบถุงที่เบาะข้างคนขับมาส่งให้ “ยายให้เอามาให้”


“ขอบใจนะ” พาสเปิดถุงหยิบออกมาดูเมื่อเห็นเป็นผ้าคลุมเบาะรถสีฟ้าอ่อนปักลายดอกโบตั๋น “สวยมากๆ เลย ฝากขอบคุณคุณยายด้วย ช่วยบอกด้วยว่าไว้จะไปเยี่ยม” พาสยิ้มถูกใจกับของที่ได้รับ


เบนยิ้มเขาดีใจที่พาสชอบ “อืม.. จะบอกให้”


“ไปกลับไปพักผ่อนได้แล้ว” พาสดันเพื่อนให้เข้ารถไป


“พรุ่งนี้วันอาทิตย์พาสจะไปไหนหรือเปล่า” เบนชะโงกหน้าออกมาถาม


“พรุ่งนี้วุ่นกับปั้นจะเข้ามาดูร้าน พาสคงอยู่บ้านไม่ไปไหนหรอก จะอยู่ช่วยพี่กานต์เคลียร์ของนิดหน่อย แล้วก็จัดกระเป๋าเดินทางด้วย” พาสตอบเพื่อน


“อืม.... งั้นไปก่อนนะ”


รถของเบนพ้นร้านไปแล้วแต่พาสยังคงยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าเริ่มมีแวววิตกอย่างชัดเจนเธอเดินจงกลมมือนึงถือถุงของแกว่งไปมา แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อหันกลับมาเห็นณุ


“พี่ณุ.. ตกใจหมด” พาสตบอกเบาๆ


“พี่เห็นน้องพาสหายมานาน เลยเป็นห่วง” ณุขยับมาใกล้


“เป็นห่วง ทำไมฮะ.. อยู่ในเขตร้านนี้ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกฮะ ที่นี่มีพนักงานเดินตรวจตราตลอด นั่นไงฮะ” พาสชี้ไปที่พนักงานรักษาความปลอดภัย


“พี่ไม่ห่วงเรื่องนั้น พี่ห่วงว่าน้องพาสจะกังวลเรื่องการเดินทาง” ณุก้มหน้าลงจ้องตาสาวมาดเท่ห์


“อ๋อ.. ไม่ต้องห่วงฮะ สบายอยู่แล้ว” พาสเงยหน้ามองณุ แต่เธอกลับต้องหลบสายตาหวานที่มองมา “เราเข้าด้านในดีกว่าฮะ เดี๋ยวจะถึงคิวพาสแล้ว” เธอเบี่ยงตัวเดินนำณุกลับเข้าร้าน


ณุตามหลังหญิงสาวไปโดยไม่พูดอะไรจนมาหยุดที่โต๊ะ พาสขอตัวไปเตรียมความพร้อมเพื่อขึ้นเวที ส่วนณุเมื่อลงนั่งเขาก็เงียบใช้ความคิดอยู่คนเดียวไม่สนใจพิและกีกิ ที่มองมาที่เขาอย่างงุนงง พิหันมาสะกิดกีกิมองหน้ากันเหมือนอยากจะปรึกษาแต่หนุ่มตี๋กลับยักไหล่พร้อมกับทำหน้าเบ้


“พี่ณุคิดอะไรอยู่คะ” พิถามขึ้น


คนถูกถามหันมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์กับทั้งคู่ “พี่คิดออกแล้ว”


ทั้งสามนั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ เมื่อใกล้เวลาร้านปิดทั้งสามก็ลุกขึ้นโบกมือให้พาสที่เล่นเปียโนอยู่ สาวมาดเท่ห์โค้งศรีษะเล็กน้อยเป็นการรับรู้ เธอมองทั้งสามนิดนึงแล้วกลับมาสนใจกับการร้องเพลงต่อ เธอจึงไม่เห็นว่าณุกวักมือเรียกเปรียวให้เดินตามออกจากร้านไปด้วย


หลังจากร้องจบพาสลงมาฝากร้านกับพนักงานทุกคน แล้วจึงปล่อยให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ซักพักเธอก็เดินนำสองสาวกะจะไปเรียกแท๊กซี่ที่หน้าร้าน แต่สายตาของเธอไปปะทะกับใครคนหนึ่งเข้า


“พี่ณุขา.. มาทำอะไรตรงนี้คะ” เปรียวรีบเดินไปหาณุ แต่พาสยืนนิ่งเธอได้กลิ่นทะแม่งๆ ยังไงไม่รู้


“พี่พาสเดินสิคะ” นาฏดุนหลังพี่สาวให้เดินไปข้างหน้า พาสพยายามฝืนไว้ แต่ในที่สุดก็มาหยุดที่ตรงหน้าชายหนุ่ม


“พี่รู้ว่าน้องพาสไม่ได้เอารถมา พี่เลยกะว่าวันนี้จะขอเป็นสารถีพาสาวๆ ไปส่งบ้านนะครับ” ชายหนุ่มรีบบอกเมื่อเห็นพาสยังอึ้งๆ อยู่


“ดีจังค่ะ” เปรียวกับนาฏพูดเกือบพร้อมกัน


“งั้นเชิญเลยครับสาวๆ” ณุเปิดประตูหลังให้สาวน้อยทั้งสอง แล้วเขยิบมาเปิดประตูข้างคนขับรอ


“คือ.. คือว่าพาสกลับเองดีกว่าฮะ รบกวนพี่ณุไปส่งน้องๆ ด้วยก็แล้วกันฮะ” พาสฝากฝังน้อง


ณุพูดด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงน้อยใจ “ไหนน้องพาสว่าเราจะเริ่มจากการเป็นเพื่อนกันไงครับ นี่เหมือนไม่ให้โอกาสพี่เลยนะครับ”


“แต่พาส” หญิงสาวไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร


“ให้พี่ขับไปส่งเถอะนะครับ” ณุใช้ลูกอ้อน


“แต่ว่า....” พาสยังมีอาการลังเล


“นะครับ...ให้พี่ไปส่งนะครับ” ณุแทบจะเข้าไปอุ้มเธอขึ้นรถ


“..... ไปก็ไปฮะ” พาสเบี่ยงตัวหลบณุเธอเข้าไปนั่งณุปิดประตูให้ ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะวิ่งอ้อมไปขึ้นรถขับออกไป


พาสนั่งเงียบตาเหม่อมองออกไปนอกรถ ปล่อยให้สามคนคุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนรู้จักกันมานานซะเหลือเกิน อาจเพราะความเพลียผสมความเซ็งทำให้หญิงสาวเผลอหลับไป ณุขับมาจอดที่หน้าบ้านสองชั้นหลังน้อยหลังจากส่งสองสาวที่หอพัก ตลอดทางที่มาเขาคอยชำเลืองมองสาวหน้าหวานข้างๆตัว เวลาเธอหลับช่างน่ารักน่าหยิกจนเกือบจะห้ามใจไม่ได้ เขาลงจากรถไปกดออกหน้าบ้าน สักครู่เอก็เดินมาเปิดประตูรั้ว


“คุณณุ...” เอมองหน้าชายหนุ่มงงๆ


“ผมพาน้องพาสมาส่งครับ” ณุรีบแจง


“ขอบใจนะที่พาพาสมาส่ง...พาสละ” เอชะเง้อหาน้อง


“หลับอยู่ในรถน่ะครับ” ณุเอี้ยวตัวหลีกทางให้เอ


“ปลา.. ลูกปลา” เอเปิดประตูออกสะกิดเรียกน้อง


“หืม” หญิงสาวยังมีงัวเงีย เมื่อลืมตาเห็นคนตรงหน้าก็ยิ้มให้ “พี่เอ”


“มา... เข้าบ้านกัน” เอช่วยพยุงน้องสาวจอมขี้เซาให้ยืนให้มั่น


“เข้าบ้านก่อนสิคุณณุ ทานกาแฟสักถ้วยก่อน” เอชวนณุเข้าบ้าน พาสไม่พูดอะไรเดินขยี้ตานำเข้าบ้าน


“ครับ” ณุเดินตามหลังพาสไปติดๆ


พาสพาณุมานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น “นั่งก่อนนะฮะ” แล้วเดินออกจากห้องไป


“เป็นไงมาไงถึงมาส่งเจ้าพาสได้” เอถาม


“ก็พอดีเห็นว่าน้องพาสไม่ได้ขับรถไปที่ร้านนะครับ เลยอาสามาส่ง”


กานต์เดินมาหาสามีที่ห้องนั่งเล่น “ พี่เอ ปลามาแล้วเหรอคะ... อ้าวคุณณุ”


“สวัสดีครับ..” ณุไหว้กานต์


“คุณณุมาส่งเจ้าแสบน่ะจ้ะ” เอบอกภรรยา


พาสเดินกลับเข้ามาพร้อมกับส่งถ้วยกาแฟให้ชายหนุ่ม “กาแฟได้แล้วฮะ”


“เอ่อ.. พี่ณุฮะ.. พาสขอเถอะ เรียกพาสเฉยๆ ได้ไหมฮะ ไม่ต้องมีน้องนำหน้าฟังยังไงก็ไม่รู้”


ณุยังไม่ทันได้ตอบอะไร พี่ทั้งสองก็ขอตัวไปพักผ่อน ปล่อยพาสให้มองตามหลังหน้าบูดที่ถูกทิ้งไว้กับณุเพียงลำพัง


“เมื้อกี้ว่าไงนะครับ” ณุถามทั้งๆ ที่ได้ยินอยู่แล้ว


“เรียกแต่ชื่อพาสเฉยๆ ไงฮะ” สาวห้าวย้ำสั้นๆ


“งั้นให้พี่เรียกลูกปลาได้ไหมครับ” เขายิ้มตาหวาน


“ไม่ได้ฮะ พาสบอกแล้วไงว่าชื่อนี้เฉพาะคนที่บ้านเท่านั้นละฮะที่เรียก พาสไม่ชอบให้คนอื่นเรียก” พาสทำหน้าขึงขัง


“แหม พี่ว่าน่ารักดีออก” ณุยังคงแหย่


“พาสขอนะฮะ”


“ครับ ได้ครับ”


“นี่ก็ดึกแล้ว พี่ณุกลับบ้านเถอะนะฮะ” พาสดูนาฬิกาแล้ว เอ่ยปากกับณุ


“โห.. ยังไม่ได้ทานกาแฟเลยไล่ซะแล้ว” ณุทำเสียงออดอ้อน


“จะตีสองแล้วนะฮะ” เธอยืนรอ


“พี่ลืมเวลาไป ขอโทษทีครับ” ณุลุกอย่างว่าง่าย
ชายหนุ่มเดินตามหลังออกมาเงียบๆ พาสเดินออกมาส่งณุที่รถ ณุเปิดประตูรถก่อนหันกลับมามองพาสเขาส่งยิ้มหวานให้ “ราตรีสวัสดิ์นะครับ”


“ฮะ ราตรีสวัสดิ์” พาสยิ้มรับไปตามมารยาท หญิงสาวยืนส่งณุจนรถเขาลับตาไปแล้วเธอจึงเดินเข้าบ้าน


อันนี้รวมสามหน้าเก่านะคะเพิ่มส่วนที่หายไปนิดหน่อย











 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2549 12:40:55 น.
Counter : 355 Pageviews.  

รักย่อมต้องเข้าใจในกันและกัน

ขอเชิญทุกคนมารับรู้ความหวานน่ารักๆ ของเขาและเธอ ความรักของผู้เป็นพ่อแม่ ความรักของเพื่อนแท้


ตอนนี้ปรับปรุงนิดหน่อยนะคะ เจแยกไปตามบทแล้วนะคะ




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2549 14:37:46 น.
Counter : 323 Pageviews.  

1  2  3  4  

jd_spn
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




-ความรักเป็นสิ่งสวยงามแต่มิใช่จะเกิดได้ง่ายดาย เมื่อได้มาก็จงเก็บรักษาไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
-อยากมอบสิ่งดีๆ ให้กับทุกคน และมอบความรักให้กับคนอันเป็นที่รักทุกคน
คุยกันหลังไมค่กดที่ตุ๊กตาเด็กเล่นน้ำนะคะ
cursor
Friends' blogs
[Add jd_spn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.