เ พ ร า ะ อ ะ ไ ร . . . ? ?
เคยมั้ย...

เคยทำอะไรแล้วรู้สึกว่า...กูไม่น่าทำเล้ยย

เคยมั้ย...

ที่วุ่นวายใจ...จนทำสิ่งๆหนึ่งโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แล้วผลที่เกิดขึ้นมัน...

ก้ออ่านะ

ข้าพเจ้าเคยสารภาพรักกับเพื่อนคนหนึ่งด้วยแหล่ะ

กำ...ขณะเขียนบล๊อกฟังแฟตอยู่ พอพิมประโยคข้างบนเสร็จ เพลงอยากรู้แต่ไม่อยากถามเปิดซะงั้น - -(บิ๊วอารมณ์กันได้อีก - -)

เหอๆ ข้าพเจ้าว่าคนที่อ่านบล๊อกนี้เดาออกแหล่ะ ว่าคำตอบเป็นยังไง

พอนึกถึงทีไร...ก็รู้สึกว่า...ตอนนั้นเราชอบมันจริงๆหรือเปล่าวะ - -

หรือแค่อยากคบกะมันเฉยๆ(มันหล่ออ้า)

ปกติข้าพเจ้า...แอบชอบใคร...คนๆนั้นไม่เคยรู้หรอก - -

ถ้าจะรู้ก็รู้ตอนข้าพเจ้าเลิกชอบไปแล้ว - -

แต่รายนี้มันเป็นกรณีพิเศษ...

คุณเคยชอบใครมากๆ ภายในเวลาที่รู้กันไม่นานมั้ย??

อย่างข้าพเจ้า มาหลงละเมอถึงคนๆนั้น เพราะเหตุการณ์เดียว ที่เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง

ไม่น่าเชื่อเนอะ คนบางคน ตามจีบคนๆหนึ่งเป็นปีๆ ไม่สนใจ แต่นี่...

อาจเป็นเพราะตอนนั้น เราทั้งคู่อาจรู้สึกอยากมีใครมาอยู่ข้างๆด้วยๆแหล่ะ - -

เฮ้อออ...เรื่องมันมีอยู่ว่า...

ในงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนข้าพเจ้า...ขณะนั้น ข้าพเจ้าเป็นกลุ่มที่ทำงานจัดการเกี่ยวกับร้านอาหาร (คงจะรู้สาเหตุที่มาทำแล้วล่ะสิ^^)

กลุ่มนักเรียนที่ทำงานเนี่ย จะได้คูปองแบบนึง ซึ่งก็กินได้เยอะแหล่ะ(เพราะตอนเราไปทำงานก็ไล่ไปซี้กะร้านต่างๆ จนเค้าแถมแหลกลาญ เอิ๊กๆๆ)

ตอนนี้มันไม่เกี่ยวกะหัวข้อบล๊อกนี่ฝ่า - -

กลับมาที่เดิม ผลของการทำงานก็เลยแอบมีตั๋วแลกอาหารเยอะ เพราะเพื่อนบางคนมีบัตร ด้วย ก็ใช้โครต้าบัตร ประมาณนั้น

ด้วยสันดานส่วนตัว...เฮ้ย คูปองเหลือปะ...เราขอ...

ขอจนแบบ...ยังไงมึงก็กินไม่หมด - -

พอทำงานเสร็จก็ไปนั่งกิน กับเพื่อนๆ ทีนี้ นายคนนั้น ซึ่งเป็นเพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทกับข้าพเจ้า (เคยทำงานด้วยกันครั้งเดียว) แหย่กันประจำ (เพราะมีช่วงหนึ่งข้าพเจ้าบ้าเกมตีกลองมาก แบบสอบเสร็จไปตีกลอง แล้วบังเอิญมีวันหนึ่ง นายคนนั้น ไปเล่นวินนิ่ง ข้างตู้เกมกลองพอดี ตั้งแต่นั้น ข้าพเจ้าก็ถูกนายคนนั้นเรียกว่า "แม่สาวมือกลอง"

นั่นคือความสัมพันธ์ ของเราของคน - -(มันไม่มีอะไรเลย - -)

กลับมา พอดีนายคนนั้นไม่มีคูปอง ข้าพเจ้าผู้ซึ่ง กินมาเกือบทุกร้าน ยังไม่อิ่ม เลยชวนนายคนนั้น ...

นี่...เรามีคูปองเยอะอ่า...เราของเราไปดิ...

โห...สาวมือกลอง มีคูปองเยอะจัง...ดีเลย แต่แนะนำเราหน่อยสิว่ามีอะไรอร่อยมั่ง

ได้ๆ...เรากำลังจะไปเอาอีกอ่า...ไปด้วยกันเลยปะ

แล้วเราก็ไปตะลุยเอาของกินอย่างสนุกสนาน(ตอนนั้นยังเฉยๆนะ - -)

อย่างเป็นเวลาพอสมควร...รู้สึกว่าช่วงนั้น เพื่อนๆของนายคนนั้น หายไปไหนไม่รู้

ส่วนเพื่อนของข้าพเจ้า...ส่วนใหญ่ก็กลับ...ข้าพเจ้ายังต้องทำงานต้องกลับพร้อมรูมเมทด้วย ก็ไม่มีเพื่อนเวลานั้นเช่นกัน

และด้วยความที่ข้าพเจ้า ต้องไปเอานู่นเอานี่ นายคนนั้นด้วยความที่ มีสันดานสุภาพบุรุษตั้งแต่เกิด (คนไรว้า หน้าตาก็ดี แม่งนิสัยดีอีก อิจฉาโว้ยย) ข้าพเจ้าจะไปไหนก็จะบอกว่า

สาวมือกลองไปไหนอ่า...

อ๋อเราไปเอา..ชื่ออาหาร..

โหยนี่ยังไม่อิ่มอีกเหรอ...กินไปตั้งเยอะแล้วนา...

อะไรกัน..คูปองยังไม่หมดเลย...อาหารก็อร่อย เรื่องไรเราจะอิ่มง่ายๆ555

- -ไม่กลัวอ้วนนะ สาวมือกลอง...มาเดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน

เฮ้ยไม่เป็นไร...เราไปเองได้...อีกอย่างเราเอามาเยอะนา...ไปหลายร้านลำบากนายเปล่าๆ

ก็นั่นไง...เราจะได้ไปช่วถือให้...จะได้ไม่ต้องไปเอาหลายรอบ

เอาจริงดิ...อย่าบ่นละกัน

ก็เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา

ในงานวันนั้น มีนิทรรศการด้านหน้านิดหน่อย แล้วข้าพเจ้าอยากทานน้ำผลไม้ เพื่อนที่โต๊ะ ก็ฝากหยิบ และ นายคนนั้นก็อาสามาเป็นผู้ช่วย

ถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าก็ยังไม่รู้สึกอะไร เพราะรู้ว่านายคนนี้มีแฟนแล้ว เป็นรุ่นน้องต่างโรงเรียน (หลังจากที่เลิกกะรุ่นน้องอีกคนหนึ่ง - -)

ระหว่างทางที่เดินไปด้วยกัน ข้าพเจ้าก็นึกขึ้นมาได้ว่า สาย(แผนการเรียน)ของข้าพเจ้า มีจัดไปเที่ยวภูกระดึงกัน ข้าพเจ้าก็เลยชวน

เฮ้ย นายคนนั้น เนี่ย เค้ามีทริปไปภูกระดึง ไปปะ ห้องนายไปเยอะนะเฟ้ย

เหรอๆ...แล้ว สาวมือกลองไปปะ

อ๋อ เราไม่แน่ใจอ่า ดูก่อน

อ้าว สาวมือกลองไม่ไปเหรอ เสียดายจัง

ทำไมอ่า เรายังไม่รู้ไง เพราะไม่รู้จะเก็บตังรอดเปล่า - -

เราอยากไปอ่า สาวมือกลองไปนะ

(เอ๊ะไอ่นี่ แกจะไปไม่ไปเกี่ยวอะไรกะชั้นยะ) ไม่แน่อ่า เราก็อยากไป

งั้นสาวมือกลอง คุยกับแม่เราให้หน่อยสิ เรากลัวแม่ไม่อนุญาตอ่า...พูดแล้วก็หยิบมือถือมากดโทร

เฮ้ยๆๆ...แกขอเองดิ...ก็บอกดิ ว่าเพื่อนๆ มีผู้ปกครองที่เลย เค้าดูแล อ่า ให้เราคุยทำไม - -

น่า คุยกับแม่เราหน่อยนะๆๆๆ

สรุปข้าพเจ้าก็คุยกับแม่ของนายคนนั้นจริงๆ - -

คราวนี้พอช่วงงานใกล้เลิก เค้ามีลูกโป่งที่ผูกตามโต๊ะ ช่วงแรกๆ ตอนนี้ ผู้ใหญ่เริ่มกลับ พวกเราก็อยากได้ วิ่งไปแย่งเอามากัน

เพื่อนที่โต๊ะหลายคนได้มาแล้วข้าพเจ้าเพิ่งกลับจากการไปเอาอาหาร ก็บ่นว่าอยากได้ เพื่อนข้าพเจ้า ที่ไปเอามาเยอะแยะก็บอกว่าไปเอาสิ เดี๋ยวไม่ทันหรอก ข้าพเจ้าก็บอกว่า บ้าเหรอ ไม่กล้าโว้ย มันเลยบอกงั้นเดี๋ยวมันไปเป็นเพื่อน (เพื่อนคนนี้เป็นผู้ชาย)

ข้าพเจ้าก็กลับมาพร้อมลูกโป่ง สองสามลูก ด้วยหน้าตาเหมือนได้ของเล่น

แต่...นายคนนั้นทำหน้าไม่พอใจ...แล้วทีนี้ข้าพเจ้ากะไปเอาไอติมมากินอีก เลยชวนนายคนนั้นมาด้วย ให้มาช่วยถือ (555นายกลายเป็นคนใช้ชั้นแล้วว)

นายคนนั้น ทำเหมือนไม่ได้ยิน - -...แต่เพื่อนที่โต๊ะฝากให้เอามาเผื่อเยอะเกินที่ข้าพเจ้าจะเอามาหมดได้ เลยลากนายคนนั้นมา(ด้วยการซัดไปที่ไหล่บอก เฮ้ยเป็นเหี้ยไร มาช่วยกันเลย - - อย่ามาเนียน)

นายคนนั้นก็ตามมา ข้าพเจ้าสงสัยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป อย่าหน้ามือหลังตีน จากสุภาพบุรุษ เป็นคนหยิ่ง - -

เฮ้ย...นายคนนั้น แกเป็นไรวะ โกรธเราเหรอ?

ป่าว...เราไม่ได้โกรธ...แต่เราไม่พอใจ

ไม่พอใจอะไร...ชั้นไปแย่งขนมแกกินหรือไง...แค่นี้ทำงกนะ...คูปองเรานะโว้ยย

ไม่เกี่ยวสักหน่อย...สาวมือกลอง

งั้นเรื่องไรอ่า - -

ก็สาวมือกลอง อยากได้ลูกโป่ง ทำไมต้องไปกับ..ชื่อเพื่อนคนนั้น..ด้วย

อ้าว ก็เห็นมันได้มาตั้งเยอะแยะ เราไม่กล้าไปขอรุ่นพี่นี่นา มันหน้าด้านดี ก็ต้องให้มันขอดิ

เออ...แล้ว สาวมืกลองเอาเราไปไว้ไหน...พอไปกับ..ชื่อเพื่อนคนนั้น..ก็ทิ้งเราเลย

ทิ้งเทิ้งอะไรแก ชั้นก็ปล่อยแกที่โต๊ะ เพื่อนเต็มไปหมด - - ไม่ได้ปล่อยนายอยู่คนเดียวนี่นา

ไม่รู้แหล่ะ...คราวหน้าจะทำอะไร...ต้องบอกเรานะ...ไปกับเราได้เดี๋ยวเราจัดการให้

เออ...ได้ๆๆ...แหมแค่นี้ทำน้อยใจ...ทำเป็นผู้หญิงไปได้ - -...

คราวนี้ นายคนั้นก็ตามข้าพเจ้าไม่ห่าง ด้วยความที่นายคนนั้นหน้าตาดี เป็นนักบอล ป๊อปใช่ย่อย ไปไหนมาไหน คนก็จะมาทักมากมาย - -

และหลังทักเสร็จ(ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมาทัก) ก็จะมองข้าพเจ้าแปลก นายคนนั้นก็จะแนะนำข้าพเจ้าให้รู้จัก (ไม่ต้องก็ได้ ชั้นเกรงใจ) อารมณ์เหมือนแนะนำแฟน น้ำเสียงน่าตื๊บมาก

แบบ...อ้าวน้องคนนั้น

อ้าวพี่...เหรอครับ ยังไม่กลับเหรอ

ยังจ้า (เหลือบสายตามามองข้าพเจ้า)...

อ๋อ...นี่วุ้นใสจ้าครับ (ไม่มีแสดงความสัมพันธ์ แบบเพื่อนผมเอง - - นายคนนั้นดันละเอาไว้ แล้วพี่คนนั้นก็มองด้วยสายตา แม่งกูสวยกว่ามันนะ - -เลือกมันไปได้ไง - -...โว้ย เป็นแค่เพื่อน เลิกทำหน้าดูถูกกันซะที รู้ว่าหน้าตาไม่ดี ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น

)

ซึ่งแบบเดินไปไหนมาไหน ก็จะถูกมองด้วยสายตานี้ตลอดเวลา - -

แล้ว นายคนนั้นก็ทักคนทุกระยะ ห้าก้าวเดินอย่างข้าพเจ้านานๆทักที - -ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง แล้วจะกะดี๊กะด๊าที่เห็นข้าพเจ้าเอา นายคนนั้นมาด้วย (คนรู้จักข้าพเจ้าไม่ว่ารุ่นน้อง รุ่นไหน ทราบอยู่ว่าเป็นเพื่อน - -)

เสร็จคราวนี้ใกล้ช่วงปิดงานแล้ว...นายคนนี้ก็แบบ

สาวมือกลองจะไปไหนหรือเปล่า?

อ๋อ...เรารอเพื่อนน่ะ...ให้มันโทร.มาเดี๋ยวกลับพร้อมกัน...แล้วนายกลับไงอ่า

งั้นเรามีเรื่องอยากคุยด้วย ไม่กลับไปที่โต๊ะได้มั้ยคนมันเยอะน่ะ

เอ่อ...จะดีเหรอ?

น่า มาเถอะ ช่วงนี้เราเครียดๆน่ะ เป็นเพื่อนเราหน่อย

เอ้า ก็ได้ ว่ามา

แล้วเราสองคนก็มานั่งแถวศาลาตรงหน้าโรงเรียน กันสองคน

นายคนนั้นก็เล่าเรื่องราวของนายคนนั้น(ซึ่งข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว - -) แถมยังบกด้วยว่า จะเล่าเฉพาะคนที่สำคัญเท่านั้น คนที่รู้เรื่องพวกนี้ก็มีแต่แฟนของนายคนนั้น (ดู๊ดู มันทำ อย่างกะชั้นเป็นแฟน แกงั้นแหล่ะ)

แถมนายคนนั้น พยายามพูดประมาณ ข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงที่พิเศษไม่เหมือนใคร ซึ่งข้าพเจ้าก็พยายามูดถึงแฟนของนายคนนั้น ตลอดเวลา

สาวมือกลอง เธอตลกดีนะ เราชอบ

แหม...พูดงี้ น้อง..ชื่อแฟนนายคนนั้น.. หึงเราพอดี แกอย่ามาหาเท้าให้เรากิน - - เรากินอาหารนะเฟ้ย ไม่นิยมแดกตีน

แต่จริงๆนะ เราว่า วุ้นใสจ้า ไม่เหมือนใครเลย อ่า (พร้อมกับทำตาเยิ้มๆ)

(ใจจะละลาย)...นี่ นายมีแฟนแล้ว อย่าเที่ยวไปพูดแบบนี้ให้ ผู้หญิงอื่นนะ สงสารแฟนแกหน่อย

ความจริงเรากับ...ชื่อแฟนนายคนนั้น.. ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรหรอก

อ้าว เฮ้ย น้องเค้ายิ่งสวยๆ แกนี่ ไม่ดูแล บลาๆๆๆ

แต่เราว่า เราอยากมีคนที่เข้าใจเรามากกว่านี้(พูดพร้อมกับมาจ้องหน้าข้าพเจ้า)

(ไอ้บร้า...อย่ามาอ่อยกันดิวะ ยิ่งแพ้ผู้ชายหน้าตาดีอยู่) งั้นเราก็ขอให้นายเจอคนนั้นสักทีนะ สู้ๆ!!

(ชักสีหน้าไม่พอใจ) อือๆ

แล้วก็คุยกันประมาณนี้เรื่อยๆ - -

จนกระทั่ง...สาวมือกลอง...กลับยังไงนะ...

เรารอเพื่อนไง...เอนานแล้วนะเนี่ยทำไมไม่โทร.มาสักที (ข้าพเจ้ากดโทร.หารูมเมท รูมเมทก็บอกว่า สักพัก - -)

งั้นเราไปกินข้าวต้มกันต่อมั้ย สาวมือกลอง

อ้าว แล้วนายไม่กลับบ้านอ่า ดึกแล้วนะ เดี๋ยวแม่นายเป็นห่วง

ไม่หรอกเราบอกแม่แล้วว่าเราอยู่กับเธอ แถสเธอคุยกับแม่เราแล้ว รู้มั้ยเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่คุยกับแม่เราเลยนะ

(งานเข้า...)แล้วมันเกี่ยวอะไรที่แม่นายจะไว้ใจเราเล่า - - มั่ว!!!

น่า...ไปกินข้าวต้มกันต่อนะเราหิว

(กำลังตัดสินใจ)เพื่อนเดินมา...อ้าว วุ้นใสจ้า ปะกลับกันๆ อ้าวอยู่กับใครอ่า

ข้าพเจ้าก็แนะนำไป นายคนนั้นก็ขอตัวกลับซะงั้น - -

นั่นแหล่ะแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากโดนนายคนนั้นอ่อย - -

หลังจากนั้นก็แทบทำข้าพเจ้าจะตายให้ได้

จนเมื่อถึงวันสอบ...












to be continous...























Create Date : 28 กรกฎาคม 2551
Last Update : 28 กรกฎาคม 2551 2:24:56 น.
Counter : 354 Pageviews.

3 comment
วุ้ น ใ ส จ้ า ม า ล่ า แ ต้ ม ^ ^ *
เอิ๊กๆๆๆ มาแปะไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวนี้เพิ่งรู้ว่า

ถ้าอยากเขียนบล๊อกต้องแปะไว้ก่อน

แล้วความรู้สึกรับผิดชอบที่จะเขียนต่อให้จบมันจะมาเอง - -"

ช่วงนี้ การสื่อสารการแสดงข้อความทางสื่อ มักจะสื่อให้เราคิดได้หลายๆมุม

ซึ่งบางสิ่ง บางเรื่องอาจจะไม่มีอะไรเลย แต่การสื่อสาร ของสื่อนั้นทำให้เรื่องๆ นั้นเป็นสิ่งเลวร้ายไปเลย - -"

อีกอย่างคำบางคำ ความจริงถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรก็จะเป็นที่ไม่ได้ดู รุนแรงหรือความหมายอะไรอย่างเช่นหลายๆคำ

ที่ตอนนี้ กลายเป็นคำที่แสลงไปแล้ว - -" อย่าง "ตุ๋ย" "แวนซ์" "เสี่ยว"

วันนี้ ข้าพเจ้าจึงเลือกคำว่า "ล่าแต้ม" มาใช้^^*

การล่าแต้มที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้ก็คือ การล่าแต้ม เก็บรายชื่อวัดที่ข้าพเจ้า จะปั่นจักยานในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อไปไหว้พระตามวัดต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้^^*

เหตุผล??? ข้าพเจ้าเป็นคนชอบเที่ยววัด^^* มันรู้สึกสงบ และได้เห็นสถาปัตยกรรมต่างๆ

เพราะวัดส่วนใหญ่ในตัวเมืองเชียงใหม่ มักจะมีเอกลักษณ์ต่างๆกัน ^^*

อีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่ข้าพเจ้าว่างด้วย^^*

ข้าพเจ้าตั้งใจจะทำสิ่งๆนี้มานานแล้ว แต่ติดเกมส์ - -" เลยยังไม่ได้ทำสักที

เสียดายที่ลืมเอากล้องถ่ายรูปมา แต่.....

ไม่เป็นไร เอาสมุด ดินสอมา เอาไว้จดชื่อวัด และข้อมูลที่น่าสนใจเตรียมไว้แล้ว^^*

มาแปะไว้แล้ว วุ้น ก็จะออกเดินทาง แล้ว จะเล่าให้ฟังนะคะ ว่าวันนี้ วุ้นไปล่าแต้มเป็นยังไงบ้าง

แล้วจะ "ล่าแต้ม" มาอวดให้เยอะๆนะคะ ^^*





ก้ออ่านะ

อ๊ากกกกกก พิมไปแล้ว - -" เนตเน่า - -" (ดีที่พิมไป 1 วัด - -")

เอาละผลของการไปล่าแต้มมา ข้าพเจ้าเหนื่อยมากมาย - -" เหงื่อซก

ข้าพเจ้าเริ่มล่าแต้ม ตั้งแต่ บ่าย สอง ถึง ห้าโมง ครึ่ง - -"

ถึกมากมาย - -" ความจริงกะเริ่มตั้งแต่ 10 โมงเช้าแต่...เล่นเกมT T

สรุปคือล่าแต้มมาได้ 25 วัดค่ะ^^*



เริ่มกันเลยดีกว่างิ^^*

1. วัดพวกหงษ์

วัดแรก โบสถ์ปิด แต่มีการติดป้ายบอกว่ามีอุโบสถล้านนา >< ไม่มีกล้อง - - อุโบสถทำใหม่ คงแต่ประตู หน้าต่าง และหลังคา ภายในวัดมี เจดีย์ ศรีพวกหงษ์ ค่อนข้างสมบูรณ์ (และสวยมากๆด้วย^^*) อยากให้มาเห็นจังค่ะ สวยจริงๆ เจดีย์ ฐานประมาณ 9*9 เมตร (เพิ่งเห็นป้าย จางมากมาย - - ว่า กรมศิลปากรบูรณะเมื่อ 2518)


2. วัดพวกแต้ม

เอ - -!! เริ่มสงสัยแล้วสิว่า วัดไทยปิดทุกวันอาทิตย์หรือเปล่า - - วัดนี้มีบริเวณกว้างพอๆกับวัดแรก มีพระพุทธรูปตั้งให้สักการะ ตัวพระพุทธรูปแสดงถึงความเก่าแก่คาดว่าน่าจะเป็น สถาปัตยกรรมแบบล้านนา หรือ พม่าไม่แน่ใจ - - (ไม่มีความรู้ด้านนี้แต่มั่นใจว่าไม่ใช่ไทยแน่นอน) วัดนี้ก็มีเจดีย์ แต่เป็นเจดีย์สร้างใหม่ เป็นเจดีย์ทรงเหลี่ยมสีขาว มีสีทองประดับ จุดเด่นที่ข้าพเจ้าชอบของ วัดนี้ คือ กุฏิวัด เป็นทรงล้านนาดั้งเดิม สวยมากค่ะ โดยคงโครงตัวกุฏิไว้ แต่มีการต่อเติมด้านล่าง ดูแปลกตาอีกแบบเช่นกัน^^*

3. วัดกิตติ

แหะๆ ปั่นจักรยานมาเรื่อย เห็นยอดเจดีย์ ค่อนข้างสมบูรณ์ เลยปั่นตามหาปรากฎว่าเจดีย์อยู่ในโรงเรียน อนุบาลเชียงใหม่ ซะนี่^^* มีป้ายแนะนำปรากฎว่า เค้าเรียกเจดีย์นี้ว่า “วัดกิตติ” เป็นโบรณสถานสร้างสมัยราชวงศ์มังราย มีเจดีย์ (ที่ข้าพเจ้าเห็นอยู่นี้) ทรงระฆัง แบบล้านนาบนฐานสี่เหลี่ยม คล้ายกับพระธาตุหริภุญชัยลำพูน ต่อมาเหลือแต่ เตดีย์ ^^*ให้เห็นจ้า

4. วัดพระเจ้าเม็งราย

ข้าพเจ้าเริ่มแน่ใจว่า วัดปิดทุกวันอาทิตย์ - -!! เพราะวัดก็ปิด ตัวโบสถ์ก็ปิด มีโบสถ์เล็กก็ปิด (แต่เป็นเหล็กดัดปิด เห็นภายในโบสถ์มีพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง มีชื่อเรียกว่า “พระเจ้าค่าคิงพญามังราย” สร้างเมื่อ พ.ศ. 1839-1840) ภายในวัดมีเจดีย์ทาสีทองรอบองค์ ฐานสี่เหลี่ยม รู้สึกที่นี่จะคงกุฏิไว้ เพราะสภาพค่อนข้างเก่ามากค่ะ

5. วันพันแหวน

รู้สึกว่าวัดนี้เหมือนมีงาน - - จริงๆด้วยข้าพเจ้าเลยเข้าตัวโบสถ์ไม่ได้- -!! จุดเด่นของวัดนี้คือ มีเจดีย์สีขาวที่มีการแกะสลักอย่างประณีตและละเอียดมาก ตัวโบสถ์ใหม่มีการคงโครงสร้างตัวหลังคา ประตู หน้าต่าง ที่เหลือบูรณะซ่อมแซมหมด ตัวกุฏิที่นี่จะค่อนข้างจะอำนวยความสะดวก แสดงให้ทราบว่า วัดนี้มีผู้มีจิตศรัทธามากมาย^^*

6. วัดเจ็ดลิน

ที่นี่เป็นวัดที่มีการก่อเจดีย์กองทรายที่ใหญ่ที่สุด (ถ้าไม่ผิดตามข่าว) เจดีย์กองทรายนี้มีชื่อเรียกด้วยค่ะ ว่า “เจดีย์สุดส้าว” วัดนี้ได้มีการฟื้นฟูเมื่อไม่นานมานี้ (สดๆร้อนๆ) ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังเขียนบันทึกอยู่ในโบสถ์ ^^* พระพุทธรูปองค์ใหญ่มากกกก ภายในวัดยังไม่มีจิตรกรรมฝาผนังเลยค่ะ ^^ ภายในวัดมีเจดีย์ชื่อ “วัดหนองจริน” (ซึ่งปรากฎชื่อในโคลงนิราศ หริภุญชัย เรียก วัดเจ็ดลิน) เป็นทรงมณฑป ภายในวัดมีหนองด้วย เรียกว่า “หนองเจ็ดลิน” มีผักตบชวาเป็นสวยเลย ^^* ที่นี่กลางหนองมีสิ่งปลูกสร้างสมัยก่อน คาดว่าน่าจะได้รับการบูรณะอย่างเสร็จสมบูรณ์ วัดนี้มีตำนานกล่าวว่า เคยเป็นที่สรงน้ำของพระเมกุฏสุทธิวงศ์ กษัตริย์เชียงใหม่ เมื่อครั้งทำพิธีราชาภิเษกขึ้นครองเมือง

7. วัดหมื่นตูม

ปิดหมดทั้งวิหาร เล็กใหญ่ - -!! เห็นแต่เจดีย์สีขาวทรงแปลกตา เป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยม แต่ตัวเจดีเหลี่ยมตลอดถึงยอด (เหลี่ยมจัด!! - -)

8. วัดช่างแต้ม

วัดนนี้กำลังบูรณะอยู่เลยค่ะ มีเจดีย์สีขาวฐานสี่เหลี่ยม ตัวเป็นเหลี่ยมเกือบหมด สวยค่ะ วัดนี้มีจุดเด่นคือ มีกุฏิ ที่มีบันไดทางขึ้นค่อนข้างสูง ชั้นล่างคงเป็นห้องโถงเพดานสูง ชั้นสองจึงสูงมากมาย

9. วัดเชษฐา

ปั่นมาถึงแยกไฟแดง มีเจดีย์โบราณอยู่ตรงหัวมุมพอดี เลยมาเก็บข้อมูล ชื่อวัดเชษฐา วัดนี้ไม่ปรากฎเรื่องราวในเอกสารใดๆ เหลือเป็นเจดีย์ทรงกลมแบบเชียงใหม่ จำนวน 1 องค์มีรูปทรงและแบบแผนคล้ายคลึงกับพระธาตุ ดอยสุเทพ ซึ่งเป็นที่นิยมสร้างในสมัยปลายพุทธศตวรรษที่ 21 เจดย์นี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับพระไชยเชษฐา กษัตริย์ของเมืองล้านช้าง ซึ่งครองเชียงใหม่ในสมัยนั้น

10. วัดทรายมูล(พม่า)

สถาปัตยกรรมที่นี่ค่อนข้างแปลกตา อาจจะเป็นเพราะตามชื่อ (คือเป็นวัฒนธรรมจากพม่า) ตัวอาคาร โบสถ์ กุฏิ ทรงเตี้ย สีเหลืองแดงสดใส พระพุทธรูปที่ประดิษฐานในโบสถ์ ก็มีลักษณะต่างจากทั่วไป (อธิบายไม่ถูก - - จิตรกรรมฝาผนังที่นี่ เป็นเรื่องกัณฑ์ต่างๆ เรียกไม่เป็น)

11. วัดทรายมูลเมือง

ปิดหมดค่ะ - - รู้สึกเจดีย์ที่ส่วนใหม่จะเหมือน เจดีย์ของวัดเชษฐา

12. วัดหมื่นล้าน

ตายแล้วๆ ที่นี่อยู่บนถนนราชดำเนิน ตอนที่ข้าพเจ้ามาถึงก็ บ่าย 3 โมงแล้วมีร้านค้าตั้งเต็มไปหมด - - ที่นี่มีจุดเด่นคือ หอพระไตร(ถามแม่ค้ามา - -) รูปทรงฐานสี่เหลี่ยมสวย (อธิบายไม่ถูก - -)

13. วัดพันอ้น

สร้างประมาณ พ.ศ. 2044 ที่หน้าทางเข้าโบสถ์มีการตั้งโต๊ะทำนายชะตาชีวิต อยู่ประมาณ 4-5 โต๊ะ มีการบูรณะสร้างเจดีย์ใหม่ ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพเหมือนเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ภาพซากปรักหักพัง ภาพการซักผ้าริมแม่น้ำคงคา- -

14. วัดสำเภา

วัดนี้ตัวโบสถ์ยังคงสภาพได้อยู่ มีการทาสีฝาผนังใหม่ จุดเด่นคือ มีพระพุทธรูป 3 องค์ขนาดเท่ากัน (แต่เครื่องนุ่งห่มต่างกัน) และมีพระพุทธรูปอีกองค์ขนาดเล็กกว่า 3 องค์เล็กน้อย ตั้งอยู่ด้านหลัง ที่นี่มีโบสถ์เล็กแต่ปิด ข้างหน้ามีอ่างขนาดย่อมสำหรับเลี้ยงปลาสวยงาม

15. วัดเจดีย์หลวง

หรืออีกชื่อคือ “วัดโชติการามวิหาร” ภายในวัดมีเสาอินทขิล (หลักเมือง) ถือว่าเป็นของคู่บ้านคู่เมือง โดยย้ายมาตั้งที่นี่เมื่อปี 2343 มีเจดีย์รายองค์ใต้ ประดิษฐานอยู่ข้างๆเสาอินทขิล วัดนี้เป็นวัดที่ข้าพเจ้าชอบมากรองจากวัดอุโมงค์ ^^* เนื่องจากประทับใจในความใหญ่โตของเจดีย์องค์นี้ เล่ากันว่าในสมัยก่อน ผู้ที่จะเดินทางมาที่เมืองนพบุรี ศรีนครพิงค์ นั้นถ้ามองเห็นยอดเจดีย์ของวัดเจดีย์หลวง แล้วอีก 2 วันก็จะเดินทางมาถึงเขตเมือง (แสดงถึงความใหญ่โตของเจดีย์) อีกสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าทำเกือบทุกครั้ง (ยกเว้นครั้งนี้ เพราะมาคนเดียวไร้ซึ่งความสามารถ) คือการสรงน้ำพระเจดีย์ โดยการสาวรอกอันฝืดและหนัก!!!!!! ทำเสร็จนี่กล้ามขึ้นเลย (ความจริงมีมานาน - -) ที่นี่มีหุ่นขี้ผึ้งของพระสงฆ์ ที่มีชื่อเสียง 1 รูปด้วยกันคือ ท่านพระอาจารย์ มั่น ภูริทัตโต นอกจากนี้ก็จะมีวิหารเล็กๆ อีกมากรอบพระเจดีย์ค่ะ สาเหตุที่พระเจดีย์หักพังทลาย และแต่ฐานและ เรือนฐานด้านเหนือ คือ พ.ศ. 2088 เกิดแผ่นดินไหว วัดที่นี่ตัวโบสถ์ยังอยู่ในการบูรณะอยู่ค่ะ^^*

16. วัดพันเตา

อยู่ข้างวัดเจดีย์หลวง ที่นี่มีจุดเด่นก็คือ ตัวเรือนโบสถ์สร้างด้วยไม้ ภายในโบสถ์จะมีกลิ่น ดอกไม้พุทธชาด เกือบทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเข้ามาเที่ยว พี่ในพันทิป ท่านหนึ่งบิกว่าที่นี่สงบดี ข้าพเจ้าก็เห็นด้วย ในตัวโบสถ์มีพระพุทธรูปชื่อ “พระเจ้าปันเต้า (พันเท่า)” ที่นี่มีอีก 1 สิ่งที่ข้าพเจ้าชื่นชอบคือ มีระฆัง ซึ่งปกติ ระฆังจะมีที่ตีอยู่ภายในระฆัง แต่ที่นี่จะมีฆ้อน ห้อยออกมาข้างนอกให้ตีระฆัง ถือว่าแปลก(สำหรับข้าพเจ้า) ก็ว่าได้^^*

17. วัดชัยพระเกียรติ

เดิมชื่อ วัด ชัยผาเกียรติ์ เป็นพระอารามของนครเชียงใหม่ แต่โบราณกาล สมัยพระเจ้าเมกุฏิ วิสุทธิวงศ์ ที่นี่ภายในวิหาร มีพระพุทธรูป ไปถามพระสงฆ์ รูปหนึ่ง ได้ควมรู้ใหม่ถึงความแตกต่างของวิหารกับโบสถ์ ท่านบอกว่า ทางเหนือ โบสถ์ เค้าไม่ให้ ผู้หญิงเข้า วัดนี้มีพระพุทธรูปทรงแปลกๆดี ^^* สวยค่ะ จิตรกรรมฝาผนังที่นี่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ กัณฑ์ต่างๆ เหมือนวัดทรายมูลพม่าเลยค่ะ!!!!!

18. วัดศรีเกิด

ภายในวิหาร มีกลิ่นน้ำอบหอมสดชื่น มีพระพุทธรูปชื่อ "พระเจ้าแค่งคม"

19. วัดทูงยู

เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาแล้ววิหารเปิด>
20. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

เดิมชื่อวัด ลีเชียง เป็นพระอารามของนครเชียงใหม่ มาแต่โบราณกาล ประมาณ 700 ปีเศษ วิหารวัดนี้มีขนาดใหญ่มากมาย ที่วัดนี้จะมีพระธาตุประจำปี มะโรง และมีการหมุนรอกเพื่อสรงน้ำ พระธาตุด้วย (ซึ่งจะสะดวกสบายกว่าวัดเจดีย์หลวงมากกกก) วัดนี้จะมีโบสถ์เล็กโบสถ์น้อย ให้สักการะบูชา และที่วัดนี้มีห้องน้ำสะอาดมากมายค่ะ ที่นี่มีหอไตรปิฎก ซึ่งชิ้นหลวงเป็นเหล็กดัดโปร่งบรรจุกลองภายใน (ช่วงนี้ข้าพเจ้าจิตตก เห็นกลองที่วัดไหนชอบนึกว่าเป็น เปิงมาง - -) ตรงข้างหลังพระวิหารหลวง ด้านขวามือ จะมีสิ่งก่อสร้าง คล้ายยุ้งฉาง - -" เป็นอาคารยกฐานไม่มีบันได ทาสีแดง สอบถามได้ความว่า เป็นที่เดินจงกลมของพระสงฆ์ เวลาจะเข้าไปก็จะเอาบันไดลิงมาพาดขึ้นไปค่ะ หอไตรที่นี่สวยมากมายเลยค่ะ!!!^^

21. วัดผาบ่อง

วัดนี้ไม่มีโบสถ์ มีแต่วิหาร ภายในมีพระพุทธรูป สถาปัตยกรรมแปลกตา (อีกแล้ว) ความรู้ใหม่สำหรับข้าพเจ้าในวันนี้คือ เจดีย์ มีไว้เวียนเทียน - -!!!

22. วัดดับภัย

ข้างในมีพระพุทธรูปประดิษฐานซ้อนกัน 3 องค์ไล่ขนาดไป เป็นวัดที่มีโรงเรียนในตัวด้วย ในวันนี้ที่ตัวโบสถ์ปิดค่ะ ก็จริงๆแหล่ะ วัดส่วนใหญ่จะมีเจดีย์ที่มีรูปทรงคล้ายกับ พระธาตุดอยสุเทพ กันเกือบทุกวัด

23. วัดป่าพร้าวใน

T T ประตูปิดแล้ว 5 โมงเย็นแล้ว - - ดูจากข้างนอกรั้วที่ข้าพเจ้าชอบ ก็จะมีหอไตร ที่เชียงใหม่ มักก่อสร้างชั้นล่างด้วยปูนชั้นบนเป็นไม้ สวยงามไปอีกแบบค่ะ^^*

24. วัดปราสาท

ชื่อวัดปรากฎในศิลาจารึก วัดตโปทามม พ.ศ. 2035 สมัยพญายอดเชียงราย บริเวณวัดตั้งในเขต เจ้านาย และขุนนาง

25. วัดหมื่นเงินกอง

ปิด T T สร้างสมัยพระเจ้ากือนา ท้าวสองแสนนากษัตริย์ (พ.ศ. 182-1916) โดยหมื่นเงินกองเป็นชื่อ อำมาตย์ผู้หนึ่ง ต่อมาชาวบ้านทั่วไปเรียก "วัดมะยมกอง" บ้าง ปัจจุบันเรียก หมื่นเงินกอง ค่ะ ที่นี่ตัววัดยังคงของเดิมตรงข้างบนที่ยังเป็นไม้อยู่ แต่ฐานเป็นปูนหมด เสียดาย ข้าพเจ้าคิดว่า ข้างในวิหารคงจะงดงามเป็นแน่แท้ ไม่น่ามาสายเลย T T



แหะๆ เอารายชื่อวัดไปก่อนนะคะ รายละเอียดจะตามมา - -"

อีกที เพราะข้าพเจ้าใช้ระบบจิ้มมันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปเหมือนความรัก(ฮิ้ววววววววววววว....เอิ่มเกี่ยวมั้ย - -")




Create Date : 22 เมษายน 2550
Last Update : 28 กันยายน 2550 19:59:59 น.
Counter : 390 Pageviews.

8 comment
แ ห ะ ๆ วั น แ ร ก ข อ ง ก า ร เ ลิ ก เ ก ม - - "

แปะไว้ก่อนแล้วจะมาบอก^^*




มาแล้วค่า ถือว่าเป็นวันที่ดีเลย^^* เพราะข้าพเจ้าต้องตื่นเช้าไปเรียน 7 โมงครึ่ง

วันนี้ไม่งอแงกลับตัวเอง (อาจเป็นเพราะนอนตั้งแต่ ตี 1 ตื่น 6 โมงก็ถือว่า ชั่วโมงนอนค่อนข้างเพียงพอ^^*)

ด้วยความตื่นเช้าเกินมีเวลาเหลือ - -" อยากกินข้าวครึ้มอกครึ้มใจ

เลยปั่นจักรยานไปตลาดประตูเชียงใหม่^^* (แต่ครั้งอารมณ์มากมายเพราะไปนอนเต็มที่ไม่เหม็นเหมือนตอนเล่นเกมโต้รุ่งแล้วปั่นจักรยานรอหอเปิด - -")

ปั่นไปยิ้มไป ดีที่ไม่ค่อยมีคนเดี๋ยวเค้านึกว่าคนหลุดจากสวนปรุงมาป้วนเปี้ยน (ยิ่งอยู่ใกล้ๆสวนปรุงอยู่ - -")

ตอนแรกอยากกินน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ แต่บทสรุปก็คือ ข้าวสวย 1 ถุง กับ แกงผักปั๋ง (ที่ข้าพเจ้าอยากกิน - -" ช่วงนี้เป็นโรคขาดอาหารเมืองทั้งๆที่อยู่ภาคเหนือ - -")

เบ๊ดเสร็จ 15 บาทมีความสุขมากมาย ปั่นจักรยานกลับ หอบแฮ่กๆ - -" รีบขึ้นมากินข้าวเพราะอีก 10 นาทีจะเรียนแหล่ว - -"

สรุปคือเรียนไปจุกไป เจ้าค่ะ ผลของการโรคจิต - -" ไม่วางแผนอยากทำอะไรก็ทำ

แต่ได้เห็นเชียงใหม่ยามเช้า พร้อมอากาศที่สบายๆ ในสภาพที่สมองเราปลอดโปร่งมันได้อารมณ์ อีกแบบ

ไม่เหมือนตอนติดเกม ตาโหลปั่นจักรยาน (เริ่มสำนึกแล้วว่าเหมือนคนติดยา - -")



เสร็จก็ไปเรียน มุกเดิม เรียนไปหลับไป - -" แหะๆ ผลของการตื่นเช้า (เกี่ยวมั้ย - -")

ตอนนี้เรียนเสร็จ 2 วิชา เดี๋ยวไปเรียนต่อ^^* ตอนปั่นจักยานกลับหอ (เพื่อไปเหลาดินสอไม้) - -"

ก็มีคุณบุรุษไปรษณีย์ ขับจักรยานยนต์ ขับข้างๆมาคุยเล่นด้วย^^* ก็ตลกไปอีกแบบดี รู้สึกว่า ที่นี่คนมีมนุษยสัมพันธ์ดีจัง ร๊ากกกกเชียงใหม่จัง^^*

เพราะเมื่อปีที่แล้ว ข้าพเจ้านี่ก็ไล่รู้จัก และตีซี้ กับเจ้าของร้าน น้ำปั่นเอย ร้านเข้าแกงเอย คุณตาที่สอนซึงเอง^^* ร้านเช่าการ์ตูนเอย พี่ที่ขายโปสการ์ดที่ถนนคนเดิน^^*

แต่ปีนี้มาแปลก ซี้กับ เจ้าของร้านเกมแทน - -"(คาดว่าถ้ายังไม่กลับใจอีก คงซี้กับ กลุ่มอันตพาลเป็นแน่แท้ - -") แต่ก็ยังดีปีนี้ได้สนุกไปร้องเพลลงกับนักดนตรีข้างถนน ที่ถนนคนเดินทุกอาทิตย์

โดยข้าพเจ้าแรกการกระทำเช่นนี้ว่า การไปเกะ - -" ดังนั้น ช่วง มีนา เมษา ใครเห็นผู้หญิงมานักร้องเพลง (อย่างไม่ไพเราะ และ ผิดเนื้อ ผิดคีย์มากมาย - -") นั่นแหล่ะข้าพเจ้า วุ้นใสจ้าเองคับกะผ๊ม

ไปเรียนก่อนดีกว่า เดี๋ยวกลับมาเช็ครายชื่อคนไปมีทติ้งเชียงใหม่ ถ้าเสี้ยนเกม ก็จะมาเขียนบล๊อกอีก^^*

อย่างน้อยติดบล๊อก ข้าพเจ้าก็คงไม่โต้รุ่ง^^*

แหะๆๆๆ แล้วเจอกับคับ^^*





ก้ออ่านะ



Create Date : 21 เมษายน 2550
Last Update : 21 เมษายน 2550 17:31:10 น.
Counter : 412 Pageviews.

5 comment
1 เ ดื อ น กั บ ติด เ ก ม อ อ ดิ ชั่ น ข อ ง ข้ า พเ จ้ า - - "

แหะๆๆ เด๋วกลับมาเขียน - -"







ก้ออ่านะ
กลับมาแล้ว^^* แอบอึ้งมีคนมาอ่านด้วย - -" แหะๆ

เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันดีกว่า^^*

เหตุเกิดจากข้าพเจ้ารู้เกมออดิชั่นเมื่อปีที่แล้ว และได้สมัครเพื่อจะเล่นตั้งแต่ปีที่แล้ว - -"

แต่ร้านเกมโหลดไม่ได้ก็เปนอันจบข่าวไป จบ!!!!


























































ไม่ใช่ละเดี๋ยวโดนด่า - -"

ข้างบนนั่นเรื่องจริงล่ะ เป็นที่ทำให้ข้าพเจ้าเสียใจว่าทำไมสมัครตอนนี้ฟะ - -"

เพราะปีนี้ถ้าสมัครตอนนี้ที่ติดจริงๆ คงได้เดนมากมาย

จากการรับน้องใหม่ที่ทางออดิชั่นจัดขึ้น T T(งื้ดๆ)

วันเวลาที่ข้าพเจ้าเริ่มเกมเกมคงประมาณวันที่ 23-26 มีนาคม - -"

ช่วงนั้นเวบพันทิป ที่กระทู้นอกเรื่องกำลังร้างอย่างได้ที่ - -"

ด้วยความจิตตก เลยลองเข้าเล่นดู(ดูดิ๊ร้านนี้โหลดได้มั้ย - -") ปรากฎว่าได้!!!!!

เอาแล้วไม่เคยเล่นเล่นไงหว่าก็โง่มากมาย โดนเทรนเนอร์ที่เป็นโปรแกรมหลอกด่าจนจะเลิก

แต่ด้วยโรคดันทุรังสูง ฮึๆ จะเล่นเอาวะลองดู - -"

วันแรกเล่นไป 2 ชั่วโมง ขึ้นเวล 3 เออเกมนี้มีวิธีล่อลวงคนให้ติดนี่

เล่นไม่ทันไรเวลขึ้นมากมาย (ตอนข้าพเจ้าเลิกปัจจุบัน เวล 11 - -")

คราวนี้รู้สึกเออแฮะ อยากเอาชนะอ่า - -" ก็เล่นเรื่อยๆตอนจะขึ้นเวล

ก็เพิ่งสังเกตว่า เค้ามีโปร นู๋จะไม่ดองเลเวลแย้ว อ้าวกำ - -" เคาจะให้ไอเทมคนที่ขึ้นเวล 4 เวล 7 เวล 12 ง่า

ข้าพเจ้าผ่านพ้นเวล 4 แล้ว ด้วยความอยากได้ไอเทมเอาวะ
สมัครเพื่อเวล 7 - -"

ตอนได้เวล 6 ใหม่ข้าพเจ้าก็ได้แสดงความโง่เขลาอีกครั้ง คือ

ไม่รู้ว่าเค้ามี เซิฟ บีกิน 2 (หลอกให้เราเข้าห้องฟรีจนเวล 7 - -")

ก็ปีกกล้าขาแข็งไปห้องฟรี โอ้มายก้อด - -" ไปเล่นแล้วโดนด่าแหลก - -" (ด้วยความที่เล่นไม่เก่งแล้วชอบกระแดะเล่นทีมก็ได้เดนเยอะงิ - -")

ไปถ่วงชาวบ้าน โดนขับไล่ไสส่ง ซมซาน มาแล้วก็เพิ่งรู้ว่ามี บิกิน 2 - -" (นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ข้าพเจ้าเลิกเล่นตอนเวล 11 เพราะมันไม่มีบีกิน 3 ^^* ไม่งั้นคงติดเกมต่อไป - -")

ตอนนั้น(และจนถึงตอนนี้)ข้าพเจ้าก็ยังหวาดกลัวห้องฟรีไม่เสื่อมคลาย - -" (เสมือนหนูกลัวแมวฉันใดก็ฉันนั้น - -")


ตอนนี้เวล 7 แล้วได้ไอเทมแล้ว ย่ามใจ (ภาวะติดเกมอย่างรุนแรง)

ข้าพเจ้าเล่นเกมวันละมากกว่า 1 ชั่วโมง

ด้วยความที่ข้าพเจ้าอยู่หอ ไม่มีผู้ปกครองดูแล (ถึงแม้หอจะมีกฎปิดห้าทุ่ม - -")

ก่อนข้าพเจ้าจะไปเรียนพิเศษ หลังเลิกเรียนพิเศษ สถานที่สิงสถิตของข้าพเจ้าคือร้านเกม - -"


พอติดเกมมากๆเข้า 5 ทุ่มที่ตอนแรกจะเล่นเสร็จแล้วกลับหอ

กลายเปนไม่เปนไร ปิด 5 ทุ่มใช่มั้ย อ่ะเปิด 6 โมงครึ่ง - -"

ข้าพเจ้าก็เหมาเลยค่ะ ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า - -" (เลิกเรียนทุ่มครึ่ง - -")

เล่นเหมาอย่างนี้ จนเจ้าของร้านกับขาพเจ้าซี้กันพอควร - -"

ตอนแรกที่ไปเล่นก็กลัวๆเพราะส่วนมีแต่ผู้ชาย - -" ไม่มีผู้หญิงเลย

ถึงมีก็มาแล้วก็กลับไม่ถึกทนทานเท่าข้าพเจ้า - -" เล่นเสร็จเลิก 6 โมง เวลาเหลือ(เพราะหอยังไม่เปิด - -")

ข้าพเจ้าก็ไปปั่นจักรยานตาปรือเที่ยวตัวเมืองเชียงใหม่ - -"
(อ่านดูได้ใน อีกหัวข้อนึงอิอิ^^*)

เสร็จก็กลับมาอาบน้ำนอนตื่นเที่ยงๆ ไปเรียนบ่าย - -" (เลวจิงๆตรู - -")

ทำอย่างนี้ค่อนข้างบ่อย คราวนี้ก็มาถึงเหตุการณ์ ตังหมด ข้าพเจ้าก็หาสำนึกไม่ - -"

เล่นต่อไม่กินก็ได้วะข้งข้าวเนี่ย - -" จนวันก่อนกลับบ้าน 2-3 วัน(สงกรานต์)

เหลือเงิน 90 บาท ข้าพเจ้าเล่นเกมไป 50 บาท(เหมา) เล่นเสร็จปั่นมาตลาดประตูเชียงใหม่ซื้อกล้วยหอม 1 หวี 40 บาท กินกล้วยประทัง ชีวิต ช่วง 2-3 วันสุดท้ายก่อนกลับ

ดีที่ตอนเข้าหอแม่ซื้อนมมาให้ 3 แพคก็กินวันละกล่อง กล้วยวันละ 2 ลูก - -"

อนาถตัวเองที่ติดเกมจนไม่มีกิน

กลับไปชั่งน้ำหนักจากหลังสอบไฟนอลเสร็จ อยู่ที่ 52 โล(อย่างอ้วน - -") กลับบ้านอยู่ที่ 44-45 โล - -" เพื่อนบอกแกเหมือนซากศพชัดๆ - -"

ปัจจุบันหลังเลิกเกมเสร็จ น้ำหนักขึ้นแล้ว^^* มา 1-2 โล(กลมเหมือนเดิม - -")

สาเหตุที่เลิกเกมเพราะตั้งแต่วันที่ 21 ข้าพเจ้าต้องเรียนตั้งแต่ 7 โมงครึ่งครั้นจะโต้รุ่งเล่นเกมเสร็จกลับมาอาบน้ำไปเรียนก็คงไม่ใช่คนแล้ว - -"

อีกอย่างข้าพเจ้าอยู่ในภาวะใกล้เอน และคณะที่ข้าพเจ้าเลือกก็ใฝ่สูงมากมาย ข้าพเจ้าก็ไล่บอกทุกคนแล้วด้วยว่า "กรูจะเข้าที่นี่ - -"

และรุ่นพี่ ทั้งพี่รหัส พี่ในบอร์ดพันทิป และเพื่อนหลายคน ก็ทักท้วงว่า มรึงติดเกมเกินไปแล้ว - -" ชอบย้อนรอยกลับยุคพ่อขุนเหรอ - -" เค้าไม่เอ๊าขอร.5 กำลังดี^^*


ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเลือกวันที่ 19 เมษายนเป็นวันเลิกเล่น (ความจริงได้เวล 11 ตั้งแต่เมื่อวานแต่ยังไม่ได้บอกว่ากลุ่มเพื่อน T T)

เหมือนโดนสวรรค์กลั่นแกล้งวันที่ข้าพเจ้ากำลังจะเลิก ระบบมีปัญหา

ออดิชั่นปิดปรับปรุงแล้วเลื่อนเวลามาเรื่อยๆ จนย้ายเป็นอีกวันหนึ่ง T T

โหดร้ายยยยยย วันที่ 20 ก็เลยเล่นเพื่อไปขอหย่ากับซะมี(ที่เราอุตส่าห์ขอแต่งงานเพื่อเดน เอาไปถอยทรงผมที่อยากได้ - -")แล้วก็บอกลา - -" ตอนนี้ก็ถือว่า โอเคแล้วไม่ชักดิ้นชักงอ - -" ถ้าจะเข้าไปก็ไปบอกลาคนที่เราไม่ได้เจอแค่นั้นไม่ได้เล่น^^*




สรุป ผลของการติดเกมตลอดหนึ่งเดือน ข้าพเจ้าได้รับอะไรหลายๆอย่างมากมายดังนี้^^*

1. ได้เห็นสังคมของคนในเกมที่หลากหลาย - -"ทั้งน่ารัก และ น่าชัง - -"

2. ได้เห็นเชียงใหม่ยามค่ำคืน (ตี1 -ตี3) ว่าน่ากลัวมากมาย - -"

3. ได้เห็นเชียงใหม่ยามเช้าว่า ถึงแม้จะหน้าร้อนแต่ตอนเช้าเนี่ยอากาศเยนสบายสุดๆ^^* อยู่จังเลยจังหวัดเรา^^*

4. ได้ฝึกความอดทน ของการไม่หลับไม่นอน ว่าทรมาน - -"

5. ได้ฝึกความอดทน กับเครื่องข้างๆที่มันเล่นเคาต์เตอร์ (พิมไม่เป็น - -") แค่เสียงในเกมก็รบกวนสมาธิมากมาย มันยังแถมเสียงตัวเองประกอบ - -" แต่ทำอะไรมันไม่ได้ มันเป็นผู้ชาย(แถมมีเพื่อนเอามาอีกเกือบสิบ - -")

6. ได้อมยิ้มกับการที่เล่นเกมอยู่ แล้วเครื่องข้าง ร้องเพลงตาม (สมาธิหลุดมากมาย - -)

7. ได้ข้อความที่ติดมาจามเกมนี้เต็มๆคือคำว่า "กำ" - -"

8. ได้มิตรภาพใหม่ๆที่น่ารัก^^*

9. ได้อิทธิพลจากการเล่นเกมทำให้ตอนนี้ข้าพเจ้าเริ่มมีคำพูดคำจา แอ๊บแบ๊ว - -"

10. ทำให้รู้ว่าตั้งแต่เล่นเกมมาเราผอมลงมากมาย^^*

11. และทำให้ซูบ เหมือนคนติดยา

12. ทำให้รู้ว่ามือแข็งที่แท้จริงมันเป็นยังไง - -"

13. สุดท้าย ทำให้รู้ว่า เกมออนไลน์เหมือนยาเสพติด อย่าลองเดี๋ยวติด - -" เลิกยากพอๆกับยาด้วย T T




จบคร้าบบบบ


ปล. พิมผิดขออภัยด้วยนะคับ^^*



Create Date : 20 เมษายน 2550
Last Update : 21 เมษายน 2550 11:27:39 น.
Counter : 448 Pageviews.

4 comment
เ ก ม ส์ กั บ แ อ ด มิ ด ชั่ น - - "
ให้ตายเหอะ!!!
เหลือเวลาไม่ถึงปี ด้วยซ้ำ
ข้าพเจ้าก็ติดเกมส์
ไม่ได้จะว่าเกมส์ แต่อยากว่าตัวเองที่ไม่มีความรับผิดชอบ - -"





ก้ออ่านะ





เมื่อวาน ข้าพเจ้าเล่นเกมตั้งแต่ 5 ทุ่ม ถึง 6 โมงเช้า
แล้วทีนี้หอไม่เปิด เอาล่ะไม่มีที่นอน
ข้าพเจ้าก็เลยตัดสินใจปั่นจักรยานเล่นไปทำบุญตักบาตร - -"
ทำบุญเสร็จ เออ ไหนๆก็ปั่นมาถึงท่าแพแล้ว (หอข้าพเจ้าอยู่แถวยุพราช - -") เอาวะ ลองปั่นจักรยานรอบคูเมืองดู - -" (คิดด้วยสายตามุ่งมั่น - -")

และแล้วข้าพเจ้าก็ปั่นค่ะ ปั่นครบ สี่แจ่งเลย อยากบอกว่าอากาศตอนเช้าที่เชียงใหม่เย็นสบายมาก(ถึงแม้จะมีหมอกควันปกคลุมอยู่ก็เถอะ - -")
ได้เห็นบรรยากาศ วิถีชีวิตยากเช้าของคนเชียงใหม่ ทั้งมุมสว่างและมุมมืด - -"(อย่างมุมสว่างก็เห็นคนมีอายุมาวิ่งออกกำลังกายยามเช้า คนตื่นมาตักบาตร แม่ค้าพ่อออกมาทำมาหากิน^^* ส่วนมุมมืดก็อย่างเช่น ข้าพเจ้าที่ไม่หลับไม่นอนเพราะมัวแต่เล่นเกมจนไม่มีที่นอน มาเตร็ดเตร่รอบเมือง - -" หรือจะเป็น ผู้หญิงขายบริการเดินออกจากโรงแรมเพื่อกำลังกลับบ้านหรืออาจมานั่งกินข้าวเช้ากับฝรั่งต่อ - -")
ข้าพเจ้าก็เข้าไปปั่นจักรยานต่อในสวนบวกหาดอืมได้อารมณ์อีกแบบต่างจากที่สวนลุมตอนเช้าแฮะ
อย่างแรก อากาศที่นี่โอเคกว่าอิอิ
อย่างที่สอง เนื่องด้วยพื้นที่จำกัดก็จะมองเห็นรวมๆว่ามีเพียงกลุ่มไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่มาออกกำลังกายตอนเช้า และไม่มีวัยเด็กหรือวัยรุ่นเลยที่มาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะในตอนเช้าผิดกับที่สวนลุมที่มีบ้างประปราย(ประมาณ 20%)
หลังจากปั่นจักรยานครบรอบที่สวนบวกหาดแล้วข้าพเจ้าก็แวะซื้อกล้วยที่ตลาดประตุเชียงใหม่(รู้สึกว่าตัวเองเป็นช้าง - -")
แล้วก็กลับหอมานอน



จบ.......





ก้ออ่านะ - -"



Create Date : 31 มีนาคม 2550
Last Update : 20 เมษายน 2550 17:38:31 น.
Counter : 321 Pageviews.

2 comment
1  2  

วุ้นใสจ้า
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อืม สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดี(กับตัวเอง)ก่อนที่หลงเข้ามาดูบล๊อกของข้าพเจ้า และแสดงความเสียใจ(กับท่านที่กำลังอ่านอยู่)ที่บล๊อกไม่มีอะไรเลย - -

จบข่าว - -



ก้ออ่านะ