ชอบเที่ยว พอเที่ยวก้อถ่ายรูป พอมีรูปก้อเลยอยากอวด

Blog#004 - ลาเชียงของ ผ่านเชียงแสน สู่ดอยตุง - Day Three (first half)

วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2006

เมื่อคืน ขนาดว่านอนในบ้าน ยังหนาวจนทนม่ายไหว ต้องตื่นมากลางดึก เพื่อใส่เสื้อผ้าเพิ่มอีก แล้วก้อตื่นอีกทีตอนตีห้าครึ่ง เพื่อจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นริมโขง แต่โชคไม่ดี เมฆเยอะไปหน่อยเลยไม่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นแบบแจ่มๆ แต่แค่บรรยากาศเช้าๆ ริมโขงก้อทำให้อยากนั่งดู จนไม่อยากลุกไปไหนแล้ว แต่เพราะความหนาว (16 องศา) ทำใหนั่งอยู่กับที่นานๆ ไม่ได้


ริมน้ำโขง ตอนก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น



บรรยากาศเหงาๆ ริมน้ำโขง


ที่เชียงของเค้าทำทางเท้า ทางจักยานริมน้ำโขงไว้อย่างดีมาก เลยมีคนมาออกกำลังกายทั้งเช้าและเย็น กินบรรยากาศจนอิ่มใจ ท้องก็เริ่มหิว ต้องไปเดินเล่นต่อในตัวเวียง ในเขตเทศบาลเวียงเชียงของ ไม่ได้ใหญ่โตนัก เดินเล่นชิวๆ ก้อทั่วแล้ว (ก้อเกือบๆ 5 กิโล) หิวก้อหาซื้อของริมทางกิน กาแฟ น้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ แล้วก้อเดินต่อ กลับถึงตำมิละก้อ 7 โมงครึ่งพอดี ครัวเปิด เลยได้เวลาอาหารเช้าแบบหนักท้อง กินเสร็จก้อ อาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋า แล้วเช็คเอาท์ ทั้งหมดทั้งค่าห้อง จักรยาน อาหาร น้ำ ขนม 345 บาท อีกเช่นเคย ไม่ต้องแม้แต่จะเอ่ยปากต่อราคา พี่เค้าก้อลดให้เป็น 340 ถ้วน อย่าลืมนะคับ ใครมาเชียงของต้องตำมิละ

จากเชียงของสามารถต่อรถไปเชียงแสน รถสองแถวไปถึงแค่หาดบ้าย ต้องไปต่ออีกคันนึงเพื่อไปเชียงแสน


สภาพรถจากหาดบ้ายไปเชียงแสน


ผมไม่ได้จะแวะเที่ยวเชียงแสน แค่จะไปต่อรถเท่านั้นเองเพราะไม่อยากย้อนลงไปที่ตัวเชียงรายโดยใช้เส้นทางเดิมๆ มันน่าเบื่อ


สภาพถนนจากหาดบ้ายไปเชียงแสน



ถนนขนานไปกับแม่น้ำโขง สวยดี


พอถึงเชียงแสนก้อต้องต่อรถทันทีเลย ไม่ได้แวะถ่ายรูปอะไรเลย จริงๆก้อเสียดายนะ แต่เพราะว่าตอนปีใหม่จะต้องพาสุดที่รักมาเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ ตอนนั้นคงต้องเช่ารถ คงได้เที่ยวเยอะเลย เป้าหมายต่อไปคือดอยตุง

เราก้อเลยนั่งรถเมล์เขียวเล็กไปแม่จัน ชิวๆอีกแล้ว อากาศไม่ร้อน นั่งชมวิวเมืองโบราณๆ แบบเชียงแสน เพลินๆ ไม่ถึงชั่วโมงถึงแม่จัน แม่จันเป็นอำเภอเล็ก เสมือนเป็นอำเภอทางผ่านจากเชียงรายไปแม่สาย ในตัวเมืองจึงไม่ค่อยมีอะไร แต่ถ้าใครจะไปที่เที่ยวดังๆ อย่างดอยตุง หรือดอยแม่สลอง ก้อต้องผ่านแม่จัน จากแม่จัน นั่งรถเชียงราย-แม่สาย บอกเค้าว่าลงแยกดอยตุง พอถึงแยกดอยตุง ทีนี้ก้อขึ้นกับจำนวนคนแล้วหละ ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่ เกิน 6 คนและไม่มีรถส่วนตัว แนะนำให้เหมารถสองแถวม่วง ตรงตลาดเล็กๆจะมีรถสองแถวม่วงจอดรอเต็มเลย แต่ถ้ากลุ่มเราไม่ใหญ่พอ และไม่อยากเหมาก้อต้องรอครับ รอไปเรื่อยๆจนคนเต็มรถ แต่ต้องทนรำคาญหน่อยนะ เพราะคนขับสองแถวมันจะตื้อให้เหมา ถ้าไม่เหมามันจาไปแค่พระตำหนักกับสวนดอกไม้ แต่ถ้าเหมาก้อจะแวะได้ทุกที่ๆต้องการ ซึ่งมีเยอะ พระธาตุ พระตำหนัก สวนดอกไม้ สวนเกษตรเชียงราย กุหลาบพันปี ดอยช้างมูบ หมู่บ้านชาวเขาอีก 3-4 จุด แต่ราคาก้อตามจำนวนจุดด้วยนะ

ส่วนลุยเดี่ยวอย่างผมแล้วก้อต้องมอไซด์เลยครับ ราคาก้ออย่างที่บอกตามจุด เค้าจะให้เราเหมาเลย เค้าจะคอยเราเวลาเราแวะจุดต่างๆ สำหรับผมแล้วขอแค่ 3 จุด เพราะมันบ่ายแก่ๆแล้ว ทั้งหมด 150 (ต่อสุดๆแล้ว) เริ่มจากให้เค้่าพาไปที่จุดที่จะกางเตนท์ก่อน เพื่อเก็บเป้อันหนักอึ้ง จากการถามเค้ามาอีกทีมีจุดกางเตนท์ฟรีอยู่ที่ สภอ.แม่ฟ้าหลวง พอไปถึงแล้วชอบมากเลย เป็นสถานีตำรวจที่สวยมากๆ สารวัตรออกมาต้อนรับ ถามไถ่ด้วย ใครไม่เตนท์มา ขอแนะนำ เช่าเตนท์ของสารวัตรและพี่ๆ ตำรวจคับ เป็นการอุดหนุนคุณตำรวจด้วย 200 เอง มีหมอน ผ้านวม ผ้าในกันน้ำค้าง ฟางรองพื้น (นอนนุ่มๆ) สุดยอด แต่ผมมีเตนท์มาเอง สารวัตรแกก้อไม่ว่าอะไรนะคับ แนะนำชี้จุดกางเตนท์เสร็จสรรพ ไม่ต้องเสียตังค์ซักบาท มีห้องน้ำ น้ำอุ่น น้ำดื่ม ทีวีพร้อมยูบีซี ด้วย สุดยอดจิงๆ ฟรีตลอดรายการ เรื่องอาหารก้อจะมีร้านของชาวบ้านมาบริการ มีร้านสหกรณ์ตำรวจ เรียกว่าพร้อมจิงๆ จุดกางเตนท์ก้อไม่ใช่ขี้ๆนะคับ มีวิวที่สวยมากด้วย (สภอ. แม่ฟ้าหลวง โทร 0-5376-7109)


วิวสวยๆ ที่สภอ. แม่ฟ้าหลวง



ลูกๆ ตำรวจแถวนั้นคับ ออกมาต้อนรับ



ศาลาพระพุทธรูปประจำสภอ. ครับ




video แนะนำ สภอ. แม่ฟ้าหลวง




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2549   
Last Update : 20 ธันวาคม 2549 21:38:07 น.   
Counter : 1539 Pageviews.  

Blog#003 - เชียงของ เมืองเงียบๆ แต่มีเสน่ห์ - Day Two (second half)

วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2006

รถตู้เจ้าเดิมจะขึ้นมาส่งคนรอบแรกตอน 9 โมงครึ่ง เค้าจะรับคนกลับไปส่งถึงเชียงราย แต่เราตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะไปเชียงของต่อ ก้อเลยขอลงที่ อ. เทิง ขี้เกียจย้อนไปมา ถึงเทิง 11 โมงนิดๆ ปรากฎว่า รถเชียงของมันเพิ่งผ่านไป ลุงขับมอไซด์รับจ้างบอกว่ากว่าจะมาก้อคงเที่ยงนู่นเลย รถหวานเย็นวิ่งชั่วโมงละคัน เลยต้องหาข้าวกิน แล้วรถก้อมา เป็นรถเมล์แดง รถพัดลม สภาพเก่าๆ ขับหวานเย็นมาก ก้อชิวๆ เพราะอากาศมันดีไม่ร้อน คนก้อไม่เยอะ นั่งดูชีวิตคนสองฝั่งถนนไปเรื่อยๆ หลับบ้าง ตื่นบ้าง ก้อมาถึงเชียงของ บ่าย 2 โมง ที่นี่ไม่มีบขส. รถแดงจอดตรงกาดแลง (ตลาดเย็น) ก้อเลยต้องเรียกสามล้อเครื่องไป บ้านตำมิละ

(ตำมิละ เป็นชื่อชนเผ่าดั้งเดิม ในแถบลุ่มน้ำโขง และในรัฐฉานตอนใต้ เช่น เชียงตุง ชื่อชนเผ่า ตำมิละ ปรากฎในเอกสารโบราณ ปัจจุบันก้อคือ ชนเผ่าลัวะ หรือละ หรือละว้า หรือว้า ปัจจุบันอาจจะมีชนเผ่าตำมิละ ในกลุ่มชนชาติขะแม หรือ ขอม )



video แนะนำ บ้านตำมิละ


พอไปถึงที่พัก ก้อรู้สึกชอบเลย เพราะแรกเจอเจ้าของเกสต์เฮาส์ ดูใจดีมาก อัธยาศัยดีมากๆ เป็นกันเองสุดๆ พาเดินดูห้องราคาต่างๆ เราก้อเลยบอกเอาถูกสุด 250 หนะครับ โดยที่ไม่ได้ต่อซักคำ พี่เค้าก้อลดให้ บอกว่า มาคนเดียว พี่คิด 200 ละกัน เราก้อยิ่งชอบเลย มีน้ำอุ่น เตียงก้อใหญ่ พอแกบอกวิธีหาของกิน ยิ่งชอบ แกบอกว่าพี่เดินไปเดินมานะ (มีร้านกาแฟอยู่ที่ริมน้ำข้างล่างนู่น) จะกินอะไรก้อหยิบเองในตู้เย็น และตู้ขนมปัง ของราคาปกติ ไม่ได้ชาร์จเลย หยิบเสร็จ ก้อไปจดลงสมุดของห้องพักเราไว้ ตอนเช็คเอาท์ ค่อยเคลียร์ ใช้ระบบเชื่อใจกันสุดฤทธิ์ เพราะหยิบเองได้ตลอดเลย เก็บของเสร็จ ก้อมาขอเช่าเสือภูเขาไปปั่นเล่นรอบเมือง เต็มวันคิด 150 บาท ครึ่งวันคิด 100 เอาออกไปปั่นชมวิว 2 ชั่วโมง ปั่นไปกินไป ก้อ 5 โมงเย็น พอเอารถมาคืน พี่เค้าบอกว่าแค่สองชั่งโมง พี่คิด 50 ละกัน งงเลย ยังไม่ได้ต่อซักคำ


ฝั่งตรงข้ามบ้านตำมิละ เมืองท่าทราย ประเทศลาว


ในตัวเชียงของ ไม่มีอะไรมากมาย ฝรั่งที่มาส่วนใหญ่ก้อมาเพื่อเตรียมข้ามไปหลวงพระบาง แต่ที่นี่ก้อมีวัดให้ดูเล่น ถ่ายรูปเล่นชิวๆ มีที่ปั่นจักรยานริมน้ำโขงอีก น่าอยู่มากๆ สรุปว่าชอบเชียงของ และที่สำคัญ ชอบ ตำมิละ มากๆ เลยด้วย ใครมาเที่ยวเชียงของ อย่าลืมนะครับ บ้านตำมิละ ถ้าจะไปลาวก้อมาขอข้อมูลกับพี่ผู้ชายเจ้าของร้านได้ แกรู้เยอะมาก แล้วยังเป็นสมาชิกชมรมเสือภูเขาอีกต่างหาก (ตำมิละ โทร 0-5379-1234)


วัดหลวง เมืองเชียงของ



วัดหลวง เมืองเชียงของ



วัดศรีดอนชัย เมืองเชียงของ



พาโน ริมน้ำโขง


ตอนแวะไปหาข้อมูลที่เที่ยวที่ต่อไป ในร้าน net แถวๆที่พัก พี่ที่ร้าน net ก้อเล่าเรื่องแปลกๆให้ฟัง เค้าบอกว่าเมื่อคืนนี้ เค้านั่งดูลูกค้าเล่น net อยู่ ก้อได้ยินเสียงจิ้งจกร้องทักกัน เหมือนมันจะคุยกัน เค้าก้อนั่งจ้องอยู่นาน ซักพักจิ้งจกตัวผู้ ก้อออกไปจับแมลงที่หลอดไฟหน้าร้าน แล้วเดินหายไปเลย จิ้งจกตัวเมียเฝ้ารอยู่นาน ก้อไม่เห็นหน้าสามีกลับมา มันก้อเลยคิดฆ่าตัวตาย สภาพเลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น


จิ้งจกฆ่าตัวตายประชดชีวิต




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2549   
Last Update : 11 ธันวาคม 2549 13:18:38 น.   
Counter : 1154 Pageviews.  

Blog#002 - ทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้า - Day Two (first half)

วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2006

ตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าซักแห้งแน่่ๆ ใครจะไปอาบน้ำตอนตีสี่ น้ำอุ่นก้อม่ายมี แต่งตัวเสร็จก้อได้เวลาใช้บริการไอ้น้องมอไซด์กะเหรี่ยงอีกแล้ว มันคิด 40 บาทไป-กลับ ในการขึ้นไปถึงจุดชมทะเลหมอก ระยะทาง 1.8 กิโล (แม้ว) สุดๆเลย นั่งมอไซด์ขึ้นดอยตอนตีห้า ไปถึงที่ หน้าชาไร้ซึ่งความรู้สึก (เจ้าหน้าที่บอกวัดอุณหภูมิได้ 12 องศา) แล้วก้อต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปอีก นิดหน่อยพอเหงื่ออก หายหนาว ขึ้นไปเป็นคนที่ 2 ของดอยเลย เลยได้มุมถ่ายรูปที่ดีมาก


ทะเลหมอก ตอนก่อนพระอาทิตย์จะโผล่


แต่กว่าพระอาทิตย์จะโผล่มาให้ถ่าย ต้องนั่งสั่นด้วยความหนาวอยู่นานเลย


และแล้วเค้าก้อโผล่มา


คุยกับคนแถวนั้นเพลินเลย คนเยอะมากๆ ขนาดไม่ใช่วันหยุด ถ่ายรูปอยู่นาน


ภูเขาข้างเคียง


แล้วก้อต้องลงเพราะคนเค้าลงกันหมดแล้ว


ระหว่างทางเดินลง



คนกำลังเดินทางกลับ



มุมนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของภูชี้ฟ้า


ลงมาถึง อ้าวไอ้น้องกะเหรี่ยงหายคับท่าน เราก้อตกใจสิ แต่ยังมีรถเหลืออีก สามสี่คัน กะว่าจะขอติดรถเค้าลงไป พอดีไอ้น้องกะเหรี่ยงมันก้อบรึ้นมาแต่ไกลเลย เพะเพะ โผะมาและ โผม่่ะเหเพะโลมาซะที ผมก้อเลระโคะอื่อไปก่อ โสสาค้า ไม่มีโระมา โถพ่อคนใจบุญ ได้ไปเพียบเลยสิท่า วิ่งขึ้นวิ่งลงซะหลายรอบ

เสร็จแล้วก้อล้างหน้าล้างตา เก็บเต็นท์ลงไปรอรถตู้ ซึ่งก้อต้องเป็นไอ้น้องคนเดิม จริงๆมีหลายคนนะ แต่เราใช้แต่ไอ้คนนี้จนซี้กับมันแล้ว เลยเรียกใช้อีกเป็นครั้งสุดท้าย มันร่ำลาและขอบคุณใหญ่เลย คิดๆไป มันก้อได้จากเราไปเกือบ สองร้อยเลยนะนั่น คิดจะต่อราคามันเหมือนกันนะ แต่พอคิดอีกที ปั๊มน้ำมันแถวนั้นก้อไม่มี มันต้องเติมปั๊มหลอด คงหลายตังค์อยู่ อีกอย่างมันก้อเป็นการกระจายรายได้สู่รากหญ้า อย่าคิดมากเลย เค้าก้อต้องหากินเลี้ยงปากท้อง เงินสองร้อยสำหรับเรากับเค้า ค่ามันต่างกันลิบลับ


video ทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2549   
Last Update : 11 ธันวาคม 2549 13:17:26 น.   
Counter : 868 Pageviews.  

Blog#001 - ภูชี้ฟ้า - Day One

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2006

เวลาตี่สี่อันเงียบสงัด สะพายเป้ใบยักษ์ (แอบไปชั่งน้ำหนักดู ตั้ง 10 กิโลแหนะ) เดินออกไปหน้าหมู่บ้าน เพื่อเรียกแทกซี่ไปหน้าเมเจอร์รังสิต ในใจกังวลตลอดว่ากูต้องลืมอะไรซักอย่างแน่ๆ แต่นึกม่ายออก ต่อรถเมล์สาย 555 โดยไม่มีเวลาพักหายใจ ขึ้นรถปุ๊บเจอแอร์เย็นเฉียบ นึกได้ทันที กูลืมเสื้อกันหนาวนี่หว่า ซวยหละสิ ไปเชียงราย ขึ้นดอย ไม่มีเสื้อกันหนาว คิดได้งัยเนี่ย ตัดสินใจไปซื้อเอาใหม่ที่นู่นละกัน มีเวลานึกโปรแกรมว่าจะเริ่มที่ไหนดีอยู่ซักพักนึง อาการง่วงก้อออกฤทธิ์ทันที เวลายังไม่ทันตีห้าก้อมีเสียงจากพี่กระเป๋าอยู่ข้างๆหูว่า น้องๆ ไม่ลงเหรอ เดี๋ยวตกเครื่องนะ รีบลงจากรถเพื่อต่อ Shuttle Bus ทันที พอเข้าไปที่ Terminal เจอคิวเช็คอินแอร์เอเชียร์เข้าไปถึงกับอึ้ง คิวยาวมากกกกก คนมันจะไปทำไมกันเนี่ย เชียงรายเนี่ย กว่าจะเช็คอินเสร็จ ก้อต้องขึ้นเครื่องเลยทันที ออกจากกรุงเทพฯ 6.40AM ถึงเชียงราย 8:05AM วูบแรกลงจากเครื่อง เย็นๆแฮะ เจ้าหน้าที่บอกว่า 19 องศา ฮือ คิดถึงเสื้อกันหนาวแล้วสิ ที่สนามบินเชียงราย ไม่มีรถประจำทาง แล้วก้ออยู่ห่างตัวเมืองเยอะมาก ก้อเลยต้องเรียกแทกซี่สนามบิน เพื่อไปบขส โดนไป 200 แหนะ ที่นี่ไม่มีมิเตอร์นะ แต่มันก้อไกลจริงๆแหละ ถึงบขส ตอน 9 โมงเช้า ไม่ทันรถตู้ขึ้นภูชี้ฟ้าแล้ว ตกลงจะไป ภูชี้ฟ้า เป็นที่หมายแรก

ถ้าจะรอก้อเป็นเที่ยวต่อไป บ่ายโมง (รถตู้มีแค่ 2 รอบนะคับ 7 โมงเช้ากะบ่ายโมง) ถ้าไม่รอต้องนั่งรถเมล์ไปอำเภอเทิงแล้วค่อยไปต่อรถ แต่ม่ายเอาหรอก รถเมล์มันหวานเย็น สรุปก้อต้องรอรถตู้ แล้วจะทำไรดีเนี่ย อีก 4 ชม. เลยตัดสินใจเดินเที่ยวรอบๆ เวียงดีกว่า เดินไกลมากๆ เดินจนหลงเลยหาทางกลับไม่ถูก ต้องถามคนแถวนั้น แวะกินโจ๊กมื้อแรก พร้อมกันนั้นก้อปล่อยของฝากจากกรุงเทพฯ ไว้ที่ร้านโจ๊กด้วย เฮ้อ โล่ง เดินต่อได้ และแล้ว ก้อต้องไม่ลืมหาซื้อเสื้อกันหนาว เน้นหนาๆ ถูกๆ สวยไม่สวยไม่สนแล้ว คราวหน้าจะไม่ลืมอีกแล้วคร๊าบบบ..

เดินจนถึงเที่ยง สำรวจที่พักนู่นนี่ มีอพาร์ตเมนต์ให้เช่ารายวันตรึมเลย ไม่เห็นต้องนอนโรงแรมเลย เดินไปเดินมาเจอ โรงแรมเวียงอินทร์ เลยเดินเข้าไปเช็คราคา



โอ้โห แพงหวะ ต่ำสุด พันนึงแหนะ เลยขอส่วนลดเค้าด้วยการโชว์บัตรประชาชน อวดนามสกุล เวียงอินทร์ ซะเลย พนักงานตอบกลับทันควันว่า มันเป็นแค่ชื่อโรงแรมเจ้า เจ้าของไม่ได้ใช้นามสกุลนี้เจ้า ยินดีที่มีคนนามสกุลเวียงอินทร์มาพัก แต่คงให้ส่วนลดไม่ได้เจ้า แป่ว !!! จ๋อย !!!

บ่ายโมงครึ่งออกจากบขส. เชียงรายด้วยรถตู้ของบริษัทสหกิจ 120 บาท (0-5374-2429-31) บ่ายสามนิดๆ ก้อถึงที่หมาย ภูชี้ฟ้า จากจุดบริการถึงลานกางเตนท์ ไม่มีรถผ่าน ถ้าขี้เกียจเดินก้อต้องมอไซด์กะเหรี่ยง (ยี่สิบ่า) พอไปถึงจุดกางเตนท์ อ้าวมันไม่มีอะไรขายเลยนี่หว่า เป็นลานโล่งๆ แล้วก้อห้องน้ำ 4 ห้อง


รูปวิวจากบริเวณจุดกางเต็นท์


ซวยหละสิ ข้าวก้อยังไม่ได้กิน ไอ้เจ้ากะเหรี่ยงตัวดีก้อเสนอตัวทันที โผเจาะโระแถนี้แหละเพ่ เรียะช้าด้า ไปกละคิสี่สิบ ก้อโอเคนะ เพราะมันต้องใช้มอไซด์วิ่งขึ้นลง ตอนขาขึ้นนี่สุดๆ เร่งแล้วเร่งอีก แต่คนพวกนี้เค้าซื่อดีนะ ฝากเค้าซื้อของหลายอย่างในทีเดียว จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถบ่อย มันก้อคำนวนผิดๆ ถูกๆ แล้วบอกเราว่า เพ่บัวะด้าท่าหร่า โผก้อคิท่านะแหละ คือมันคำนวนไม่เป็น แต่เราก้อไม่ถึงกับเลวไปโกงเค้าหรอก เอาเป็นว่าถ้าใครมาที่นี่ก้ออย่างกนักนะ ไม่ต้องซื้ออะไรเตรียมมาเยอะนัก ใช้บริการคนพวกนี้บ้าง กระจายรายได้สู่รากหญ้า ฝากเค้าซื้อข้าว น้ำเปล่า โค๊ก แล้วก้อ ฟืน พอเห็นเด็กกะเหรี่ยงมายืนทำตาแป๋ว แก้มเลอะเทอะดิน ก้ออดสงสารไม่ได้ ก้อเลยยอมสละโค๊กที่อุตส่าห์ฝากซื้อมา ให้เด็กไป แปลกนะไม่ได้กินเอง แต่รู้สึกชื่นใจเหมือนได้กินเอง ตอนดูหน้าเด็กเค้ากินโค้กแล้ว เค้าตัวสั่นด้วยความเย็นและซ่า ช่างน่ารักจริงๆ วันนี้สุขใจแล้วหละ

หลังจากฝากกะเหรี่ยงซื้อฟืน แต่ปรากฏว่าผมสอบตกวิชาลูกเสือ จุดไฟไม่ติด ก้อเลยต้องพึ่งน้องกะเหรี่ยงอีกแล้ว เค้าก้อมาจุดให้อย่างชำนาญ แล้วเค้าก้อมาชวนเราคุยเพราะเห็นว่าเรามาคนเดียว ยืนอยู่นาน จนเราซึ่งติดธรรมเนียมฝรั่งมา นึกว่าเค้ายืนรอทิป หยิบเงินให้เค้าไปยี่สิบ เค้าหน้าเสียเลย บอกว่า โผม่าอาเหราะคับ จุฟาแค่เน๊ะเอ เพ่ซือะขอผมตะเยอะและ รู้สึกแย่เลยเรา ที่แปลเจตนาเค้าผิดไป เค้ายืนอยู่คุยเป็นเพื่อน ไม่ได้รอทิปซะหน่อย


รีบอาบน้ำตั้งแต่เย็นๆ แต่น้ำก้อยังหนาวจับขั้วหัวใจ


รูปพระอาทิตย์ตกบริเวณจุดกางเต็นท์


กว่าจะได้หลับได้นอน ปาเข้าไป สี่ทุ่มกว่าตอนแรกกะว่าจะรีบนอนเพราะไม่มีอะไรทำ แต่ดันมีใครก้อม่ายรู้มาเปิดเทค กินเหล้ากันเสียงดังสุดๆ นอนฟังมันจนหลับไปเอง ตื่นมากลางดึกเพราะหนาวจนทนม่ายไหว ต้อง รื้อเสื้อมาใส่อีก 2 ชั้น เฮื้อ อยู่บ้านดีๆไม่ชอบ อิอิ


video บริเวณจุดกางเต็นท์





 

Create Date : 06 ธันวาคม 2549   
Last Update : 11 ธันวาคม 2549 13:10:17 น.   
Counter : 702 Pageviews.  

Blog#000 - แบกเป้เที่ยวเหนือคนเดียว - ก่อนออกสตาร์ท

หลังจากไม่ได้เที่ยวมานาน เพราะเหตุผลหลากหลายประการ ทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียน ก้อเลยเกิดอาการกระสัน อยากเที่ยวขึ้นมาจับใจ check วันลาพักร้อนแล้วเหลือบานเลย กำลังจะโดนตัดทิ้ง สิ้นปีนี้ด้วย เลยได้โอกาสเลย
ลามันรวดเดียว 11 วันเลย บวกเสาร์ อาทิตย์กะวันหยุดนขัตฤกษ์เข้าไปอีก ก้อ 2 อาทิตย์กว่าๆ

ปัญหาเลยเริ่มต้นขึ้น
1 จะไปไหนดี - ได้คำตอบเลยทันที ว่าจะไปเหนือ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน อะไรทำนองนั้น
2 จะไปเมื่อไหร่ดี - ได้โปรโมชั่น AirAsia วันที่ 23 พฤศจิ ก้อนับไปเลยอีก 11 วัน
3 ใครจะไปกะกูหละเนี่ย - คำตอบที่ได้รับจากเพื่อนๆคือ "มึงจะบ้า เหรอ !!! ใครจะไปลายาวขนาดนั้นได้"


สรุป

ไปคนเดียวคับ แบกเป้หนึ่งใบเอาของไปพอใช้ มีถุงนอนและเต็นท์เล็กๆ 1 หลัง เริ่มต้นที่เชียงราย เพราะได้ตั๋วเครื่องบินไปลงเชียงราย ที่เหลือช่างมัน เอาไว้ไปคิดต่อทีหลัง




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2549   
Last Update : 20 ธันวาคม 2549 20:06:02 น.   
Counter : 679 Pageviews.  

1  2  3  

CoolAdrenaline
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก้อแค่คนชอบเที่ยวหนะคับ พอเที่ยวก้อเลยถ่ายรูปมา กล้องก้อกิ๊กก๊อก ไม่ได้อะไรมาก รูปก้อเลยชิวๆ ไม่ได้เป็นตากล้องนี่นา แค่อยากแชร์ข้อมูลการท่องเที่ยวของตัวเองคับ ใครชอบที่ไหน อยากไปบ้าง ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคับ ยินดีอย่างยิ่ง
[Add CoolAdrenaline's blog to your web]